จำเธอกันได้มั้ย? "ใบหม่อน" สาวน้อยวัย 17 ปี เจ้าของดรามา "หนูกลัวกะเทย" ในรายการ The Face Thailand ซีซั่น 3 เพราะความตื่นเต้น กดดัน ทำให้เธอพูดออกไปโดยไม่เคลียร์จนถูกเหล่าเมนเทอร์ไล่ให้กลับไปทบทวนทัศนคติ อีกทั้งยังตกเป็นเป้าโจมตีของผู้คนในโลกออนไลน์
ทว่า ฟ้าหลังฝนย่อมสวยงามเสมอ แม้จะไม่ใช่ The Face Thailand แต่ชื่อของเธอก็ถูกประกาศให้เป็นสุดยอดนางแบบบนเวทีระดับประเทศอย่าง Thai Supermodel 2016 นั่นแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเด็กสาววัย 17 ปีที่ "Strong" และไม่เคยทิ้งฝันของตัวเอง
Go on! เก็บอดีตเป็นบทเรียน
มีใครสักคนเคยกล่าวเอาไว้ว่า "ความผิดพลาดในอดีตให้จำไว้เป็นบทเรียน แต่อย่าจำเพื่อเอามาทำร้ายตัวเองในปัจจุบัน" ดั่งคำพระท่านสอน "อย่าเอามีดในอดีตมากรีดปัจจุบัน" คือหลักคิดที่ "ใบหม่อน-กิตติยา จิตรภักดี" เจ้าของตำแหน่ง Thai Supermodel 2016 เตือนใจตัวเองหลังถูกพายุดรามาซัดกระหน่ำ
แม้บทเรียนในครั้งนั้นได้มอบความทุกข์ใจ และน้ำตาครั้งใหญ่ แต่สุดท้ายชีวิตก็ต้องเดินต่อไปด้วยการเก็บอดีตไว้เป็นบทเรียนสำหรับอนาคต
"ที่พูดไม่เคลียร์ในรายการวันนั้น หนูเสียใจนะคะ ไม่คิดว่าจะทำให้ชีวิตหนู และแม่ต้องเครียดกันมาก" เธอยอมรับผิด ก่อนจะอธิบายต่อไปว่า "หนูไม่ได้มีเจตนาเหยียดเพศ หรือกลัวพี่ๆ เพศที่สามเลย มันเป็นความตื่นเต้น กดดันของหนู เพราะรายการนี้เป็นก้าวแรกของหนู พอสถานการณ์มันกดดันหนูก็เลยไม่ได้อธิบายต่อไปว่าที่กลัวไม่ใช่กลัวแบบนั้น ซึ่งหนูเสียใจ..เสียใจที่ไม่ได้ไปต่อ เสียใจที่ถูกต่อว่าในโลกโซเชียลฯ จนลามไปถึงพ่อแม่
โชคดีที่พ่อกับแม่ให้กำลังใจค่ะ แม่บอกว่าไม่ต้องร้องไห้ ยังมีอีกหลายเวทีให้ไปล่าหาฝัน ซึ่งรายการนี้ให้ประสบการณ์แก่หนูเยอะเลย แถมยังให้บทเรียนราคาแพงจากความผิดพลาดในคำพูดของหนูที่พูดไม่กระจ่าง ซึ่งหนูไม่ได้โทษใครค่ะ หนูโทษที่ตัวหนูเองค่ะ"
ดังนั้น เธอจึงยอมรับตรงๆ ว่า ตัวเองยังไม่พร้อมในรายการ The Face Thailand เพราะเป็นเวทีที่ต้องครบ และแข็งแกร่งจริงๆ ทั้งความสามารถ ทัศนคติ และคำพูด
"เท่าที่ดูหนูจากซีซั่นก่อนหน้านี้ รายการค่อนข้างแรงค่ะ มันคือเกมอย่างหนึ่ง ซึ่งหนูก็ไม่คิดว่าจะเกิดกับหนู แต่พอเจอกับตัวจริงๆ มันน่ากลัวมาก ส่วนตัวคงยังไม่พร้อมจริงๆ ค่ะ พ่อแม่ เพื่อนก็ให้กำลังใจ เพื่อนบอกให้หนูชี้แจง เพราะไม่อยากให้คนเข้าใจผิดไปมากกว่านี้"
เมื่อกลับไปดูรายการย้อนหลัง มีคำพูดของเมนเทอร์ "ลูกเกด (เมทินี กิ่งโพยม)" เคยบอกเอาไว้ว่า "เดี๋ยวจะให้โอกาสไปหาประสบการณ์แล้วค่อยกลับมาปีหน้า" เรื่องนี้เธอตอบสั้นๆ แค่ว่า "คงไม่กลับไปแล้วค่ะ เพราะตำแหน่ง Thai Supermodel 2016 คือความสูงสุดในชีวิตของหนูแล้ว ซึ่งหนูต้องทำหน้าที่ตรงนี้ให้ดีที่สุดค่ะ"
ฟ้าหลังฝน ย่อมสวยงามเสมอ
ในวันนี้ แม้ใครหลายคนยังติดปากเรียกชื่อเธอว่า "ใบหม่อน The Face" หรือ "ใบหม่อนกลัวกะเทย" แต่ "ใบหม่อน Thai Supermodel" คือนามสกุลที่เธอภูมิใจมากกว่า เพราะเป็นเวทีที่พิสูจน์ให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจที่มีมากกว่าความหวาน หน้าไทย รวมไปถึงรูปร่างที่ดี
"พอพลาดจากรายการนั้น แม้จะเสียใจ ร้องไห้กับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น หนูก็ได้รับกำลังใจจากครอบครัว เพื่อนๆ ให้เดินหน้าต่อเพื่อเดินตามฝันบนเวที Thai Supermodel ซึ่งหนูเต็มที่มาก และเตรียมตัวอย่างหนัก ทั้งดูแลผิวพรรณ ฝึกเดิน ฝึกความมั่นใจ โดยเฉพาะอย่างหลัง คุณแม่จะให้ความสำคัญมาก เพราะถ้าเรามั่นใจ เราก็จะไม่กลัวเวที เมื่อไม่กลัวก็จะไม่ตื่นเต้นในการแสดงศักยภาพของเรา
ส่วนเพื่อนๆ ที่เข้าร่วมประกวดด้วยกัน บางคนรู้ว่าเรามีกระแสดราอย่างนั้น อย่างนี้ เพื่อนก็เข้ามาให้กำลังใจค่ะ เป็นอีกหนึ่งเวทีที่มอบประสบการณ์ดีๆ โดยเฉพาะมิตรภาพ นอกจากนั้นยังเปิดโอกาสให้หนูได้พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจจนได้ตำแหน่งสูงสุดบนเวทีนี้" สาวน้อยยิ้มหวาน ก่อนจะถ่อมตนว่า "หนูไม่ใช่คนเก่งที่สุด หนูแค่ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด"
"เวลาซ้อม หนูจะเก็บทุกรายละเอียด เดินช่วงไหน ตอนไหนต้องทำหน้าอย่างไร เช่น ถ้าร่าเริงก็ต้องร่าเริงนะ หรือถ้าซีนนี้ต้องทำหน้าเท่ๆ เราก็ต้องทำออกมาให้ดูเท่ ซึ่งหนูกลับไปฝึกที่บ้านอย่างจริงจังมาก (ลากเสียงยาว) หรือไม่ก็เปิดเพลงซ้อมเดินให้เพื่อนๆ ที่โรงเรียนช่วยกันดู พอได้ตำแหน่งมา เวลาเจออาจารย์ที่โรงเรียน ท่านจะเรียกไปสอนบ้างค่ะ เช่น การวางตัวเมื่อเข้าในวงการนางแบบ หรือวงการบันเทิง
ส่วนพ่อกับแม่ก็ดีใจ และภูมิใจในตัวหนูมาก อารมณ์ตอนให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อหลังได้ตำแหน่ง บอกเลยว่า หนูนี่เบลอมากค่ะ คิดและพูดกับตัวเองว่า นี่เรามาถึงจุดๆ นี้แล้วเหรอ" พูดจบก็ยิ้มให้กับความสำเร็จอีกหนึ่งขั้นของชีวิต ก่อนจะให้กำลังใจคนที่มีฝันทุกๆ คนว่า
"ถ้าฝันที่จะเป็นอะไร เมื่อมีโอกาส หนูอยากให้ทุกคนลองไปหาประสบการณ์ แม้จะพลาดจากเวทีหนึ่ง ใช่ว่าจะสิ้นสุดความฝัน มันต้องมีสักเวทีที่เหมาะกับเรา อย่างหนูอาจจะไม่เหมาะกับรายการ The Face Thailand แต่พอมาเวทีนี้แล้วมันใช่กว่า ดังนั้นขอให้ทุกคนมุ่งมั่นตั้งใจค่ะ"
บ้านนี้เคร่ง "มารยาท"
อย่างไรก็ดี ด้วยความน่ารัก นอบน้อม บวกกับหัวใจที่เข้มแข็ง การย้อนกลับไปยังสถานที่ที่สร้างเธอขึ้นมาอย่าง "ครอบครัว" จึงเป็นอีกหนึ่งความน่าสนใจที่ชวนให้อยากรู้
"แม่เป็นแม่บ้านค่ะ ส่วนพ่อทำงานเกี่ยวกับเครื่องยนต์ในบริษัทรถชั้นนำ ดังนั้นหนู พี่ชาย และน้องชายจะอยู่กับแม่เป็นหลัก ซึ่งท่านจะเลี้ยงลูกๆ โดยให้ความสำคัญกับมารยาท ความน้อบน้อม และการพูดการจา แม่จะสอนเสมอว่า เวลาออกไปข้างนอกอย่าไปพูดกับใครเขาไม่ดีนะ เพราะจะสะท้อนกลับมาถึงพ่อแม่ ส่วนตัวหนูอาจจะมีหลุดพูดคำพูดไม่เหมาะสมบ้างเวลาอยู่กับเพื่อน แต่ก็พยายามไม่ให้มันหยาบเกินไป
ที่สำคัญคือ เวลาเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา พ่อกับแม่จะไม่ซ้ำเติมลูกๆ เลย อย่างตอนที่หนูพูดไม่เคลียร์และโดนกระแสดรามาหนักมาก แม่ก็ให้กำลังใจ และพยายามเลี่ยงไม่พูดเรื่องนั้น เพราะสภาพจิตใจหนูแย่มาก ส่วนคำสอนอื่นๆ ก็จะเน้นทั่วไปค่ะ อะไรไม่ถูกไม่ควรท่านก็จะเข้ามาตักเตือน"
เมื่อถามคุณพ่อคุณแม่เป็นต้นแบบในด้านไหนบ้าง "แม่ก็คือแม่ค่ะ (หันไปยิ้มให้แม่ที่นั่งฟังอยู่ด้านหลัง) แม่หนูเป็นผู้หญิงสู้ชีวิตค่ะ สู้ชีวิตแบบสุดๆ (เน้นเสียง) พ่อหนูก็เหมือนกัน เพราะบ้านเราเคยลำบากมาก่อน ถึงขั้นพ่อไม่ไปทำงานเพราะไม่มีเงิน ตอนนั้นหนูน่าจะอยู่ชั้น ม.3
เห็นแบบนี้ก็เครียดเหมือนกันนะคะ (มีความเศร้าในน้ำเสียง) แต่พ่อกับแม่บอกว่า ไม่ต้องเครียด มีหน้าที่เรียนก็เรียนไป พ่อกับแม่หาเงินให้ลูกเรียนได้อยู่แล้ว ตอนนั้นหนูก็ช่วยประหยัดค่ะ จนสถานะทางการเงินค่อยๆ ดีขึ้น เพราะความขยัน และช่วยกันแก้ปัญหาของพ่อกับแม่" ลูกสาวคนเดียวของบ้านบอก
อย่างไรก็ดี แม้จริงๆ แล้วความฝันของใบหม่อนคือ "นางแบบ" กับ "นางฟ้า (พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน)" แต่ด้วยตำแหน่งสุดยอดนางแบบทำให้เธอต้องทำหน้าที่ในจุดๆ นี้ให้ดีที่สุด นอกจากนั้นยังมีอีกฝันก็คือ การต่อเติมบ้านให้แม่
"ตอนนี้บ้านก็มีแล้ว รถก็มีแล้ว ถ้าพ่อกับแม่อยากได้อะไรหนูก็จะหาให้ค่ะ แต่ก่อนตอนเล็กๆ เราต้องการอะไรท่านก็หามาให้ พอโตขึ้นมาเราก็ต้องตอบแทนท่าน ส่วนเงินที่ได้มาจากการประกวด หนูให้พ่อกับแม่เก็บเอาไว้ค่ะ เห็นแม่อยากได้บ้านเพิ่มอีกสักหลัง ซึ่งเป็นบ้านข้างๆ ที่เจ้าของบ้านมาอยู่บ้าง ไม่อยู่บ้าง แต่ถ้าเขาไม่ขายก็ไม่เป็นไร โดยความตั้งใจของแม่คืออยากทำบ้าน อยากต่อเติมบ้านค่ะ"
ยิ่งรู้จัก ยิ่งพูดมาก
"ถ้าสนิทนะ หนูจะพูดมาก (ลากเสียงยาว) อย่างเวลาอยู่กับเพื่อนนะ หนูจะพูดๆๆๆๆๆ" นี่คือความเป็นใบหม่อนตอนอยู่กับกลุ่มเพื่อน แต่ถ้าอยู่กับคนหมู่มาก หรือคนที่ไม่ค่อยรู้จัก "หนูเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยพูดค่ะ เพราะโดยพื้นฐานแล้ว หนูเป็นคนขี้อายค่ะ (ยิ้มเขินๆ)"
ปัจจุบันเป็นนักเรียนชั้นม.6 โรงเรียนนวมินทราชินูทิศสวนกุหลาบวิทยาลัย ปทุมธานี ส่วนความป๊อปปูล่าร์อยู่ในระดับไหนนั้น ไปฟังคำตอบของเธอกัน
"เวลาอยู่ที่โรงเรียน เวลามีกิจกรรมอะไรหนูอยากทำ อยากร่วมนะคะ แต่เพื่อนๆ ในกลุ่มไม่ค่อยชอบเท่าไร ดังนั้นด้วยความติดเพื่อนหนูจึงไม่ค่อยได้ทำกิจกรรม (หัวเราะ) ถามว่ามีคนมาแซว มาจีบมั้ย ก็มีบ้างนะคะ แต่ส่วนใหญ่จะอยู่กับเพื่อนมากกว่า พอมีเข้ามาก็จะช่วยกันสแกนค่ะ (ยิ้ม)"
ส่วนอนาคตอยากศึกษาต่อในคณะ หรือมหาวิทยาลัยไหน "ที่อยากเข้า หนูอยากเรียนด้านการแสดงที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ" เธอบอก "จริงๆ หนูอยากเรียนคณะที่เกี่ยวกับภาษา เพราะอยากเป็นแอร์โฮสเตส แต่พอมาอยู่ในจุดๆ นี้แล้วคงต้องมุ่งมั่นในสายนี้ ส่วนตัวคิดว่าภาษาเราสามารถฝึกไปพร้อมๆ กันได้ค่ะ ไม่ทิ้งแน่นอน เพราะภาษาอังกฤษสำคัญมากๆ ทั้งการทำงาน และเป็นหน้าต่างสู่โอกาสดีๆ"
เมื่อถามถึงวันว่าง เรื่องกินเรื่องใหญ่สำหรับเธอ รองลงมาคือการนั่งดูซีรีส์ หรือไม่ก็ผ่อนคลายด้วยการอ่านหนังสือนิยายรักโรแมนติก
"ถ้าปิดเทอม ตื่นขึ้นมาหนูจะหาของกินก่อนเลยค่ะ (ยิ้ม) เพราะหนูเป็นคนที่หิวง่ายมากๆ เลย คือถ้ามีอะไรให้กิน หนูกินได้หมดเลยนะ (หัวเราะ) หนูไม่ค่อยเลือกกิน พอกินแล้วก็จะอาบน้ำแล้วมานั่งดูซีรีส์เกาหลีค่ะ อย่างล่าสุดที่เพิ่งดูจบไปคือ The Legend of The Blue Sea บางวันนี่นั่งดูข้ามวันข้ามคืนกันเลยทีเดียว (ยิ้ม) ส่วนซีรีส์ฝรั่งเรื่องโปรดคือ The Vampire Diaries หนูดูไปด้วย เรียนภาษาอังกฤษไปด้วย
นอกจากนั้นยังเป็นคนรักการอ่าน โดยเฉพาะนิยายรักแจ่มใส พออ่านแล้วมันอินดีค่ะ ยิ้มตามบ้าง เขินเองบ้าง ตกเย็นก็มีไปออกกำลังกายบ้างค่ะ อย่างตอนเข้าประกวดที่ต้องฟิตร่างกาย หนูก็ไปวิ่งออกกำลังกายที่สวนสาธารณะ หรือไม่ก็ไปเล่นแบตมินตันกับเพื่อนๆ ค่ะ"
5 เรื่อง "ที่สุด" ในชีวิต
ปิดท้ายกับ 5 เรื่อง "ที่สุด" ในชีวิตของใบหม่อน ส่วนจะมีอะไรบ้างนั้น คำตอบอยู่ในบรรทัดด้านล่างนี้
- สุขที่สุด
"คือตอนที่หนูได้ตำแหน่ง Thai Supermodel 2016 ค่ะ" เธอเผย "ซึ่งหนูมีความสุขมากที่ทำให้คนรอบข้างมีความสุขไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ ปู่ย่าตายาย ครู อาจารย์ เพื่อนๆ"
- เศร้าที่สุด
"น่าจะเป็นช่วงที่พ่อแม่มีปัญหากันค่ะ เวลาเห็นแบบนี้แล้วมันเศร้านะ (มีความเศร้าในน้ำเสียง) ปัจจุบันไม่ค่อยมีแล้วค่ะ"
- ซ่าที่สุด
"ไปเที่ยวกับเพื่อนโดยที่แม่ไม่เห็นด้วยค่ะ คือปกติหนูจะไม่ค่อยเที่ยว และกลับดึก ครั้งนั้นแบบสุดๆ แล้ว แม่กับหนูจึงงอนใส่กัน"
- โกรธที่สุด
"(นิ่งคิด) หนูไม่ชอบคนที่มองแบบหาเรื่อง หรือแขวะ ตอนนั้นก็โกรธนะ แต่ก็ไม่มีอะไรแล้วค่ะ (ยิ้ม)"
- เสียใจที่สุด
"เป็นตอนที่หนูเจอกระแสดรามาครั้งใหญ่ค่ะ ตอนนั้นหนูเสียใจนะ แต่พอมาเห็นข้อความที่ลามไปถึงพ่อแม่ หนูก็ยิ่งเสียใจเข้าไปอีก"
หัวอกแม่ เมื่อลูกโดนดรามา!
แม้ในเส้นทางของการตามฝันจะมีอุปสรรคอยู่บ้าง แต่ถ้าขาดกำลังใจ และความเชื่อมั่นจากครอบครัว โดยเฉพาะคุณแม่ติ๊ก-ฉวีวรรณ พรหมหาญ ก็คงยากที่จะก้าวต่อไป
"กระแสดรามาจากรายการ The Face Thailand ซีซั่น 3 แม่มองว่าถ้าใครโดนแบบนั้น โห! น่าสงสารมาก เขาไม่ดูเลยนะ เพราะเขารู้ว่าเขาตอบอะไรออกไป ยิ่งพอเจอความเห็นที่เข้ามาด่า เขานี่ร้องเลย แม่ก็ได้แต่ปลอบใจ จากนั้นเราแม่ลูกก็เลิกอ่านคอมเมนต์ ซึ่งถือเป็นบทเรียนราคาแพงเลยว่า ต่อจากนี้เวลาจะพูดอะไรก็แล้วแต่ เราต้องคิดก่อน โดยเฉพะการพูดที่ไปพาดพิง หรือกระทบบุคคลที่สาม
ตอนนั้นเราก็พยายามหาทางช่วยลูกนะ ส่งข้อความ ส่งไลน์ และโทร.ไปหารายการว่าจะช่วยกันแก้ปัญหาอย่างไรดี ซึ่งต้องบอกก่อนว่า เราไม่ได้โทษทางรายการนะ เคารพการตัดสินใจของเหล่าเมนเทอร์ เพราะว่าลูกเราไม่พร้อมจริงๆ คือเรารู้เลยว่าลูกเราไม่พร้อม แต่อยากให้สังคมเข้าใจ โดยเฉพาะกลุ่มที่ได้รับผลกระทบ เพราะมันไม่ใช่อย่างที่พูดออกไป สุดท้ายทางรายการก็ลบทุกอย่างที่เขียนว่ากลัวกะเทยออกไป คือจริงๆ เราไม่อยากมีปัญหาต่อกัน พยายามจะไม่มีปัญหาค่ะ"
เมื่อถามถึงวิธีการเลี้ยงลูก "ที่บ้านเราใช้วิธีคุยกันมากกว่าตีค่ะ" เธอบอก "ถ้าเตือนอะไรไปสักเรื่อง แรกๆ อาจมีงอนบ้าง แต่เรื่องนั้นเขาจะไม่ทำอีกเลย นอกนั้นก็สอนทั่วๆ ไป แต่แม่จะหวง และกลัวมาก กลัวว่าลูกจะเสียคน ดังนั้นเพื่อนบางคนอาจจะได้เที่ยวกลางคืนแต่ลูกแม่ไม่ให้เที่ยว อีกอย่างด้วยหน้าตาของเขา เรากลัวคนมาติดเยอะแล้วจะเตลิด ส่วนตัวไม่ได้คาดหวังอะไรมาก แค่อยากให้ลูกใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง และทำงานในวงการนี้อย่างมีความสุข"
ทั้งหมดนี้คือ ชีวิต และมุมคิดของเด็กสาววัย 17 ปี "ใบหม่อน" ดาวดวงใหม่ประดับวงการนางแบบ และวงการบันเทิงไทย แม้จะใช้เวลาพูดคุยกันเพียงไม่กี่นาที แต่ก็ทำให้เราได้รู้จักเธอคนนี้กันได้ดียิ่งขึ้น ส่วนเส้นทางต่อจากนี้จะไปได้สวยหรือไม่ คงต้องให้เวลา และผลงานเป็นเครื่องพิสูจน์
เรื่อง : ปิยะนันท์ ขุนทอง
ภาพ : ธัชกร กิจไชยภณ และขอบคุณภาพประกอบจากเฟซบุ๊ก Kittiya Jitpakdee และอินสตาแกรม Baihmon.kittiya
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754