จากกรณีที่พลทหารยุทธกินันท์ บุญเนียม อายุ 22 ปี สังกัดกองบัญชาการมณฑลทหารบกที่ 45 จ.สุราษฎร์ธานี ถูกทำร้ายร่างกายระหว่างถูกคุมขังในเรือนจำมณฑลทหารบกที่ 45 จนได้รับบาดเจ็บสาหัสและไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี โดยทางญาติเชื่อว่าสาเหตุเกิดจากการถูกซ้อมจนเสียชีวิตภายในเรือนจำ และจะไม่เผาศพจนกว่าจะได้รับความเป็นธรรม
ผู้ใช้เฟซบุ๊ก “Bom Lung Lang” ได้เผยแพร่ภาพพลทหารนายหนึ่งที่มีตั้งแต่ภาพตอนที่ปกติ และภาพนอนป่วยสาหัสบนเตียงในโรงพยาบาล กระทั่งเสียชีวิต เมื่อวันที่ 1 เม.ย. ที่ผ่านมา พร้อมระบุข้อความว่า “ช่วยแชร์กันหน่อยนะครับ เพื่อขอความเป็นธรรมให้กับผู้ตาย ญาติผมเป็นทหารเกณฑ์ถูกขังในเรือนจำทหารแล้วโดนทหารทำร้ายร่างกาย ตอนนี้อาการสาหัสมาก อวัยวะภายในบอบช้ำรุนแรง คุณหมอช่วยปั๊มหัวใจ 4 รอบแล้ว และเสียชีวิตเมื่อ ตี 5 ที่ จ.สุราษฎร์ธานี”
หลังมีการโพสต์รูปภาพและข้อความดังกล่าวเกิดเป็นกระแสโซเชียลอย่างกว้างขวาง ว่าเหตุใดพลทหารคนนี้ถึงต้องมาจบชีวิตด้วยการถูกทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิตเช่นนี้ หากเสียชีวิตจากโรคประจำตัวที่มีอยู่แล้ว หรือจากการฝึกอย่างหนักจนร่างกายไม่สามารถรับไหว คงเป็นดวงที่ถึงคาดของคนเหล่านั้น หากแต่การเสียชีวิตที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เป็นการถูกรุมทำร้ายจนเสียชีวิตจากคนภายในเรือนจำ แล้วใครกัน? เป็นผู้สั่งการ มีใครเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้บ้าง? สุดท้ายแล้วจะสามารถจับผู้กระทำผิดมาลงโทษในสิ่งที่ก่อได้หรือไม่? ล้วนเป็นคำถามที่โลกโซเชียลต้องการคำตอบและความจริงอย่างมาก
บอกแม่? ใครทำลูก ก่อนไม่มีโอกาสพูด
นางเรณู หมวดราคี อายุ 40 ปี ผู้เป็นแม่ของพลทหารยุทธกินันท์ บุญเนียม ได้ทราบเรื่องที่ลูกตนเองถูกทำร้ายจนต้องเข้าโรงพยาบาลในวันที่ 31 มี.ค. ที่ผ่านมา พร้อมกับข้อมูลที่ได้รับรู้ในครั้งแรกว่า ลูกชายถูกทำร้ายร่างกายที่ด้านนอกค่ายทหาร บริเวณสี่แยกแสงเพชร ในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งแวปแรกที่เธอได้เห็นสภาพลูกชายหัวแก้วหัวแหวนนอนอยู่บนเตียงโรงพยาบาล เธอแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองว่านี่คือลูกชาย
“วินาทีแรกที่เข้าไปในห้องฉุกเฉิน แทบไม่เชื่อสายตาว่านี่คือลูกตัวเอง ภาพที่ได้เห็นแม่ได้แต่ช็อก หน้าตาบวมปูด เขียวช้ำ ทั่วทั้งร่างกายมีแต่รอยถลอก แถมลูกชายไม่ยอมปริปากบอกว่าโดนใครทำร้าย บอกแค่เพียงลื่นล้มในห้องน้ำ แต่แม่ไม่เชื่อ ต่อมาจึงบอกว่าถูกเพื่อนรุมทำร้ายด้านนอกค่ายทหาร จนสุดท้ายหลังจากที่ได้อยู่กัน 2 ต่อ 2กับลูกถึงยอมบอกว่า...แม่ผมเจ็บ พร้อมกับร้องไห้ และพูดว่า ผมโดนซ้อมในเรือนจำ ก่อนอาการจะโคม่าและเสียชีวิต ซึ่งผลวินิจฉัยบอกว่า เสียชีวิตโดยอาการของ กล้ามเนื้อลายสลาย หรือ rhabdomyolysis”
เมื่อลางสังหรณ์ของผู้เป็นแม่นั้นคาดการณ์ถูกต้อง ว่าสาเหตุใดลูกชายถึงมีสภาพเยี่ยงนี้ เพราะตั้งแต่ครั้งแรกที่เธอเห็นเธอมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าลูกของเธอนั้นถูกทำร้ายร่างกายมาจากเรือนจำ ไม่ใช่ลื่นล้มในห้องน้ำ หรือการถูกรุมทำร้ายที่ด้านนอกค่ายทหาร อย่างที่พูดก่อนหน้านั้นอย่างแน่นอน เนื่องจากทุกครั้งเวลาที่ลูกตอบว่าโดนอะไรมา ลูกจะก้มหน้าและไม่สบตาผู้เป็นแม่เลย เมื่อลูกชายอันเป็นที่รักมาจบชีวิตไปแบบไม่คาดฝัน พร้อมประกาศกร้าวจะไม่เผาศพลูกชายเด็ดขาด หากไม่ได้รับความเป็นธรรม
ผบ.ทบ. ลั่นให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย
ใช่ว่าจะนิ่งนอนใจต่อปัญหาที่เกิดที่เกิดขึ้น พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก หรือ ผบ.ทบ. กล่าวถึงกรณีพลทหารยุทธกินันท์ บุญเนียม เสียชีวิตระหว่างถูกขุมขังเนื่องจากทำผิดวินัย ว่า การเสียชีวิตของน้องพลทหารยุทธกินันท์ ตนขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของน้องพลทหารที่เสียชีวิตในครั้งนี้เป็นอย่างยิ่ง ซึ่งในรายละเอียดอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการสอบสวน ในส่วนของตนเองรู้สึกเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น และต้องขอโทษสังคมด้วย ซึ่งเรื่องดังกล่าวถึงเป็นนโยบายหลักของตน ที่ได้สั่งการไม่ให้มีการทำร้ายร่างกาย โดนเฉพาะน้องๆ พลทหารและได้เน้นย้ำในที่ประชุมหลายครั้ง
“ผมต้องขอโทษสังคมอีกครั้งที่เกิดกรณีดังกล่าว อาจเรียกได้ว่าติดนิสัยมาตั้งแต่ในสมัยอดีตในเรื่องของการฝึก เนื่องจากการฝึกพลทหารเพื่อไปทำหน้าที่ดูแลในพื้นที่ชายแดน จึงเข้มงวดกวดขัน และมีการฝึกการจัดระเบียบวินัยที่หนักและลงโทษค่อนข้างรุนแรง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ในเวลาปัจจุบันค่อยๆ คลายตัวลงไปแล้ว และมีกรอบการฝึกที่เหมาะสม แต่ก็ยังมีจุดมืดจุดดำอยู่ ซึ่งผมพยายามจะแก้ไข เพราะผมถือว่าเป็นเรื่องที่ผมต้องรับผิดชอบตรงนี้ ไม่ให้มีสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นอีกครั้ง” พล.อ.เฉลิมชัย กล่าว
ขณะที่ พล.ต.วิชัย ทัศนมณเฑียร (ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 45 ค่ายวิภาวดีรังสิต จ. สุราษฎร์ธานี) หรือ ผบ.มทบ.45 ได้มีคำสั่งให้ ร.ท.ฐิติกานต์ เวชสิทธิ์ ผู้ช่วยผู้บังคับเรือนจำรักษาราชการผู้บังคับเรือนจำมณฑลทหารบกที่ 45 และ สิบเอกสุรเชษฐ์ พรหมมาศ นายเวร ประจำเรือนจำมณฑลทหารบกที่ 45 ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบเรือนจำและผู้ปฏิบัติหน้าที่คืนวันเกิดเหตุ ไปช่วยราชการ มทบ. 45
พร้อมตั้งคณะทำงานสอบสวนสืบสวนคดีนี้ขึ้นมาโดยมี พล.ต.ต.อภิชาติ บุญศรีโรจน์ ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี, พ.ต.อ.วิชอบ เกิดเกลี้ยง รอง ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี หัวหน้าพนักงานสอบสวน, พ.ต.ท.นพดล เกิดกุลรัตน์ รอง ผกก.สืบสวน ภ.จว.สุราษฎร์ธานี, ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี และเจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 8 เข้าร่วมประชุมกว่า 2 ชั่วโมง
นอกจากนี้ได้สอบปากคำพยานไปแล้วทั้งสิ้น 4 ปาก โดยพยานไม่ได้มีความหวาดกลัว หรือร้องขอคุ้มกัน ซึ่งคาดว่าจะมีการสอบปากคำพยานและผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดไม่น้อยกว่า 30 ปาก
คลิปเสียงหลุดว่อนโซเชียล
ต่อมาในโลกโซเชียลได้มีการส่งต่อคลิปเสียง ความยาว 11.27 นาที โดยมีการกล่าวอ้างว่า เป็นคลิปที่ ร.ท.ฐิติกานต์ เวชสิทธิ์ บันทึกไว้ ขณะพานางเรณู ไปหาลูกชายที่โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี เพื่อดูอาการ
เนื้อหาเสียงในคลิปเป็นการพูดคุยของบุคคล 4 คน คือ นางเรณู, พลทหารยุทธกินันท์, ร.ท.ฐิติกานต์ และแพทย์เวร เป็นการสอบถามเหตุการณ์ถูกทำร้ายร่างกาย รวมถึงสถานที่เกิดเหตุ มีใจความว่า
“พลทหารบอกกับแม่ว่าถูกเพื่อนรุมทำร้ายร่างกายที่บริเวณสี่แยกแสงเพชร แต่เมื่อนางเรณูถามว่าใครทำกลับไม่มีคำตอบ บอกแค่เพียงว่า ถูกทำร้ายตั้งแต่คืนวันที่ 26 มี.ค. ก่อนจะถูกสั่งให้รับโทษที่เรือนจำ แต่ไม่ได้แจ้งผู้คุมเรือนจำให้ทราบ ทำให้ ร.ท.ฐิติกานต์ ได้สวนกลับไปว่าทำไมไม่บอกว่ามีอาการเจ็บ จะได้ทำการรักษาได้ทัน ปล่อยเลยมาหลายวันจนเจ็บหนัก อีกทั้งพลทหารยังได้พูดบอกแม่ว่า ผมเจ็บ ด้านแพทย์เวรได้บอกสาเหตุของการบวมว่าเนื่องจากภาวะไตวาย”
ล่าสุดวันที่ 4 เม.ย. เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองสุราษฎร์ธานี ได้เข้าไปสอบปากคำพยานจากทหารเกณฑ์ในค่ายวิภาวดีรังสิต เพิ่มเติม โดย ผบ.มทบ.45 บอกว่า
“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจจะสร้างความโศกเศร้าเสียใจต่อเพื่อนทหารเกณฑ์ด้วยกัน และส่วนใหญ่เชื่อว่า อาจจะเสียชีวิตจากการถูกซ้อมส่วนหนึ่ง แต่ขวัญกำลังใจของทหารเกณฑ์ยังดีไม่หวั่นไหว และยืนยันว่าการฝึกทหารของค่ายวิภาวดีรังสิตแห่งนี้ไม่รุนแรง ทุกคนรับได้ ไม่ได้ฝึกหนักอย่างที่ทุกคนคาดคิด ในส่วนเรื่องคดี ทางชุดสืบสวนสอบสวนสถานีตำรวจเมืองสุราษฎร์ธานี ได้เข้าทำการสอบปากคำเจ้าหน้าที่ทหารที่ และเพื่อนทหารเกณฑ์ที่กองร้อยมณฑลทหารบกที่ 45 ค่ายวิภาวดีรังสิต” ผบ.มท.45 กล่าว
อย่างไรก็ตามนางเรณู ได้ให้สัมภาษณ์ว่า “พอใจระดับหนึ่งที่ทางทหาร และเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินหน้าให้ความเป็นธรรม และยังไม่ไว้วางใจที่ทางเจ้าหน้าที่จะนำตัวจริงของผู้กระทำความผิดมาลงโทษได้ แต่ก็จะทำทุกวิถีทางที่จะให้ลูกชายได้รับความเป็นธรรม พร้อมขอร้องไปยังทางกองทัพว่า ขอให้สิ่งที่เกิดขึ้นกับลูกชายของตนเป็นรายสุดท้ายสำหรับทหารเกณฑ์”
แม้ทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์ทหารเกณฑ์ถูกทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิต ทุกฟากฝ่ายที่เกี่ยวข้องมักตบเท้าออกมาแสดงความเสียใจและขอให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ถือเป็นเคสสุดท้าย แต่ในความเป็นจริงแล้วคำพูดกับการกระทำนั้นจะสามารถทำได้จริงอย่างที่พูดหรือไม่นั้น ต้องรอดูกันต่อไป...
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754