xs
xsm
sm
md
lg

ซี้ด! ทะลวงชีวิต “ลำไย ไหทองคำ” หมอลำซิ่งท่าเต้นสยิว (แหก) ทะลุทุกองศา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เพราะเส้นทางชีวิตของแต่ละคนไม่ได้สวยหรูงดงามถูกโรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป “ลำไย ไหทองคำ” นักร้องลูกทุ่งหมอลำซิ่งวัย 18 ปีเช่นกัน ชีวิตเธอดั่งบทละครเรื่องหนึ่งก็ว่าได้ จากนักร้องหมอลำซิ่งบ้านๆ รับจ้างร้องเพลงตามงานเลี้ยง ลานเบียร์ เพื่อช่วยยายกับแม่ “หาเงิน” เลี้ยงปากท้องประทังชีวิตให้ผ่านไปได้ในแต่ละวัน ชีวิตพลิกผันดังชั่วข้ามคืนในโลกโซเชียลจากท่าเต้นสุดสะแด่ว “ฉีกขาเตะสูง” กับกระแสวิจารณ์ด้านลบที่ถูกชาวโซเชียลรุมด่าจนหน้าชา

ทว่ายิ่งถูกด่า กลับยิ่งทำให้ชื่อของ ลำไย ไหทองคำ นั้นเป็นที่รู้จักในวงกว้างขึ้น ถึงขนาดหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ต่างพากันใจสั่นรัวเมื่อได้ชมการโยกย้ายเรือนร่างโชว์ลีลาทั้ง แหก แหวก ฉีก แบบจัดเต็มเวลาขึ้นโชว์บนเวที ใช่ว่าเธอจะมีดีแค่ลีลาการเต้นยั่วยวนเท่านั้น ลูกคอที่ติดตัวมาตั้งแต่เด็กส่งผลให้เพลง “ผู้สาวขาเลาะ” ที่ปล่อยออกมาได้เพียง 3 เดือนมียอดวิวกว่า 113 ล้านวิว แรงฮิตจนคิวงานถูกจองล่วงหน้าแน่นเอี๊ยดไปจนถึงปีหน้า

วันนี้เรามีโอกาสได้ล้วงลึกแกะเกาะทุกซอกทุกมุมของ ลำไย ไหทองคำ ที่ต้องบอกเลยว่าแม้เธอจะยังเด็ก แต่ความฉลาดในการตอบคำถามของเธอนั้นไม่เบาเลย


++ ชีวิตที่เลือก (ไม่) ได้ของ ลำไย ไหทองคำ

ลำไย ไหทองคำ มีชื่อจริงว่า สุพรรณษา เวชกามา อาศัยอยู่กับคุณแม่และยายที่ จ.ร้อยเอ็ด กระทั่งเรียนจบชั้นอนุบาล 1 ได้ระเห็ดเร่ร่อนเข้ามาอยู่เมืองหลวง เพราะฐานะทางบ้านยากจนคุณแม่ของเธอจึงตัดสินใจพายายและตัวเธอเข้ามาทำงานหาเงินเลี้ยงปากท้องกัน ด้วยการแพ็กถั่ว ลูกอม ไปเดินขายตามร้านข้าวต้มตอนกลางคืน ด้วยความที่ยังเล็กและไม่รู้เรื่องราวอะไรมาก เธอก็ไปช่วยยายและคุณแม่ขายของด้วยทุกวันตั้งแต่อายุได้เพียง 5 ขวบเท่านั้น

หากจะพูดถึง “ความลำบาก” ของฐานะครอบครัว ลำไย ไหทองคำ เธอบอกว่า ตอนเด็กๆ ที่อยู่ต่างจังหวัดด้วยความที่เราเด็กมากอาจจะยังจำความลำบากตรงนั้นได้ รู้แต่ว่าพอจำความได้ก็ช่วยแม่ช่วยยายขายของมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว ลำบากมากถึงขนาดไม่มีเงินซื้อ “นาฬิกาปลุก” แค่นาฬิกาปลุกอันเดียวราคาไม่กี่ตังค์ยังไม่มีเงินซื้อ นั่นทำให้สมัยเด็กเธอมักจะไปเรียนสายเป็นประจำ

ด้วยเห็นคุณแม่ชอบร้องเพลง ฟังทุกวัน จนร้องตามได้ทำให้ ลำไย ไหทองคำ รักในเสียงเพลง และชื่นชอบการเต้นมาตั้งแต่เด็กๆ เธอเล่าย้อนให้ฟังว่า

“เริ่มจากการได้มารู้จักกับภารโรงที่ทำงานอยู่ในโรงเรียนและมีวงดนตรีอิเล็กโทน และลูกของเขาเป็นแดนเซอร์อยู่ในวงเห็นว่าหนูร้องเพลงได้ เสียงก็ใช้ได้ เลยชวนให้มาร้องเพลงในวง หนูก็ตอบตกลง และมาร้อง อีกทั้งเขาก็เห็นด้วยว่าฐานะทางบ้านของหนูไม่โอเคเท่าไหร่ เขาจึงอยากที่จะช่วยเหลือหนู นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของการถูกจ้างให้มาเป็นนักร้องตั้งแต่เรียนอยู่ ป.4 โดยเพลงที่ร้องในตอนนั้นก็เป็นเพลงลูกทุ่งและก็เพลงวาไรตี้ทั่วไป จากนั้นเป็นนักร้องประกวดร้องเพลงของโรงเรียนไปประกวดร้องเพลงกวาดรางวัลมาหมด ทั้งที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 ชมเชย ได้มาหมด โดยที่ทักษะในการร้องเพลงไม่ได้เรียนร้องเพลงเลย มีเพียงตอนที่เรียนอยู่ชมรมนาฏศิลป์คุณครูจะเป็นคนฝึกให้ว่าร้องแบบนี้นะก่อนที่จะไปประกวดแค่นั้นเอง”

หลังจากเดินสายร้องเพลงประกวดตามรายการต่างๆ รับจ้างร้องเพลงตามงานเลี้ยงต่างๆ จนวันหนึ่งขณะที่ร้องเพลงอยู่ที่ลานเบียร์ ได้เจอกับ อาจารย์ประจักษ์ชัย เนาวรัตน์ พร้อมกับถามว่า มีค่ายหรือมีสังกัดอะไรหรือยัง อยากทำเพลงมั้ย?

“อาจารย์บอกว่าอยากมาช่วยรับงานให้พร้อมกับอยากทำเพลงให้เรา เราก็ตกใจ แต่พออาจารย์ถามว่าอยากทำเพลงมั้ย หนูก็ตอบตกลงอาจารย์ไป เพราะตอนนั้นก็ยังไม่ได้มีสังกัดที่ไหน พร้อมทั้งได้ปรึกษากับคุณแม่แล้ว คุณแม่ก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะเวลาหนูไปร้องเพลงที่ไหนจะพาคุณแม่ไปด้วยตลอด หลังจากนั้นก็ได้เข้ามาอยู่ในสังกัดไหทองคำ เร็คคอร์ด”

หลายคนสงสัยว่าทำไมถึงใช้ชื่อว่า ลำไย ไหทองคำ ชื่อนี้อาจารย์ประจักษ์ชัยเป็นคนตั้งให้ แต่กว่าจะเป็นชื่อนี้มีมีที่มาที่ไป

“จริงๆ แล้วอาจารย์ประจักษ์ชัยได้ตั้งชื่อเอาไว้อยู่แล้วตั้งแต่แรก เพียงแต่ยังไม่มีนักร้อง พอหนูเข้ามาอาจารย์ก็ให้เลือกชื่อซึ่งมี 2 ชื่อให้เลือก คือ ลำไย ไหทองคำ กับ สำเพ็ง เด้งดี ด้วยความที่มีตัวเลือกน้อย หนูจึงเลือกชื่อ ลำไย ไหทองคำ ดีกว่า เพราะถ้าชื่อ สำเพ็ง เวลามีใครเรียกอารมณ์เหมือนจะไปซื้อผ้า หรือไปซื้อของมากกว่า”

หลังจากได้ชื่อที่จะใช้ในวงการเพลงลูกทุ่งแล้วอาจารย์ประจักษ์ชัยเริ่มลงมือเขียนเพลงให้กับ ลำไย ไหทองคำในเพลงชื่อว่า 17 สิเข้า เพราะตอนนั้นเธออายุ 16 ย่างเข้า 17 ปี แนวเพลงเป็นลูกทุ่ง หมอลำ ความหมายสองแง่สองง่ามนิดหนึ่ง ทว่าเพลงนี้ยังไม่โดนใจคนฟังจึงไม่ได้รับความนิยมเท่าไหร่ แต่อาจารย์ก็ยังรับงานเล็กๆ ให้ไปโชว์อยู่เรื่อยๆ
กวาดรางวัลประกวดร้องเพลงตั้งแต่สมัยเรียน
ลำไยกับคุณแม่
ลำไยกับ อ.ประจักษ์ชัย

++ โซเชียลระอุ “ท่าฉีกขาเตะสูง” ยิ่งด่ายิ่งดัง

ถึงแม้ว่าเพลง 17 สิเข้า จะยังดัง แต่กลับมีกระแสทอล์กออฟเดอะทาวน์ในโลกโซเชียลขึ้นมา เมื่อมีคนโพสต์ภาพขณะที่ ลำไย ไหทองคำ ทำการแสดงโชว์ด้วยท่า “ฉีกขาเตะสูง” จนเป็นที่วิจารณ์สนั่นโซเชียล

“ตอนนั้นตกใจมาก ที่มีภาพฉีกขาถูกโพสต์ไปในโซเชียล ซึ่งจริงๆ ท่านั้น หนูแค่ยกขาขึ้นมาเฉยๆ ไม่ได้เอาขาพาดบ่า แต่ว่าภาพที่ออกมาคล้ายกับว่าหนูเอาขาไปพาดบ่า บอกตรงๆ ว่าตอนนั้นหนูเองก็ตกใจและตั้งตัวไม่ทันเหมือนกัน เพราะจู่ๆ เพียงชั่วข้ามคืนชื่อ ลำไย ไหทองคำ ก็ถูกพูดถึงอย่างมากพร้อมกับกระแสวิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมและถูกเมนต์ต่อว่าต่างๆ นานา”

รูปที่เป็นกระแสในโซเชียล ลำไย ไหทองลำ บอกว่า เป็นแฟนคลับของเธอเองซึ่งเป็นคนญี่ปุ่น เขาชื่นชอบเธอดังนั้นเวลาเธอไปโชว์ที่ไหนหนุ่มญี่ปุ่นคนนี้ก็จะตามไปถ่ายภาพเธอ ซึ่งจังหวะที่เธอเตะขาขึ้นแล้วก็เอาลงเลยใช้เวลาแค่แป๊บเดียว ไม่ได้เตะขาแล้วโพสต์ท่านั้นไว้ แต่จังหวะเตะขาขึ้นไปนั้นเองแฟนคลับชาวญี่ปุ่นของเธอได้กดชัตเตอร์พอดี เธอยังบอกอีกว่า สังเกตหน้าเธอสิ ยังเอ๋อๆ อยู่เลย และไม่รู้ว่าวันนั้นคือโชคดีหรือว่าโชคร้ายเพราะการฉีกขาเตะสูงนั้นคือครั้งแรกที่เธอทำนั้น เพียงแค่ครั้งแรกก็เป็นกระแสในโลกโซเชียลเลย

วันรุ่งขึ้นตื่นมาแล้วตกใจมาก มีคนส่งรูปมาให้ดูว่ามีเพจเอารูปไปลง หนูเลยกดเข้าไปดู ถึงกับช็อก! เพราะคอมเมนต์เยอะมากและเป็นการคอมเม้นท์วิจารณ์เรามากกว่า ตอนนั้นคิดว่าแค่เพจเดียวที่เอารูปนี้ไปลง พอเลื่อนดูไปเรื่อยๆ ปรากฎว่าหลายเพจมากที่เอารูปเราไปแล้วแชร์กันเรื่อยๆ ตอนนั้นเครียดแล้วก็คิดหนักและกลุ้มใจมาก แต่ก็ปลอบใจตัวเองว่า “ไม่เป็นไร เพราะเขาเห็นกันแค่ในโซเชียล เดี๋ยวเขาก็ลืม” หลังจากนั้นหนูก็ไม่กดเข้าไปดูรูปนั้นตามโซเชียลอีกเลย”

จากจุดกำเนิดของกระแสโซเชียลในตอนนั้น ทำให้วันนี้ชื่อของ ลำไย ไหทองคำ เป็นที่รู้จักของคนมากขึ้น งานวิ่งเข้ามาจนต้องจองคิวกันล่วงหน้าเป็นปี ชนิดที่วิ่งรอกออกงานใช้ชีวิตอยู่แต่บนรถตู้

ทุกวันนี้ในหนึ่งวันเธอสามารถรับงานร้องและแสดงโชว์ได้เต็มที่คืนละ 3 งาน หากเป็นแถวพัทยาสามารถรับได้ 4 งานต่อคืนเพราะเลิกเช้าเลย จากค่าตัวร้องเพลง 150 บาทร้องตั้งแต่ 1 ทุ่มยันเที่ยงคืน มาตอนนี้ค่าตัวอยู่ที่ 65,000 บาท ในการโชว์เสียงร้อง 1.30 ชั่วโมง

“ชีวิตหนูตอนนี้กับเมื่อก่อนแตกต่างกันมากๆ เมื่อก่อนเราร้องเพลง ก็แค่ร้องไปเรื่อยๆ แต่ตอนนี้เราเหมือนต้องเปลี่ยนทุกอย่างในชีวิต ทั้งเวลานอน การใช้ชีวิต โดยตอนนี้ส่วนใหญ่จะใช้ชีวิตอยู่แต่บนรถ กินนอนบนรถตลอด แทบจะไม่ได้กลับบ้านเลย”

“หนูไม่เสียดายชีวิตวัยรุ่นที่ขาดหายไปจากหนูในตอนนี้นะ”

แม้งานยุ่งจนไม่สามารถทำอะไร 2 อย่างพร้อมๆ กันได้ เธอจึงเลือกอาชีพร้องเพลง เป็นหลัก และดร็อปเรื่องการเรียนเอาไว้ตั้งแต่อยู่ชั้น ม.5

“หนรู้สึกว่าการต้องมาใช้ชีวิตอยู่แต่บนรถตู้แบบนี้ “มันดีด้วยซ้ำไป” เพราะหนูสามารถหาเงินได้ อย่างเพื่อนๆ ที่เรียนอยู่ตอนนี้ก็เพิ่งจบ ม.6 กำลังเครียดกับการหาที่เรียนในระดับมหาวิทยาลัยกัน หนูก็เสียดายนะ อยากกลับไปเรียน แต่ว่าตอนนี้หนูขอเก็บเงินก่อน ถ้าหนูรวยแล้วหนูยังสามารถกลับไปเรียนได้ ฉะนั้นแล้วช่วงเวลานี้หนูขอกอบโกยเงินก่อน เพราะมันคือสิ่งสำคัญสิ่งเดียวที่จะทำให้ครอบครัวหนูฟื้นขึ้นมาได้ หากวันหนึ่งกระแสตกหนูก็ไม่สามารถกลับมาหาเงินตรงนี้แบบวันนี้ได้อีกแล้ว”


++ บิกินี (สีทองตัวจิ๋ว) ชุดวาบหวิวตรึงใจผู้ชม

นอกจากเสียงร้องที่เป็นเอกลักษณ์ของ ลำไย ไหทองคำ แล้วเชื่อว่าภาพการแสดงโชว์ของเธอบนเวทีที่เธอสวมบิกินีตัวจิ๋วสีทองโยกย้ายลีลาเซ็กซี่ยั่วยวนชวนสยิวก็ตราตรึงใจผู้ชมอยู่ไม่น้อย ชุดเซ็กซี่ที่เธอใส่โชว์แต่ละชุดมีอาจารย์ประจักษ์ชัยและตัวเธอเอง จะเป็นคนหาชุดมาและช่วยกันดูว่าชุดนี้ใส่ได้มั้ย

“เวลาหนูใส่ชุดแสดงบนเวทีหนูไม่รู้สึกเขิล เพราะหนูไม่ได้คิดอะไร ตอนที่หนูร้องอยู่ที่ลานเบียร์ พี่ๆ เขาก็ใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้นแนวนี้กันอยู่แล้ว หนูเห็นภาพแบบนี้จนชิน คิดว่าเป็นเรื่องปกติ แต่เมื่อคนอื่นเขาไม่ค่อยได้เห็นการแต่งตัวแบบนี้ เวลาเห็นหนูใส่ เขาจะไม่โอเคเท่าไหร่ แต่หนูก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะทุกชุดที่หนูใส่คุณแม่เห็นโอเคและอนุญาตให้ใส่ได้ทุกชุด”

เห็น ลำไย ไหทองคำ เวลาร้องเพลงหรือทำการแสดงอยู่บนเวทีดูเธอมีความสุขและสนุกสนาน ฮาเฮ เป็นคนตลก คอยเอนเตอร์เทนผู้ชมอยู่ตลอดเวลา แต่ใครจะรู้ว่าแท้จริงแล้วเวทีอยู่บนเวทีกับตอนที่ไม่ได้ขึ้นไปอยู่บนเวที “นิสัย” ของเธอนั้นช่างแตกต่างอย่างกับเป็นละคน

“ใช่ค่ะ บนเวทีกับข้างล่างเวทีหนูต่างกันมาก หนูก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม เวทีอยู่บนเวทีหนูจะชอบเอนเตอร์เทนคนดู แต่พออยู่ข้างล่างหนูจะไม่ค่อยพูด หนูเป็นคนพูดไม่เก่ง ถ้าไม่สนิทจะไม่ค่อยพูดด้วย แต่ถ้าสนิทกันหนูจะเป็นคนตลก ฮาๆ บ้าบอไปเลย เมื่อก่อนอยู่บนเวทีช่วงแรกๆ หนูไม่พูดเลย ขึ้นไปร้องเพลงเฉยๆ ร้องมาประมาณ 7-8 ปี ถึงจะกล้าพูดบนเวที มันรู้สึกอายๆ เวลาที่ต้องพูดบนเวทีต่อหน้าคนดูเยอะๆ”

นอกจากนิสัยที่แตกต่างระหว่างบนเวทีและด้านล่างเวทีแล้ว “สไตล์การแต่งตัว” ของเธอก็ช่างแตกต่าง เพราะน่าแปลกใจไม่น้อย หากใครจดจำภาพของ ลำไย ไหทองคำ ในลุคเซ็กซี่ใส่บิกินีตัวจิ๋วร้องเต้นยั่วยวนโชว์ให้ทุกคนเห็นบนเวที ชีวิตปกติที่ไม่ได้ขึ้นโชว์ถ้าได้มาเห็นสไตล์การแต่งตัวของเธอในชีวิตประจำวันแล้ว เชื่อได้เลยว่าคุณจะต้องขยี้ตาแล้ว ขยี้ตาอีก พร้อมกับเพ่งพินิจว่าผู้หญิงที่เห็นคนนี้คือ ลำไย ไหทองคำ ตัวจริงหรือไม่?

“เวลาปกติหนูจะไม่แต่งตัวเซ็กซี่เลย จะแต่งตัวเรื่อยเปื่อยแค่เสื้อยืด กางเกงขาสั้นสบายๆ แค่นั้นจบ”

ทุกวันนี้การแข่งขันมีสูง ถ้าการแสดงของเราไม่แตกต่าง ไม่มีอะไรดึงดูด เวลาโชว์บนเวทีคนดูจะรู้สึกว่ามันซ้ำๆ เดิมๆ ไม่มีอะไรตื่นเต้น แต่ถ้าเรามีอะไรที่แปลกใหม่ แหวกแนว หรือว่าอะไรที่เขาไม่ค่อยได้เห็นกันก่อน คนดูก็จะตื่นเต้นกับการชม ดังนั้นการได้ดูโชว์ของเราแล้วเขามีความสุข สนุกสนานไปกับการโชว์ของเรา นี่แหละเธอเป้าหมายของเรา

“หนูจะเน้นการโชว์บนเวทีมากกว่าการร้องเพลง เพราะคนดูอยากมาดูโชว์ที่เอ็นเตอร์เทน ไม่ได้มาฟังหรอกว่าเราร้องเพลงเพราะหรือไม่เพราะยังไง ขอแค่ดนตรีมัน โชว์สนุก คนดูก็มีความสุขแล้ว”

ความจริงในโชว์มีทั้งความตลก ความฮา แต่เราเน้น “เซ็กซี่” เพราะคนส่วนใหญ่ที่มาดู ณ ขณะนั้นเป็นช่วงเวลาที่เขามาผ่อนคลาย มาดื่มเบียร์กัน พูดคุยกัน ถ้าเราโชว์เซ็กซี่เราจะสามารถดึงดูดคนที่กำลังมุ่งมั่นในการดื่มนั้นให้หันมาสนใจเราแทนได้ ยิ่งถ้าเราพูดเกี่ยวกับ “เรื่องทางเพศ” นิดๆ ใส่ลีลาฮาๆ ทำท่าทีตลกๆ คนดูก็จะกรี๊ด ซึ่งน่าแปลกมากคนที่กรี๊ดและสนใจโชว์ของหนูส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย

เกือบ 1 ปี หลังจากกระแสโซเชียลภาพภ่ายที่ถูกวิจารณ์ในคราวนั้น ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของ ลำไย ไหทองคำ ดีขึ้น โดยเธอเล่าว่า ตอนนี้เริ่มมีกินมีใช้อยู่เรื่อยๆ แต่ยังไม่ถึงกับมีมากเท่าไหร่ งานมีเข้ามาตลอดทุกวัน และหลังจากปล่อยเพลงที่ 2 คือเพลง ผู้สาวขาเลาะ ได้เพียง 3 เดือนยิ่งทำให้กระแสความดังมีมากขึ้นกว่าเดิม จนตอนนี้คิวจองตัวไปแสดงคอนเสิร์ตนั้นแน่นเอี๊ยดถึงปีหน้า

ใช่ว่าเมื่อทำงานมีเงินแล้ว ลำไย ไหทองคำ จะใช้จ่ายเงินสุรุ่ยสุร่าย ฟุ่มเฟือย กวาดซื้อของทุกอย่างที่เมื่อก่อนอยากได้แล้วไม่มีเงินซื้อ ในวันนี้เธอทำแค่เพียงซื้อของเบรนด์เนมบ้างเพียงไม่กี่ชิ้น เพื่อให้ลุคตัวเองดูดีขึ้นเวลาทำงานเท่านั้น แต่ไม่ได้ชอบถึงขนาดว่าต้องมี ต้องสะสม เสื้อผ้าที่สวมใส่ บางครั้งยังซื้อตามตลาดนัดราคาไม่กี่ร้อยบาท เพราะไม่เห็นถึงความจำเป็นที่ต้องซื้อเสื้อผ้าแพงๆ มาใส่ ทุกวันนี้ปกตินอนอยู่แต่บนรถตู้ตื่นมาก็ใส่ชุดที่ต้องขึ้นโชว์

ทำงานหาเงินตั้งแต่เด็กทุกวันนี้เงินทุกบาททุกสตางค์ที่นักร้องวัย 18 ปีคนนี้หามาได้ เธอมอบให้คุณแม่ของเธอเป็นคนเก็บทั้งหมด ซึ่งส่วนใหญ่จะฝากธนาคาร และแบ่งบางส่วนไปซื้อ “ทอง” เก็บไว้ รวมถึงในเวลาอันใกล้นี้เธอมีแผนจะ “ซื้อบ้าน” สักหลัง ให้ยายและคุณแม่ได้มีที่อยู่ดีๆ โดยที่ไม่ต้องไปเช่าห้องเล็กๆ อยู่กัน และอยากซื้อรถยนต์สักคันให้คุณแม่ไว้ขับ






++ จุกทุกคอมเมนต์ เจ็บจี๊ดแสบถึงทรวง

มีคนรักก็ต้องมีคนเกลียด สำหรับ ลำไย ไหทองคำ มองดูแล้วเธอจะมีคนเกลียดซะมากกว่า แต่ละคอมเมนต์ที่วิจารณ์เธอนั้นล้วนเจ็บจี๊ดแสบถึงทรวง

“แต่งตัวแบบนี้ขายเพลง หรือว่าขายอะไร ถ้าจะแต่งตัวโป๊ เซ็กซี่ขนาดนี้ ไปขาย...ดีกว่ามั้ย คอมเมนต์ประมาณนี้จะเยอะมาก หรือ สังคมสมัยนี้ต้องทำอย่างนี้เชียวหรือถึงจะดัง? ทั้งๆ ที่หนูเองก็ไม่ได้คาดหวังหรือตั้งใจว่าหนูจะ “ดัง” ขนาดนี้ และใช่ว่าหนูเพิ่งจะมาร้องเพลงแล้วดัง ก่อนหน้านี้ตั้งแต่เด็กหนูร้องเพลงแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ไม่เห็นมีใครมาสนใจ พอเกิดกระแสโซเชียลขึ้นมาเท่านั้น คนจากไหนก็ไม่รู้กระหน่ำกันเข้ามา “ด่า” แบบเสียดาย แต่หนูก็ไม่ได้สนใจอะไร คิดแค่ว่า

คนเหล่านั้น เขาไม่ได้รู้จักเรา เขาไม่ได้รู้ว่าเราเป็นคนยังไง นิสัยยังไง การแสดงบนเวทีเป็นเพียงแค่การแสดง ท่าทางที่เราโชว์ความเซ็กซี่ เต้นยั่วยวน ทำเสียงครางออดอ้อนบนนั้น เขาทำได้แค่เพียงมองดูเรา ไม่สามารถสัมผัสหรือจับต้องได้”

แน่นอนสาวๆ กับเรื่องความสวยความงามนั้นย่อมเป็นของคู่กัน เห็น ลำไย ไหมทองคำ ในวัยกำลังแตกเนื้อสาว วันนี้ดูสวยขึ้นผิดหูผิดตา ไม่ต้องตกใจไปเธอเปลือยหมดไม่มีปิดบังว่าความสวยที่ทุกคนเห็นอยู่นี้ผ่านการทำศัลยกรรมแค่ “จมูก” กับ “ดัดฟัน” เท่านั้น

“หนูเป็นคนจมูกแบน อาจารย์เลยให้หนูไปเสริมจมูก กับ ดัดฟัน แต่จริงๆ ก็อยากอัปไซส์หน้าอกให้ใหญ่ขึ้นกว่านี้อีก อยากใส่เสื้อผ้าแล้วดูสวย แต่ตอนนี้ยังไม่กล้าทำ กลัวเจ็บ เพราะไปอ่านคนที่เขาไปทำมาแล้วเขาบอกเจ็บมาก เลยกลัว ขอรวบรวมความกล้าอีกหน่อย ตอนนี้เอาฟองน้ำดันเอาไว้ก่อน”

กระแสกลับมาให้มีคนหันมาพูดถึงชื่อ ลำไย ไหทองคำ อีกครั้ง เมื่อเธอปล่อยเพลง “ผู้สาวขาเลาะ” เพลงบ้านๆ เกี่ยวกับเด็กผู้หญิงที่ชอบเที่ยวด้วยการขับรถมอเตอร์ไซค์ไปเที่ยวหลายๆ ที่ ไม่ชอบอยู่นิ่ง แต่เรื่องเรียนนั้นไม่เอาไหนเลย หลังจากเพลงปล่อยออกมาได้เพียง 3 เดือนเพลงผู้สาวขาเลาะ ก็ฮอตฮิตมียอดวิวในยูทิวบ์กว่า 113 ล้านวิว และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีการหยุดนิ่ง

หลายคนมองว่า ลำไย ไหทองคำ ประสบความสำเร็จ มีชื่อเสียง เป็นคนดังไปแล้ว แต่สำหรับตัวเธอแล้วกลับมองว่า หนูก็คิดว่าหนูประสบความสำเร็จ แต่ว่า “เพิ่งจะก้าวแรก” เท่านั้น วันนี้รู้สึกดีใจที่คนเริ่มรู้จักเรา ทั้งๆ ที่ไม่เคยคิดเคยฝันมาก่อนเลยว่าเราจะสามารถมาถึงตรงจุดนี้ได้ เมื่อนึกย้อนกลับไปสมัยก่อนเรายังใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยเหมือนเด็กธรรมดาอยู่เลย โดยจากนี้ไปคิดว่าจะทำเพลง และรับงานแสดงเพื่อมอบความสุขให้กับผู้ชมอีกต่อไปเรื่อยๆ

การที่มีงานเข้ามาทุกวัน แม้ต้องแลกกับชีวิตในช่วงวัยรุ่นที่ขาดหายไปบ้าง แต่ ลำไย ไหทองคำ ในวัย 18 ปี กลับไม่เคยเสียใจ หรือคิดโทษโชคชะตาชีวิตตัวเองที่ทำให้เธอต้องมาพบเจอกับความลำบาก วันนี้เธอยังคงตั้งใจทำงานหาเงิน แม้จะ “เหนื่อย” มากขนาดไหน เธอแค่ล้มตัวนอนพักสักแป๊บคลายความเหนื่อยล้า แลกกับการได้เห็น “รอยยิ้ม” แม่ทุกวัน เป็นเหมือนยาบำรุงกำลังชั้นดี ที่คอยเป็นกำลังใจและแรงผลักดันให้เธอสู้ต่อไป...

เรื่องโดย : นับดาว รัตนสูรย์
ภาพประกอบ : จิรโชค พันทวี, เฟซบุ๊ก ลำไย ไหทองคำ

ประวัติส่วนตัว

ชื่อจริง    สุพรรณษา เวชกามา
ชื่อในวงการเพลง  ลำไย ไหทองคำ
ชื่อเล่น   อ้าย
อายุ   18 ปี
สัดส่วนชวนฝัน    36-26-35
สูง    159 ซม.
น้ำหนัก   47 กก.
นิสัย    ขี้เล่น ตลกฮาๆ ถ้าไม่รู้จักจะเงียบๆ
สไตล์การแต่งตัวที่ชอบ   ชิลๆ สบายๆ ไม่เยอะ
งานอดิเรก   ร้องเพลง เต้น รำไทย
อาหารสุดโปรด   ส้มตำ






มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram

"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!


และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754



กำลังโหลดความคิดเห็น