xs
xsm
sm
md
lg

แค่ไหนเรียกยากจน? “น้องคิว” เหยื่อความขี้สงสารของคนไทย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


จาก “เด็กเรียนดีที่น่าสงสาร” กลายเป็น “เด็กที่ถูกสังคมตั้งคำถาม-รุมประณาม” ไปเรียบร้อยแล้ว สำหรับ “น้องคิว” ผู้ได้รับเงินบริจาคช่วยค่าเทอมสูงถึงหลักล้าน เพื่อต่ออนาคตการศึกษาในคณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ ตามที่สอบติดในตอนแรกแต่ไม่มีเงินจ่าย
ล่าสุดเด็กเก่งรายนี้ถูกขุดจนเละว่าแท้จริงไม่ได้ “ยากจน” อย่างที่กล่าวอ้าง กับอีกหลายคำถามคาใจเรื่อง “ทุนเรียนฟรี” และ “เงินบริจาค” ที่เคยลั่นว่าจะใช้คืนให้ เห็นทีเรื่องนี้ต้องดูกันไปอีกยาว ถึงจะได้คำตอบว่าใครที่เหมาะสมกับคำว่า “น่าสงสาร” ที่สุด ระหว่าง “ผู้ให้” หรือ “ผู้รับ”




ความน่าสงสารนี้ ควรเชื่อใคร?

ดรามาลุกลามใหญ่โต สำหรับกรณี “น้องคิว-อธิวัฒน์ วิทย์พิชิตชัย” เมื่อสามีของป้าแท้ๆ นำความน่าสงสารของหลานชายวัย 18 รายนี้ ไปโพสต์ลงโซเชียลฯ บอกเล่าเรื่องราวชีวิตสุดรันทด ถูกพ่อแท้ๆ ทิ้งไปตั้งแต่ 4 ขวบ ส่วนแม่มีอาชีพขายอาหารตามสั่ง ซึ่งน้องคิวจะไปช่วยแม่ขายของเสมอๆ แต่โชคร้ายที่แม่กลับต้องมาเสียชีวิตลงเมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา ทั้งยังถูกพ่อเลี้ยงกีดกันไม่ให้อยู่บ้านร่วมด้วย สุดท้ายจึงต้องเก็บเสื้อผ้ามาอาศัยอยู่กับป้า

เมื่อสอบติดคณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาคเคมี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (ภาคพิเศษ) ทั้งป้าและน้องคิวจึงไม่มีเงินจ่ายค่าเทอมจำนวน 36,700 บาท จึงตัดสินใจโพสต์ขอความช่วยเหลือ บอกเอาไว้ชัดเจนว่าหากกู้เงินจากกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ได้ จะนำเงินมาผ่อนจ่ายคืนให้ผู้ใจบุญทั้งหลายในภายหลัง กระทั่งได้รับแรงสนับสนุนอย่างท่วมท้นจากเหล่าคนใจบุญ ส่งให้มีผู้บริจาคสมทบค่าเล่าเรียนสูงถึง 1.6 ล้านบาท แต่เรื่องราวกลับไม่สิ้นสุดเพียงเท่านั้น เมื่อผู้ที่อ้างว่าเป็นญาติแท้ๆ ออกมาโพสต์แฉมุมมืดๆ ที่น่าตกใจ เอาไว้ดังนี้

"คิวเอ๋ย หลอกคนอื่นได้ แต่จะมาหลอกคนในครอบครัว หรือคนรอบข้างบ้านเราเองไม่ได้หรอกนะ กับอีกคนที่เขาขายอาหารอาชีพอย่างครอบครัวที่เราทำอยู่ตอนนี้ คนในตลาดไนท์บาซ่าร์ บุรีรัมย์

ทำไปเลยตอนนี้ที่เราสบายใจ คิว เพราะตอนที่แม่ยังมีชีวิตอยู่ ตัวคิวเอง เราก็ไม่ได้อยู่ช่วยงาน แบ่งเบาภาระแกมากเท่าไหร่เลย แต่พี่ก็เข้าใจที่เอ็งต้องเรียนและต้องสอบมากๆ แต่ไม่ต้องทำเรื่องถึงขนาดนี้หรอกนะ

ทางบ้านเราไม่ได้อัตคัดอับจนขนาดนั้นสักหน่อย ธุรกิจร้านขายอาหาร แม่เขาก็ทิ้งเป็นมรดก ให้เรากับน้องไว้สานต่ออยู่แล้ว มีพวกพี่ๆ กับพี่คิวที่ยังมีชีวิตอยู่ ที่คอยเป็นเสาหลัก ที่จะอยู่ช่วยอยู่แล้วคิว คิวไม่สงสารพ่อเลยนี่เอ็ง"

"ขอประณามนักข่าว ขอให้ใช้จรรยาบรรณในการทำข่าว สื่อเรื่องที่เป็นความจริงอะไรออกมาด้วย ถึงแม่เขาจะเสียไปแล้ว แต่เขาก็ยังมีพ่อแท้ๆ ที่ยังอยู่เป็นเสาหลักอยู่ตอนนี้ จะมาเป็นพ่อเลี้ยงได้ไง แล้วทำไมมีแต่ป้าเขากับน้อง ที่แค่ออกมาคุยกับสื่อนักข่าวอย่างพวกคุณอยู่ฝั่งเดียว ผมเองก็เป็นคนในครอบครัวเขานะครับ (เป็นเขย)"


[ถูกนักสืบออนไลน์ขุดคุ้ย]
นอกจากนี้ ยังมีนักสืบออนไลน์บางราย ออกมาแฉเพิ่มว่าแท้จริงแล้ว น้องคิวผู้น่าสงสารในสายตาสังคม ไม่ได้ “ยากจน” อย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่กลับใช้ชีวิตฟุ้งเฟ้อมาตั้งแต่ตอนที่แม่ของน้องยังไม่เสียชีวิตแล้ว โดยระบุว่ามีรถมอเตอร์ไซค์แพงๆ ใช้ มีไอโฟนเล่น ฯลฯ จึงส่งให้เกิดกระแสทางลบตีกลับมาที่ตัวน้องในทันที สังคมตั้งคำถามก่นด่าระงม

ล่าสุด ผู้เป็นป้าต้องขอออกมายืนยันว่าไม่เคยพูดโกหกเรื่องใดๆ เผยไม่เคยบอกที่บ้านยากจน แต่ไม่สามารถหาเงินมาจ่ายค่าเทอมได้จริง เพราะขณะนั้น ตั้งใจจะกู้ยืม กยศ. แต่ยังไม่สามารถดำเนินการได้ทันที ส่วนเรื่องที่มีข่าวเสียๆ หายๆ กระทบจิตใจของหลานชายนั้น ยืนยันหนักแน่นว่าจะปรึกษาผู้รู้ทางกฎหมายเพื่อแจ้งความฟ้องร้อง เอาผิดผู้โพสต์ข้อความกล่าวหาอย่างแน่นอน



เด็กดีเตือน เสพข่าวกันดีๆ นะ!!

เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจของตัวเองให้ชัดเจน น้องคิวจึงได้ออกมาโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว "Cue Atiwat" ชี้แจงข้อสงสัยหลายๆ ข้อเอาไว้อีกครั้งหนึ่ง โดยโพสต์อธิบายเอาไว้ว่า "ผมจะแจ้งให้ทราบตรงนี้นะครับ” จากนั้นจึงเริ่มแจกแจงเป็นข้อๆ โดยละเอียด

“1.หลังจากที่แม่ผมเสียได้ 1 เดือน พ่อเลี้ยงผมได้คุยกับป้าผมว่า ไม่ให้ไปยุ่งกับกิจการที่แม่เคยขาย ซึ่งทำให้ผมไม่ได้เงินค่าเลี้ยงดูจากพ่อเลี้ยง เงินที่ลงทุนต่อจากแม่ผมเสียคือเงินจากงานศพ ซึ่งเงินนั้นเป็นส่วนที่ผมได้และพ่อเลี้ยงมอบให้เป็นสิทธิ์ของผม ผมจึงไปลงทุนขายต่อเพื่อจะหาเงินเรียนที่มหาวิทยาลัย จากนั้นได้ไม่นาน พ่อเลี้ยงก็บอกไม่ให้ผมเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกิจการ พ่อเลี้ยงก็มาทำต่อโดยไม่ได้ลงทุน ทำให้ผมไม่มีเงินเหลือเลย

2.รถของผมติดหนี้ไฟแนนซ์ เพราะก่อนแม่เสีย ผมได้อนุญาตให้แม่ไปเข้าไฟแนนซ์ เพื่อนำเงินไปจ่ายค่างวดรถยนต์ของพ่อเลี้ยง ซึ่งหลังจากนำไปเข้าไฟแนนซ์ได้ไม่นาน แม่ก็เสียชีวิต หลังจากแม่ผมเสีย ป้าผมได้เข้าไปพูดคุยเกี่ยวกับปัญหาไฟแนนซ์ที่ต้องผ่อน ซึ่งทางพ่อเลี้ยงก็ไม่รับผิดชอบ ทำให้ผมต้องหาเงินมาผ่อนเอง

[งัดหลักฐานยืนยันเรื่อง พ่อแท้-พ่อเลี้ยง]

3.ในข่าวคือผมไปสัมภาษณ์ที่ ม.เกษตร และได้รับใบกำหนดการจ่ายค่ายืนยันสิทธิ์ ในเวลาอีก 7 วันที่จะถึงคือ วันที่ 13 มี.ค. ซึ่งทำให้ผมและป้าหาเงินจำนวน 36,700 ไม่ทัน จึงได้คุยกับผู้ใหญ่ แล้วเรื่องจึงถึงหูนักข่าว ซึ่งข่าวก็บอกว่าผมไม่มีค่ายืนยันสิทธิ์ จึงได้ขอยืมเงินผู้ใจบุญ ถ้าได้เงินจาก กยศ. ก็จะใช้คืน

4.เมื่อผมได้รับเงินครบตามจำนวน ผมก็ได้ประกาศลงบนเฟซบุ๊กว่าผมได้เงินครบแล้ว และได้บอกทางโทรศัพท์ว่าได้เงินครบแล้ว แต่ผู้ใจบุญก็ประสงค์ที่จะช่วย ผมจึงได้กล่าวขอบคุณ

5.ของที่ผมเคยมี เป็นของที่แม่เคยซื้อให้เมื่อ 3 ปีที่แล้ว เช่น โทรศัพท์และนาฬิกา ผมใช้มา 5 ปีแล้ว และผมปิดบัญชีแล้วครับ เสพข่าวกันดีๆ นะครับ"

[แสดงหลักฐานว่าได้ใช้เงิน 36,700 จ่ายค่าเทอมงวดแรกไปเรียบร้อยแล้ว]

ยังไม่มีใครทราบว่าวงเงินทั้งหมด 1.6 ล้านบาทที่ได้รับไป น้องคิวและป้าแท้ๆ จะนำไปบริหารจัดการอย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุดด้านการศึกษา และยังไม่ทราบว่าทั้งคู่จะตัดสินใจกู้ยืมเงินจาก กยศ.อยู่อีกหรือไม่ เพราะถึงแม้ว่าล่าสุดทางคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) บางเขน จะพยายามติดต่อกลับ และยืนยันว่ายินดีที่จะให้เข้ามายื่นใบคำร้องขอผ่อนผันการชำระค่าประกันสิทธิ์ สำหรับกู้ กยศ. แต่ดูเหมือนทางผู้กู้จะยังไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ

"...จากสถานการณ์ปัจจุบัน คาดว่าจะมีผู้สนับสนุนจนจบการศึกษาหลายแหล่ง และน่าจะเพียงพอจนไม่ต้องกู้ อันนี้คงต้องให้เจ้าตัวตัดสินใจครับ..." พีรยุทธ์ ชาญเศรษฐิกุล คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ มก. บางเขน

ส่วนคำถามที่ว่า น้องจะเอาเงินส่วนที่เหลือไปทำอะไร? จะบริจาคต่อไปยังผู้ด้อยโอกาสที่อื่นๆ ไหม? หรือจะจ่ายคืนผู้บริจาคมาอย่างที่เคยบอกเอาไว้หรือเปล่า? ก็ยังคงเป็นคำถามที่ไม่มีคำตอบ มีเพียงถ้อยคำกระหน่ำซ้ำเติมหลงเหลืออยู่บนโลกออนไลน์


"จะบอกว่าเกือบโอนให้แล้ว สงสารนึกถึงตัวเอง แต่พอข่าวออกแบบนี้ต้องดึงสติ ตอนนี้ลืมตาอ้าปากได้แล้ว นี่ชีวิตเด็กนี่จนไม่ถึงครึ่งของเราเลย เราสอบติดจามจุรีได้ ต้องกู้เงิน กยศ. และทุนอุดหนุนมหาวิทยาลัยตลอด 4 ปี บ้านเช่า พ่อแม่ไม่มีอาชีพ พี่น้อง 6 คน เดินทางรถเมล์ 3 ต่อจากบ้าน ค่ารถไปกลับวันละ 56 บาท เหลือค่าข้าว 44 บาท จำได้แม่นเลย ยังจบมาได้เลย ขอบคุณ กยศ. ทุนอุดหนุนจุฬาฯ ให้เรามีวันนี้ เราไม่เคยไปเรี่ยไรทำตัวน่าสงสารให้ใครเห็นเลย"

"เงินเข้ากระเป๋าแล้ว ใครจะโง่คืน ที่แน่ๆ ศึกแย่งเงินมีบ่อยค่ะ เห็นอย่างนี้แล้ว เด็กแถวบ้านน่าสงสารกว่า ไม่ได้เรียนหนังสือ 2 คนพี่น้องเก็บขยะกับแม่ เราช่วยได้ตามสมควร ถ้าช่วยขนาดนั้น ไม่ต้องดิ้นรน ไม่ต้องลำบาก ไม่มีศักดิ์ศรี คอยแบมือขอ รอคนช่วยอย่างเดียว"

"ขอให้สำนึกในบุญคุณของคนในสังคมที่ให้โอกาส ขอให้ใช้โอกาสอย่างเต็มที่เพื่อทำความดีให้สังคม"

ข่าวโดย ผู้จัดการ Live




มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram

"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!


และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754



กำลังโหลดความคิดเห็น