กลายเป็นประเด็นร้อนในรอบสัปดาห์ สำหรับ ม.44 ที่บังคับใช้เรื่องวินัยจราจร โดยเฉพาะรถตู้โดยสารสาธารณะที่โดนจัดหนักเป็นพิเศษ ที่ให้ปรับที่นั่งจาก 15 ที่นั่ง เหลือ 13 ที่นั่ง ให้ติดระบบจีพีเอสในรถตู้ และให้มีเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่ง โดยมีผลบังคับใช้ทันทีนั้น ทางฝั่งคนขับรถตู้รีบร่อนจดหมายถึงบิ๊กตู่ว่า..ยังไม่พร้อม!
หลังจาก นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบกขานรับคำประกาศจากบิ๊กตู่ และเปิดแถลงข่าวบังคับเรื่องการจัดระเบียบรถโดยสารสาธารณะ โดยเฉพาะของรถตู้โดยสาร ซึ่งมีผลทันที โดยรถตู้โดยสารที่วิ่งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งปกติจะมี 15 ที่นั่ง และรถตู้วิ่งระหว่างจังหวัดมี 14 ที่นั่ง ตามประกาศม.44 ครั้งนี้ จะมีผลทำให้รถทั้งสองประเภทจะต้องไปเร่งดำเนินการแก้ไขปรับปรุงตัวรถให้เหลือ 13 ที่นั่งตามประกาศ
โดยการจัดที่นั่งนั้น คสช. ต้องการให้นำเบาะท้ายสุดของตัวรถออกไป 1 ที่นั่ง รวมทั้งเบาะกลางระหว่างคนขับกับผู้โดยสารตอนหน้าอีก1 ที่นั่ง เมื่อเอาออกไป 2 ที่นั่ง ก็จะมีจำนวนที่นั่งพอดีกับการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าว เป้าหมายเพื่อต้องการให้การบรรทุกผู้โดยสารในรถตู้ มีที่เหลือและเกิดความคล่องตัวในการเปิดประตูด้านหลัง กรณีรถเกิดอุบัติเหตุขึ้น
นอกจากนั้น ยังมีคำสั่งให้รถตู้โดยสารที่จดทะเบียนตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2555 ต้องติดตั้งเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่ง ทุกคัน และในทุกเส้นทาง สำหรับรถโดยสารที่วิ่งระหว่างกรุงเทพมหานครไปต่างจังหวัง และวิ่งระหว่างจังหวัด ที่จดทะเบียนตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2557 กำหนดให้ต้องติดตั้งเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่ง ทุกคน
ล่าสุดเมื่อวันที่ 28 มีนาคม ที่ผ่านมา กลุ่มรถตู้โดยสารปรับอากาศสาธารณะร่วมบริการ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ได้ยื่นหนังสือถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. ผ่านเจ้าหน้าที่ศูนย์บริการประชาชน สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อให้พิจารณาคำสั่งการจัดระเบียบรถตู้โดยสารปรับอากาศสาธารณะร่วมบริการขสมก. ขอให้ผ่อนผันการเดินรถให้สิ้นสุดตามระยะเวลาคู่สัญญากับขสมก.
เนื่องจากผู้ประกอบการไม่สามารถปฎิบัติตามที่มีการจัดระเบียบได้ เพราะไม่มีค่าใช้จ่ายในการปรับลดเพิ่มเปลี่ยน จึงทำให้เกิดผลกระทบ รวมถึงขอให้ยกเลิกการปรับลดที่นั่งจาก 15 ที่นั่ง เหลือ 13 ที่นั่งตามเดิม และขอให้ผ่อนผันการติดตั้งจีพีเอสในรถ เนื่องจากการจราจรติดขัด ไม่สามารถใช้ความเร็วได้ จึงไม่มีความจำเป็นในการติดตั้งจีพีเอส นอกจากนั้น การคาดเข็มขัดนิรภัย ให้ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้โดยสาร เพราะมีติดประกาศไว้ในรถเรียบร้อยแล้ว และไม่สามารถสั่งผู้โดยสารคาดเข็มขัดนิรภัยได้ อย่างไรก็ตามขอให้จุดรับ-ส่ง ผู้โดยสาร เป็นไปตามเดิมจนกว่าจะสิ้นสุดระยะเวลาคู่สัญญา
หลังจากฝั่งคนขับรถตู้ได้ออกเงื่อนไขดังกล่าว โลกโซเชียลก็วิพากษ์วิจารณ์กันสนั่น ถึงข้อเรียกร้องของฝั่งรถตู้ และข้อบังคับใช้ของคสช. เพราะที่ผ่านมา ปัญหาของการบริการรถตู้ร่วมบริการนั้น เกิดจากการขับขี่ของคนขับล้วนๆ และอยากให้รถตู้ปรับเปลี่ยนเป็นรถบัส ที่มีความปลอดภัย
ยกตัวอย่างคอมเม้นต์ของผู้โดยสารรถตู้ มีหลายๆ คอมเม้นต์ที่ต้องการให้รัฐบาลปรับเปลี่ยนรถโดยสารที่เหมาะสม
xxx... อย่ามัวแต่แก้ปลายๆ ของเหตุ ต้นเหตุคือใช้รถตู้ขนส่งมันไม่ถูกต้อง แต่ที่มันติดตลาด คนนิยมใช้เพราะ ไม่รอนาน คนขับทำเวลาด้วยการซิ่งทำรอบเพราะทุกคนรับจ้างเหมาวิ่งทำมากใด้มาก จอดมั่วใด้ตามที่อยากเพราะคนขับอยากใด้คน สิ่งเหล่านี้หาไม่ใด้ในรถบัสขนส่ง กรมขนส่งก็ชอบเพราะส่วยบินกระจาย สัปทานเพียบ ตำรวจก็ชอบเก็บรายทางได้มากขึ้นเพราะมาสาย
xxx... ผมว่าคนขับรถตู้ส่วนใหญ่พฤติกรรมการขับรถก้อไม่ไหวแล้วครับ ลองถามผู้ขับรถยนต์ดูซิครับ หรือไม่งั้นให้คนที่มีกล้องหน้ารถแล้วเห็นพฤติกรรมการขับของรถตู้ให้บันทึกแล้วส่งให้ขนส่งทางบก และตำรวจ ให้เอาจริงจังเด็ดขาดทางกฎหมาย อย่าให้พวกนี้มามีอาชีพบริการให้สาธารณะคับ อันตราย เอารถบัสใหญ่มาใช้เดินทางไกลเถิดครับ แล้วบังคับให้มีคนขับสำรองด้วยครับ แล้วตรวจวัดแอลกอฮอล และสภาพร่างกายโดยเจ้าหน้าที่ขนส่งเฉพาะก่อนทุกครั้งที่จะขับรถครับ แล้วรถตู้วิ่งระยะสั้น ๆ ก็พอครับ
ระหว่างข้อขัดแย้งของฝั่งรัฐบาลกับคนขับรถตู้จะลงเอยอย่างไรไม่รู้... รู้แต่ว่า ผู้ใช้บริการรถตู้สาธารณะ อยากได้รถบริการที่มีความปลอดภัย และไม่ต้องนั่งสวดมนต์บทแล้วบทเล่า เพื่อให้เหลือชีวิตรอดกลับบ้าน
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754
