xs
xsm
sm
md
lg

ฉาวกระฉ่อนโลก! โควตาคนรวยซะอย่าง..ซิ่งชนคนตายแต่ชิลเวอร์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


 
“เอาอะไรมากกับประเทศนี้” “คนรวยไม่ติดคุก..ไทยแลนด์โอลี่จริงๆ แหละ” สังคมวิจารณ์หนัก! หลังสื่อนอกแฉ ลูกคนรวยขับรถชนคนตาย..รอดง่ายดาย? ตั้งคำถามทวงความยุติธรรมวงการ “สีกากี” อีกครั้ง! หลังคดีความทายาทกระทิงแดงซิ่งเฟอร์รารี่ชนตำรวจดับ ไม่คืบหน้า-ล่าช้ามา 5 ปี ตอกย้ำคำพูด “คุกมีไว้ขังคนจน” นี่แหละหนาประเทศไทย!!






หรือซังเต..ไม่เคยขัง “คนรวย” ?

สื่อนอกแฉ “บอส” ทายาทกระทิงแดง Go Around the World เที่ยวทั่วโลกสบายใจ(เสมือน)ไร้มลทิน? หลังจากก่อเหตุขับรถเฟอร์รารี่หรูชนนายตำรวจดับเมื่อปี 2555 ล่าสุดปี 2560 คดีความเริ่มหมดอายุ-หดหาย เจ้าตัวยังเที่ยวเพลิดเพลิน..วิถีสโลไลฟ์ตามท้องเรื่อง

“บอส” วรยุทธ อยู่วิทยา อายุ 31 ปี ทายาทเจ้าของกระทิงแดง กลับไปใช้ชีวิตหรูหราตามแบบลูกเศรษฐีพันล้าน บินรอบโลกด้วยเครื่องบินเจ็ตของเรดบูล นั่งเก้าอี้ VIP ดูการแข่งรถฟอร์มูลาวันเชียร์ทีมของตัวเอง ใช้กรุงลอนดอนเป็นที่เก็บรถปอร์เช่ คาร์เรรา สีดำ ป้ายทะเบียนพิเศษ

นี่คือรายงานจากศูนย์วิจัยข้อมูลสำนักข่าวเอพีในนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐฯ เล่าถึงชีวิตที่หรูหราตามสไตล์ลูกชายมหาเศรษฐีพันล้าน ทว่า ชีวิตที่สุดสบายที่ว่านี้จะไม่เป็นปัญหาสำหรับใครเลย หากว่ามือของเขาไม่ได้แปดเปื้อนไปด้วยเลือดในฐานะ “ผู้กระทำความผิด”


 
ไม่กี่สัปดาห์หลังขับรถชนตำรวจชั้นผู้น้อยของไทยเสียชีวิต จากการติดตามพฤติกรรมของทายาทกระทิงแดงรายนี้ พบว่า กว่า 120 รูปที่ถูกเผยแพร่ลงโซเชียลมีเดีย เขาได้เดินทางไปต่างประเทศอย่างน้อย 9 ประเทศด้วยกัน นับตั้งแต่ซิ่งรถหรูชนคนเสียชีวิต

ประเด็นนี้ สะท้อนให้เห็นว่า แม้คดีความจะถูกแขวนเอาไว้ในปี 2555 แต่ดูเหมือนว่าไลฟ์สไตล์ความเป็นลูกเศรษฐีจะไม่เคยยุติลงเลย ทว่า กลับโลดแล่นอยู่บนถนนแห่งความสุขอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว

ไม่ว่าจะเป็นการไปล่องเรือที่โมนาโก เล่นสโนว์บอร์ดที่ญี่ปุ่น ฉลองวันเกิดที่ร้านอาหารหรูในกรุงลอนดอน รับประทานอาหารที่ฝรั่งเศส ควงจักรยานหรูราคาหลักแสนในกรุงเทพฯ การเดินทางไปเมืองหลวงพระบาง เยี่ยมชมนครวัด ค้างรีสอร์ตหรูคืนละ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ โดยมีครอบครัวเป็นฝ่ายซัปพอร์ต

ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ของโลกออนไลน์ที่มองว่า ปัญหาระดับชาติเรื่องนี้ “ไม่เคย” หมดไปจากสังคมไทยเสียที ทั้งเคสตัวอย่างคนดัง-ลูกเทวดาที่มีให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งดูเหมือนว่าช่องโว่วระหว่างคนรวยและคนจนจะมีขนาดกว้างเข้าไปทุกที

“เอาอะไรประเทศนี้มาก ใครรวย มีตังค์ ใช้ชีวิตสุขสบาย ฆ่าใครตายก็ไม่สนใจหรอก”
“พ่อรวย ใครจะทำไม มึ_รวยได้เหมือนตรูปะละ ทำไมศพ เดียวมึ_ดิ้นหรอ 9ศพ ยังชิลๆ เลย”
“รู้สึกสมเพชระบบยุติธรรมของประเทศตัวเองอย่างท่วมท้น เงินอยู่เหนือทุกสิ่งจริงๆ”

 
หากถามว่า “กระบวนการยุติธรรมไทยกับการเอาผิดทำไมล่าช้า” จากผลลัพธ์ที่สะท้อนให้เห็นว่า ถ้าผู้กระทำผิดมีความเกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลหรือคนรวย แต้มบุญความรวยถูกนำมาใช้เป็นโควตาให้คดีความยืดยาวจนถึงขั้นหลุดโผล่ไปได้ซะอย่างนั้น?

ซึ่งทางด้านนักวิเคราะห์เองได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเอพีอีกด้วยว่า “ความเฉื่อยชาในคดีนี้เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดที่สะท้อนถึงสิทธิพิเศษสำหรับชนชั้นมั่งคั่งในไทย ซึ่งเป็นประเทศที่เผชิญความวุ่นวายทางการเมือง และต่อสู้กับหลักนิติธรรมมาหลายทศวรรษ”

บทสรุปเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร คงต้องรอติดตามกันต่อไปว่า การนัดหมายให้มาพบและฟังข้อกล่าวหาอีกครั้งในวันที่ 30 มีนาคมนี้ นักซิ่งพวงมาลัยเปื้อนเลือดรายนี้จะเทอีกหรือไม่..

เปิดไทม์ไลน์คดี “เฟอร์รารี่ลูกคนรวย”

จากประเด็นที่ว่านี้ ได้ถูกจับตามองมากที่สุด และได้กลายเป็นข้อวิพากษ์ของสังคมที่ต่างตั้งคำถามกันอย่างหนัก ถึงความรับผิดชอบของผู้กระทำความผิด และความล่าช้าในการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง ซัดซ้ำเจ้าหน้าที่เลือกปฏิบัติ-สองมาตรฐาน แถมเปิดทางให้ผู้มีอิทธิพล คดีความที่หมักมมใต้พรมมานานกว่า 5 ปี กลับมาเขย่าวงการสีกากีอีกครั้ง

ย้อนรอยกลับไปเมื่อ 5 ปีก่อน เกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญย่านใจกลางเมือง ถนนสุขุมวิท เมื่อ “ทายาท” เครื่องดื่มชูกำลัง ควบรถสปอร์ต “เฟอร์รารี่” ด้วยความเร็วสูง พุ่งชนร่างนายตำรวจดับ ก่อนลากร่างไร้วิญญาณไปไกลถึง 200 เมตร หลังเหตุการณ์สลด เจ้าหน้าที่สืบคดีพบตัวนักซิ่งตีนผี “นายวรยุทธ อยู่วิทยา” ทายาทมหาเศรษฐีเจ้าของแบรนด์ “กระทิงแดง”

 
เหตุการณ์ครั้งนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นไปตามคาด และส่อเค้าว่าจะล่มตั้งแต่ยังไม่เริ่ม เพราะหลังเกิดเหตุขับรถชนคนตาย แม้หลักฐานชิ้นสำคัญคือรถเฟอร์รารี่หรู สภาพพังยับเยินบ่งบอกได้ว่าเพิ่งประสบอุบัติเหตุมาหมาดๆ

ทว่า เรื่องราวกลับตาลปัตร เมื่อ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.(ในขณะนั้น) นำตัวพ่อบ้านที่มีหน้าที่ดูแลรถบ้านเจ้าสัวเฉลิม เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ซะได้ ประเด็นนี้จึงสร้างขอกังขาแก่ประชาชนไปทั่วทั้งประเทศ

ภายหลังจากที่ส่งตัวแพะเพื่อมารับ “บาป” เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวก็ถูกเด้งให้พ้นจากคดีความนี้ เนื่องจากกระทำผิดวินัยร้ายแรง ถึงขั้นร้อนไปถึง “พล.ต.ท คำรณวิทย์” เลยทีเดียวว่า “ผมไม่พอใจก็เพราะไปเอาตัวปลอมมามอบตัว ส่วนคนที่ขับรถชนตำรวจตัวจริงยังลอยนวลอยู่ ทำงานแบบนี้ใช้ไม่ได้”

จนในที่สุด นักซิ่งตัวจริงได้เข้ามอบตัวหลังถูกกระแสสังคมโจมตีอย่างหนัก แต่ได้ให้การภาคเสธ โดยยอมรับว่า “ขับรถสปอร์ตประสบอุบัติเหตุจริง แต่ผู้ตายขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ปาดหน้าทำให้หักหลบไม่ทัน”

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าผลการตรวจร่างกาย ปรากฏว่ามีแอลกอฮอล์ 64.8 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือว่าเกินที่กฎหมายกำหนด แต่ไม่ถูกฟ้องในข้อหาเมาแล้วขับแต่อย่างใด เพราะทางทนายทายาทเศรษฐีอ้างว่า “ทายาทกระทิงแดงดื่มหลังเกิดเหตุ เพราะเกิดความเครียดอย่างหนัก”

 
ส่วนเรื่องข้อกล่าวหา หลังจากได้สั่งฟ้องไป 2 ข้อหาคือ 1. ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและเป็นเหตุให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย 2. ไม่หยุดรถให้ความช่วยเหลือผู้ถูกชน ภายหลังได้เพิ่มข้อหาเพิ่มเติมเพราะต้องจำนนต่อหลักฐานจากกล้องวงจรปิด 3.ความผิดฐานขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนดฯ (มีความเร็วสูง 170 กม.ต่อชม.) และ 4. ขับรถขณะมึนเมาสุรา

แต่ที่เป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ของสังคมอย่างหนักคือ การประวิงเวลาของทายาทกระทิงแดงรายนี้ที่มักหลบหลีกการนัดหมายของพนักงานอัยการอยู่บ่อยครั้ง ทั้งการอ้างว่าป่วยกะทันหันอยู่ต่างประเทศ จนไม่สามารถเดินทางมาตามนัดได้ ทำให้คดีความในบางข้อหาต้องหมดอายุความลง

เช่น ข้อหาขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดฯ ซึ่งเป็นความผิดลหุโทษ มีอายุความ 1 ปี และหมดอายุความลงในวันที่ 3 ก.ย. 2556 เพราะไม่สามารถนำตัวผู้ต้องหาส่งฟ้องต่อศาลได้ เท่ากับว่าการดำเนินคดีกับนักซิ่งตีนผีรายนี้ เหลือเพียงแค่ 3 กระทงเท่านั้นเอง

ล่าสุด มีความคืบหน้าจากด้าน พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. ถึงคดีที่ทายาทกระทิงแดง ขับรถหรูชนตำรวจเสียชีวิตว่า ขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนได้ส่งสำนวนให้กับพนักงานอัยการหมดแล้ว ซึ่งต้องเป็นอำนาจหน้าที่ของพนักงานอัยการที่จะดำเนินการตามกระบวนการของกฎหมาย ในส่วนหน้าที่ของพนักงานสอบสวนของตำรวจ ได้มีการเร่งรัดสอบพยานหลักฐานเพิ่ม ตามที่อัยการมีคำสั่งมา

ถึงตอนนี้ ความยืดเยื้อกว่า 5 ปีของกระบวนการยุติธรรมไทยในคดีนี้ ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะสิ้งสุดลงได้ ทั้งยังกลายเป็นเหมือนวงจรอุบาทว์ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์วนรูปเดิมๆ ไร้ซึ่งบทสรุปที่สังคมเฝ้ารอ และถ้ายังปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรมแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ

เห็นทีว่า "ผู้ผดุงความยุติธรรม"
ในประเทศนี้ คงต้องแบกหน้ารับคำประณามก่นด่าจากทั่วทุกมุมโลกอย่างปฏิเสธไม่ได้ ในฐานะที่ปล่อยให้เกิด "สิทธิพิเศษ" ในหมู่คนรวย และทำให้เกิด "ช่องโหว่" ครั้งใหญ่ขึ้นในกระบวนยุติธรรม

ข่าวโดย ทีมข่าวผู้จัดการ Live




มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram

"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!


และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754



กำลังโหลดความคิดเห็น