ผลสอบกรณีหมีควายยักษ์ 80 -90 กก.ตกเฮลิคอปเตอร์ตาย ขณะนำปล่อยคืนธรรมชาติที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ โดยเจ้าหน้าที่อ้างเหตุจำเป็นต้องปล่อยตะขอทิ้ง ขณะบินผ่านหน้าผา เพราะหมีน้ำหนักเกิน หวั่น ฮ.ตกยกลำ ปลุกประแสโซเชียลให้ออกมาทวงความเป็นธรรมให้หมีควายผู้อาภัพในทันที
สัตว์ป่าในประเทศไทยไม่มีสิทธิ์ที่จะได้รับการคุ้มครองสวัสดิภาพ???
ชะตาชีวิตของพวกมันนอกจากถูกคนใจร้ายไล่ล่าแล้ว ยังต้องขึ้นอยู่กับอารมณ์ความคิดของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอีกด้วยหรือ?? ถ้าสัตว์ป่าเหล่านั้นพูดภาษาคนได้ มันคงตะโกนทวงถามถึงความปลอดภัยในชีวิตมันอย่างแน่นอน
*** ก่อนการสูญเสีย
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 30 พย. 2559 เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ได้ดักจับหมีควายขนาดกลางที่ออกจากป่าลึกลงมากินพืชผลทางการเกษตรของชาวบ้านตำบลนาหินลาด บริเวณใกล้เคียงน้ำตกวังม่วง ในเขตอุทยานฯ ไปตรวจรักษาและทำการและทำการฟื้นฟูจนหายก่อนตัดสินใจส่ง”หมีควาย” ตัวดังกล่าวกลับคืนผืนป่าของอุทยานฯ พร้อมคล้องติดสัญญาณคอร่า (สัญญาณติดตามทางดาวเทียม) ในการศึกษาพฤติกรรม วิถีชีวิตทางธรรมชาติ ถิ่นที่อยู่ของหมี เพื่อประโยชน์ทางวิชาการ
หมีควาย ถือเป็นหมีขนาดใหญ่ มีนิสัยสันโดษ ชอบอาศัยในป่าดิบที่มีอาหารสมบูรณ์เหล่านี้ คือเหตุผลที่ว่าทำไมเจ้าหน้าที่จึงต้องเอามันไปปล่อยในกลางป่าลึก
เส้นทางที่สลับซับซ้อนของป่าเขาทำให้ไม่สามารถเดินทางด้วยรถยนต์ได้ การขนย้ายครั้งนั้น เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่จึงเลือกใช้ “เฮลิคอปเตอร์” เป็นยานพาหนะให้เจ้าหมีควายใช้เดินทาง หากแต่มันโชคร้ายนัก ที่ไม่สามารถกลับไปพบครอบครัวของมันได้ ต้องตายก่อนวัยอันควร
*** คดีพลิก!! ต้นเหตุน้ำหนักเกิน!! เพราะ คน หรือ หมีควาย
การตายของ “หมีควาย” กลายเป็นข่าวดังที่ทั้งชาวเน็ตและชาวบ้านต่างให้ความสนใจ
“ธนาธิป ไชยยศ” หนึ่งในทีมช่วยเหลือสัตว์ป่า ซึ่งเป็นผู้สื่อข่าวประจำหวัดนครนายก และเป็นอาสาสมัครของอุทยานที่คอยทำหน้าที่ช่วยเหลือเจ้าพนักงานในการทำงานดูแลสัตว์ป่ามาโดยตลอด เปิดเผยถึงสาเหตุการตายของหมีควายครั้งนั้น ว่า ระหว่างอยู่บนเครื่อง เข้าใจว่าหมีควายที่ถูกวางยาสลบ เกิดฟื้นกลางทางมีอาการตื่นตกใจ และดิ้นจนตกลงมาจากเฮลิคอปเตอร์เอง เมื่อเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบจากสัญญาณติดตามพบว่าอยู่นิ่งไม่เคลื่อนไหว จึงเดินเท้าเข้าติดตามตรวจสอบพบว่าหมีควายดังกล่าวเสียชีวิตแล้ว
หากแต่คำให้การของนักบินล่าสุด กลับบอกว่า วันนั้นไม่ได้มีการเซ็นชื่อใดๆทั้งสิ้น มีนักข่าว ซึ่งไม่มีความเกี่ยวข้องกับภารกิจนี้ขึ้นไปด้วย โดยที่นักบินก็ไม่รู้ว่ามีใครขึ้นไปบ้าง จึงไม่ได้มีการทักท้วง
"ประเด็นนี้สำคัญ เพราะทั้งนักบิน และช่างเครื่องยืนยันว่า ได้ตรวจสอบเครื่องบิน อุปกรณ์การบินอย่างดี ทุกอย่างเรียบร้อยไม่มีปัญหา รวมทั้งยอมรับว่า นักบินเป็นคนปลดตะขอหมีที่หิ้วมาด้วยตัวเอง เพราะน้ำหนักของหมีที่หิ้วมานั้น ทำให้แรงของเครื่องตก ประกอบกับเครื่องกำลังบินผ่านหน้าผา หากไม่ปลดตะขอที่หิ้วหมีมา อาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุทั้งลำได้จึงต้องตัดสินใจปลด โดยที่ผ่านมามีการพูดกันไปต่างๆว่า ตะขอหลุดออกมาจากเครื่องบินเองนั้นไม่ถูกต้อง เกี่ยวกับประเด็นนี้ ตนก็ได้ตั้งข้อสังเกตกลับไปว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้แล้ว ทำไม ไม่มีการรายงานไปยังผู้บังคับบัญชาคือ อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช" อดิศร กล่าว
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ๆ ก่อนออกเดินทางทุกครั้ง หน้าที่สำคัญของผู้ขับขี่คือการตรวจเช็กสภาพความพร้อมของทั้งเครื่องยนต์ และผู้โดยสาร อะไรถึงวาระเปลี่ยน ต้องเปลี่ยน อะไรเสียต้องซ่อม ขณะที่ผู้ร่วมทางสภาพร่างกายพร้อมที่จะเดินทางหรือไม่เป็นสิ่งต้องตรวจสอบ เพราะแม้คนขับจะพร้อม แต่ถ้าเครื่องและผู้ร่วมเดินทางไม่พร้อม ชีวิตก็จบ!! ได้เช่นกัน
*** ประสบการณ์เพียบ แต่ยังทำพลาด
หากย้อนดูประวัติการขนย้ายสัตว์ป่าคือถิ่นที่อยู่อาศัยเดิมของพวกมันด้วยเฮลิคอปเตอร์นั้น กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เคยทำมานับครั้งไม่ถ้วน แต่นี่ถือเป็นครั้งแรกที่เกิดปัญหา ล่าสุดอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้ออกคำสั่งให้ยุติการขนส่งสัตว์ป่าทางอากาศชั่วคราว หากแต่ก็เป็นแค่การแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ เพราะเมื่อเรื่องสงบเหตุการณ์ร้ายๆเช่นนี้ก็ต้องมีให้ได้เห็นอีกอย่างแน่นอน
***สังคมต้องการคนกล้า ไม่ใช่บ้าอำนาจ
หนึ่งชีวิตที่ไม่สิทธิ์เลือกทางเดินให้ตัวเอง ต้องมาจากไปอย่างหน้าเสียดายด้วยความคิดของหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการการบินเขาใหญ่ โดยเขาออกมายอมรับว่าภารกิจเอาหมีไปปล่อยในป่าครั้งนั้น เขาไม่ได้ขออนุญาตใคร!! เพราะภารกิจนี้อยู่ในดุลยพินิจของหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการบินว่า น่าจะอยู่ในแผนกู้ภัยฉุกเฉิน จึงไม่จำเป็นต้องขอใคร
การส่งหมีคืนสู่ป่าธรรมชาตินั้นเป็นเรื่องฉุกเฉินตรงไหน??
มีความจำเป็นต้องทำแบบเร่งด่วนจริงหรือไม่ หากไม่ทำในเวลานั้นหมีจะตายหรือไม่??
“อดิศร นุชดำรง” ผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ ตั้งข้อสังเกตตรงใจกับผู้คนในโซเชียลที่ออกมาแสดงความคิดเห็นในเพจต่างๆ มากมาย ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการทำงานของหน่วยงานรัฐไทย อาทิ Somsith Jarasjindarat มึงบ้าหรือเปล่า หมีก็เป็นสิ่งมีชีวิต หากสัตว์สามารถสื่อสารได้เช่นคน มึงจะคิดว่ามันไม่มีค่าอีกไหม ทุกชีวิตมีคุณค่าด้วยตัวของมันทั้งนั้น คนก็มีค่าในการหลอกและถูกหลอก นี่แหละคือเรื่องปกติ Toh San คิดยังไงเอา ฮ.หิ้วหมี กูก็นึกไม่ถึงจริงๆ จากที่เคยอยู่ปราจีนมาก่อนทางลูกรังในอุทยานรอยอุ้งตีนหมีเต็มไปหมดมันไม่จำเป็นเลยที่จะเอาไปปล่อยลึกขนาดนั้น ขนาดขนด้วยรถยังลำบากเลย งานข้าราชการหลายส่วนมีแต่พวกไดโนเสาร์ทำงาน สัตว์ใหญ่มันมีชีวิตและจิตใจ
Jadeen Rojana คดีพลิกเลย ตอนแรกนักบินบอกหมีฟื้นแล้วดิ้นจนตะขอหลุด. โยนขี้ให้หมีสะงั้น. จริงๆนักบินน่าจะถีบบางคนที่ขึ้นมาแทนนะ Tuckky Tkk Cm คุณรักชีวิตคุณ..หมีมันก็รักชีวิตมัน ถ้าคุณไม่เอามันมาปล่อย..โดยที่วางแผนไม่รอบคอบ..หมีก็ไม่ต้องตายเพราะน้ำมือคุณ
Arthit Chaiyont ไหวพริบน่าจะอยู่ช่วงขึ้นบินแรกๆ ทราบว่าไม่ไหวก็น่าจะร่อนลง ไม่ควรไปต่อนะ สุดท้าย ที่ชายแดน หมีควาย แต่คนย้ายหมี โง่กว่าควาย ภากร นาคทอง ดูสารคดีต่างประเทศ..การนำสัตว์กลับเข้าป่า..มีวิธีการทำงานรัดกุมมาก สุดท้ายรัฐไทยก็คงตอบว่าขาดงบประมาณ..ผู้เชี่ยวชาญ.และกำลังคน..
ในวันนี้ แม้ “ผู้จัดการ Live“ จะไม่เห็นด้วยกับการขนย้ายสัตว์สุดชุ่ยของเจ้าหน้าที่อุทยานฯ หากแต่เราก็ไม่มีสิทธิ์พิพากษาให้ใครเป็นคนผิดได้ บทสรุปในเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร เป็นสิ่งที่ต้องจับตากันต่อไป เราหวังแค่เพียงลงโทษคนผิดให้หลาบจำ เพื่อความเป็นธรรมให้หมีควาย และให้การขนย้ายสัตว์ป่าหลังจากนี้มีความรอบคอบมากขึ้นเท่านั้นเอง
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754