ว่ากันว่าสปิริตของศิลปินบนเวทีนั้นย่อมไม่มีใครเกิน Michael Jackson ราชาเพลงป๊อปผู้ล่วงลับ แม้แต่การเผาไหม้จากอุบัติเหตุก็มิอาจสามารถหยุดยั้งมาดราชาเพลงแดนซ์ของเขาได้
เรื่องราวมันเกิดขึ้นในวันที่ 27 มกราคม ค.ศ. 1984 ที่ The Shrine Auditorium ใน ลอสแอนเจลิส มีการเซ็ตฉากคอนเสิร์ตใหญ่ขึ้นเพื่อการถ่ายทำโฆษณา Pepsi ซึ่งมีมูลค่าสัญญาหลายล้านเหรียญ ตัวประกอบแฟนเพลงนับพันที่มาร่วมแสดงโฆษณา เวทีใหญ่แสงสีเสียงถูกจัดเตรียมเพื่อที่เขาจะได้วาดลวดลายอย่างเต็มที่
เมื่อเขาปรากฏตัวบนเวทีพร้อมกับเอฟเฟ็คพลุไฟบนเวทีพุ่งขึ้นมาอย่างสวยงาม สะเด็ดไฟได้กระเด็นไปโดนผมของไมเคิลอย่างจังจนไฟเริ่มลุกที่ผมของเขา ไฟ บวกกับ น้ำมันเซ็ตผม ทำให้มันยิ่งติดไฟง่ายเป็นทวีคูณ เขารู้ตัวเองดีว่าโดนแล้วแน่ๆ แต่ด้วยความเป็นมืออาชีพ เขายังคงฝืนร้องและเต้นต่อไปชั่วขณะจึงรู้ว่าตนเองไม่ไหวแล้ว เขาจึงพยายามเดินด้วยมาดราชาของเขาเข้าไปด้านหลังเวที พร้อมกับหมุนตัวพยายามให้ไฟดับ ทีมงานและเจ้าหน้าที่กรูเข้ามาช่วยเหลือราชาเพลงป๊อป แต่ค่อนข้างที่จะสายไปสักหน่อย
อุบัติเหตุครั้งนั้นทำให้เขาเกิดแผลไหม้บริเวณศรีษะ ผมของเขาถูกเผาไปกว่า 70% ใบหน้าของเขาก็โดนไปด้วย ซึ่งใครๆต่างก็รู้ว่าเขาเป็นคนที่เจ้าสำอางแค่ไหน แต่ต้องมาเจอะเจอเหตุการณ์ร้ายอันทำให้เขาเสียโฉมแบบนี้ บริษัทโฆษณาจึงต้องจ่ายเขาเป็นเงินกว่า 1.5 ล้านเหรียญสหรัฐ
ไมเคิล ถูกนำตัวส่งไปยังทีมแพทย์ที่ The Brotman Medical Center ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย เป็นสถาบันวิจัยแผลอันเกิดจากไฟไหม้ที่ดีที่สุดในโลก พวกเขาให้การรักษาราชาเพลงป๊อปอย่างดีเยี่ยมจนเขาอาการดีขึ้น แต่ตลอดระยะเวลาที่เข้ารับการรักษาอยู่ที่นี่ ไมเคิล ได้เห็นความทุกข์ทรมานของคนที่ถูกไฟครอก ถึงแม้ว่าพวกเขาจะรักษาตัวอยู่ในสถาบันที่ดีที่สุด แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าพวกเขาดูทรมานและเจ็บปวดมากๆ
ไมเคิลจึงตัดสินใจยกเงิน 1.5 ล้านเหรียญที่ได้ชดเชยจากบริษัทโฆษณาให้กับสถาบัน The Brotman Medical Center เพื่อใช้พัฒนาเทคโนโลยีในการรักษาต่อไป ซึ่งทางสถาบันได้ตั้งชื่อตึกคนไข้ตึกหนึ่งในชื่อ Michael Jackson Burn Center เพื่อเป็นเกียรติแก่ราชาเพลงผู้ใจบุญผู้นี้
ไมเคิล ให้ความเห็นต่อเหตุการณ์ที่เขาเจอครั้งนั้นว่า
" ผมไม่อยากให้มันเป็นตราบาปของใคร มันคือเหตุสุดวิสัย ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ทีมงานได้ทำเต็มที่แล้ว อาจเป็นพระเจ้าที่ทำให้ผมต้องเจอแบบนี้เพื่อที่จะได้เงินมาสนับสนุนสถาบันที่เป็นความหวังต่อผู้ที่ทนทุกข์ทรมานจากแผลไฟครอก "
เขาไม่ได้เป็นแค่ราชาเฉพาะบนเวทีและในแผ่นเสียง แต่เขายังเป็นราชาทั้งจิตใจของเขา แต่จากเหตุการณ์นั้นเองก็เป็นผลทำให้เขาต้องกินยาระงับปวดตลอดเวลามาจวบจนเขาเสียชีวิต เพราะในบางครั้งเขาเองก็ปวดแผลเหมือนกัน นั่นคือจุดเริ่มต้นให้เขาติดยาแก้ปวดอย่างแท้จริง
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754