เอางี้เลยหรือท่าน?! เสธ.ไก่อู ประกาศ ม.44 ชัด สงกรานต์นี้ขนโอ่งขึ้นกระบะได้ ส่วนคนต้องนั่งในรถเท่านั้น โซเชียลฯ จวกยับ สงกรานต์หรืองานแห่โอ่ง?!
กระบะหลัง...โอ่งขึ้นได้ แต่คนห้ามขึ้น!
“สงกรานต์ปีนี้เจ้าหน้าที่ไม่ได้ห้ามนำโอ่ง หรือถังน้ำขึ้นท้ายรถกระบะ สามารถนำขึ้นได้ตามปกติ แต่จะต้องไม่มีคนไปนั่ง หรือยืนอยู่ท้ายรถ หากพบจะต้องถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับปรับแน่นอน โดยจะต้องนั่งรัดเข็มขัดนิรภัยอยู่ภายในห้องโดยสารเท่านั้น”
คำประกาศกร้าวของ เสธ.ไก่อู - พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ถึงเรื่องของการบังคับใช้กฎหมายในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ ที่ระบุถึงการ “ห้าม” ไม่ให้นั่งท้ายกระบะ แต่ถ้าอยากนั่ง ต้องเข้าในรถเท่านั้น
แม้มาตรการนี้จะมีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของประชาชน แต่ก็จำเป็นต้องทำเพื่อให้เกิดความปลอดภัย เพราะหากเกิดอุบัติเหตุจะมีหลายฝ่ายได้รับความเดือดร้อนไปด้วย ทั้งตัวผู้ประสบอุบัติเหตุ ครอบครัวและรัฐ ทั้งต้องมาร่วมจ่ายค่ารักษาพยาบาล
เทศกาลสงกรานต์ที่กำลังจะถึงนี้ ตัวแทนรัฐบาลบอกแล้วว่า แม้จะไม่มีคำสั่งห้ามนำภาชนะบรรจุน้ำ สำหรับเล่นสงกรานต์ เช่น ถังหรือโอ่ง ขึ้นท้ายรถกระบะก็ตาม แต่ได้ห้ามคนขึ้นไปอยู่บนท้ายกระบะทุกกรณี ไม่น่าจะเต้นหรือเล่นสาดน้ำก็ตาม หากเจ้าหน้าที่พบเห็นก็จะต้องถูกจับปรับอย่างแน่นอน
บรรยากาศงานสงกรานต์ในปีก่อนๆ
จากคำไม่กี่คำของโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้จุดชนวนความดรามาให้ก่อตัวขึ้นบนโลกโซเชียลฯ ทันที เพราะหลังจากที่ข่าวนี้เผยแพร่ออกไป สมาชิกโลกออนไลน์หลายคน เข้ามาพูดคุยถึงประเด็นนี้กันอย่างดุเดือด ฝั่งที่ไม่เห็นด้วยกับมาตรการนี้ ให้เหตุผลว่า ที่คนไทยนิยมใช้รถกระบะ โดยเฉพาะคนต่างจังหวัดนั้น ก็เพราะเป็นรถที่ใช้ประโยชน์ได้หลากหลายทั้งบรรทุกของและคนได้ มาตรการนี้เท่ากับเป็นการขัดต่อวิถีชีวิตของประชาชนชัดๆ บางคนยังได้เสริมอีกด้วยว่า สงกรานต์ที่สนุก คือสงกรานต์บนหลังกระบะเท่านั้น
“เอาโอ่ง เอาถังน้ำขึ้นกระบะได้ แต่ใครสาดวะ!!?? หรือจะให้น้ำกระเพื่อมมาโดนคนเองอะนะ”
“ประเพณีแห่โอ่ง?”
“เมืองไทยหรือเปล่าเนี่ย ประเพณีไทยคงสูญหายหมด คงเหลือเป็นแค่เรื่องเล่าให้ลูกหลานฟังว่า"ฉันเคยเล่นสงกรานต์ อย่างสนุกสนาน"”
“งานเข้าแล้วล่ะครับ ทีนี้ใครออกรถกระบะ ทำไรไม่ได้ สุดท้ายซื้อมาทำไมล่ะครับพี่น้อง เขาไม่ให้นั่งหลัง โดนจับ เสียเงิน ประกาศใช้แล้ว ก่อนหน้านี้มีกระแสแล้ว สุดท้ายเรียบร้อยชาวรถกระบะ”
“คนห้ามนั่งท้ายกระบะให้นั่งคาดเข็มขัดอยู่ในห้องโดยสารซึ่งมีไม่กี่ที่นั่ง คนเยอะนะครอบครัวกูเนี่ยจะไปอัดกันได้ไง”
“ออกกฎหมายแต่ละอย่าง เงินเข้ากระเป๋าพวกท่านทั้งนั้น มันไร้สาระ แต่พวกท่านก็จะอ้างว่าห่วงความปลอดภัย ถามตรงๆ พวกท่านทุกๆ ท่านทั้งหลายที่ออกกฎ จะทำตามกฎหมายที่พวกท่านตั้งกันมามั้ย ประชาชนอึดอัดกันมากๆ มันจะไม่มีความสุขนะ”
ในขณะที่ฝั่งที่เห็นด้วยกับมาตรการนี้ โต้กลับว่า ที่ผ่านมาในช่วงเทศกาลสงกรานต์ มักจะมีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมากจากอุบัติเหตุบนท้องถนน เป็นเรื่องดีที่มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด แม้จะไม่มีคำยืนยันจากทางรัฐบาลถึงการกำหนดโซนเล่นน้ำออกมา แต่บางความคิดเห็นยังเสริมว่า เมื่อถึงโซนที่สามารถเล่นน้ำได้อยู่แล้ว จึงไม่น่าจะมีปัญหาอะไรอยู่แล้ว
“เอาถังน้ำไปเล่นได้ แต่คนห้ามอยู่ด้านหลังกระบะ เวลาจะเล่นจะจอดเล่นเป็นที่ เพราะว่าถ้าอยู่ด้านหลังแล้วเล่นน้ำไปด้วย โอกาสที่จะตกรถได้ ผมว่ามันก็เป็นวิธีที่จะเซฟคนได้ดีอีกวิธีนึงครับ โดยเฉพาะเด็กตัวเล็กๆ”
“ห้ามนั่งเฉพาะตอนออกถนนหลวงครับ หรือทางหลัก แต่จุดที่เล่นน้ำสามารถนั่งท้ายกระบะได้ปกติครับ”
“ถ้าเล่นกันให้ดีๆ ตั้งแต่แรก เค้าคงไม่คอยมาออกกฎอะไรแบบนี้ คนเราโทษแต่คนอื่น ทำไมก่อนจะตัดสินใจอะไรสักอย่าง ไม่เริ่มจากการดูตัวเองก่อน คิดกันให้ดีๆนะ เอาจริงๆ ตามประเพณี เค้าเข้าวัดเข้าวากัน สมัยนี้ถ้าไม่สั้นเสมอหู จุกไม่โผล่ คงไม่ใช่สงกรานต์”
“เห็นด้วยค่ะไม่ได้โลกสวย แต่ที่ผ่านมาตายกันเยอะเพราะพวกเมาแล้วหล่นลงมาทั้งนั้น”
ห้ามทุกปี ฉาวทุกปี!
ไม่เพียงแค่คำสั่ง “รถกระบะบรรทุกโอ่งได้แต่ห้ามคนขึ้น” ที่ออกมาขัดใจคนอยากเล่นสงกรานต์ท้ายกระบะ ให้ออกอาการเซ็งกันไปถ้วนหน้า ย้อนกลับไปเมื่อไม่นานมานี้ คำสั่งในมาตรา 44 เกี่ยวกับการจราจรทางบกก็เป็นอีกคำสั่งหนึ่ง ที่ถูกพูดถึงอย่างมากไม่แพ้กัน คือเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย ให้ผู้โดยสารทุกที่นั่งคาดเข็มขัดนิรภัย โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาเรียบร้อยแล้ว มีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
เกี่ยวกับเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย คำถามที่ตามมาคือ เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ผู้ที่ใช้รถกระบะขนโอ่งน้ำออกไปเล่นสงกรานต์จะทำอย่างไร จะต้องกลับเข้าไปนั่งคาดเข็มขัดหลังเล่นน้ำหรือ?
คำตอบก็คือ ในกรณีที่เป็นรถกระบะ(ปิ๊กอัพ) ผู้ขับขี่และคนนั่งด้านหน้า ‘ต้องมีและคาดเข็มขัดนิรภัย’ แต่จะยกเว้น รถสองแถว รถกระบะมีแค็บ และรถสามล้อเครื่อง เนื่องจากไม่เหมาะแก่การติดตั้งเข็มขัดนิรภัยเพิ่มเติม
ดูเหมือนว่างานนี้ หากใครที่คิดจะเดินทางไปเล่นน้ำตามจุดต่างๆ โดยใช้รถกระบะ ถ้าไม่อยากให้เบาะรถเปียกจากการเล่นสงกรานต์ คงต้องเตรียมตัวหาเสื้อผ้าไปเปลี่ยนกลางทางสักชุด เพราะว่าต่อไปนี้จะนั่งหลังกระบะไม่ได้อีกแล้ว
อย่างไรก็ตาม ปีนี้ไม่ใช่ปีแรกที่มาตรการคุมเข้มในวันสงกรานต์ ถูกปล่อยออกมาบังคับใช้ ลองย้อนกลับไปในปี 2558 รัฐบาลเดียวกันนี้ ได้มีการประกาศใช้ “ระเบียบ 8 ข้อ” ในการเล่นน้ำสงกรานต์ ประกอบด้วย การห้ามจำหน่าย ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บริเวณที่จัดกิจกรรมด้วย นอกเหนือจากการกำหนดให้แต่งกายสุภาพ ไม่ล่อแหลม และแต่งผ้าไทย, ห้ามเล่นแป้ง น้ำแข็ง โฟม,ห้ามใช้ปืนแรงดันสูง โดยรณรงค์ให้มีการใช้ขันน้ำตามประเพณีดั้งเดิม,ห้ามใช้รถกระบะบรรทุกน้ำเล่นน้ำ,ไม่แสดงหรือเต้นในลักษณะไม่เหมาะสม, จัดกิจกรรมสอดคล้องประเพณีไทย และสุดท้าย กำหนดเวลาเล่นน้ำให้ชัดเจน เพื่อป้องกันปัญหาจราจร
ส่วนปีถัดมาคือ 2559 ก็มีข่าวลือออกมาอีกว่า รัฐบาลงดจัดกิจกรรมสงกรานต์และอนุญาตให้เล่นน้ำได้เพียง 1 วัน คือวันที่ 13 เมษายน จนทำให้โฆษกรัฐบาลอย่าง เสธ.ไก่อู ต้องออกมาแก้ข่าวยกใหญ่ว่า ไม่จริ๊ง ไม่จริง ท่านนายกรัฐมนตรีพูดชัดว่าไม่เคยห้าม เข้าใจว่าเป็นวิถีชีวิตของคนไทย แต่ทุกคนก็ควรจะเล่นอย่างมีจิตสำนึก เพราะในขณะนั้นสถานการณ์น้ำค่อนข้างขาดแคลน
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่า แม้จะมีข้อห้าม ข้อกำจัด หรือเงื่อนไขมากมายในช่วงเทศกาลสงกรานต์ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีเสียงคัดค้านของประชน รวมถึงข่าวแง่ลบออกมาทุกปี ทั้งการเปลือยกายเต้นยั่วยวน การถูกลวนลามระหว่างเล่นน้ำ รวมทั้งอุบัติเหตุจากหลากหลายสาเหตุ ออกมาเป็นระลอก หรือปัญหาเหล่านี้จะเป็นตัวสะท้อนให้เห็นถึงการไม่สนใจในการปฏิบัติตามกฎหมายของคนไทยกันแน่?
สำหรับสถานการณ์สงกรานต์ของคนกรุงเทพฯ ในปีนี้ สถานที่ที่ไม่นึกถึงคงจะไม่ได้ นั่นก็คือ ถนนข้าวสาร และ ถนนสีลม ซึ่งทุกปีจะมีการจัดงานอย่างยิ่งใหญ่และสนุกสนาน ต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มาจากทั่วทุกสารทิศ แต่ในปีนี้ใครที่คิดจะมาเล่นสงกรานต์อย่างสุดเหวี่ยงที่ถนนข้าวสารคงต้องเปลี่ยนแผน เพราะมีการประกาศออกมาแล้วว่า งดจัดกิจกรรมทั้งหมด
ที่สำคัญ สถานที่จัดงานอยู่ใกล้กับเส้นทางที่ประชาชนสัญจรเพื่อสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช หากมีกิจกรรม อาจจะส่งผลกระทบต่อการจราจรได้ ซึ่งในปีนี้จะมีกิจกรรมเป็นการทำบุญตักบาตรและสรงน้ำพระ ในเช้าของวันที่ 13 เมษายน และในปีถัดไปจะการกลับมาจัดกิจกรรมสงกรานต์อย่างยิ่งใหญ่ดังเดิม ส่วนถนนสีลมเล่นได้ตามปกติตามเดิม
ได้แต่หวังว่าปีนี้ การบังคับใช้มาตรา 44 ในเรื่องการจราจรช่วงเทศกาลสงกรานต์และต่อจากนี้ จะเป็นหนทางที่จะช่วยให้อุบัติเหตุบนท้องถนนของประเทศไทยลดลงได้จริง ถึงแม้ว่าจะต้องยกพื้นที่หลังกระบะไปสำหรับโอ่งน้ำ ส่วนคนก็เข้าไปนั่งคาดเข็มขัดนิรภัยอยู่ในรถก็ตาม...
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754