จากกรณีที่มีการใช้มาตรา 44 เกี่ยวกับการจราจรเพื่อลดอุบัติเหตุ ดีเดย์จับปรับจริงในวันที่ 5 เมษายนนี้ ห้ามนั่งหลังกระบะใช้บรรทุกของได้อย่างเดียว ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากโลกโซเชียลฯ ซัดกระหน่ำ หลายคนบอกว่า ออกกฎหมายเอาใจคนรวย เพราะคนนั่งท้ายกระบะไม่ใช่สาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุ คนขับประมาทต่างหาก เพราะส่วนใหญ่คนที่ใช้รถกระบะคือชาวบ้าน หลายบ้านมีรถกระบะแค่คันเดียว แต่มีสมาชิกในครอบครัวเพียบ! ล่าสุด ห้ามนั่งแค็บในห้องโดยสาร ที่เป็นกระบะตอนครึ่งอีก เพราะไม่มีเข็มขัดนิรภัย บรรทุกของได้เท่านั้น
หนำซ้ำรถกระบะตอนครึ่ง ที่เรียกว่า แค็บ ส่วนใหญ่จะไม่มีเข็มขัดนิรภัย คนจึงไม่สามารถนั่งบริเวณนั้นได้ นั่นเท่ากับว่า กระบะ 1 คัน นั่งได้เพียง 2 คน เท่านั้น จากเดิมที่เคยเดินทางกันเป็นครอบครัวใหญ่หลายคนกับรถกระบะ 1 คัน จึงทำให้เกิดคำถามว่า กรณีชาวบ้านต่างจังหวัดจะไปร่วมงานแต่ง งานบุญ งานบวช กันหลายๆคนนั้น จะขอติดรถไปในงานด้วยตามที่เราเห็นกันจนชินตา ก็คงจะไม่ได้อีกต่อไป
เสียงสะท้อนจากโลกโซเชียลฯ ที่มีต่อกฎหมายดังกล่าวนี้ ส่วนใหญ่เป็นไปในทิศทางเดียวกันคือ เดือดร้อนคนจน!
“ไม่มีใครหรอกที่อยากนั่งท้ายกระบะ ร้อนก็ร้อน แต่เพราะที่บ้านเขาไม่ได้รวยไงครับ มีรถแค่คันเดียวจะให้นั่งอัดกันข้างในหมดก็ไม่ได้ เห็นใจคนจนๆที่ไม่มีเงินซื้อรถหลายๆคันให้พอกับครอบครัวเขาด้วย”
"คนจนๆเขามีรถคันเดียวซึ่งกว่าจะหามาได้เลือดตาแทบกระเด็น หวังให้ความสะดวกสบายแก่ครอบครัว มีลูก 4 คน รวมพ่อกับแม่แล้วเป็น 6 คน จะไปร่วมงานญาติพี่น้องต่างจังหวัดก็ไปไม่ได้เพราะนั่งหลังกระบะไม่ได้ ออกกฎหมายมาให้คนจนๆเดือดร้อนเล่นซะอย่างนั้น"
"บ้านเราครอบครัวใหญ่ ไปไหนมาไหนมีรถคันเดียว คน 9 คนจะอัดหน้าหมดเหรอบ้านไม่ได้รวยมีรถหลายคัน ไปงานแต่งงานบวชก็ต้องไปกันทั้งครอบครัว"
"มันคิดว่าเงินที่ไปลงทะเบียนคนจนซื้อรถกระบะได้เลยมั้ง คนแก่ไป รพ.เขานัดไปทีหลายคน จะได้ไม่แออัดอย่างนี้ต้องหาซื้อรถกระคันคนละคัน ไปใครไปมันหรือไง ทำอย่างกับว่า รพ.ทำที่จอดไว้รองรับคนไข้ หาที่จอดแทบจะไม่ได้ คิดใหม่เถอะห้ามนั่งหลังกระบะ เอาเวลาไปจับมอเตอร์ไซค์ผิด กฎหมายดีกว่ามั้ง ขี่ย้อนศรก็เยอะ ยาบ้าก็แยะ ไม่จับ"
ล่าสุด ทนายชื่อดัง เกิดผล แก้วเกิด โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า รถกระบะมีแค็บตอนนี้กลายเป็นรถมีเวรกรรมไปแล้ว ชี้รัฐบาลเอาแต่ได้ คนตายคือประชาชน!
“อย่าว่าแต่ห้ามนั่งท้ายกระบะเลยครับ ถ้าเอาตามกฎหมายจริง ๆ รถกระบะมีแค็บ (ตอนครึ่ง ) ป้ายทะเบียนพื้นสีขาว ตัวหนังสือสีเขียวก็จดทะเบียนเป็นรถยนต์ส่วนบุคคล ที่มีที่นั่งเพียง ตอนหน้า คือ ผู้โดยสาร กับคนขับ รวมกันได้ เพียง 2 คน ไม่เหมือนรถกระบะ 4 ประตู ป้ายทะเบียนขาว ตัวหนังสือสีดำ ที่จดทะเบียนเป็น "รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง" รถกระบะแค็บ ที่ไม่ระบุจำนวนที่นั่ง จึงต้องถือเอาตามที่นั่งจริง คือ 2 ที่นั่ง
ส่วนกระบะท้าย และ แคป ไม่ถือว่าเป็นที่นั่งผู้โดยสาร ยิ่งรัฐบาล โดยหัวหน้า คสช.ประกาศบังคับใช้มาตรา 44 ห้ามนั่งกระบะท้าย หรือภายในแค็บ ตำรวจยิ่งตีปีก รับ!!!
ความจริงรถกระบะ ไม่ว่า 4 ประตู หรือ 2 ประตู + แคป ควรเป็นรถเอนกประสงค์ ตามเจตนาผู้ผลิต และผู้ซิ้อถ้ารัฐบาลจะออกกฎหมายห้าม ก็ควรแก้กฎหมาย หรือกฎระเบียบอื่นๆ ให้สอดคล้องกับ กฎหมายและความเป็นจริงไม่ใช่ กรมการขนส่งออกระเบียบอย่างอื่น แต่หน่วยงานอื่น ออกระเบียบไม่สอดคล้อง
ตอนนี้กลายเป็นว่า รถกระบะมีแค็บ เป็นรถมีเวรกรรมนั่งท้ายกระบะก็ไม่ได้ นั่งในแค็บ ก็ไม่ได้สรุป นั่งได้ 2 คน เท่ารถมอเตอร์ไซค์แต่เสียภาษี แพงกว่ามอเตอร์ไซค์ หลายเท่า
แม้แต่เบี้ยประกันภัย กรมการประกันภัยก็ไม่ได้ช่วยอะไร / บริษัทประกันภัย คิดเบี้ยประกันภัยเท่ากับคุ้มครองผู้โดยสาร 10 -12 คน ทั้งๆ ที่กฎหมาย ให้นั่งโดยสารได้ไม่เกิน 2 คน
รัฐเอาแต่ได้ คนจะตายคือประชาชน
คงจะต้องติดตามกันต่อไปว่า การออกกฎหมายห้ามนั่งท้ายกระบะที่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างนี้ จะบังคับใช้ได้จริงมั้ย!?
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754