เธอคือนักโจรกรรมแก่ๆที่ยังคงใช้วิธีเดิมๆ ของเธอในยุคที่เทคโนโลยีก้าวล้ำไปไหนต่อไหนแล้ว อย่างน้อยก็กล้องวงจรปิดที่แทบจะเป็นภาพแบบ HD แต่เธอก็ยังคงใช่วิธีการโจรกรรมแบบเดิมๆ อันเป็นสาเหตุให้เธอโดนจับหลายครั้ง
Doris Payne รู้ตัวเองดีว่าเกิดมาเพื่อเป็นอะไร เธอกล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า
" ก็เมื่อในหนังคนเป็นโจรมันเท่ออกปานนี้ แต่ในชีวิตจริงทำไมถึงไม่มีคนมองโจรอย่างฉันว่าเท่เลย "
เป้าหมายส่วนใหญ่ของ Doris Payne คือเครื่องเพชร อัญมณีล้ำค่าต่างๆ ตลอดทั้งชีวิตของเธอ เธอเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถเบี่ยงเบนความสนใจคนเก่งมากๆ จิตแพทย์เคยวิเคราะห์กันว่ามันสมองของเธอนั้นคิดว่าเรื่องการขโมย เรื่องโกง มันคือการกระทำปรกติเฉกเช่นการกินข้าว ดื่มน้ำ และเธอเป็นคนที่มีจิตวิทยาสูงมาก เห็นได้จากการใช้เครื่องจับเท็จกับเธอ เธอแทบไม่เผยพิรุธให้เห็นเลย
เด็กสาวจากรัฐเวอร์จิเนีย เธอย้ายไปอยู่โอไฮโอตามครอบครัว ด้วยความที่เธออาจเป็นเด็กในครอบครัวผิวสีที่ดูไม่ค่อยยากจนเท่าใดนัก ทำให้เธอมั่นใจในการลักขโมยสิ่งของโดยที่คนไม่สงสัยในตัวเธอ
เหตุการณ์มันเริ่มจากการที่เธอเดินเข้าร้านนาฬิกาในวัย 20 ปี ซึ่งหากว่าเธอดูเป็นเด็กผิวสีที่ดูซอมซ่อ เธอจะถูกจับตาดูในทันที ในยุคที่กล้องวงจรปิดเป็นเพียงแค่สิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดว่ามันจะมีคนประดิษฐ์มันขึ้นมา เธออาศัยจังหวะที่คนขายสนใจในผู้คนในร้านที่แต่งตัวซอมซ่อกว่าเธอ ถือโอกาสเดินออกจากร้านไปพร้อมกับนาฬิกาหรูเรือนงาม เธอเดินออกมาอย่างง่ายดาย และในครั้งนั้นเธอได้ข่าวว่ามีการจับกุมชายผิวสีอีกคน
นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอคิดว่าการลักขโมยมันสนุกสุดๆ และมันสามารถทำรายได้ให้เธอเป็นกอบเป็นกำโดยที่เธอไม่ต้องไปเย็บผ้า หรือ เลี้ยงเด็กๆที่ไหนเลย เธอโจรกรรมแม้กระทั่งไม้ขีดไฟ ไปจนถึงเพชรน้ำงามมูลค่าหลายล้าน ด้วยแนวคิดที่เหนือชั้นไปอีก
" ฉันยอมรับเลยว่าไม่ได้กระทำการรอบคอบมากนัก ฉันมักขโมยของด้วยวิธีชุ่ยๆ ที่เสี่ยงโดนจับด้วยซ้ำ แต่พวกเขามักนำเสนอทุกๆ สิ่งมาให้ฉันเอง ฉันแค่ใช้จิตวิทยานิดหน่อยก็สามารถหยิบเพชรออกมาจากร้านได้แล้ว ฉันไม่ใช่คนกำหนดการโจรกรรม แต่พวกคนขายนำเสนอมาให้ฉันเอง ซึ่งถ้าหากพวกเขาเอาแหวนวงเล็กๆ มาให้ฉัน ฉันก็จะออกไปพร้อมแหวนวงเล็กๆ แต่บังเอิญบางคนนำเสนอเพชรเม็ดเป้งมาให้ฉัน ฉันจึงกลับออกมาพร้อมกับเพชรเม็ดนั้น "
เธอกล่าวอย่างอารมณ์ดีถึงวิธีการทำงานของเธอ และเมื่อมีคนถามเธอด้วยน้ำเสียงตัดพ้อด่าทอว่า ทำไมถึงทำแบบนี้ เธอเอารัดเอาเปรียบคนอื่นนะรู้มั๊ย เธอตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า
" ก็ฉันเป็นโจร จะให้ทำไงล่ะ "
ทั้งเลวทั้งเท่ในคนๆ เดียวกันจริงๆสำหรับอีป้ามหาภัยที่ชื่อ Doris Payne โดยประวัติการถูกจับกุมของเธอนั้นยาวเป็นหางว่าว ใน 4 รัฐ เธอเคยติดคุกไปทั้งสิ้น 10 ครั้ง แต่ละครั้งข้อมูลของเธอมักไม่เหมือนกันโดยเฉพาะชื่อของเธอ แต่ที่ไม่เคยเปลี่ยนเลยคือใบหน้าบนใบประกาศจับ พวกตำรวจมักใช้ใบหน้าเดิม
ไม่ใช่แค่ในอเมริการที่เธอปฏิบัติการ ทุกครั้งที่มีทุนรอนจากการโจรกรรมของมีค่ามูลค่ามากๆ เธอมักนั่งเครื่องชั้นเฟิร์สคลาสไปลองของที่หลายๆ ประเทศทั่วโลก คดีใหญ่ที่สุดคือการโจรกรรมเพชรหนัก 10 กะรัต ที่ Monte Carlo ใน Monaco ประเทศฝรั่งเศส แต่ถูกจับได้เสียก่อน ตำรวจตามหาเพชรที่เธอขโมยไปไม่เจอ และเธอถูกปล่อยตัวไปหลังจากติดคุกอยู่ 9 เดือน
ร้านเพชรและอัญมณีหลายๆ ประเทศทั่วโลกมีรูปของเธอแปะไว้เป็นบุคคลต้องห้าม แต่มันยังคงเป็นรูปเดิม เพราะในตอนนี้เธอได้แก่ชราลงไปมาก และพยายามทำตัวให้ดูดีเหมือนเศรษฐีนีอยู่เสมอๆ เพื่อจะได้ง่ายต่อการโจรกรรมเบี่ยงเบนความสนใจผู้คน
เป็นเพราะคดีติดตัวหลายต่อหลายคดี ทำให้เธอมักหนีไปกบดานอยู่ต่างแดน โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่น จนกระทั่งหลายปีผ่านไปเธอหวนกลับคืนบ้านเกิดและพยายามใช้ชีวิตปรกติเฉกเช่นคนแก่ทั่วไป แต่เป็นแม่เสือแล้วย่อมไม่ทิ้งลาย เธอกลับมาโจรกรรมเครื่องเพชรอีก และถูกจับกุมในวัย 86 ปี
ครั้งนี้เธอเปิดเผยชีวิตจนหมดเปลือก จนเรื่องราวของเธอถูกนำไปสร้างเป็นหนังสารคดี The Life and Crimes of Doris Payne และมีคนยังถามคำถามเดิมว่าทำไมเธอถึงชอบเอารัดเอาเปรียบผู้คนโดยการขโมยแบบนี้ เธอตอบอย่างใจเย็นลอยหน้าลอยตาว่า
" ก็ฉันเป็นโจร "
การที่เธอถูกจับบ่อยครั้งส่วนหนึ่งเพราะเธอยังคงมั่นใจว่าการใช่วิธีเดิมๆเซียนๆอย่างที่เคยทำมันจะสามารถทำได้ในยุคนี้ แต่ถึงแม้ว่าเธอจะเดินออกจากร้านมาพร้อมกับเพชรเม็ดงาม ไม่เกินหนึ่งช่วงตึกเธอก็ถูกรวบเขาซังเตแล้ว นั่นเพราะว่าเทคโนโลยีสมัยนี้มันไม่มีพื้นที่ให้โจรแก่อย่างป้ายืนได้อีกแล้ว
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754