xs
xsm
sm
md
lg

เรียกค่าไถ่รองเท้า!! เก็บค่าหิ้ว-ไลฟ์ขายสดหน้าแคชเชียร์ ขาชอปเพลีย..นี่พ่อค้าหรือมิจฉาชีพ!!?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ไม่ด้านทำไม่ได้!! ขาชอปพร้อมใจประณาม กลุ่มพรีออเดอร์ “อย่างหนาตราช้าง” เข้ายึดรองเท้าแบรนด์ดังฝั่งเซลเพื่อเก็งกำไร ไม่จ่ายตังค์แต่เอามาตั้งกองสูงจองไว้ รอเหยื่อติดเบ็ด แลกกับเงิน 200 แล้วจะปล่อยคู่ที่อยากได้ให้ไป ระหว่างนั้นยังไลฟ์ขาย กิน “ค่าหิ้ว” กันสดๆ ผ่านโซเชียลฯ สบายใจ ด้านพนักงานในร้านเองก็ไม่จัดการอะไร จนถูกตั้งข้อสงสัยว่า หรือจะมีเอี่ยวกับ “พ่อค้า-มิจฉาชีพ” ขบวนการนี้!!?


 

เก็บ “1 ข้าง” ไว้เป็นตัวประกัน อยากได้ “1 คู่” จงจ่ายมา!!

[ภาพประกอบข่าว ไม่เกี่ยวข้องกับกรณีที่เขียนถึง]
ไม่ใช่เรื่องแปลกในทุกที่ที่มีการ “ลด-แลก-แจก-แถม” ที่จะต้องมีพ่อค้าแม่ขาย “พรีออเดอร์” ตามไป “หิ้ว” สินค้าเพื่อหวังเก็งกำไรกลับมา แต่การหิ้วครั้งนี้ไม่ใช่ธรรมดา เพราะพฤติกรรมของกลุ่มพรีออเดอร์ตัวแสบรายนี้ มีแนวโน้มจะเอนเอียงไปในกลุ่ม “มิจฉาชีพ” มากกว่า “พ่อค้า” ฝากหิ้วตามแบบฉบับทั่วๆ ไป
 
ครั้งนี้พวกเขาเลือกมหกรรม “เซลรองเท้าแบรนด์ดัง” ในห้างอัมรินทร์พลาซ่า เป็นสมรภูมิตกเหยื่อ ทำงานกันเป็นทีม มากันเป็นครอบครัว ทันทีที่ห้างฯ เปิดก็เข้าไปจับจอง “รองเท้าลดรุ่นยอดนิยม” เอามากกกอดไว้ จากนั้น ตระเตรียมที่นั่ง-ที่ยืนเหมาะๆ สำหรับวางกองสตอกรองเท้า แล้ว Live ขายของเซลผ่านโซเชียลสดๆ เพื่อเก็งกำไร
 
ถึงลูกค้าฝั่งออนไลน์ยังไม่ซื้อก็ไม่เป็นไร เพราะพวกเขามี “แผนสำรอง” ตกเหยื่อกันไว้เรียบร้อยแล้ว นั่นก็คือปฏิบัติการ “ยึดรองเท้า 1 ข้าง” จากแผงขายเอาไว้ รอให้มีลูกค้าเข้ามาลองและถูกใจรุ่นนั้นเมื่อไหร่ แก๊งหน้าเลือดกลุ่มนี้ก็พร้อมจะเข้าไปเสนออีกข้างให้ แลกกับเงิน 50-200 บาทตามตกลง ถือเป็น “ค่าหิ้ว” เวอร์ชันใหม่ที่ขอเก็บกันทันที ณ ที่ชอป แถมเก็บก่อนจะคิดสตางค์กับแคชเชียร์อีกด้วย

เทียบจากการเก็บ “ค่าหิ้ว” ของสินค้าพรีออเดอร์ตามปกติแล้ว พ่อค้าแม่ขายรายนั้นๆ จะต้องลงแรงไปต่อสู้ในสมรภูมิเซล หาสินค้าตามออเดอร์มาให้ลูกค้า แถมยังต้องอดทนต่อคิวยาวเหยียดเพื่อจ่ายสตางค์ ไหนยังต้องลงทุนควักกระเป๋าจ่ายไปก่อนล่วงหน้าอีกต่างหาก จึงจะกลับมาจัดส่งสินค้าพร้อมเรียกเก็บ “ค่าหิ้ว” เอากับเหล่าลูกค้าได้

ผิดกับพฤติกรรมเห็นแก่ได้ของ “พ่อค้าหัวใส” แก๊งนี้ ที่นอกจากจะไม่ลงแรงเฟ้นหาสินค้า เพื่อเอาไปเสนอขายในภายภาคหน้า ยังมาแบบ “จับเสือมือเปล่า” นั่งๆ ยืนๆ กระดิกนิ้วรอให้เหยื่อเข้ามาทวงหา “รองเท้าอีกข้าง” ที่ยึดไปเองอีก ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกเขาเรียกพฤติกรรมแบบนี้ว่า “พรีออเดอร์” ได้อย่างไร น่าจะเรียกว่า “เรียกค่าไถ่” สินค้าเสียมากกว่าด้วยซ้ำ

หลังเรื่องราวเหล่านี้ถูกเผยแพร่ออกไปจากแฟนเพจ "เจ้าหญิงน้อยแห่งอันดามัน" ก็มีผู้อยู่ในเหตุการณ์อีกจำนวนไม่น้อยลุกขึ้นมาช่วยกันแฉยกใหญ่ เล่นเอาขาชอปหลายรายขนลุกขนพองกับความเลือดเย็นของการขายแบบนี้ไปตามๆ กัน

[ภาพที่ถูกขาชอปถ่ายเอาไว้ก่อนนำไปแฉ]

"มาเป็นครอบครัว แล้วบอกว่าเอาแล้วๆ แต่ไม่จ่ายเงิน แต่รับหิ้วเฉย ถ้าไปต่อคิวจ่ายเงิน แล้วมาบวกกับเรา จะไม่ว่าเลย"

"เจอมาเหมือนกันค่ะ ไปหยิบปั๊บ บอกค่าหิ้ว 100 บาท งงมาก ที่สำคัญยังอยู่ในพื้นที่ร้านอีกต่างหาก ร้านก็ปล่อยให้ทำ ไม่จัดการอะไรสักอย่าง"

"ไปแล้วไม่ได้ราคาตามรูปหรอกค่ะ เพราะของไปกองกับคนที่นั่งหมด 10-30 คู่ นั่งเฝ้าแล้วก็ไม่ไปจ่ายเงิน บอกรับค่าหิ้ว คู่ละ 100-200 บาท"

"นั่งเฝ้ากองแต่ไม่จ่ายเงิน เฝ้า 5 ชั่วโมงนู่นมั้ง เพราะเขามาตั้งแต่เปิดห้างฯ ได้เงินไม่รู้เท่าไหร่แค่นั่งเฝ้ากล่อง ถ้าจ่ายเงินเสร็จแล้วมานั่งขายข้างนอกจะไม่ว่าเลย"

"แบบนี้เอาเปรียบกันชัดๆ เว้นแต่พนักงานได้เปรียบ-เสียเปรียบกัน ไม่งั้นคงห้ามไปแล้ว เขาจะไม่รู้ได้ไงว่าคนที่ถือเป็นกองอยู่นั่นคือพวกพรีออเดอร์หรือรับหิ้ว เมื่อวานเราไปอีกที่ ก็ไม่มีแบบนี้นะคะ ขายแฟร์ๆ ดี"

"วันนี้คนที่จ่ายเงินหลังเรา พี่เขาได้มาข้างเดียว ไปเจออยู่กับคนที่นั่งเฝ้ารองเท้า พี่เขามีข้างนึง คนรับหิ้วมีข้างนึง จิตใจทำด้วยอะไร เก็บเงินกับพี่เขา 50 บาทเพื่อแลกรองเท้า 1 ข้าง"


[ภาพประกอบข่าว ไม่เกี่ยวข้องกับกรณีที่เขียนถึง]
"รับหิ้วไม่ผิด แต่ผิดที่สันดานคนเห็นแก่ได้ คือถ้าคนอยู่หน้างานแล้ว เค้าจะซื้อ สิทธิก็ต้องเป็นของเขา เจ้าของร้านควรลงมาจัดการบ้าง ไม่ใช่ปล่อยพวกริ้นไรไว้แบบนี้ ถ้าเป็นเจ้าของร้าน จะเพิ่มช่องทางขายออนไลน์ด้วยเลย"

"ต้องหิวเงินกับหน้าหนาระดับไหน ถึงกล้าขายของแบบนี้ Live ขายของจากกองลดราคาในร้านตรงนั้น? ทำไมไม่ซื้อก่อนแล้วค่อยรีวิวนอกร้านก็ว่าไป"

"เจอกับตัวเองเย็นวันศุกร์ บอกกองนี้จองแล้วค่ะ, ตรงนี้ของพี่ค่ะ, มีเจ้าของแล้วค่ะ แต่ไม่เห็นเข้าคิวจ่ายตังค์เลย

ยืนคร่อมกองรองเท้าไว้เหมือนกำลังกกไข่ เฮ้อ... จะประกาศลดแล้วเจอเหตุการณ์เยี่ยงนี้ในร้านก็ขอลาขาดล่ะจ้า เซลเพื่อให้มาประกอบอาชีพกันง่ายๆ แบบนี้"



นักกฎหมายชี้ ตำรวจจับไม่ได้ เจ้าของร้านต้องจัดการ!!

[ภาพประกอบข่าว ไม่เกี่ยวข้องกับกรณีที่เขียนถึง]
จะเอาผิดอย่างไรได้บ้างกับ “พ่อค้าหน้าเลือดขาหิ้ว” ประเภทนี้? ขาชอปหลายต่อหลายรายยังคงคลางแคลงใจ ทางทีมข่าวผู้จัดการ Live จึงต่อสายตรงไปยัง รัชพล ศิริสาคร ทนายความ หัวหน้าสำนักงานสายตรงกฎหมาย เพื่อให้ช่วยพิจารณากรณีประกอบอาชีพเบียดเบียนผู้อื่นในสังคมเช่นนี้ แต่คำตอบที่ได้กลับทำให้ต้องถอนหายใจ เพราะดูเหมือนจะไม่มีกฎหมายตัวไหนเอาผิดพฤติกรรมกร่างๆ แบบนี้ได้เลย

“ถามว่าเข้าข่าย “ยักยอกทรัพย์” ไหม ก็ยังไม่เข้าข่ายครับ เพราะเขายังไม่ได้เอาสิ่งของนั้นๆ ไปเป็นของตัว ของมันยังอยู่ในร้าน จึงยังเป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าของเดิมอยู่ เพราะการยักยอกทรัพย์คือจะต้องแอบอ้างของที่เป็นของคนอื่น และบอกว่าทรัพย์สินนั้นๆ เป็นของตัวเราเอง

แต่การที่เขาเข้าไปครอบครองสินค้าและยังไม่ได้จ่ายตังค์ซื้อแบบนี้ ถึงเขาจะบอกให้คนที่อยากได้รองเท้าที่เขายึดไว้ มาจ่ายเงินกับเขาก่อน แล้วถึงจะได้สินค้าไปจ่ายที่แคชเชียร์ก็ตาม แต่มันก็เป็นที่รู้กันในนั้นอยู่แล้วว่า กองรองเท้าตรงนั้นมันยังไม่ใช่ของเขาจริงๆ

เพราะฉะนั้น คงเอาข้อกฎหมายมาจัดการอะไรไม่ได้ในทางอาญา ส่วนวิธีการจัดการในทางแพ่งนั้น ลูกค้าคนอื่นๆ ก็อาจจะแจ้งผู้ขายได้ว่า เราจะซื้อคู่นี้นะ ตกลงพ่อค้าคนนั้นจะเอาไหม คือถ้าลูกค้าไม่พอใจที่พนักงานไม่ดูแลจัดการระบบให้ ก็สามารถไปร้องเรียนกับทางผู้จัดการร้าน หรือผู้ดูแลของห้างฯ ก็ได้ครับ ให้เป็นเรื่องของแพ่งไป เป็นคดีที่ต้องตกลงกันเอง ตำรวจเข้าไปจับไม่ได้

แม้แต่ตัวพนักงานเอง ถามว่ามีความผิดไหมถ้าตรวจพบภายหลังว่ารู้เห็นเป็นใจกับทางพ่อค้ากลุ่มนี้ ก็อาจจะผิดในทางวินัยของการเป็นพนักงาน แต่ถ้าเป็นข้อกฎหมาย พนักงานของห้างฯ เป็นเอกชน จะไม่เหมือนข้าราชการที่เอาผิดประเด็น “คอร์รัปชัน” ได้ คือถ้ามีการฮั้วกันระหว่างพนักงานกับพ่อค้าคนนั้นจริง จะมีความผิดแค่เรื่องวินัยหรือกฎของพนักงานเอกชนเท่านั้น”

[ภาพประกอบข่าว ไม่เกี่ยวข้องกับกรณีที่เขียนถึง]

ส่วนเรื่องการ Live ขายพรีออเดอร์กันแบบจะจะในพื้นที่เซลนั้น ถ้าในการโฆษณาผ่านโซเชียลของพ่อค้ารายนี้ ไม่ได้ทำให้เหล่าลูกค้าเข้าใจผิดไปว่า สินค้าที่โชว์อยู่ทั้งหมดนั้นคือสินค้าที่เขาเป็นเจ้าของอยู่ ก็จะไม่มีความผิดอะไร แต่ถ้าทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นจ่ายเงินแล้ว เป็นเจ้าของสินค้าเรียบร้อยแล้ว ก็จะเข้าข่ายฉ้อโกง ซึ่งก็มีทั้งโทษปรับและจำคุก แต่ถ้าแค่ประกาศว่า "รับหิ้ว" ให้มาต่อคิวซื้อ กรณีที่จะเอาผิดได้ก็จะยังไม่ชัดเจน


[ภาพประกอบข่าว ไม่เกี่ยวข้องกับกรณีที่เขียนถึง]
อย่างไรก็ตาม ยังมีคำแนะนำจาก “ขาชอปมืออาชีพ” ฝากเอาไว้บนโลกออนไลน์เกี่ยวกับกรณีนี้ เพื่อไม่ให้ปัญหา “พ่อค้าขาหิ้วหน้าเลือด” เกิดขึ้นซ้ำๆ ในอนาคต นั่นก็คือทางร้านหรือห้างสรรพสินค้าที่จัดมหกรรมลดกระหน่ำซัมเมอร์เซล จะต้องสร้างระบบป้องกันการเอาเปรียบทางการค้าให้ได้มากที่สุด

และวิธีที่ใช้กันและได้ผลดีที่สุดในขณะนี้คือ การเซต “ระบบคิว” และ "ระยะเวลาในการชอปที่แน่นอน" ขึ้นมา โดยให้ลูกค้ากดบัตรคิวในแอปพลิเคชันของทางร้าน หรืออาจไปรับบัตรคิวการชอปกับที่ร้าน ระหว่างรอคิวก็สามารถเดินเล่นหรือทำธุระตามที่ต่างๆ ได้
 
เมื่อถึงคิวชอปของตัวเองจะกำหนดเวลาครั้งละไม่เกิน 15 หรือ 20 นาที จับเวลากันแบบห้ามเกินโดยเด็ดขาด ซึ่งถึงแม้จะดูเข้มงวดไปหน่อยสำหรับการชอป แต่ลูกค้าหลายๆ รายก็ยืนยันว่าได้ความสบายใจกว่ามาก ดีกว่าต้องมาเจอกับ “มิจฉาชีพในคราบพ่อค้า” แบบนี้

แต่ถ้าต้องชอปในมหกรรมสินค้าลดราคาที่ไม่มีการจัดการระบบที่ดีเท่าที่ควร อาจต้องใช้วิธีเดียวกับที่ “Nattakit Ketsathit” ผู้รับมือกับกลุ่มพ่อค้าหน้าเลือดกลุ่มนี้มาแล้วได้บอกเอาไว้ คือเลือกปกป้องสิทธิของตัวเองแบบไม่ต้องสนว่าจะมีใครยืนกลุ่มกล่องสินค้าอยู่กี่กล่องก็ตาม

"มันบอกต้องจ่ายที่มันก่อน 100 บาท แล้วก็ไปจ่ายที่แคชเชียร์อีกที ผมก็หยิบมาเลย ไม่สนใจมัน แล้วผมก็ไปยืนต่อแถวหน้าแคชเชียร์ มันก็มองผมแต่ก็ไม่สนใจมัน ถ้ากล้าที่จะหยิบออกมาเลย พวกนี้จะไม่กล้าโวย คือคนที่ยอมจ่ายให้มัน คือคนที่ไม่อยากมีปัญหากับพวกมัน เอาจริงๆ ถ้าเกิดเรื่องขึ้นมา พวกมันไม่ได้ได้เปรียบเราเลยครับ"

ทั้งนี้ หลังประเด็นเดือดนี้กลายเป็นที่วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ทางเจ้าของสถานที่ซึ่งเป็นประเด็นครั้งนี้อย่างร้าน "Sam"s Sports" จึงได้ออกมาเคลื่อนไหวประกาศข้อปฏิบัติในการซื้อสินค้าของทางร้านเรียบร้อยแล้ว โดยได้ออก "ประกาศขอความร่วมมือ" ออกมาเป็นข้อๆ อย่างชัดเจน ดังนี้

[ขอบคุณภาพ: fb.com/samssports]

นอกจากนี้ แฟนเพจผู้จุดประเด็นนี้อย่างเพจ "เจ้าหญิงน้อยแห่งอันดามัน" ยังช่วยให้ข้อมูล พร้อมเสนอแนะทางออกทิ้งท้ายเอาไว้ว่า "สายแจ้งว่า หนึ่งในพ่อค้า Live อัมรินทร์ฯ ขายรองเท้าได้วันเสาร์ คนเดียว 43 คู่ คิดหยาบๆ กำไรคู่ละ 200 บาทพอ ก็กดกำไรไปแล้ว 8,600 บาท งานหน้าที่ไหนมี ใครเจอถ่าย Live พ่อค้าแม่ค้าที่ทำแบบนี้ดีไหม?"

...หมายความว่าถ้าหันหน้าพึ่งการเอาผิดทาง “กฎหมาย” ไม่ได้ ก็คงต้องใช้พลังโซเชียล กดดันด้วย “กฎหมู่” แทน...

ข่าวโดย ผู้จัดการ Live






มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram

"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!


และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754



กำลังโหลดความคิดเห็น