xs
xsm
sm
md
lg

“Petty” ร็อกเกอร์สาวฟันน้ำนม! ว่าที่นักดนตรีอาชีพที่เด็กที่สุดในโลก!! [มีคลิป]

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


แค่ “7 ขวบ” แต่หลีดกีตาร์ได้ขั้นเทพ! ความสามารถของหนูน้อยคนนี้เข้าตากรรมการ จนต้องส่งให้เป็นตัวแทนประเทศไทย ไปชิงเหรียญทองด้านการแสดงระดับโลก แถมกำลังจะสร้างสถิติใหม่จารึกเอาไว้บนกินเนสส์บุ๊ก ในฐานะ “นักดนตรีอาชีพที่อายุน้อยที่สุดในโลก” อีกต่างหาก บอกได้เลยว่าเป็นเพราะร็อกเกอร์สาวน้อยคนนี้นี่เอง ที่ทำให้เราสามารถพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำอีกทีว่า "เด็กไทยเก่งไม่แพ้ชาติใดในโลก" จริงๆ!!




ไม่ธรรมดา! ชิงเหรียญโอลิมปิกกีตาร์ร็อก!!


“ไม่เครียด ไม่กดดันเลย...สู้ๆ หนูเก่งอยู่แล้ว!!” สาวน้อยหัวเราะร่าให้กับคำพูดเยินยอตัวเองแบบเล่นๆ แถมยังชูสองนิ้วยิ้มแฉ่งให้แบบซนๆ หลังถูกถามถึงความรู้สึกของเด็กตัวเล็กๆ คนหนึ่งที่ต้องแบกคำว่า “ตัวแทนประเทศไทย” ไปแข่งขันศิลปะการแสดงระดับโลกในเวที “World Championship of Performing Arts (WCOPA) 2017” ซึ่งกำลังจะจัดขึ้นในอีก 3 เดือนข้างหน้า ที่นครลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา
 
“ด.ญ.เพชร-วิมลวัลย์ ทรายสถิตย์” คือชื่อที่จะถูกประกาศในนามประเทศไทย หนูน้อยผู้ลงแข่งขัน “กีตาร์ร็อก” ในประเภท “เวิลด์” รุ่นอายุ 5-7 ขวบ ซึ่งต้องโชว์ทักษะหลากหลาย ทั้งแบบโซโล่กีตาร์เดี่ยว เน้นเสียงเครื่องดนตรีแบบเพียร์ๆ และแบบโซโล่กีตาร์ไป-โชว์พลังเสียงไป ท่ามกลางศิลปินตัวน้อยใหญ่ที่ตั้งใจเดินทางไปคว้าเหรียญทองมาครองเหมือนๆ กัน


[“WCOPA” เวทีโอลิมปิกด้านการแสดงที่กำลังจะไปลุย]
“ถ้าเทียบไปแล้ว การแข่งขันรายการนี้คงเปรียบเหมือน “โอลิมปิก” ที่คนทั่วๆ ไปรู้จักกันดีนี่แหละครับ เพียงแต่ว่าเป็นการแข่งขันโอลิมปิกทางด้านการแสดง” ต่อ-วินัย ทรายสถิตย์ สุดยอดคุณพ่อ-สุดยอดโค้ช ขอรับหน้าที่ขับเคลื่อนบทสนทนาหลักแทนลูกสาวแท้ๆ ผู้ยังดูไม่ประสีประสาต่อโลกของข้อมูลอะไรมากมายนัก

การแข่งขันด้านศิลปะการแสดงระดับอินเตอร์รายการนี้ จัดขึ้นมาได้นานกว่า 20 ปีแล้ว เพื่อคัดสรรและมอบรางวัลให้แก่ศิลปินจากทั่วทุกมุมโลก แต่คนไทยส่วนใหญ่เพิ่งได้รู้จักกับมันอย่างจริงๆ จังๆ ก็เมื่อปีที่แล้วนี่เอง หลังจาก “เก่ง-ธชย ประทุมวรรณ” หรือ “เก่ง เดอะวอยซ์” เดินทางไปสร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทย ด้วยการคว้ารางวัลกลับมาได้ถึง “5 โล่, 14เหรียญทอง, 5 เหรียญเงิน, 1 เหรียญทองแดง กับอีก 2 เหรียญรางวัลพิเศษ” ท่ามกลางผู้เข้าแข่งขันกว่า 2,000 คนจาก 61 ประเทศทั่วโลก

[“เก่ง-ธชย” คว้ารางวัลกลับมาอย่างถล่มทลายจากเวที “WCOPA 2016”]

[ขอบคุณภาพ: อินสตาแกรม @kengtachaya]

ถามว่ามีเปอร์เซ็นต์ความเป็นไปได้อยู่มากน้อยแค่ไหน? ที่ “รุ่นน้องตัวจิ๋ว” รายนี้ จะสามารถเดินตามรอยความสำเร็จของ “รุ่นพี่เก่ง” คว้าเหรียญหรือโล่มาครองกับเขาได้บ้าง พ่อต่อนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนมอบคำตอบที่น่าชื่นใจส่งกลับมาว่า “ถือว่ามีโอกาสสูงมากเหมือนกันครับ”

“จากที่สอบถาม คนที่เคยไปแข่งปีที่แล้ว เขาบอกว่ามีเด็กไปแข่งเดี่ยวกีตาร์กันไม่เยอะนะ ส่วนใหญ่จะเน้นไปที่เครื่องเป่ามากกว่า ยิ่งกีตาร์ไฟฟ้า ยิ่งแทบไม่มีใครเล่นเลยในรุ่นอายุ 5-7 ขวบ เพราะฉะนั้น โอกาสที่เราจะได้เหรียญถึงมีสูงมาก

แล้วอย่างนี้น้องเพชรเขาต้องแข่งกับใคร? ก็คงต้องแข่งกับเด็กที่เล่นเครื่องดนตรีชนิดอื่น เช่น ทรัมเป็ต, แซ็กโซโฟน, เปียโน ฯลฯ คงต้องดูกันว่าต่อไปว่า จะทำยังไงให้เสียงกีตาร์ของเรา ไปชนะเสียงเครื่องเป่าในเวทีระดับโลกให้ได้

ข้อได้เปรียบของ “น้องเพชร” หรือ “Petty” อยู่ตรงที่น้องเริ่มจับกีตาร์ไวกว่าศิลปินเด็กคนอื่นๆ ในวัยเดียวกัน คือเริ่มเล่นเพลงแรกได้ตั้งแต่วัย 5 ขวบ ทั้งๆ ที่เด็กน้อยคนอื่นๆ ส่วนใหญ่จะเพิ่งมาเริ่มตอนเกือบๆ จะ 7 ขวบกันแล้วทั้งนั้น

“ผู้ปกครองส่วนใหญ่มักจะดันให้เด็กที่เล่นดนตรีไปทางสายคลาสสิกมากกว่า อาจเป็นเพราะแบบเรียนเขามีโน้ตมาให้ฝึกพร้อมแล้ว แต่ถ้าเป็นสายร็อก จะไม่ค่อยมีครูคนไหนมานั่งศึกษา แกะโน้ตเองก่อนมาสอนเท่าไหร่ เด็กสายร็อกส่วนใหญ่ที่เล่นเป็นได้ ก็เป็นเพราะการสอนกันแบบ พ่อสอนลูก-พี่สอนน้อง นี่แหละครับ


[เน้นเก็บประสบการณ์ผ่านเวทีจริง]
เท่าที่เห็นเด็กที่เริ่มเล่นกีตาร์ร็อกแบบจริงจัง ก็จะมีแค่จีน, ญี่ปุ่น อินโดฯ และอเมริกา แต่เขาก็เพิ่งจะมาหัดเล่นกันตอน 7 ขวบทั้งนั้น ซึ่งถือว่าหัดช้ากว่าน้องเพชร เพราะน้องหัดมาตั้งแต่ตอน 5 ขวบ 2 เดือนแล้วครับ

คือบ้านเรา อาจจะไม่ค่อยให้ความสนใจเรื่องแบบนี้สักเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นต่างชาติ เขาจะมองว่า "เด็กเล่นดนตรีร็อก" เป็นเรื่องแปลกมากนะครับ โดยเฉพาะถ้าเป็นเด็กผู้หญิง ก็ถือว่าน้องเพชรโชคดีแล้วครับที่ได้เล่นก่อนเด็กคนอื่นๆ แต่ถึงยังไงก็มั่นใจไม่ได้ว่า พอฝึกไปเรื่อยๆ จนถึง 8-9 ขวบแล้ว น้องเพชรของเราจะเก่งได้อย่างเด็กๆ ที่เขาเพิ่งมาฝึกกันทีหลังไหม ก็ต้องอยู่ที่ตัวน้องด้วยว่าตอนนั้นจะยังรักกีตาร์อยู่อีกหรือเปล่า?"

การ “อิมโพรไวส์ (Improvise)” คืออีกหนึ่งไม้ตายที่พ่อต่อ อดีตนักกีตาร์มือเก๋า ถ่ายทอดเอาไว้ให้น้องเพชร ด้วยการสอนให้น้องโซโล่กีตาร์ด้วยจิตวิญญาณ “ดนตรีมันมี pattern ของมันอยู่ แต่ถ้าเราจะใส่ทั้งหมดเข้าไปรวดเดียวเลย มันจะดูไม่มีความหมาย สู้เอาแต่ละช่วงมาเล่นกับดนตรี และใส่อารมณ์เข้าไปในนั้นด้วย มันจะยิ่งน่าสนุกมากขึ้นไปอีก


[ยิมนาสติก อีกหนึ่งความหลงใหลของร็อกเกอร์สาว(น้อย)]
“หนูอยากตีลังกาไปด้วย เล่นกีตาร์ไปด้วยค่ะ (ยิ้มแฉ่ง)” ว่าแล้วหนูน้อยตั๋วจิ๋วแต่แจ๋ว ก็ขอเผยอีกหนึ่งการอิมโพรไวส์ฉบับพิเศษออกมาบ้าง ตามแบบฉบับนักกีฬายิมนาสติกรุ่นจิ๋ว เธอฝันว่า อยากจะรวมเอาความรักที่มีต่อทั้งสองอย่างมาไว้ในโชว์เดียว เพื่อสร้างแรงดึงดูดให้คณะกรรมการหันมาสนใจให้ได้มากที่สุด

ส่วนอุปสรรคเรื่องอื่นๆ ที่เหลือ โดยเฉพาะเรื่องการเดินทางไปแข่งในนาม “ประเทศไทย” ที่ต้องออกค่าเดินทางเองไม่ต่ำกว่า 500,000 บาท ก็ได้แต่หวังว่าจะมีผู้ใหญ่ใจดีมองเห็นความตั้งใจครั้งนี้ของพวกเขา

“ถ้าเขาได้แรงสนับสนุนจากผู้ใหญ่หรือใครก็ตาม ผมเชื่อว่าเหรียญที่จะได้จากรายการนี้มีสูงมาก น่าจะสร้างชื่อเสียงมาตอบแทนผู้สนับสนุนได้ และมันจะสามารถต่อยอดให้เขาไปทำสถิติ "กินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ดส์ (Guinness World Records)" ได้ด้วย ถ้าสามารถไปถึงจุดนั้นได้ ก็น่าจะทำให้เขาก้าวขึ้นไปแทนที่มือกีตาร์เด็ก ที่กำลังโด่งดังระดับโลกอยู่ตอนนี้ ประมาณ 3-4 คนนั้น ได้แบบไม่ยากเลย”



เตรียมทุบสถิติ! ร็อกเกอร์สาวฟันน้ำนม!!

อายุ “8 ขวบ 165 วัน” คือสถิติที่ "ยูโตะ มิยาซาวา (Yuto Miyazawa)" สร้างเอาไว้ตั้งแต่ปี 2551 ในฐานะ “นักดนตรีอาชีพที่อายุน้อยที่สุดในโลก” ถ้าเทียบกับอายุของน้องเพชรตอนนี้ "7 ขวบ 3 เดือน" บอกเลยว่าไม่ใช่เรื่องน่าหนักใจที่จะชิงเอาตำแหน่งนี้มาครอง

เพราะล่าสุด ทางบริษัทริบลีส์ฯ (Ripley's Believe It or Not!) ผู้ดูแลข้อมูลใน "กินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ดส์ (Guinness World Records)" คอนเฟิร์มกลับมาแล้วว่า คุณสมบัติทุกอย่างของ “ร็อกเกอร์สาวฟันน้ำนม” รายนี้มีพร้อม และสามารถเข้าไปเสียบแทนเจ้าของตำแหน่งเดิมได้ทันที ติดอยู่ที่อุปสรรคข้อใหญ่เรื่องทุนรองรับการเดินทางมาของทีมงาน เพื่อให้มาบันทึกสถิติเด็กไทยระดับโลก

[เตรียมยึดตำแหน่ง “นักดนตรีอาชีพที่อายุน้อยที่สุดในโลก” คืนจากเจ้าของสถิติ "ยูโตะ มิยาซาวา"]

“เขาตอบกลับเรามาแล้วครับว่า ยอมรับให้น้องเพชรเป็นนักกีตาร์มืออาชีพที่อายุน้อยที่สุดในโลก แต่ยังไม่ได้ถูกบันทึกอย่างเป็นทางการ คิดไว้ว่าหลังจากไปแข่งครั้งนี้เสร็จ จะกลับมาเตรียมการเชิญทางกินเนสส์ฯ มาบันทึกสถิติที่บ้านเราอย่างเป็นทางการสักทีครับ

ตอนนี้เราก็กำลังดูเรื่องของสปอนเซอร์กันอยู่ ซึ่งค่อนข้างลำบากหน่อย ถ้าเทียบกับสมัยยูโตะ เจ้าของสถิติเดิม จะเห็นเลยว่าทางญี่ปุ่นเขามีคนพร้อมสนับสนุนเด็กอยู่เยอะพอสมควร ทำให้เขาสามารถเชิญทางทีมงานไปบันทึกสถิติได้เลย
งบประมาณที่ต้องใช้ในครั้งนี้ ทั้งหมดน่าจะประมาณ 1 ล้านบาท เพราะทุกอย่างสำหรับทีมงานเขาต้องเป็น First Class ด้วย นี่ยังไม่รวมค่าที่เราจะต้องจัดอีเวนต์ประกาศสถิติในไทยอย่างเป็นทางการด้วยนะครับ ที่ต้องจ่ายแพงกันขนาดนี้ เพราะเขาต้องทำพีอาร์ให้เราอีกทั่วโลก และจะมีการพาน้องไปตระเวนโชว์ตัวด้วย"


พ่อต่อย้ำชัดว่าเด็กที่ได้ตำแหน่งนี้ไปครอง ไม่ได้หมายความว่าเป็น “ศิลปินเด็กที่เก่งที่สุด” แต่ต้องมีคุณสมบัติที่ตรงตามที่เขากำหนดเอาไว้ เพื่อให้เหมาะสมกับคำว่า “ศิลปินมืออาชีพ” ที่แท้จริง

"ตัวเด็กต้องเคยออกงานโชว์เกิน 10 โชว์ รวมแล้วกินเวลาเกิน 45 นาที เพราะทางแชมป์คนก่อนเขาทำไว้ 5 นาที เพราะฉะนั้น ถ้าจะพูดได้เต็มปากว่าทำลายสถิติ ก็ควรจะเป็นเวลาที่แตกต่างจากเดิมอย่างชัดเจน

เด็กต้องเคยออกรายการทีวีมาแล้วเกิน 3 รายการ ซึ่งน้องเพชรก็ออกมาแล้วหลายรายการมากครับ, ต้องเป็นเด็กที่เคยได้รับค่าตัวจากการว่าจ้าง อันนี้ก็เพื่อให้สมกับคำว่า “นักดนตรีอาชีพ” จริงๆ คือต้องมีการประกอบวิชาชีพเกิดขึ้น

และถ้าเป็นไปได้ เขายังแนะนำอีกว่า ให้เราไปทำอัลบั้มมา 1 อัลบั้ม ซึ่งตอนนี้ผมก็ให้ทาง พี่ตุ้ย-ไฮร็อก (อนุรักษ์ ยิ่งนคร เจ้าของฉายา "มือกีตาร์จอมอหังการ") ช่วยทำให้แล้ว ซึ่งก็ไม่น่าจะยากเท่าไหร่ครับ เพราะสมัยนี้อาจจะไม่ต้องถึงกับออกเป็นอัลบั้ม แค่มีซิงเกิล มีเอ็มวีอัปให้ดูอยู่บนยูทูบก็น่าโอเคแล้ว"

["คุณพ่อตู่-วินัย" สุดยอดโค้ชรู้ใจของ "น้องเพชร"]

ถ้าได้ไปโชว์ตัวรอบโลกในฐานะเจ้าของสถิติคนใหม่ น้องเพชรอยากทำอะไรในต่างประเทศที่สุด? หนูน้อยแสนซนตอบทันทีแบบไม่ต้องคิดมากว่า “หนูอยากอยู่ประเทศนั้นจนอายุ 12 ค่ะ”

แต่ไม่ว่าจะถามต่ออย่างไร ก็ยังไม่ได้คำตอบว่า ทำไมต้องกำหนดตัวเลขวัยอยู่ที่ “12” ด้วย มีเพียงคำอธิบายเพิ่มเติมจากพ่อต่อว่า ที่น้องคิดแบบนั้น น่าจะเป็นเพราะเคยพูดคุยเรื่องนี้เอาไว้กับลูกสาวก่อนหน้าแล้ว

“เคยคุยกันว่า ถ้ามีโอกาสได้ไปและได้เรียนกับเจ้าของดนตรีจริงๆ น่าจะอยู่ที่นั่นสักพักใหญ่ๆ ครับ เผื่อจะได้กลิ่นและสำเนียงของคนแถวนั้น ซึมซับกลับเอามาไว้ใช้บ้าง เพราะทุกวันนี้ ถึงเราจะฟังเพลงสากลแล้วพยายามแกะเลียนแบบมา แต่มันก็ยังไม่ได้แบบนั้นร้อยเปอร์เซ็นต์อยู่ดี

ผมว่าถ้าเขาได้มีโอกาสไปเวทีระดับโลก ไปโชว์ทักษะการร้องการเต้นการเล่นดนตรี มันน่าจะช่วยเติมเต็มความฝันของเขาเอง แล้วก็ของครอบครัวเราได้ด้วย เพราะน้องเพชรเองก็ชอบ "บิยองเซ่ (Beyoncé Giselle Knowles)" มาก ชอบดูคอนเสิร์ตตั้งแต่ตอนเด็กๆ ถ้าได้ไปอยู่ในดินแดนของซูเปอร์สตาร์ระดับโลก คงเป็นประสบการณ์ที่ดีของน้องมาก


อันนี้ไม่ใช่เราไปคาดหวังและกดดันลูกนะครับ ผมจะบอกเขาเสมอว่า สุดท้ายปลายทางทุกอย่างขึ้นอยู่ที่ตัวของเขาเอง คนเป็นผู้ปกครองก็จะให้ได้มากที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ แต่ถ้าสุดท้าย เขาไปไม่ถึงระดับโลก เป็นที่รู้จักแค่ในประเทศเรา แต่ผมก็มองว่ามันเป็นเรื่องดีอยู่ดี เพราะอย่างน้อยๆ เขาก็น่าจะได้เป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ของประเทศไทยได้แล้วล่ะครับ"

จุดที่สำคัญที่สุดสำหรับการเป็น “มืออาชีพ” ที่พ่อต่อพยายามปลูกฝังน้องเสมอๆ ก็คือการเล่นจริง โชว์บนเวทีจริง และสื่อสารไปถึงคนดูให้ได้จริงๆ

“มีศิลปินเด็กหลายคนที่เล่นกีตาร์เก่งตอนเด็กๆ แต่พอโตขึ้นกลับเล่นได้แย่กว่าคนทั่วๆ ไปอีก เพราะเขาไม่ได้จำลองการเล่นให้เหมือนโชว์บนเวทีจริง เขาหัดและทำให้ตัวเองเคยชินด้วยท่านั่งเล่น พอโตขึ้นจะให้มาเล่นในคอนเสิร์ต เขาก็เล่นขั้นเทพแบบนั้นไม่ได้แล้ว เพราะไม่เคยสะพายกีตาร์ยืนเล่นเลย นี่แหละครับคือสาเหตุที่ผมพยายามให้น้องเพชรขึ้นเวทีจริง ให้ได้สื่อสารกับคนดูจริงๆ ด้วยตัวเขาเอง"



เช็กสัญญาณ “เด็กอัจฉริยะ”

จะฟังดูเวอร์ไปไหม ถ้าบอกว่า “สุดยอดคุณพ่อ-สุดยอดโค้ช” รายนี้ เห็นแววอัจฉริยะทางดนตรีของลูกสาวมาตั้งแต่วัย 1-2 ขวบแล้ว คือพ่อต่อสังเกตเห็นว่าน้องเพชรจะสนใจดูคอนเสิร์ตเป็นพิเศษ โดยเฉพาะศิลปินคนโปรดอย่าง “บิยองเซ่” ที่นอกจากจะชอบดูวนๆ ซ้ำๆ แล้ว น้องยังจำชื่อศิลปินถึงขึ้นพูดขอเพลงได้อีกต่างหาก

"ด้วยความที่สมัยนั้น ผมยังรับสอนดนตรีเด็กอยู่ ต้องมานั่งแกะเพลงที่บ้าน แล้วก็ดูแลเกี่ยวกับระบบเสียง ให้คนเช่าเครื่องด้วย ก็เลยต้องเปิดเพลงเช็กงานบ่อยๆ บางทีก็มีทำงานตอนกลางคืนด้วย ก็ไม่รู้ตอนที่เปิดน้องได้ยินด้วยหรือเปล่า แต่เท่าที่รู้คือพอช่วงขวบกว่าๆ เพลงไหนเขาชอบ เขาจะมาพูดขอชื่อเพลง-ชื่อศิลปินกับเราเลย อยากให้เราเปิดให้ฟัง

อย่างเพลงของ “บิยองเซ่” เขาก็จะบอกว่า “เซ่” หรือ “เอาเซ่” (ยิ้ม) พอเราเปิดเพลงตรงใจ เขาก็จะดีใจ แล้วก็จะขอฟังอย่างนั้นทั้งวัน ฟังจนพนักงานในออฟฟิศเบื่อไปเลย (หัวเราะเบาๆ) แต่ถ้าไม่เปิดให้ เขาก็จะร้องไห้"

พออายุได้สัก 4-5 ขวบ แววความเป็นศิลปินของน้องเพชรยิ่งปรากฏชัดมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้จะเป็นเด็กขี้อายจนถึงขั้นร้องไห้เวลาต้องทำกิจกรรมโชว์ตัวต่อหน้าคนเยอะๆ แต่พอได้จับกีตาร์ น้องกลับกล้าแสดงออกมากกว่าที่เคยเป็นมาทั้งหมด


“พอดีตอนเด็กๆ เขาเป็นภูมิแพ้ไรฝุ่น ทำให้มีช่วงที่ต้องพักอยู่บ้าน เพราะไปโรงเรียนไม่ได้ กลัวเอาน้ำมูกเยิ้มๆ ไปติดเพื่อน ผมก็ใช้ช่วงเวลานั้นแหละ หัดให้เขาจับกีตาร์เป็นครั้งแรก สอนตั้งแต่จันทร์ถึงศุกร์ เอาจนน้องเล่นเป็นเลย เล่นเพลง “Zombie” ได้จบเพลง (มี 4 คอร์ด) ให้ตีคอร์ดแบบง่ายๆ ก่อน คือดีดลงอย่างเดียว และให้หัดร้องไปด้วย ซึ่งน้องก็ทำได้นะ

เขาจะเหมือนเด็กสมาธิสั้นนะ ยุกยิกๆ ตลอดเวลา แต่พอเป็นเรื่องกีตาร์ แปลกอย่างหนึ่ง เขาจำได้หมดเลย ทั้งคอร์ดทั้งเนื้อร้อง พอหลังจากนั้นไม่กี่อาทิตย์ ผมมีโอกาสได้ไปขายไฟให้ผับของคนรู้จักใน จ.ตรัง พอดี พอเพื่อนที่เป็นหัวหน้าวงอยู่ที่นั่นรู้เรื่อง ก็เชียร์ให้เอาน้องเพชรเล่นกับวงดู

ลองเรียกคนในวงมาช่วยซ้อม ปรากฏว่าน้องก็เล่นได้-ร้องได้จริงๆ ก็เลยให้กลับไปนอนตั้งแต่เย็นๆ แล้วค่อยปลุกขึ้นมาโชว์ตอนเกือบๆ 4 ทุ่ม แล้วทุกอย่างก็ออกมาดี คนดูเฮมาก ก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราเห็นว่า จากการฝึกครั้งแรกแค่ไม่ถึงเดือน น้องเล่นเป็นเร็วมากจริงๆ"


ที่พรสวรรค์ในตัวน้องฉายแสงเด่นชัดออกมาได้ขนาดนี้ ด้วยอายุเพียงเท่านี้ ต้องขอยกความดีความชอบหลักๆ ให้แก่ “โค้ชคุณพ่อตู่” ที่มีวิธีสอนแบบไม่เหมือนใคร คือจะยึดหลัก “ไม่ฝืนธรรมชาติของเด็ก” ยึดความสุขที่ได้รับจากดนตรีเข้าว่า ไม่เน้นทฤษฎีหรือพยายามเคี่ยวเข็ญจนเด็กหมดสนุก

“ปกติเวลาจะให้น้องหัดเพลงใหม่สักเพลงหนึ่ง ผมจะใช้วิธีเปิดเพลงนั้นให้เขาฟังซ้ำๆ อย่างน้อย 3 เดือน ฟังจนจำได้ไปโดยอัตโนมัติ เราจะไม่มานั่งสอนว่า ต้องเล่นท่อน A ก่อน แล้วไป B แล้วก็ท่อนฮุก เพราะผมมองว่าเด็กวัยนี้ไม่ควรไปทฤษฎีอะไรกับเขามาก ถ้าเขาสนุก เขาจะจำได้ และจะเล่นไปได้เองโดยอัตโนมัติ"

หรือแม้แต่ตัว "เอฟเฟกต์กีตาร์" ที่หนูน้อยร็อกเกอร์ใช้ ถึงจะเป็นอุปกรณ์เดียวกับที่ผู้ใหญ่เลือกใช้ แต่คุณพ่อคนเก่งก็ยังต้องใช้หัวคิดสร้างสรรค์ ใช้ลายเส้นการ์ตูนเข้ามาปรับเพิ่ม เพื่อให้น้องอยากเหยียบอยากใช้ ถ้าอยากรู้ว่ามันน่าใช้จริงไหม น้ำเสียงเริงร่าของน้องเพชร ระหว่างช่วยอธิบายเอฟเฟกต์กีตาร์ด้วยท่าทีสนุกสนาน น่าจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุดแล้ว

[เอฟเฟกต์กีตาร์การ์ตูน ที่คุณพ่อทำพิเศษขึ้นมาให้]
“รูปหมาชื่อ โบกี้ ค่ะ เอาไว้เหยียบตอนอยากได้เสียงแตกนิดนึง, รูปสิงโตชื่อ แฟรงค์กี้ เหยียบแล้วจะได้เสียงเหมือนคำราม, รูปยีราฟชื่อ จีโน่ คอยาวๆ ให้เสียงก้องๆ เหมือนตะโกนไปไกลๆ, รูปช้างชื่อ บีเตอร์ เสียงจะใหญ่เพราะช้างตัวใหญ่ (ทำเสียงช้างให้ฟัง) แล้วก็รูปกระต่ายชื่อ แซมมี่ ค่ะ เป็นตัวที่เสียงหวานที่สุด (เสียงคอรัส) หนูชอบตัวนี้ที่สุด เพราะเป็นผู้หญิงแค่ตัวเดียวในนี้เลย
 
ทุ่มทั้งแรงกายและแรงใจขนาดนี้ อยากรู้ว่าถ้าถึงวันหนึ่งที่ลูกสาวชาวร็อกคนนี้ไม่อยากเอาดีด้านดนตรีแล้ว คนที่ปลุกปั้นมากับมืออย่างคุณพ่อจะยอมรับได้แค่ไหน? คนถูกถามได้แต่ยิ้มรับเย็นๆ แล้วให้คำตอบแบบไม่ต้องคิดหลายตลบว่า “ผมจะอนุมัติทันทีครับ เพราะแนวคิดของผมคือ สุดท้ายแล้ว ตัวเขาต้องเป็นคนตัดสิน อะไรก็ตามที่เขาไม่อยากทำแล้ว ฝืนไปก็ไม่มีวันประสบความสำเร็จ”


แต่ที่น่าชื่นใจก็คือ วันนี้คำตอบของ “ร็อกเกอร์สาวฟันน้ำนม” ที่น่าจับตามองที่สุดของเมืองไทยในขณะนี้ ยังคงมี “กีตาร์” เป็นคำตอบเดียวในใจ ถึงแม้ว่าปัจจุบันเธอจะเล่นได้ทั้งเปียโน, กลอง และกำลังจะลองเล่น เบส เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งชิ้นแล้วก็ตาม

“หนูอยากเป็นมือกีตาร์ที่ปั่น(กีตาร์)ได้เร็วที่สุดในโลก!!” ว่าที่นักดนตรีอาชีพที่อายุน้อยที่สุดในโลกประกาศความฝันทิ้งท้ายเอาไว้ให้คู่สนทนา ผ่านแววตามุ่งมั่นเกินกว่าที่เคยเห็นในเด็กวัยเดียวกัน



[สมาชิกพร้อมหน้า ครอบครัวพร้อมส่งกำลังใจ]













สัมภาษณ์โดย ผู้จัดการ Live
เรื่อง: อิสสริยา อาชวานันทกุล
คลิป: อิสสริยา อาชวานันทกุล, นับดาว รัตนสูรย์
ภาพ: ปัญญพัฒน์ เข็มราช
ขอบคุณภาพ: แฟนเพจ “PettyRock”




มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram

"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!


และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754



กำลังโหลดความคิดเห็น