xs
xsm
sm
md
lg

ข่มขืน-ไถเงิน-ใช้กำลัง “Take Me Out” ช่วย “หาคู่” หรือ “หาเหยื่อ”!!?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


โกหกทั้งเพ!! โลกออนไลน์แฉประวัติจริงของ “อาร์ท” ผู้สมัครเพื่อเข้ามาฉกสาวๆ จากรายการ “Take Me Out Thailand” กลับบ้านไปว่า ไม่ได้มีภูมิหลังสวยหรู-คูลๆ อย่างหน้าจอนำเสนอออกไป แต่กลับกลายเป็น “ตัวอันตราย” ที่สาวๆ ควรระวัง!!

สังคมรุมตั้งข้อสงสัยต่อตัวรายการ เค้นถามว่ามีความรับผิดชอบเรื่องการสกรีนคนแค่ไหน ให้มาเล่นเกมหาคู่ แล้วปล่อยให้ออกเดตกันไป กว่าเทปที่อัดไว้จะได้ออกอากาศ น้องผู้หญิงคนที่ถูกเลือกคนนั้น ก็กลายเป็น “เหยื่อ” อีกรายเรียบร้อยแล้ว!!




ลวงโลกสารพัด! ไม่อยากให้ใครตกเป็นเหยื่ออีก!!

อุปโลกน์ตัวเองว่าเป็น “ดีเจ” ได้เซ็นสัญญากับค่ายเพลงเกาหลี ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วเพียงแค่เคยขอเปิดแผ่นในผับครั้งเดียวเท่านั้น ไหนจะชอบเช็กอิน GMM GRAMMY ทุกวัน เพื่อใช้เอาไปแอบอ้างว่าทำงานเป็นโปรดิวเซอร์ให้ศิลปินชื่อดังหลายๆ คน

ส่วนรถซิ่ง Rx-8 คันเขียว ที่ถูกเรียกว่า “น้องมะนาว” คันเดียวกับที่เอาไปขับโชว์ในรายการ แล้วบอกว่ารักรถนักหนา นั่นก็ได้มาจากเงินสดของผู้หญิงที่ถูกเขาใช้กำลังข่มขืนจนท้อง แถมยังโดนแบล็กเมล์ด้วยการถ่ายคลิปเอาไว้ เพื่อใช้ไถเงินเป็นหลักล้านในภายหลังอีกต่างหาก!!

สารพัดเบื้องหลังลวงโลกของ “อาร์ท” ผู้ร่วมรายการ “Take Me Out Thailand” ซึ่งถูกผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “Rungroj Rjay Prampipat” แฉเรื่องราวเละๆ ทั้งหมดเอาไว้ยาวเป็นหางว่าว โดยอ้างว่าเป็น “พี่ชาย” ของผู้หญิงคนที่ตกเป็น “เหยื่อข่มขืน” รายนี้

[ผู้อ้างตัวว่าเป็น "อดีตแฟน" ที่ถูกลงไม้ลงมือ]

ถึงแม้ว่าเจ้าของโพสต์จะเบลอหน้าไม่ให้รู้ว่าเป็นผู้เข้าร่วมรายการคนไหน แต่ “โจทย์เก่า” รวมทั้ง “เพจสายดาร์ก” ก็ร่วมกันขุดไม่ยั้ง จนได้คำตอบออกมาว่า ผู้ที่ถูกกล่าวถึงรายนี้ น่าจะเป็น “อาร์ท-อิธีวัฒน์ วรวัฒน์วิจิตร” ที่เพิ่งมีเทปออกอากาศในรายการ ไปเมื่อวันที่ 22 และ 29 เม.ย.ที่ผ่านมานี่เอง

นอกจากนี้ เจ้าของโพสต์รายเดิมยังขุดมาขยี้เพิ่มอีกด้วยว่า ก่อนหน้าที่ผู้ชายคนนี้ จะคบกับน้องสาวของตน เขาเคยกระทืบหญิงสาวคนหนึ่งเอาไว้ และขู่ว่าจะปล่อยคลิปที่แอบถ่ายเอาไว้ ซึ่งตนได้อัดคลิปเสียงการข่มขู่ครั้งนั้นเอาไว้เป็นหลักฐานด้วย

นี่ยังไม่รวมรายละเอียดส่วนตัวว่า แท้จริงผู้ชายอันตรายรายนี้ มีลูกสาวคนโตวัยเกือบ 10 ขวบอยู่ 1 คน และลูกชายคนเล็กวัยใกล้ 1 ขวบอีกคนอยู่แล้ว แต่ไม่เคยเลี้ยงดูเอง ปล่อยให้พ่อแม่เลี้ยง แลกกับค่าตอบแทนเดือนละ 2,000 บาท ส่วนตัวเองก็มีหน้าที่เกาะผู้หญิงกินไปวันๆ แถมยังมีหน้ามาออกรายการสละโสด ประกาศหาคู่แบบนี้ได้อย่างไม่รู้สึกสะทกสะท้านอะไรเลย

“คือเข้าไปอ่านแล้ว ขยะแขยงแม่งหนักมากที่มันกล้าพูดแบบนั้น คนอย่างมึงนี่มัน...เกินจะบรรยายจริงๆ ว่ะ #เรื่องแม่งมีอีกเยอะ #ประกาศให้โลกรู้ #แชร์วนไปนะไม่อยากให้ใครตกเป็นเหยื่อแม่งอีก

และเพื่อให้เห็นกันจะจะว่าไม่ได้มีแค่ “ถ้อยคำใส่ความ” ทางแฟนเพจสายดาร์กอย่าง "โคตรห้าวv3" ก็ปฏิบัติการสืบเรื่องนี้ต่ออย่างจริงจัง กระทั่งมีเหยื่อรายหนึ่งส่งข้อมูลให้มา เล่าว่าเป็นหญิงสาวที่เคยคบกันตั้งแต่สมัยเรียน รู้จักกันจากเกมปังยา (Panya) คบกันตั้งแต่สมัยฝ่ายชายยังดัดผมฟูๆ จนรู้ว่าอีกฝ่ายมีภรรยาแล้วจึงแยกย้ายกันไป ทุกวันนี้ยังรู้สึกแค้นไม่หาย รู้นิสัยมานานว่าเป็นพวกชอบเกาะผู้หญิงกิน

[ภาพในอดีต สมัยยังไว้ผมฟู]

“จำได้ว่ามันจะชอบนัดเจอหญิง ถ้าผู้หญิงคนไหนโอเค ดูมีตังค์ให้มันหลอกได้ มีห้องให้มันซุกหัว มันก็จะคบเขา มันเคยพยายามมอมเพื่อนเรา จะเอาเขาทำเมีย แต่เขาไม่เล่นด้วย เพราะมันหลอกแดกเขา เราหมดกะมันไม่เยอะหรอกค่ะ ไม่กี่หมื่น แต่แค้นมัน นี่ก็ตามแอดมันนะ ไว้ดูชีวิตมัน ชีวิตดี๊ดีเหลือเกิน”

นอกจากนี้ ยังมี “โจทย์เก่า” ส่งข้อมูลเพิ่มเติมมาทางหลังไมค์ ซึ่งเป็นรูปเนื้อตัวเขียวช้ำของผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งไม่ประสงค์จะออกนาม แต่ให้รายละเอียดเอาไว้ว่า คือผู้หญิงที่เคยถูกซ้อมเพราะคบกับผู้ชายคนนี้ และนี่คือคำบรรยายที่ทางเพจสายดาร์กเพจเดิม แฉทิ้งเอาไว้

Take Me Out Thailand ก่อนจะเอาคนไปออกรายการ ช่วยสแกนคนให้มันดีๆ หน่อย ไม่ใช่อะไรหรอก สงสารผู้หญิงที่ได้มันไป มีแฟนกี่คนๆ ก็ซ้อมเขาหมด ได้ผู้หญิงกี่คนๆ ก็ใช้แต่แรง เพื่อจะเอาเขา นี่คือแฟนเก่าอีกคนที่โดนมันซ้อม ถ้าคิดว่าไม่ได้ทำ ก็เข้ามาคุยได้เลย”



บทเรียนครั้งใหญ่! โปรด “หาคู่” อย่า “หาเหยื่อ”

“ไม่ค่อยเข้าใจรายการนี้สักเท่าไหร่ ว่าทำไมไม่เลือก ไม่คัดประวัติจริงๆ ของแขกรับเชิญ โดยเฉพาะผู้ชายให้ดีกว่านี้”

“เช็กประวัติคนออกรายการบ้างไหมครับ เผื่อน้องผู้หญิงตกเป็นเหยื่อความรุนแรงอีก รายการรับผิดชอบอะไรบ้างหรือเปล่าเอ่ย ถ้าเกิดเรื่องไม่ดีกับคุณผู้หญิงที่มาร่วมเกมแข่ง ขอฝาก!!!

“น่าจะยอมจ่ายเงินให้ผู้ทำรายการมากกว่า เพื่อเพิ่มมูลค่าให้ตัวเอง จะได้เป็นช่องทางทำชั่วต่อไป

“รายการไร้สาระมากครับ สิ่งที่ได้จากรายการนี้คือ คนที่ออกเดตกันเกือบ 90% ชอบที่หน้าตาเป็นหลัก คำถาม 3 ข้อ เอามาประกอบไปอย่างนั้นเอง คนจะคบกัน แค่คำถาม 3 ข้อ ก็ตกลงไปเดตกันแล้วเหรอ ไปเดทกัน ผู้หญิงก็มีโอกาสเสียตัวอีก แล้วพอคบกันไป นิสัยจริงๆ โผล่ออกมาก็เลิกกัน ตรรกะมันผิดตั้งแต่คนที่คิดรูปแบบรายการนี้แล้ว”

“หลายคนลงความเห็นว่า ไม่ควรเอาคนแบบนี้มาออกรายการให้สาวๆ เลือก ผมกลับมองเห็นตรงกันข้าม เป็นการสอนผู้หญิงในชีวิตจริงว่า การที่คุณจะคบใครสักคน มันมีโอกาสอย่างมากที่จะเจอผู้ชายแบบนึ้ในชีวิตจริง ที่คราบภายนอกดูดี หล่อ มากความสามารถ แต่ลึกๆ แล้วอาจจะแสนเลว

เพราะหน้ากากที่ใส่มันทำให้คนหลงใหล มองไม่เห็นความจริงภายใต้หน้ากากเหล่านั้น และสุดท้ายก็จะเป็นเหยื่ออันโอชะสำหรับคนไม่ดี อย่าคิดว่าคน profile ดีจะเป็นเจ้าชายในฝันเลยครับ... ชีวิตจริงมันยิ่งกว่าในรายการเสียอีก (ผมเคยดูรายการนี้แบบผ่าน ๆ รู้ว่าเป็นรายการจับคู่ที่ไร้ซึ่งสาระด้วยประการทั้งปวง)”

“ดูเป็นเรื่องความบันเทิงมากกว่า คลายเครียด ไม่เคยคิดจะเอาความจริงใดๆ เลยจากรายการเกมโชว์เช่นนี้ ฉะนั้น มันจึงเป็นเรื่องที่ผู้เข้าแข่งขันต้องใช้วิจารณญาณเอาเองว่า จะเลือกผู้ชายคนไหน ไม่ใช่เรื่องของคนดู

แต่กรณีเช่นนี้ เชื่อว่าคณะผู้จัดรายการทราบและรู้ข้อมูลเป็นอย่างดีแต่แกล้งโง่ ทำเป็นไม่รู้ และรายการเช่นนี้ก็เป็นการบันทึกเทป ไม่ใช่รายการสด ไม่รู้ว่าบันทึกเทปเมื่อไหร่ด้วย และกว่าข่าวนี้จะออกมาเผยแพร่ ป่านนี้ คนที่เลือกไปวันนั้น ก็กลายเป็นเหยื่ออีกรายไปเรียบร้อยแล้ว


นานาทัศนะข้างต้นทั้งหมดนี้ คือส่วนหนึ่งของความคิดเห็นของผู้คนในสังคม หลังได้ทราบความลวงโลกที่เกิดขึ้นกับผู้เข้าร่วมรายการ “Take Me Out Thailand” ถ้าลองมองในมุมของผู้ผลิต ก็จะได้บทเรียนอีกมุมหนึ่ง โดยเฉพาะเรื่องของการคัดเลือกคนเข้าร่วมรายการ ซึ่งน่าจะเป็นช่องโหว่ช่องสำคัญสำหรับกรณีนี้ ในฐานะโปรดิวเซอร์รายการทีวีคนหนึ่ง “ธันย์ชนก ศิลปเสวตร์” จึงช่วยวิเคราะห์จากกรณีเดือดกรณีนี้ให้ ตามคำขอของทีมข่าวผู้จัดการ Live

“ปกติแล้ว ถ้าเป็นรายการที่ต้องเชิญคนทางบ้านมาเป็นแขกรับเชิญ เราจะใช้วิธีคัดกรองคนกันอย่างจริงจังมาก คือจะมีทีมครีเอทีฟที่ต้องรับหน้าที่นี้ไป ต้องคุยกับคนคนนั้นกันแบบลงลึกรายละเอียด บางทีนัดเจอตัวกัน นั่งคุยกันเป็นวันๆ หรือบางคนก็คุยกันผ่านทางโทรศัทพ์ แต่ระหว่างที่รับข้อมูลมา เราก็ต้องเผื่อใจเอาไว้ก่อนว่า ข้อมูลที่ได้จากปากเขาต้องไม่ใช่ความจริงทั้งหมด 100 เปอร์เซ็นต์

เพื่อความน่าเชื่อถือ เราก็ต้องหาข้อมูลกันต่อ บางทีเช็กต่อกับเพื่อนของเขาเท่านั้นก็ไม่พอ เพราะเพื่อนเขาเองก็ยังเชื่อไม่ได้ เดี๋ยวนี้เรื่องออนไลน์ก็ช่วยได้มากค่ะ เช่น ให้เขาคุยวิดีโอคอลให้เห็นในระหว่างที่ทำงาน หรือในตอนที่อยู่ที่บ้าน ก็เป็นการช่วยเช็กเรื่องที่เขาพูดมาได้ในระดับหนึ่ง หรืออย่างบางคนที่เราสงสัยจริงๆ ก็จะมีการลงพื้นที่ไปลองเช็กที่บ้านกันจริงๆ เลยว่าเป็นยังไง

ถ้าให้พูดถึงกรณีนี้ ที่เขาอ้างกับคนอื่นๆ ว่าเป็นดีเจ ทำงานอยู่ในเครือแกรมมี่ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่ ถ้าเป็นการทำงานที่ดีก็ควรจะต้องมีการโทร.ไปสอบถามข้อมูลกับทางแกรมมี่อีกครั้งว่า เป็นอย่างที่เขากล่าวอ้างหรือเปล่า เขาได้ทำงานที่นั่นจริงๆ หรือเปล่า

[ผลการตรวจสอบ ไม่พบ "โปรดิวเซอร์อาร์ท" ทำงานที่ตึกแกรมมี่]

ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นกับรายการ Take Me Out Thailand ครั้งนี้ คิดว่าทางทีมงานเขาก็คงพยายามที่สุดแล้ว เพียงแต่อาจจะมองข้ามบางจุดไป ส่วนเรื่องคนดูรายการแนวนี้ คิดว่าเขาดูเพื่อความบันเทิงอยู่แล้ว เลยคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร


โดยส่วนตัวแล้ว เชื่อว่าคนที่ทำงานตรงนี้ ไม่มีใครหรอกค่ะที่อยากทำผิดพลาด แต่บางกรณีอาจจะคาดไม่ถึงจริงๆ เพราะรายการเขาก็ทำมาหลายปี น่าจะมีครั้งนี้ที่มาเจอเรื่องแบบนี้ ก็ถือเป็นบทเรียนครั้งสำคัญที่จะต้องดูเรื่องการสแกนคนที่เข้ามาร่วมรายการให้มากขึ้น

ข่าวโดย ผู้จัดการ Live












มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram

"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!


และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754



กำลังโหลดความคิดเห็น