เรื่องเก่ายังไม่ทันจางเรื่องใหม่งอกขึ้นมาอีกแล้วกับประเด็นไฟไหม้มูลนิธิพัฒนาจิตเจริญปัญญา ที่โลกโซเชียลฯ จับตาอยู่เพราะมีการขอบริจาค อ้างเป็นมูลนิธิบ้านเด็กกำพร้า ผุดภาพเด็กน้อยสภาพเนื้อตัวมอมแมมไหว้วอนขอความเห็นใจ จนมีผู้มีจิตศรัทธาแห่โอนเงินช่วยกันล้นหลาม ทั้งที่จริงๆแล้วคือสถานปฏิบัติธรรม พอสังคมจับผิดก็ปิดรับบริจาคทันที ล่าสุด มีภาพของผู้หญิงคนหนึ่งแต่งชุดครุยรับปริญญาที่อินเดียพร้อมปริญญาบัตร ที่อ้างว่าประธานที่ปรึกษาสูงสุดของมูลนิธิพัฒนาจิตเจริญปัญญา ในภาพนั้นมีการตัดต่ออย่างเห็นได้ชัด โลกโซเชียลฯ ซัด! ปลอมยันภาพ ตั้งข้อสงสัย สรุปมูลนิธินี้ทำอะไรกันแน่
นอกจากนี้ สังคมตั้งข้อสังเกตถึงการหลอกลวงให้คนบริจาคเงินเพราะความน่าสงสารของเด็กน้อย รวมไปถึงพิรุธหลายๆอย่างเช่น พื้นที่ที่ไฟไหม้เป็นของบริษัทผลิตเสื้อผ้า แต่ทางมูลนิธิฯ อ้างว่าเป็นพื้นที่เลี้ยงดูเด็กกำพร้า ล่าสุด ทาง คสช.ได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เพื่อพิสูจน์ความจริง นอกจากนี้ เพจเฟซบุ๊ก “แหม่มโพธิ์ดำ” ที่ออกมาแฉเรื่องนี้ เปิดเผยความคืบหน้าว่า
"สรุปคือจดทะเบียนเป็นมูลนิธิจริง แต่ไม่ได้จดทะเบียนสถานสงเคราะห์เด็กอ้างว่าไม่รู้ว่าต้องจดทะเบียนด้วย และไม่ได้ตั้งใจเปิดเป็นสถานสงเคราะห์เด็ก บริษัทพลังรักสีขาวอนุเคราะห์พื้นที่ให้มูลนิธิจัดกิจกรรมและจัดในส่วนที่พักให้ และส่วนที่ถูกไฟไหม้คือห้องสัมมนาจัดอบรมของบริษัทไม่ใช่ของมูลนิธิ เด็กเรียนอยู่ที่โรงเรียนวัดตาก้องให้ทุนการศึกษาเด็กบ้าง ส่วนรายได้มาจากเงินบริจาคของจิตอาสาที่จ่ายเพื่อมาช่วยทำงานที่มูลนิธิ การขายของตามงาน ออกตามบริษัทพลังรักสีขาวไปช่วยจัดเรื่องอาหาร
ไฟไหม้ตรงส่วนห้องประชุมแล้วให้เด็กเข้าไปทำไม สรุปไม่มีใบอนุญาตสถานกำพร้า? แล้วเด็กมาจากไหน แหล่งข่าวยืนยันเด็กก็อยู่แถวนั้นแหละ บางคนเขาก็เอามาฝากเลี้ยง สำหรับควีนพวกคุณตอบไม่เคลียร์เลย แล้วไหนบอกจะคืนเงินผู้บริจาค มีช่องทางติดต่ออะไรบ้างที่จะให้คนที่เขาถูกหลอกแจ้งขอรับเงินคืนได้ นี่หลายคนชี้ช่องมา สรุปมูลนิธินี้ทำอะไรกันแน่ ยิ่งเจาะยิ่งเจออะไรแปลกๆ”
ที่แปลกไปกว่านั้นคือ ภาพของผู้หญิงที่อ้างว่าเป็น ประธานที่ปรึกษาสูงสุดของมูลนิธิฯ ที่ชื่อว่า จารีบุญชนา เก้าเกตุนิมิต ในภาพเป็นผู้หญิงคนหนึ่งใส่ชุดครุยรับปริญญาเอก คาดว่าเป็น มหาวิทยาลัย มคธ ที่ประเทศอินเดีย แต่เห็นได้ชัดเจนว่า เป็นภาพตัดต่อที่ไม่เนียนเอาซะเลย! ใครๆก็มองออก มือที่ถือปริญญาบัตรข้างหนึ่งดำข้างหนึ่งขาว ใบหน้าก็ลอยเด่นมาแต่ไกล นอกจากนี้ ยังมีคนนำภาพต้นฉบับแต่เป็นผู้ชายมาเทียบให้เห็น ทั้งท่าทางและฉากหลังที่เหมือนกันเป๊ะ!
อย่างไรก็ตาม เมื่อลองค้นถึงข้อมูลประวัติทางการศึกษาของประธานที่ปรึกษาสูงสุดของมูลนิธิฯ ยิ่งต้องอึ้ง! เพราะเธอมีถึง 6 ปริญญา ทั้งปริญญาตรี โท เอก ตั้งแต่ พ.ศ.2539-2552
กรณีนี้จึงมีผู้ออกมาแสดงความคิดเห็นถึงภาพตัดต่อครั้งนี้อย่างมากมาย รวมถึงตั้งข้อสงสัยว่า มูลนิธิฯ แห่งนี้ตั้งขึ้นมาเพื่อวัตถุประสงค์อะไรกันแน่ขนาดภาพยังปลอมเลย
"หืม รับปริญญากันแบบนี้ก็ได้หรอ หน้าด้านกว่าใช้วุฒิปลอมอีก ถ้าเรื่องแบบนี้ยังต้องตัดแต่งภาพมาหลอกลวง เรื่องอื่นๆก็คงไม่ต้องสงสัยอะไรมากแล้วล่ะ"
“กำลังจะถามเลยว่าทำไมภาพดูเหมือนตัดต่อ นี้ขนาดเราไม่มีความรู้อะไรเกี่ยวกับการถ่ายรูปหรือตัดต่อภาพอะไรเลยนะคือดูด้วยตาเฉยๆก็ยังเห็นว่าไม่เนียน”
“หน้าลอยเด่นมาแต่ไกล เด็กอนุบาลก็ดูออกว่า ปลอม”
"ในแวดวงการศึกษาเป็นที่รู้กันดีว่า วุฒิปริญญาเอก มหาวิทยาลัยมคธ เรียกกันว่าหลักสูตรจีวรบิน เพราะจะมีพระทำตัวเป็นเอเย่น รับดำเนินการจัดหาคนที่ต้องการคุณวุฒิ โดยมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ราคาประมาณสามแสนกว่าบาท ซึ่งคนกลุ่มที่ใช้บริการนี้มักเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฏ นักการเมืองท้องถิ่น หรืออาเฮียอาเจ้เจ้าของกิจการ ซึ่ง กพ.ไม่รับรองวุฒิ และ สกอ.รับรองอย่างมีเงื่อนไข คือต้องพิสูจน์วีซ่าการเดินทางไปศึกษา นำเสนอเล่มดุษฎีนิพนธ์ให้ตรวจสอบ และนำส่งหลักสูตรสถานศึกษาที่ไปเรียนมาให้ สกอ.ตรวจ ซึ่งเงื่อนไขเหล่านี้คนที่ใช้บริการประเภทนี้จะทำไม่ได้ ยกตัวอย่างง่ายๆคือ คนเหล่านี้ที่อ้างว่าตนเองจบปริญญาเอกจากต่างประเทศไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ ฉะนั้นอย่าถามเลยว่าเขียนดุษฎีนิพนธ์เป็นภาษาอังกฤษได้หรือไม่"
...เรียกได้ว่า งานนี้ยิ่งเจาะยิ่งเจอ ยิ่งคุ้ยยิ่งเห็น ส่วนความจริงจะเป็นอย่างไรต้องติดตามกันต่อไป
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754
