xs
xsm
sm
md
lg

กระชากหน้ากาก! “ซินแสโชกุน” จากหมอดู....สู่นักธุรกิจ 18 มงกุฏจอมเท!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ทัวร์ผีลอยแพครั้งใหญ่ ณ สนามบินสุวรรณภูมิ ตุ๋นนักท่องเที่ยวกว่า 2 พันคน ที่หวังจะเดินทางไปท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นแต่เมื่อมาถึงกลับไม่มีเที่ยวบินดังกล่าว พบนักท่องเที่ยวตกค้างเหล่านี้เป็นกลุ่มสมาชิกลักษณะแชร์ลูกโซ่ขายสินค้าอาหารเสริมผ่านบริษัทขายตรง Wealth Ever โดยมี น.ส.พสิษฐ์ อริญชย์ลาทิศ หรือ ซินแสโชกุน เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง โดยมีการโฆษณาจูงใจ “เที่ยวฟรี สุขภาพดี มีเงินใช้” สมัครเป็นสมาชิกคนละหมื่นแล้วจะได้ไปเที่ยวญี่ปุ่นฟรี! ในช่วงสงกรานต์ วันที่ 11-16 เม.ย. 2560 เป็นการเดินทางแบบเครื่องบินเช่าเหมาลำ ปรากฏโดนเทโดยไม่ทันตั้งตัว!

“มึงทำอะไรกูไม่ได้หรอกโว้ย!”

เงินเพียงหมื่นเดียวใครก็รู้ว่าไม่สามารถไปเที่ยวญี่ปุ่นได้ แต่พวกเขาก็เชื่อใจ เพราะอยากจะพาตัวเองและครอบครัวไปเที่ยวต่างประเทศสักครั้งในชีวิต สุดท้ายก็โดนดับฝันเพราะความเชื่อใจโดยหัวหน้าทีม ซินแสโชกุน สาวทอมผู้มีคดีติดตัวยาวเป็นหางว่าว

“ผมคือผู้ก่อตั้งบริษัท Wealth Ever ที่มาของคนนี้ก็คือ Wealth หมายถึง ความมั่งคั่ง Ever หมายถึง สม่ำเสมอ มีสัญลักษณ์เป็นเรือให้ความเป็นธุรกิจระดับนานาชาติ ผมอยากจะพาบริษัทไปให้ถึงฝั่งฝันและเราจะนั่งเรือลำนี้ไปให้ถึงที่หมาย ผมเคยยกเลิกการไปพูดบรรยายที่มาเก๊าที่ได้เงินค่าหัวคนละ 600 บาท เพื่อมาพาลูกทัวร์ 40 คน ไปเที่ยวที่โอซาก้าประเทศญี่ปุ่นด้วยราคาคนละ 500 บาท และผลจากการทำครั้งนั้นทำให้พวกเขาสมัครสมาชิกร่วมกับบริษัทของเราทั้งหมด ผมยืนยันว่าเราไม่ได้เป็นบริษัทขายทัวร์ แต่เราเป็นบริษัทที่ชวนให้คุณมาลงทุนกับเรา

พวกคุณมีหน้าที่จ่ายเงินให้ผม 9,000 บาท ผมซื้อตั๋วในราคา 20,000 บาท ให้คุณ ผมไม่ได้ขาดทุนเพราะผมได้ค่าโฆษณา หน้าที่ของคุณคือการไปสร้างภาพลักษณ์ให้องค์กร ดึงดูดลูกค้าให้สนใจสมัครเป็นสมาชิก ผมมีอดีตที่ฝังใจเมื่อ 4 ปีที่แล้วผมพาลูกทีม 140 คนไปเที่ยวที่ไต้หวัน แต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้ขึ้นเครื่อง



วันที่ 11 เม.ย. นี้ ผมจะลบประวัติศาสตร์โดยการพาลูกทีมไปเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่นด้วยเครื่องบิน 11 ลำ ผมยอมทุ่มเงินกว่าร้อยล้านเพื่อเอาชื่อผมจากอดีตกลับคืนมา แล้วผมจะไลฟ์สดบนเครื่องบินพร้อมตะโกนว่า “มึงทำอะไรกูไม่ได้หรอกโว้ย” มันจะไม่มีการเสียหายหรือหน้าแหกเด็ดขาดเพราะผมโดนจับมาแล้ว 4 รอบ ผมคงไม่โดนจับอีกแน่นอน”

นี่คือคำพูดความยาวประมาณ 20 นาทีของ ซินแสโชกุน กล่าวในคลิปก่อนที่ลูกทีมนับพันจะเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่น เอาเข้าจริง ซินแสโชกุน ก็ไม่ได้มีโอกาสไลฟ์สดตะโกนประโยคเหล่านี้ อีกทั้งยังหน้าแหกชื่อเสียงพังจนกู่ไม่กลับหนักกว่าเดิม

อย่างไรก็ดี สาเหตุที่มีคนเชื่อจนสนิทใจว่าซินแสโชกุนว่าจะสามารถพาไปเที่ยวญี่ปุ่นได้จริงด้วยเงินแค่นี้นั้น เพราะก่อนหน้านี้ก็เคยมีลูกทัวร์ของ ซินแสโชกุน ได้ไปเที่ยวญี่ปุ่นกันจริง ๆ มาแล้ว โดยมีภาพจากการท่องเที่ยวมาโพสต์ลงในเพจWealth Ever ให้เห็นกันชัดๆ นี่อาจมีส่วนให้คนเกิดความมั่นใจ เชื่อว่าคงจะไม่ถูกหลอก จนยอมควักเงินซื้อทัวร์ในที่สุด

ประวัติแสบ! เปลี่ยนชื่อ-สกุล 10 ครั้ง โดน 3 หมายจับ!

เมื่อสืบลึกลงไปจะพบว่าซินแสโชกุน มีการเปลี่ยนชื่อและนามสกุล ณ ที่ว่าการอำเภอเมือง และอำเภอปากเกร็ด จ.นนทบุรี รวมทั้งหมด 10 ครั้ง โดยเธอมีชื่อดั้งเดิมว่า น.ส.สหชม นาคฤทธิ์

สำหรับการเปลี่ยนชื่อและนามสกุลนั้น เธอเริ่มเปลี่ยนตั้งแต่วันที่ 29 กันยายน 2543 เปลี่ยนชื่อจาก สหชม เป็น ทฤษนันท์ต่อมาวันที่15 กันยายน 2549 ได้เปลี่ยนชื่อจาก ทฤษนันท์ เป็น ณวัชกรณ์ 1 เมษายน 2551 เปลี่ยนชื่อจาก ณวัชกรณ์ เป็น ศรัณย์พัชร์ และในวันเดียวกัน ก็เปลี่ยนนามสกุลจากเดิม นาคฤทธิ์ เป็น กิติขจรพัชร์

ต่อมา 16 พฤษภาคม 2557 เปลี่ยนชื่อจาก ศรัณย์พัชร์ เป็น ภวิศ 26 กันยายน 2557 เปลี่ยนนามสกุลจาก กิติขจรพัชร์ เป็น นาคฤทธิ์ 29 กันยายน 2557 เปลี่ยนนามสกุล นาคฤทธิ์ เป็น ภูริภัทร์เมฆินทร์ 7 กันยายน 2559 เปลี่ยนนามสกุล ภูริภัทร์เมฆินทร์ เป็น นาคฤทธิ์ 8 กันยายน 2559 เปลี่ยนชื่อจาก ภวิศ เป็น พสิษฐ์ และวันเดียวกันก็เปลี่ยนนามสกุล นาคฤทธิ์ เป็น อริญชย์ลาภิศ ซึ่งเป็นชื่อ-สกุลจริง ณ ปัจจุบันนี้



สำหรับคดีที่ซินแสโชกุนโดนแจ้งความนั้นป็นคดีที่เกี่ยวกับทรัพย์ทั้งหมด ประกอบด้วย วันที่ 20 มิถุนายน 2555 คดีฉ้อโกงทรัพย์ พื้นที่ สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ วันที่ 25 มกราคม 2557 คดีความผิดเกี่ยวกับเช็ค พื้นทีี่ สภ.เมืองนนทบุรี วันที่ 21 มิถุนายน 2557 คดีฉ้อโกงทรัพย์ พื้นที่ สน.ปทุมวัน วันที่ 29 ตุลาคม 2557 คดียักยอกทรัพย์ พื้นที่ สภ.เมืองนนทบุรี วันที่ 3 มิถุนายน 2558 คดีฉ้อโกงประชาชน ที่กองบังคับการปราบปรามความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ ปคบ. วันที่ 3 กันยายน 2559 คดีฉ้อโกงทรัพย์ พื้นที่ สภ.เมืองนครราชสีมา

นอกจากนี้ ยังถูกศาลอนุมัติหมายจับกุมรวม 3 ครั้ง คือ ศาลแขวงสมุทรปราการ คดีฉ้อโกงทรัพย์ เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2555ศาลจังหวัดนนทบุรี คดีฉ้อโกงประชาชน เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2558 ศาลแขวงนครราชสีมา คดีฉ้อโกงทรัพย์ เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2559 โดยทุกคดีมีการถอนหมายจับหมดแล้ว เนื่องจากมีการจับกุม หรือดำเนินคดีแล้วทั้งหมด

ขยันสร้างโปรไฟล์จอมปลอม!

นอกจากนี้ เฟซบุ๊คเพจ อยากดังเดี๋ยวจัดให้ V.4 ได้ออกมาแฉเปิดโปงวีรกรรมสุดแสบของ ซินแสโชกุน อย่างถึงพริกถึงขิง!

ซินแสโชกุน เริ่มโด่งดัง(เขาว่างั้น) ด้วยการสร้างโปรไฟล์ให้ตัวเอง ด้วยการรับดูดวงฟรี ตามเว็บบอร์ดต่างๆ โดยรับดูฟรี และ สมมติจาก 100 คน ที่ทายไป ของใครถูก ตรง ก็จะเก็บคนคนนั้นไว้ และก็ใช้คนที่ดูแล้วแม่นเป็น คนอ้างอิง สร้างชื่อเสียง และเรียนด้าน ดูดวง จนมีความรู้ จากนั้นจึงตั้งตนเป็น "ซินแส" ด้วยตัวเอง โดยเริ่มรับดูดวงครั้งละ 300 บาท มีบริการแปลดวงเป็นภาษาอังกฤษด้วย

เคยทำเรื่องลักษณะนี้มาแล้ว ไม่ใช่ครั้งแรก ซึ่งในบรรดาชื่อที่ใช้ มีคดีอาญาค้างอยู่ ยังไม่ได้ตัดสิน และคดีกระจอกๆ อีกเยอะ ทั้งปลอมแอคเคาท์ ปั้มคอมเมนต์ ปลอมแอคเคาท์ดารา อ้างว่ารู้จักดาราฯลฯ ซึ่งรูปแบบที่โชกุนกลับมาทำใหญ่ คือ ธุรกิจแบบสมัครสมาชิกจ่ายเงินแล้วได้รับสิทธิ์ ซึ่งจะมีการเติมเงินเข้าระบบ ของบริษัท เปลี่ยนเป็น แต้ม PPV ถ้าใครแต้มถึงก็จะได้ไอโฟนบ้าง ได้สิทธิไปเที่ยวต่างประเทศในราคาสุดพิเศษบ้าง จึงทำให้มีคนลงเงินสมัครและยอมจ่ายเพิ่มเพื่อไปเที่ยวราคาประหยัดและมีผู้สมัครอย่างน้อย 3,000 คน ไปแล้ว ก่อนจะถึงทริปทัวร์วันจักรี ซินแสไล่ตระเวนขายที่ดินย่านนนทบุรี เพื่อเอาเงินมา เติมเข้าไปเพื่อให้พอกับค่าใช้จ่าย ทริปโอซาก้า ที่เพิ่งจัดไป

ทั้งนี้ ดูแต่แรกแล้วมันไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะต่อให้ไม่ใช้คำว่าทัวร์การจะเดินทางระดับ 100 คนขึ้นไป ถ้าไม่จองล่วงหน้าไว้แพงและอาจไม่มีตั๋ว ไม่มีที่พัก แต่จากทริปวันจักรี ก็เห็นแล้วว่าไล่จองรัวๆ ไดเมียว (ลูกทีมโชกุน) ถึงสนามบินเปิดโน้ตบุก เข้า อโกด้า ไล่จองโรงแรมที่สนามบินรัวๆ และจากข้อมูลสายคือ จ่ายไปหนักมาก เพราะไม่ได้จองล่วงหน้า แต่โดนกดดัน



จากกระทู้พันทิป ว่าจะลอยแพทริปวันจักรี จึงต้องรีบซื้อด่วน แพงทุกอย่าง ตั้งแต่ตั๋ว ยันที่พัก ซึ่งพอมีคนได้ไปก็ทำให้ทริปสงกรานต์สบายใจขึ้น ในระหว่างนั้นซินแสก็ยกเลิกทริปบาหลีที่มีการจ่ายเงินไปแล้ว โดนอ้างว่าอัปเกรดให้เป็นมัลดีฟแทน ไปเลยหรูกว่า รวมถึง จัดทริปด่วนมากมาย ทั้งโอซาก้าใหม่ ซัปโปโร ฮอกไกโด รวมไปถึง ทริปสุดยอด จ่ายเงินทำยอดสมาชิกขั้นสูงด้วย "ทัวร์ดูไบ" ซึ่งจากรูปแบบก็คือ การเลื่อนการเดินทาง และระดมทุนก่อนชิ่งอีกส่วนนึง คือ รูปแบบของบริษัทฯ ที่อ้างยอดไลค์กับยอดปฎิสัมพันธ์ ของเพจมันไม่สมเหตุผล บางโพสต์มีไลค์แค่ 6 ไลค์ สูงสุดแค่ 100 กว่าๆ และที่สำคัญบริษัทที่ทำธุรกิจที่โชกุนเป็นเจ้าของจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทเป็นบริษัทนำเข้าส่งออกชา กาแฟ นะ เธอ ซึ่ง "การต้มหมู ต้อนแมว" มีผู้ร่วมมือคือ เพื่อนสาวคนสนิท แฟนสาว และแม่ และตัวละครเงาอีก 1 ตัว

ทางทีมต้องขอเรียกว่า ไดเมียว ไดเมียว จะพยายามส่งข้อมูลให้คนที่เป็นลูกข่ายทางไลน์ ซึ่ง มีการเคลมความอินเตอร์ของบริษัท ด้วยการ โพสต์คลิปรายการ ทั้งสัมภาษณ์ ทั้งรายการแนะนำสินค้า แนะนำซินแสโชกุน ทางช่อง 8 ซึ่งจริงๆ ไม่ใช่ช่อง 8 ของ RS ทางทีวีดิจิตอล แต่เป็นช่อง CH8 ช่องที่ต้องดูผ่านกล่องแอนดรอยส์ ดูผ่านเวบ ดูผ่านแอปฯ แต่ถูกเคลมว่าออกรายการช่อง 8 ทำให้ดูน่าเชื่อถือ!!!

สคบ.ลากไส้! "เวลท์เอเวอร์"ไม่เคยจดทะเบียนขายตรง แค่ “ขายน้ำ”


จากกรณีที่มีการกล่าวอ้างว่าบริษัท เวลท์เอเวอร์ จำกัด ได้จดทะเบียนการประกอบธุรกิจขายตรงกับทาง สคบ. นั้นกองคุ้มครองผู้บริโภคด้านธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรง สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ออกมาให้ความกระจ่างว่า จากการตรวจสอบทะเบียนการประกอบธุรกิจขายตรง ไม่พบว่าบริษัทดังกล่าวได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจขายตรงจาก สคบ. แต่อย่างใด อีกทั้งการประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการนำเที่ยว ต้องเป็นไปตามพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ. 2551 ซึ่งนายทะเบียนตามพระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545 ไม่สามารถรับจดทะเบียนให้ประกอบธุรกิจขายตรงได้

ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ระบุว่า บริษัท เวลท์เอเวอร์ จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2560 ที่ผ่านมา ทุนจดทะเบียน 2 ล้านบาท ที่ตั้งเลขที่ 88/6 หมู่ 9 ต.หนองยาว อ.ลาดยาว จ.นครสวรรค์ หมวดธุรกิจ การขายส่งเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ วัตถุประสงค์ ประกอบกิจการและจำหน่าย นำเข้า-ส่งออก น้ำดื่ม ชา กาแฟ มี น.ส.พสิษฐ์ อริญชย์ลาภิศ เป็นกรรมการบริษัท และจากการตรวจสอบพบว่า น.ส.พสิษฐ์ อายุ 30 ปี เกิดเมื่อวันที่ 16 ต.ค. 2529 อยู่บ้านเลขที่ 91/86 หมู่ที่ 5 ซอยท่าอิฐ  ถนนรัตนาธิเบศร์ ต.บางรักน้อย อ.เมืองฯ จ.นนทบุรี มีบิดาคือนายวิเชียร และมารดาคือ นางมณฎญาณ์



สำหรับความคืบหน้ากรณีทัวร์ผีนี้ นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา แถลงว่าอาจจะเข้าข่ายการประกอบธุรกิจนำเที่ยวโดยไม่ได้รับอนุญาต มีความผิดตามมาตรา 80 ผู้ใดประกอบธุรกิจนำเที่ยวโดยไม่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวตามมาตรา 15 หรือประกอบธุรกิจนำเที่ยวในระหว่างถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตอันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 45 วรรคสอง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินห้าแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

อย่างไรก็ตาม ล่าสุด ตำรวจระดมทีมไล่ล่าตัวซินแสโชกุนจนสามารถจับตัวได้แล้ว บริเวณด่าน ตม.ระนอง พร้อมแก๊งทัวร์ลูกโซ่ คงจะต้องจับตากันต่อไปว่า ซินแสโชกุนและชาวแก๊งจะไปจัดทริปทัวร์ในคุกต่อหรือไม่!?





มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram

"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!


และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754



กำลังโหลดความคิดเห็น