ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาหลายคนคงจะได้เห็นคลิปสะเทือนอารมณ์กรณีหนูน้อยฝาแฝดกรีดร้องแทบขาดใจ พยายามร้องหาแต่ “ยายจ๋า ยายจ๋า” พร้อมภาพเหตุการณ์การพรากหลานจากอกยาย เพื่อแย่งชิงตัวหนูน้อยฝาแฝดวัย 7 ขวบกันระหว่างผู้เป็นพ่อและว่าที่แม่เลี้ยง เพื่อให้หนูน้อยทั้ง 2 ขึ้นรถยนต์เดินทางกลับไปกรุงเทพฯ โดยผู้เป็นพ่อต้องการที่จะนำเด็กมาเลี้ยงดูเอง
แต่เรื่องจริงก่อนหน้านี้ได้มีการตกลงกันในเรื่องนี้กับยายและป้าซึ่งเป็นคนเลี้ยงดูเด็กมาตั้งแต่เกิด จวบจนถึงวันที่ต้องมารับเด็กไป กลับเกิดเหตุการณ์ใช้กำลังกันเพื่อแย่งตัวเด็กกันจนเกิดเป็นภาพสะเทือนใจชนิดที่หลายคนรับไม่ได้กับพฤติกรรมของผู้ใหญ่ที่ต่างบอกว่า “รักเด็ก” แต่พฤติกรรมที่แสดงออกว่ารักและสงสารนั้นกลับเป็น “การลาก ดึง กระชาก ฉุด ยื้อ แย่ง” ตัวเด็กกัน โดยไม่นึกถึงสภาพจิตใจของเด็กเลยว่าจะเป็นอย่างไร
** ไม่เคยเลี้ยงดู จู่ๆ จะมาเอาลูกไปเลี้ยงเอง
เมื่อแม่เสียชีวิตลูกต้องอยู่กับคนเป็นพ่อย่อมเป็นเรื่องที่ถูกต้องอยู่แล้ว แต่หากคนเป็นพ่อไม่ได้เป็นคนเลี้ยงดูลูกเองตั้งแต่เกิด ไม่มีความผูกพันใดๆ จู่ๆ มาพาเด็กไปเลี้ยงดูเองโดยที่เด็กยังไม่สามารถปรับตัวได้ ก็ถือเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบกับสภาพจิตใจของเด็กอย่างมาก
ดังเช่นกรณีล่าสุดที่กำลังเป็นประเด็นร้อนในโลกโซเชียลฯ ถูกเปิดเผยเรื่องราวผ่านเฟซบุ๊ก Eggnoid Thanapat Boonaree ตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน 2560 โดยระบุข้อความว่า
“อยากทราบว่าทนายมีสิทธิมาดึงเด็กไปขึ้นรถหรือป่าว? #ท่านใดมีความรู้ขอคำแนะนำด้วยค่ะ #สงสารเด็กค่ะ ไม่ใช่ว่าทางเราไม่ให้เด็กแต่คือหัวอกของคนเลี้ยงคือเด็กร้องแต่พวกคุณยังกล้าดึงไป เลี้ยงมา 7 ปี เด็กร้องจนใจจะขาด คุณธรรมของพวกคุณอยู่ไหน!#เหตุเกิดที่สถานีตำรวจอุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษ บ้านหนองโปร่ง ต.โคกหล่าม #ขอความเป็นธรรม”
ต่อมาผู้โพสต์คนเดิมได้อธิบายเพิ่มเติมระบุข้อความว่า เธอนั้นเลี้ยงดูเด็กตั้งแต่เล็กจนโตเป็นเวลานานถึง 7 ปี มีทั้งความรักความผูกพัน พอมาถึงวันนี้คุณผู้ที่มีสิทธิเป็นพ่อทางกฎหมาย มาใช้กฎหมายนำตัวเด็กไปทั้งๆ ที่ความผูกพันของคุณกับเด็กไม่มีเลย คุณดึงลูกคุณไปขึ้นรถทั้งๆ ที่เด็กร้องแทบจะตาย ความเป็นพ่อของคุณยังมีอยู่ไหมคุณเห็นบุคคลอื่นมาดึงลูกคุณไปแล้วเด็กร้องไห้แต่คุณกลับยืนดู คุณเคยกอด เคยหอม เคยพูดคำว่าพ่อออกจากปากคุณไหม? #ถามตัวคุณดูว่าแบบนี้เขาเรียกว่าพ่อหรือป่าวหรือแค่พ่อทางกฎหมายเท่านั้น #ท่านใดมีข้อแนะนำขอความกรุณาช่วยด้วยนะคะทางเราจะขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง #ฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยค่ะ #ขอบคุณค่ะ
ทันทีที่คลิปและข้อความดังกล่าวถูกโพสต์ไปยังโลกออนไลน์ ได้มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นถึงเหตุการณ์ดังกล่าวด้วยความโกรธและสงสารหนูน้อยฝาแฝดที่ร้องไห้แทบขาดใจ พยายามร้องเรียกให้ยายและป้าที่เป็นผู้เลี้ยงดูมาแต่เกิดเข้ามาช่วยจากการถูกว่าที่แม่เลี้ยงและญาติฝั่งพ่อที่หนูน้อยทั้งคู่ไม่เคยเห็นหน้าคร่าตามาก่อนลากขึ้นรถยนต์ เช่น เด็กร้องไห้เพราะไม่อยากไป แสดงว่ายายกับป้าเลี้ยงเขาดีแล้ว ถามเด็กบ้างไหม?แล้วคนที่เอาไปเลี้ยงต่อเขาจะเลี้ยงดีเท่ายายกับป้าเขารึเปล่า ตั้ง 7 ปีถึงจะมาอยากได้ นานไปมั้ย ถ้าอยากได้จริงๆ หรือรักจริงๆ ต้องค่อยๆ มาเกลี้ยกล่อมก็ได้ไม่จำเป็นต้องทำขนาดนี้ เขาเลี้ยงมา7ปีไม่มีความหมายเลยรึไง
บ้างก็แสดงความเห็นว่า สัญชาติญาญความบริสุทธิ์ของเด็กมันอาจจะรับรู้ว่าสิ่งที่จะเกิดเวลาข้างหน้ามันไม่ใช่เหมือนตอนอยู่กับยายที่เลี้ยง จิตใต้สำนึกเด็ก ความบริสุทธิ์ เขาสามารถส้มผัสกับสิ่งเลวๆในใจผู้ใหญ่ได้ว่าคิดไม่ดี ไม่งั้นเด็กคงไม่ร้องจนน่าสงสารเสียขนาดนั้น
รวมถึง ถ้ารักเด็กจริง ไม่จำเป็นต้องเอาเด็กไปครอบครองก็ได้ มาหาเดือนละครั้งสองครั้ง ส่งเสียให้ลูกเรียน แบบคนดีๆ เขาทำกัน เหตุผลที่ทำแบบนี้ไม่ใช่ความรักหรอก มันคือการขู่เข็ญบังคับ มันคือความเห็นแก่ตัว
** ขอพ่อพูดบ้าง อย่าตัดสินเพียงแค่เห็นคลิป
หลังจากถูกกระแสสังคมด่าทอว่าทำไมถึงทำกับลูกเยี่ยงนี้ ด้าน นายสุรชัย พลอยไป พ่อแท้ๆ ของเด็กแฝดได้ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ ทุบโต๊ะข่าว เพื่ออธิบายถึงเรื่องราวทั้งหมดว่า ตั้งแต่ภรรยาเสียชีวิตไปตนเองไม่ได้ทิ้งลูก จ่ายค่าเลี้ยงดูลูกมาตลอด 7 ปี ถึงช่วงเทศกาลวันหยุดก็กลับไปเยี่ยมลูกตลอด พร้อมยืนยันว่าทุกครั้งที่ไปเยี่ยมลูกจะให้เงินกับยายและป้าในการดูแลลูกแฝด ครั้งละไม่ต่ำกว่าหนึ่งหมื่นบาท รวมทั้งยังพาไปซื้อข้าวของที่ขาดเหลือด้วย จนกระทั่งวันที่ 22 เม.ย. ได้มีคลิปออกมา
“ก่อนหน้านี้ยายกับป้า เป็นคนบอกเองว่าพร้อมที่จะคืนลูกให้ แต่เมื่อถึงวันที่ต้องไปรับเด็กกลับเกิดเหตุการณ์อย่างที่เห็นในคลิป โดยตนยืนยันว่าหลังจากนี้จะดูแลลูกเอง จะใช้ชีวิตอยู่กับลูก 24 ชม. พร้อมบอกเด็กทั้งสองสบายดี กินอิ่ม นอนหลับ และตอนนี้ไม่ร้องไห้แล้ว รวมถึงหลังจากนี้กำลังจะหาที่เรียนให้ลูก”
นอกจากนี้นายสุรชัย ได้ฝากข้อความถึงคนถ่ายคลิปดังกล่าวว่า แน่จริง! ต้องเปิดคลิปทั้งหมดว่าคุยอะไรกันบ้าง อย่าตัดมาโพสต์แค่คลิปตอนเกิดเหตุการณ์เท่านั้น
** แวร์ อาร์ ยู? จู่ๆ เด็กหาย?
เพราะความห่วงใย ห่วงหาอาธรณ์ และความเป็นห่วงในตัวหลาน เมื่อไปอยู่กับพ่อแล้วเด็กจะเป็นอย่างไร ผู้เป็นยายและป้า ต่างพยายามโทรศัพท์ติดต่อพ่อของเด็กเพื่อที่จะคุยกับหลาน ทว่าพ่อของเด็กกลับไม่รับโทรศัพท์ และหายตัวไปจากบ้านโดยไม่มีใครรู้ว่าเด็กแฝดตอนนี้เป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้าง หรือจะถูกพ่อและว่าที่แม่เลี้ยงพาเด็กไปหาผลประโยชน์อย่างอื่นหรือไม่
ล่าสุด นายสมยศ วิชากร นายอำเภอไทรน้อย ได้มอบหมายให้ นางสาวพลอยชนก ก้อชนะ หัวหน้าฝ่ายสวัสดิการสังคมบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดนนทบุรี น.ส.เขมรินทร์ นุชมาก ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง นายธีระ โรจนประดิษฐ์ ปลัดฝ่ายศูนย์ดำรงธรรมอำเภอไทรน้อย พร้อมด้วย พ.ต.อ.อำนาจ เตียวตระกูล ผกก.สภ.ไทรน้อย ร.ต.เอนก ห้วยศรีจันทร์ หัวหน้าชุด รักษาความสงบ อำเภอไทรน้อย เดินทางไปตรวจสอบบ้านเลขที่ 77/350 หมู่ 10 ต.ไทรน้อย อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี ภายในหมู่บ้าน นันธิชา 2 ถนนบางกรวย- ไทรน้อย ซึ่งบ้านหลังดังกล่าว เป็นบ้านของพ่อของเด็กแฝดโดยระบุชื่อใน บิลเก็บค่าไฟฟ้าเป็นชื่อ นายสุรชัย พลอยไป โดยภายในบ้านปิดเงียบ มีรองเท้าเด็ก สี ฟ้า และสี เหลือง วางอยู่หน้าประตูทางเข้าตัวบ้านและพบ กระถางต้นไม้แตกขวางประตูอยู่
ด้าน นางสาวพลอยชนก ก้อชนะ หัวหน้าฝ่ายสวัสดิการสังคม บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดนนทบุรี กล่าวว่า วันนี้เพื่อจะมาดูความเป็นอยู่ของเด็กทั้งสองว่ามีความเป็นอยู่อย่างไร สามารถ เข้ากับทางพ่อและคนในบ้านได้หรือไม่
สุดท้ายจึงได้รู้จากปากพ่อแท้ๆ ผ่านการให้สัมภาษณ์ว่า “ตอนนี้ตนและทุกคนกำลังช่วยกันปรับสภาพจิตใจของเด็กทั้งคู่อยู่ จึงได้พาเด็กมาเจอกับญาติๆ เพื่อทำความรู้จักกัน ให้เด็กเกิดความคุ้นเคยกับการพบคนแปลกหน้า ซึ่งจะเป็นทำให้เด็กปรับตัวได้ดีมากขึ้น โดยไม่ขอระบุว่าตอนนี้พาเด็กไปอยู่ที่ไหน ขอเก็บเป็นความลับ เพื่อความปลอดภัย”
แม้ผู้เป็นพ่อแท้ๆ จะออกมาพูดบ้างแล้ว ทว่าสังคมก็ยังคงเป็นห่วงสภาพจิตใจของหนูน้อยในวัยเพียง 7 ขวบที่เพิ่งผ่านเหตุการณ์สุดช็อกกับการต้องพรากจากอกของผู้เป็นยายและป้า มาอยู่กับพ่อภายใต้สภาพแวดล้อมใหม่ๆ ผู้คนมากหน้าหลากตาที่เด็กๆ ไม่คุ้นเคยว่าจะสามารถปรับตัวได้ช้าหรือเร็วอย่างไร รวมถึงการเลี้ยงดูของพ่อจะสามารถเลี้ยงดูได้ดีเหมือนที่ยายและป้าคอยดูแลเลี้ยงดูมาหรือไม่
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754