xs
xsm
sm
md
lg

ถึงเวลาต้องกลัว! "ข้อเข่าเสื่อม" ปัญหาสุขภาพใกล้ตัว!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"ข้อเข่าเสื่อม" เป็นหนึ่งในความผิดปกติของร่างกาย ที่แม้จะไม่ใช่โรคร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตแต่ก็เป็นต้นเหตุทำให้ผู้ป่วยสูญเสียคุณภาพชีวิตที่ดี

ปัญหาสุขภาพดังกล่าวนี้ "ผศ.นพ.สมบัติ โรจน์วิโรจน์" ศัลยแพทย์ออร์โธปิดิกส์ ศูนย์ข้อสะโพกและข้อเข่า โรงพยาบาลกรุงเทพ อยากให้ทุกคนรู้เท่าทัน เนื่องจากปัจจุบันไม่ได้จำกัดอยู่ในกลุ่มผู้สูงอายุเท่านั้น แต่ยังสามารถเกิดได้กับผู้ที่อายุน้อยด้วยเช่นกัน หากเล่นกีฬาหักโหมหรือมีน้ำหนักตัวมากเกินไป

สอดรับกับสถิติของผู้ป่วยโรคกระดูก และข้อในประเทศไทยของมูลนิธิโรคข้อ พบว่าในปี 2549 ไทยมีผู้ป่วยโรคข้อเสื่อมมากกว่า 6 ล้านคน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี จากเดิมที่พบในผู้สูงอายุ แต่กลับพบผู้ป่วยในอายุน้อยลง โดยมีปัจจัยเสี่ยงและปัจจัยเสริมหลายๆ อย่างประกอบกัน คือ 1.อายุ 2.น้ำหนัก 3.การใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การยกของหนักมากๆ หรือการขึ้นลงบันไดโดยไม่จำเป็นและท่านั่งต่างๆที่เราต้องงอเข่าเยอะ และ 4.เคยมีการบาดเจ็บบริเวณข้อเข่ามาก่อน เช่น กระดูกหัก เส้นเอ็น หรือ หมอนรองข้องเข่าฉีกขาด

สำหรับ "ข้อเข่า" นั้น ถือเป็นข้อที่ใหญ่ที่สุดในร่างกายและเป็นข้อที่รับน้ำหนักของร่างกาย ประกอบไปด้วยกระดูกต้นขา กระดูกหน้าแข้ง และกระดูกลูกสะบ้า บริเวณส่วนปลายของกระดูกจะมีกระดูกอ่อนซึ่งทำหน้าที่เป็นผิวข้อเข่า หน้าที่กระดูกอ่อนหรือกระดูกผิวข้อจะมีหน้าที่รับน้ำหนัก ช่วยให้การขยับของข้อจะเรียบและลื่น โรคข้อเข่าเสื่อมคือการที่ผิวกระดูกอ่อนสึก ทำให้เวลาขยับจะเกิดการเสียดสีกันระหว่างกระดูกทำให้มีอาการอักเสบ และมีอาการปวดตามมา

ผศ.นพ.สมบัติ โรจน์วิโรจน์
ด้านอาการเริ่มต้น จะรู้สึกติดๆ ตึงๆ หากเป็นมากขึ้นจะมีอาการปวด โดยอาการปวดจะเป็นหลังจากใช้เข่านาน เช่น เดินนานๆ ขึ้นลงบันไดเยอะ หากเป็นมากขึ้นอาการปวดจะเป็นรุนแรงเพิ่มขึ้น ถี่ขึ้น จนบางครั้งแค่ขยับก็ปวดแล้วไม่จำเป็นต้องไปยืนหรือไปเดินนานๆหรือมีอาการปวดขณะนอนด้วย ซึ่งจะทำให้รบกวนการใช้ชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก

ปัจจุบันการรักษาจะมีอยู่ 2 วิธี คือ การใช้ยา มียาหลักๆ อยู่ 2 กลุ่ม ได้แก่ ยาแก้ปวด จะรับประทานเป็นครั้งคราว และ ยาชะลออาการข้อเข่าเสื่อม 2. การผ่าตัด แบ่งเป็นการผ่าตัด 3 วิธี ได้แก่ การผ่าตัดส่องกล้องเข้าไปล้างเศษกระดูกอ่อนที่หลุดลอยซึ่งส่งผลให้เกิดอาการปวด การผ่าตัดจัดแนวกระดูก และการผ่าตัดข้อเข่าเทียม ซึ่งในปัจจุบันถือเป็นวิธีที่ประสบความสำเร็จที่สุด


ล่าสุด เทคโนโลยีการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมด้วยโปรแกรมที่ออกแบบเฉพาะบุคคล โดยนำเอาเทคโนโลยีของการสร้างภาพสามมิติมาช่วยในการวางแผนก่อนผ่าตัดเพื่อหาความเหมาะสมสำหรับคนไข้แต่ละราย ร่วมกับเทคนิคการผ่าตัดแบบทะนุถนอมเนื้อเยื่อไม่ให้บอบช้ำ ช่วยทำให้ผู้ป่วยเจ็บน้อยและฟื้นตัวไว


"การผ่าตัดจะใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมงโดยภายในห้องผ่าตัดจะใช้ระบบ Laminar Air Flow มีอากาศถ่ายเทไหลจากบนลงล่างออกจากห้อง และผนังห้องไม่เก็บฝุ่น รวมถึงชุดผ่าตัดของศัลยแพทย์ที่สวมชุดที่ออกแบบเหมือนชุดอวกาศคลุมตั้งแต่ศีรษะถึงปลายเท้า เพื่อป้องกันเชื้อโรคจากลมหายใจของศัลยแพทย์ และเศษของกระดูกที่อาจกระเด็นถึงแพทย์แล้วตกลงไปที่แผลระหว่างผ่าตัดกระดูก

ข้อเสื่อมรุนแรงกระดูกงอกมากช่องข้อเข่าแคบไม่มีช่องว่างขอบกระดูกตรงข้อเข่าขาวขึ้น
สำหรับเหตุผลสำคัญสองข้อที่ทำให้คนไข้เจ็บน้อยและฟื้นตัวไว คือ การผ่าตัดแบบทะนุถนอมเนื้อเยื่อไม่ให้บอบช้ำโดยขนาดของแผลที่พอเหมาะ การใช้เครื่องจี้ไฟฟ้าห้ามเลือดด้วยคลื่นวิทยุ ซึ่งหล่อด้วยน้ำเกลือ เพื่อไม่ทำให้เนื้อเยื่อรอบข้างถูกทำลาย ช่วยลดการเสียเลือดหลังการผ่าตัด และการบริหารยาลดความเจ็บปวดโดยการฉีดยาชาเข้าช่องไขสันหลังเพื่อไม่ให้เจ็บในระหว่างการผ่าตัด และจัดการความเจ็บปวดหลังการผ่าตัดด้วย Adductor Canal Block คือ การระงับการรับความรู้สึกที่เส้นประสาทในช่องแอดดั๊กเตอร์ เพื่อลดระดับความปวดโดยจะฉีดยาชาเข้าไปที่เส้นประสาทเหนือเข่า เพื่อให้ยาชาต่อไปแบบช้าๆ อัตโนมัติ ทำให้ไม่รู้สึกเจ็บปวด แต่กล้ามเนื้อยังทำงานได้" นพ.สมบัติอธิบาย และเผยต่อว่า

"หลังผ่าตัดผู้ป่วยบางรายโดยเฉพาะผู้สูงวัยอาจจะอยู่ที่ห้องพักฟื้นหนึ่งคืน จากนั้นจะย้ายมาอยู่ห้องปกติ ซึ่งจะทำการฟื้นฟูกล้ามเนื้อเข่าหลังผ่าตัดโดยมีทีมกายภาพดูแลอย่างใกล้ชิด และการทำกายภาพด้วยเครื่อง Alter G (Anti Gravity Treadmill) หรือ ลู่วิ่งต้านแรงโน้มถ่วง เครื่องมือกายภาพบำบัดที่เมื่อคนไข้เดินเข้าไปแล้ว ระบบจะทำการอัดอากาศเข้าไปเพื่อพยุงตัวให้ลอยขึ้น เสมือนเดินอยู่ในลูกบอลลูน คนไข้จึงกล้าก้าวเดินเพราะไม่เจ็บขณะลงน้ำหนัก


หลังจากนั้น นักกายภาพบำบัดจะปรับการต้านแรงโน้มถ่วงจากมากไปหาน้อยเพื่อให้ผู้ป่วยปรับตัวกับการรับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นทีละน้อยได้ ช่วยให้ฟื้นตัวเร็ว ภายในวันแรกก็สามารถขยับเดินได้ เมื่อครบ 4 วันตามโปรแกรม ผู้ป่วยจะสามารถเดินกลับบ้านใช้ชีวิตประจำวันได้และทำกายภาพบำบัดจนสามารถออกกำลังกายอย่างตีกอล์ฟ ขี่จักรยาน หรือว่ายน้ำได้"

เปรียบเทียบเข่าปกติด-เข่าเสื่อม
อย่างไรก็ดี คุณหมอบอกว่า ไม่ใช่ทุกคนที่ต้องเข้ารับการผ่าตัด แต่จะเน้นรักษาตามระยะของโรค

"ถ้ายังสามารถใช้เข่าในสภาวะเข่าเสื่อมที่ยังไม่รุนแรงได้ แพทย์จะแนะนำให้เปลี่ยนวิธีการใช้งาน เช่น ห้ามนั่งคุกเข่า หรือนั่งยองๆ และควรเลือกเล่นกีฬาเบาๆ อย่าง ว่ายน้ำ เดินเร็ว ขี่จักรยาน เวลานั่งทำงานปรับที่นั่งให้สูงเพื่อให้เข่าได้เหยียดเต็มที่ หากต้องนั่งนานๆ ควรพักเข่าด้วยการเหยียดเข่าตรงในท่านั่งแล้วนับ 1-10 เพื่อให้กล้ามเนื้อหน้าขาแข็งแรงขึ้นทำประมาณ 20-30 ครั้ง ต้องควบคุมน้ำหนัก ให้พยายามขึ้นลงบันไดเท่าที่จำเป็นเท่านั้น


ถ้าข้อเข่าเสื่อมที่ยังเป็นไม่มากเราสามารถรักษาด้วยการทานยาตามอาการ และการฉีดน้ำหล่อเลี้ยงข้อเทียมเพื่อช่วยลดการเสียดสีของข้อเข่า หรือฉีดยาสเตียรอยด์ในปริมาณที่จำกัดได้ แต่ถ้าการรักษาที่ว่ามาทั้งหมดไม่ได้ผลก็ต้องเข้ารับการผ่าตัด" นพ.สมบัติ กล่าวทิ้งท้าย

ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก "นพ.รณศักดิ์ มงคลรังสฤษฎ์" ศัลยแพทย์กระดูกและข้อการผ่าตัดข้อเข่า และข้อสะโพกเทียมโรงพยาบาลเวชธานี ลาดพร้าว 111




มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram

"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!


และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754



กำลังโหลดความคิดเห็น