อยู่ๆ รัฐบาลก็ใช้ ม.44 สั่งด่วนให้ประชาชนนั่งหลังต้องคาดเข็มขัด และไม่จ่ายค่าปรับก็ไม่ได้ต่อภาษี แต่ปัญหาเรื้อรังที่คนไม่มีรถต้องการความปลอดภัยจากการใช้บริการแท็กซี่กลับนิ่งเฉย ปล่อยให้รถแท็กซี่ไทยและสมาร์ทแท็กซี่ ต้องสู้กันเอง
ล่าสุด เมื่อวันที่ 20 มีนาคม ที่ผ่านมา ฝั่งแท็กซี่ไทยโดยเครือข่ายสหกรณ์แท็กซี่ในกรุงเทพมหานคร ถึงขั้นพากันก่อม็อบจี้กระทรวงคมนาคมจัดการสมาร์ทแท็กซี่ อย่าง อูเบอร์ อีซี่ แท็กซี่ และแกร๊บ แท็กซี่ อย่างถูกต้อง โดยหาว่าแย่งลูกค้าและทำให้รายได้หดถึง 30% พร้อมเสนอให้ใช้ ม.44 จัดการสมาร์ทแท็กซี่เหล่านี้
ในขณะเดียวกันฝั่งสมาร์ทแท็กซี่ ก็พยายามผลักดันให้รัฐบาลแก้กฏหมายเพื่อรับรองให้รถบ้านสามารถเปิดให้บริการเป็นรถสาธารณะได้ โดยเฉพาะ อูเบอร์ ซึ่งเปิดบริการให้ประชาชนที่มีรถส่วนตัวสามารถนำมาขับรับส่งผู้โดยสารได้ผ่านแอปพลิเคชัน ในระบบที่เรียกว่า Ridesharing ซึ่งแม้ว่ากระทรวงคมนาคมขอร้องให้หยุดบริการระหว่างรอข้อสรุปที่ชัดเจนก็ตามประมาณ 6 เดือน - 1 ปี แต่ทางอูเบอร์ก็ยืนยันที่จะไม่หยุด โดยอ้างเรื่องไม่มีกฎหมายรองรับ จึงไม่ผิดกฎหมาย
แท็กซี่ไทยเตรียมแอปฯ Smart Taxi ของไทยพร้อมให้บริการ
เมื่อวันที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมา นายวิฑูรย์ แนวพานิช ประธานเครือข่ายสหกรณ์แท็กซี่ในเขตกรุงเทพมหานคร นำสมาชิกเดินทางยืนหนังสือต่อนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม โดยมีสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) มารับแทน โดยเรียกร้องให้ ขบ. บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด และแก้ไขปัญหารถแท็กซี่ผิดกฎหมาย เนื่องจากที่ผ่านมา การทำรถยนต์ส่วนบุคคลมาให้บริการเป็นรถโดยสารสาธารณะที่ให้บริการกว่า 50,000 คันนั้น ส่งผบกระทบต่อคนขับแท็กซี่ ทำให้มีการแย่งผู้โดยสาร และทำให้รายได้ของรถแท็กซี่ที่ถูกกฎหมาย ลดลงกว่า 30% ทั้งนี้ ยืนยันว่า เครือข่ายสหกรณ์ ไม่ได้ต่อต้านการนำแอปพลิเคชันมาใช้ แต่ต้องการให้การให้บริการเป็นไปอย่างถูกต้อง
“เครือข่ายสหกรณ์แท็กซี่ฯ มีความพร้อมร่วมมือกับแอปพลิเคชัน Smart Taxi ที่พัฒนาโดยคนไทยแล้ว แต่จะต้องรอให้ขบ. แก้ไขกฎหมาย เกี่ยวกับการติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติม เช่น กล้องวงจรปิด และมิเตอร์รูปแบบใหม่ ที่ใช้บัตรประจำตัวคนขับสแกนเพื่อยืนยันตัวตนก่อนออกให้บริการ และหวังว่าจะเริ่มดำเนินการได้ภายใน 3-6 เดือนนี้ โดยแอพพลิเคชั่นดังกล่าวจะสามารถแก้ปัญหารถแท็กซี่ปฏิเสธผู้โดยสารได้ เนื่องจากเมื่อมีผู้โดยสารเรียกใช้บริการผ่านแอพพลิเคชั่น smart taxi ซึ่งจะเป็นการเรียกใช้รถแท็กซี่ที่มีอยู่ในระบบ และเอารถที่ผู้ขับตัดสินใจไปรับผู้โดยสารก็จะตัดปัญหาเรื่องการปฏิเสธผู้โดยสารออกไปได้ด้วย”นายวิฑูรย์กล่าว
อูเบอร์ ชูระบบ Ridesharing ช่วยลดรถติดและมลพิษได้ วอนรัฐแก้กฏหมาย
เป็นต้นแบบแอปพลิเคชันสมาร์ทแท็กซี่ ที่ดำเนินงานมาตั้งแต่ปี 2009 อูเบอร์พร้อมเปิดให้บริการในประเทศไทย แต่ตอนนี้ก็ยังคงคลุมเครือเรื่องกฏหมายที่ไม่รองรับการให้รถส่วนตัวเป็นรถสาธารณะได้
เอมี่ กุลโรจน์ปัญญา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายรัฐสัมพันธ์สื่อสารองค์กร ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (อูเบอร์) ได้มาเปิดใจต่อ NEWS1 ถึงจุดยืนการให้บริการของอูเบอร์ ว่า “บริษัทแม่มองว่า สิ่งที่เรากำลังเผชิญในเมืองไทย เป็นเหตุการณ์ที่ปกติอยู่แล้ว เมื่อเราจะดำเนินการเปลี่ยนแปลงบางมุมให้เมืองได้รับในสิ่งที่ดีกว่าที่เป็นอยู่ เกือบทุกประเทศที่เรามีการดำเนินการ ก่อนที่เราจะเข้าไปในแต่ละพื้นที่ เราศึกษารูปแบบทั้งกฎหมาย รูปแบบของการบริการ และความพร้อมของเทคโนโลยีเป็นต้น”
“ตอนที่เราเข้ามาในเมืองไทย เราศึกษาอย่างชัดเจนถึงกฎหมายที่มีอยู่ ซึ่งไม่รองรับกับธุรกิจที่เราเป็น โดยที่ไม่มีการเอ่ยถึงแอปพลิเคชันผ่านสมาร์ทโฟน หรือเทคโนโลยีของสองคนระหว่างผู้โดยสารและผู้ร่วมขับ ซึ่งไม่มีใครออกกฎหมายเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่เพิ่งมีมาเมื่อไม่ถึง 10ปีนี้ จึงเป็นเรื่องปกติที่มีข้อสงสัยและคำถาม เราจึงต้องให้ข้อมูลกับภาครัฐ ซึ่งระบบหรือบริการร่วมเดินทาง หรือ Ridesharingเป็นสิ่งที่เป็นที่รู้จักกันแล้ว ในเชิงของผู้ใช้ของเรา และคนไทยก็ยอมรับและพร้อมให้บริการ”
“ยกตัวอย่างรูปแบบของประเทศเพื่อนบ้านในประเทศอาเชียน ที่เปิดใช้ระบบRidesharing ซึ่งไม่ได้มีเฉพาะอูเบอร์แต่มีของระบบอื่นด้วย เช่น ประเทศมาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ มีการยอมรับกันทางกฎหมายแล้ว ประเทศเวียดนาม ก็มีโครงการทดลองผลประโยชน์ของระบบการร่วมเดินทางอย่างเป็นทางการ ประเทศพม่าและกัมพูชา มีการเชิญชวนให้อูเบอร์เข้าไปให้บริการ และต้องการที่จะออกกฏหมาย ก่อนที่เราจะเข้ามาเปิดบริการด้วยค่ะ”
เอมี่ตอบข้อสงสัยต่อประโยชน์ที่เมืองไทยจะได้รับต่อการบังคับใช้กฎหมายครั้งนี้ว่า “เป็นรูปแบบที่เราเห็นชัดเจน บางรัฐบาลสามารถเลือกได้เลยว่า นี่คือผลประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ และสามารถแก้ปัญหาใหญ่ของเมือง นั่นคือปัญหาการจราจร หากคุณไปศึกษารูปแบบที่เราเสนอแนะ กฎหมายปัจจุบันและกฎหมายที่ขยายความเป็นรูปแบบที่รองรับระบบของเราอย่างเป็นทางการ จะเห็นว่า รถสาธารณะและรถส่วนตัวสามารถถูกใช้เป็นประโยชน์ต่อสาธารณชนในรูปแบบที่ไปด้วยกันได้ และเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย โดยของอูเบอร์นั้น เราคืนกำไรให้สังคมในระบบเศรษฐกิจ 75-80% อยู่ในมือของคนไทย นั่นคือผู้ขับขี่ของอูเบอร์ อีก 20-25% ที่อูเบอร์เรียกจากคนขับที่ใช้เทคโนโลยีของเรา ก็เสียภาษีเช่นกัน”
เอมี่ ปิดท้ายว่า “สิ่งที่เราอยากจะแนะนำให้คนเข้าใจ เรามองว่า ทุกฝ่ายในทุกอุตสาหกรรมนี้มีบทบาท ไม่ได้มองว่าคือคู่แข่งที่จะมาแย่ง ลูกค้าที่ต้องการพึ่งพาเทคโนโลยี อาจจะคนละกลุ่มของลูกค้าที่ยืนบนถนนแล้วโบกมือเรียก เรามองว่าทั้งคนที่เป็นการบริการ ณ เวลานี้ความต้องการของคนไทยมีเพียงพอที่ทุกฝ่ายสามารถดำเนินการเองได้ค่ะ”
เทียบกันชัดๆ สมาร์ทแท็กซี่เป็นต่อ!
แค่เอ่ยปากถามผู้ใช้รถบริการสาธารณะ โดยเฉพาะให้เลือกระว่างแท็กซี่ อูเบอร์ หรือแกร๊ปนั้น ประชาชนส่วนใหญ่ต้องเทใจให้ทางสมาร์ทแท็กซี่ ด้วยเหตุผลอันดับหนึ่ง “ไม่โดนปฏิเสธ”
ลองมาเทียบการบริการระหว่างแท็กซี่ไทยทั่วไป กับบริการสมาร์ทแท็กซี่ เรียกผ่านแอปพลิเคชัน ซึ่งในเมืองไทย หลักๆ มีอยู่ 3 แบรนด์ดัง ได้แก่ Easy Taxi, Grab Taxi และ Uber
เริ่มตั้งแต่การเรียกใช้บริการ สำหรับแท็กซี่สาธารณะ ผู้โดยสารสามารถโบกเรียกได้ทันที โดยไม่ต้องมีโทรศัพท์มือถือ ส่วนคนขับจะบริการดีหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับดวงคนนั่งอย่างเดียว! แต่หากเกิดปัญหาผู้โดยสารสามารถร้องเรียนกับหน่วยงานรัฐบาลอย่าง กระทรวงคมนาคมได้
ส่วนสมาร์ทแท็กซี่นั้น จะเรียกใช้บริการแต่ละครั้งก็ต้องลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันของแต่ละบริษัท แต่ผู้ใช้บริการสามารถนั่งรอหน้าบ้านให้รถมารับได้โดยไม่ต้องถูกปฏิเสธให้เหนื่อยหัวใจ แถมยังรู้หน้าตาและประวัติคนขับโดยไม่ต้องพึ่งดวง ไม่ต้องกลัวถูกพาอ้อมเรียกค่ามิเตอร์เพิ่ม เพราะเราสามารถระบุเส้นทางผ่านแอปฯ ได้ อีกทั้งยังหมดปัญหาเรื่องเงินทอนไม่มี เพราะบางแอ๊ปสามารถชำระค่าโดยสารผ่านบัตรเครดิต และยังรู้ราคาค่าโดยสารล่วงหน้า แต่ข้อเสียก็มีเช่นกัน เพราะหากเกิดปัญหาขณะเดินทาง ผู้โดยสารไม่สามารถร้องเรียนจากหน่วยงานรัฐบาลได้
มาฟังความคิดเห็นของผู้ที่โดยสารรถแท็กซี่เป็นประจำกันดูถึงความรู้สึกต่อการใช้บริการรถแท็กซี่ทั้งสองประเภทกันดู
XXX … อูเบอร์รถบ้าน รถใหม่ สะอาด มีระบบลงทะเบียนออนไลน์ มีจีพีเอสติดตามได้ เรียกง่ายกว่า คนขับมารยาทดีกว่าเยอะมากกกกกก
XXX …ใช้แต่อูเบอร์ กับ grab ดีกว่าแท็กซี่ไทยเยอะ นัดวันเวลามารับได้ เลือกรถได้ สบายกว่าเป็นไหนๆๆๆๆ ฝนตกรถติดก็มารับ ไม่ต้องยืนตากฝนเรียกรถแล้วไม่ไปเหมือนแท็กซี่ไทย
XXX... Uber ดีกว่า แท๊กทั่วไป ราคาถูกกว่าด้วย เพราะเริ่มต้นถูกกว่า เปลี่ยนจุดหมายได้ แวะได้ ไม่มีปัญหา มารยาทดี จะใช้ grab carแทนบางครั้งเมื่อgrabมีโปรลดเยอะ แต่ grabจะเปลี่ยนที่หมายไม่ได้ วุ่นวายกว่า รวมๆแล้ว uberดีสุดนะ เวลาเรียก ถ้าราคาแพงเพราะ เป็นเวลาเร่งด่วน ลองกดออก กดเข้า 2-3ที ราคาจะเปลี่ยนด้วย
ด้วยปริมาณประชากรกว่า 50 ล้านคน ในกรุงเทพมหานคร ผู้โดยสารสามารถเลือกใช้บริการรถแท็กซี่ในแบบที่ตัวเองชอบได้ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่า พวกเขาเหล่านั้นจะประทับใจในบริการของแท็กซี่ประเภทไหน ซึ่งหากรัฐบาลมีกฎหมายให้รองรับอย่างถูกต้อง คนไทยคงสบายใจที่จะใช้บริการแท็กซี่อย่างที่ใจชอบได้สะดวกยิ่งขึ้น จึงไม่เข้าใจว่า ผลประโยชน์ของประชาชนล้วนๆ แบบนี้ บิ๊กตู่จะช้าอยู่ใย?!
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754