ฉาวโฉ่ และร้อนฉ่าในโลกโซเชียล ขณะที่ประเทศกำลังเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจ และรัฐบาลเองก็ไฟเขียวให้ สตง.เข้ามาตรวจสอบการใช้งบประมาณดูงานอย่างเข้มข้นนั้น เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณรัฐบาลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด หากแต่ไม่ทันพ้นเดือน!! เพจเฟซบุ๊กปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้านขององค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่นประเทศไทย ได้เผยแพร่ภาพถ่ายจากเฟซบุ๊กแห่งหนึ่ง (ไม่เปิดเผยชื่อ) ถึงการดูงานของภาครัฐแห่งหนึ่ง โดยระบุเป็น “หน่วยงานใต้จมูกนายกฯ ดูงานตรวจราชการที่ Universal Studios”
งานนี้จึงไม่ต่างกับการตบหน้าเย้ยหยันรัฐบาลและ สตง. เพราะภาพการไปดูงานที่ปรากฏ ลัลลา เกินความจำเป็น ยิ่งเมื่อเห็นเจ้าของเพจบรรยายความรู้สึกของคนบางคนที่พูดถึง …“ชีวิตราชการมันดี มีโอกาสดูงานต่างประเทศ ภาษีชาวบ้านซัปพอร์ต แถมกิน เที่ยว ชอป ต้นปีนี้เอง สำนักตรวจราชการ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี จัดศึกษาดูงานการตรวจราชการที่ประเทศสิงคโปร์ เป้าหมายเพื่อสร้างผู้ช่วยผู้ตรวจราชการมืออาชีพ เขียนไว้ในโครงการอย่างนั้น ไปกันเมื่อ 12-15 มกราคมที่ผ่านมา ใช้งบไปร่วม “เก้าแสนหกหมื่นบาท” (960,000 บาท) ก็ให้นึกเจ็บปวดใจยิ่งนัก
**** ชีวิตราชการมันดีจริง
แม้การเดินทางไปศึกษาดูงานในต่างประเทศนั้น จะไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะหากย้อนดูประวัติศาสตร์ก็ชัดเจนว่าเริ่มในสมัย ร.๕ ที่พระองค์ท่านได้ส่งพระราชโอรส พระราชนัดดาไปศึกษาเล่าเรียน เพื่อไปดู และเอาแบบอย่างที่ดีของการพัฒนาประเทศที่เขาพัฒนากว่าแล้วนำเอาประสบการณ์ความรู้ที่ได้ มาพัฒนาประเทศไทยให้เจริญรุดหน้าทัดเทียมนานาอารยประเทศ ประเทศสยามในสมัยนั้นจึงได้มีที่มาของระบบสาธารณูปโภค และระบบงานสำคัญๆ ของประเทศมากมาย
ต่างจากสมัยนี้ ที่การไปศึกษาดูงานเป็นเรื่องของการใช้เงินงบประมาณประเทศให้แต่สิ้นเปลืองไปเสียเปล่าๆ ประชาชนจะหวังการพัฒนาเปลี่ยนแปลงอะไรๆ แทบไม่ได้เลย บางทีก็เรียกว่าเป็นการเดินทางไปดูงาน ก็เป็นได้เพียงแต่ไปเดินๆ และดูสิ่งของต่างๆ ในต่างบ้านต่างเมืองไปเรื่อยๆ ไม่ได้มีการศึกษาข้อมูลเชิงลึกว่ามีความเป็นมาอย่างไร ทั้งยังไม่มีการตกผลึกความคิดที่จะนำมาพัฒนาบ้านเมืองเราได้อย่างไร สุดท้ายจึงได้แต่ความสนุกสนานไปกับการได้ใช้เงินภาษีของประชาชนให้เพียงแต่หมดไป
****เปิดโปรแกรม ทำงานน้อยเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือเที่ยวอย่างหรู กินอยู่แบบฟรีๆ
12 ม.ค.ถึงสิงคโปร์เวลาเย็น ออกชิลนอกเวลางานแบบไม่ผิดกติกา ถ่ายภาพกับรูปปั้นสิงโตทะเลพ่นน้ำ สัญลักษณ์ของสิงคโปร์ที่ไม่ว่าใครก็ต้องถ่ายรูปเป็นที่ระลึก
13 ม.ค.เป็นการเป็นงานกันทั้งวัน เริ่มจากดูการจัดการผังเมืองที่ Urban Redevelopment Authority ช่วงเที่ยงมีเวลาแวะถ่ายภาพที่ The Arts House รัฐสภาเก่าของสิงคโปร์ ตอนบ่ายดูการวางระบบการจราจรที่ Land Transport Authority มื้อเย็นเก็บเมนูดังปูผัดพริก ร้านต้นตำรับ Roland Restaurant ตกค่ำเดินเล่นเลียบชายฝั่ง East Coast ชมวิวชิงช้าสวรรค์ยักษ์ Singapore Flyer
14 ม.ค. เช้าถึงเที่ยงดูการจัดการขยะที่ TUAS South Incineration Plant ดูเหมือนเรื่องการตรวจราชการจะจบกันแค่นี้ ตกบ่ายไปถ่ายรูปกับ Supertree Grove ต้นไม้จำลองขนาดยักษ์ ไฮไลต์หนึ่งของสิงคโปร์ ต่อด้วยด้วยไหว้วัดพระเขี้ยวแก้ว ย่านไชน่าทาวน์ ช่วงค่ำเก็บเมนูสุดยอดบักกุ๊ดเต๋แห่งสิงคโปร์ที่ Song Fa Bak Kut The
15 ม.ค. จัดหนักกับการศึกษาการตรวจราชการที่ Universal Studios สวนสนุกชื่อดังระดับโลก ชอปปิ้งที่ VivoCity ไลฟ์สไตล์มอลล์แห่งใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์ จัดปูผัดพริกอีกรอบที่ภัตตาคาร Jumbo Seafood ก่อนบินกลับไทยช่วงดึก
เบ็ดเสร็จดูงานเป็นเรื่องเป็นราวประมาณวันครึ่ง ที่เหลือไปศึกษาการตรวจราชการกันที่อื่น #บิ๊กตู่ว่าไง
**** สปน.แจง.. เที่ยววันนี้ บ้านเมืองดีวันหน้า!!
หลังกลายเป็นข่าวสะพัดในโลกโซเชียล สำนักตรวจราชการ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) เจ้าของโครงการฝึกอบรม หลักสูตรผู้ช่วยผู้ตรวจราชการมืออาชีพ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560
ที่พาข้าราชการไปดูงานครั้งนี้ก็ออกมาชี้แจงว่า โครงการดังกล่าวเป็นความร่วมมือของ สปน. กับ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (กพ.) ดำเนินการระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2559 - มกราคม 2560
โครงการดังกล่าวว่า มีการดำเนินการอบรมเป็น 3 ช่วง ประกอบด้วย ช่วงที่ 1 การเสริมสร้างเครือข่ายเพื่อสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้เข้ารับการฝึกอบรม ระยะเวลา 3 วัน ณ โรงแรมในต่างจังหวัด ช่วงที่ 2 เสริมสร้างองค์ความรู้ความเข้าใจในบทบาทหน้าที่-รับผิดชอบ สร้างทัศนคติที่ดีและประสบการณ์ในการตรวจราชการ มีการฝึกปฏิบัติรวมเวลา 9 วัน ณ โรงแรมในกรุงเทพมหานคร ช่วงที่ 3 การประชุมเชิงปฏิบัติการ โดยเน้นการลงพื้นที่เพื่อฝึกปฏิบัติการตรวจราชการและการเขียนรายงานผลการตรวจราชการในโครงการที่สำคัญตามนโยบายของรัฐบาล ณ สถานที่/ส่วนราชการในต่างจังหวัด รวมระยะเวลา 3 วัน และช่วงที่ 4 คือดูงานที่ประเทศสิงคโปร์ ใช้งบประมาณ จำนวน 1,350,000 บาท (หนึ่งล้านสามแสน ห้าหมื่นบาทถ้วน)
ทั้งนี้ ในช่วงที่ 4 มีนายจิรชัย มูลทองโร่ย ปลัด สปน. นางเมธินี เทพมณี เลขาธิการ ก.พ. และหัวหน้าผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นที่ปรึกษา มีผู้เข้าอบรมที่เดินทางไปดูงานครั้งนี้ 30 คนเป็นบุคลากรในระบบการตรวจราชการ ซึ่งดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการ ไม่ต่ำกว่าระดับชำนาญการที่ผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรผู้ช่วยผู้ตรวจราชการ สปน. ประกอบด้วย ผู้ช่วยผู้ตรวจ สปน. เจ้าหน้าที่สนับสนุนการตรวจราชการของ สำนักตรวจราชการ สปน., ผู้ช่วยผู้ตรวจราชการระดับกระทรวง/เจ้าหน้าที่สนับสนุนการตรวจราชการกระทรวง ผู้ช่วยผู้ตรวจราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.), เจ้าหน้าที่สนับสนุนการตรวจราชการ, เจ้าหน้าที่หรือบุคลากรที่ปฏิบัติหน้าที่สนับสนุนการตรวจราชการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.), บุคลากรในระบบการตรวจราชการ ข้าราชการกรมประชาสัมพันธ์ และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ซึ่งดำรงตำแหน่งทางวิชาการไม่ต่ำกว่าระดับชำนาญการพิเศษ ที่ยังไม่ผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรผู้ช่วยผู้ตรวจราชการของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
“การเดินไปสิงคโปร์มีวัตถุประสงค์ คือ ไปศึกษาดูงานด้านการตรวจราชการในต่างประเทศ กลุ่มประเทศสมาชิกประชาคม อาเซียนหรือบวกสาม เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบระบบการตรวจราชการของต่างประเทศ โดยนำแนวคิดในการ บริหารจัดการของประเทศต้นแบบ เพื่อเทียบเคียงกับประเทศไทย (Benchmarking) และทักษะต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการตรวจราชการในต่างประเทศที่สามารถนำมาปรับใช้ในการตรวจราชการ รวมระยะเวลา 5 วัน พร้อมทั้งนำเสนอผลการศึกษาดูงาน จัดทำรายงานผลการศึกษาดูงานฉบับสมบูรณ์และพิธีมอบประกาศนียบัตร”
**** คนทำทัวร์แฉ ทำโปรแกรม 2 ชุด งานน้อยหน่อย เที่ยวมากหน่อย
ข่าวการผลาญงบดูงานต่างประเทศของข้าราชการไทย ปัญหาเรื้อรังทียากจะแก้ไขนี้แหล่งข่าวในแวดวงท่องเที่ยวยอมรับว่า หลายครั้งที่ได้เห็นทัวร์สัมมนาของบรรดาหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจเวลาไปดูงานต่างประเทศ ส่วนใหญ่พวกนี้จะมอบหมายให้บริษัททัวร์ดำเนินการจัดตารางเวลาให้
“คนที่ติดต่อมา จะบอกระยะเวลาการเดินทางมาให้ว่าจะไประหว่างวันที่เท่าไหร่ถึงวันไหน แล้วให้บริษัททัวร์แนะนำและพาไปเที่ยวยังสถานที่ต่างๆ รวมถึงแหล่งที่กิน ที่ชอปปิ้ง โดยเลือกเอาประเทศต่างๆ ทั้งในแถบยุโรป อเมริกา ออสเตรเลีย เกาหลี ญี่ปุ่น จีน เป็นหลัก เวลาทำโปรแกรมจะทำสองชุด ชุดหนึ่งใส่โปรแกรมดูงานที่เกี่ยวข้องแน่นเอี้ยด ส่วนอีกชุดเป็นโปรแกรมดูงานเช้า-บ่ายเที่ยว ผมเคยเจอคณะดูงานใส่เสื้อแจ๊กเก็ตของหน่วยงานที่เกี่ยวกับความมั่นคง ไปเดินดูงานที่ลาสเวกัส ดีสนีย์แลนด์ ยูนิเวอร์แซลสตูดิโอ ดูอะไรครับทำงานหน่วยนึงไปดูอีกอย่างหนึ่ง”
แหล่งข่าวคนเดิมยังบอกอีกว่า การเดินทางออกไปศึกษาดูงานต่างประเทศมักจะมีชุกมากในช่วงใกล้สิ้นปีงบประมาณ เนื่องจากการ “มีเงินเหลือ”ในงบประจำปี จึงจำเป็นต้องใช้เงินให้หมดไป มิฉะนั้นงบที่เหลือก็จะถูกส่งกลับคืนสู่คลัง และในปีงบประมาณถัดไปก็อาจถูกตัดลดงบประมาณลงไป เนื่องจากฐานข้อมูลของการเบิกจ่ายเงินงบประมาณปีที่แล้วมาจะถูกใช้ในการประมาณวงเงินการใช้จ่ายในปีงบประมาณถัดไปนั่นเอง ดังนั้น หน่วยงานราชการหลายแห่งจึงต้องเร่งให้มีการเบิกจ่ายหรือใช้เงินให้หมดไป โดยไม่คำนึงถึงประสิทธิภาพการใช้เงินอย่างคุ้มค่า นอกจากนี้แล้ว หน่วยงานราชการส่วนใหญ่มักไม่ได้บรรจุการไปศึกษาดูงานไว้ในแผนงานประจำปี แต่เมื่อเห็นว่าใกล้สิ้นปีงบประมาณแล้วและเงินยังมีอยู่จำนวนหนึ่ง
*** โซเซียลวิจารณ์แซด ชาติวิกฤติ ขรก.ไทยยังไร้สำนึก ผลุงงบมันมือ
แม้จะมีการพูดถึงการทุจริตในลักษณะนี้อยู่บ่อย ๆ แต่ปัญหาก็ไม่หมดไป ครั้งก็เช่นกัน เมื่อมีข่าวออกมา โลกโซเซียลก็รวมพลังกันวิจารณ์อีกครั้วง โดยสมาชิกพันทิปคนหนึ่งโพสต์บอกความรู้สึกว่า
“ผมรู้สึกระอากับบรรดาข้าราชการทั้งหลาย ที่เอาเงินภาษีของคนไทยทั้งประเทสไปเที่ยว โดยใช้ถ้อยคำสวยหรูว่า "ไปประชุม" ไปสัมมนา" "ไปดูงาน" " ไปเปิดโลกทัศน์" ขอทีเถอะครับ ในฐานะที่ผมเป็นข้าราชการและเป็นคนไทยคนนึง อยากกู่ก้องร้องตะโกนให้บรรดาข้าราชการที่เรียกตัวเองว่าผู้บริหาร ได้รู้ว่า การไปของท่านมันเป็นการสิ้นเปลืองเงินของประชาชนบางท่านที่ไปประชุม สัมมนา โดยไม่ได้ไปนำเสนอผลงานนี่ ฟังภาษาอังกฤษออกหรือเข้าใจได้กี่เปอร์เซ็นต์ของที่เค้าบรรยายครับ เวลาแสดงความคิดเห็นก็นั่งก้มหน้าซะงั้น เหมือนกับกลัวครูสบตาแล้วเรียกให้ตอบคำถาม เวลาเข้าห้องประชุม นั่งซะหลังห้อง จะได้หลับสบาย5555 อันนี้อาจจะเกิดจากเวลาที่ต่างกันมั้ง ผมเคยเจอท่านนึงปัจจุบันเป็นใหญ่เป็นโตไปแล้ว ต้องทำหน้าที่เป็นประธานในที่ประชุม เนื่องจากครบวาระของตัวเองพอดี ท่านก็ให้ผมร่างคำกล่าวเปิดและผลักภาระไปยังเลขาที่ประชุม ตัวเองก็ก้มหน้าอ่านแฟ้ม ในขณะที่ผู้เข้าร่วมประชุม ถกเถียงกันจะเป็นจะตาย แล้วทุกคนก็หันมามองท่าน แต่ปรากฎว่าท่านไม่รู้ เพราะท่านมัวแต่ก้มหน้าแล้วฟังไม่ออกว่าเค้าจะฆ่ากันตายอยู่แล้ว
นอกจากนี้โดยมีเพื่อนสมาชิกหลายรายเข้ามาแสดงความไม่พอใจไปในทิศทางเดียวกัน โดยสมาชิกหมายเลข 2141067 ระบุ ว่า เทศบาลแถวบ้าน พาไปทัวร์ยุโรป อเมริกา พาลูกเมียไปด้วย มีเงินให้ใช้หัวละ 20000 เจ๋งป่ะล่ะ ไอ้คนไปมันได้เสียภาษีดอกค่า เพราะรายได้ต่ำ เวลามาเล่าให้พวกเราฟังนี้สุดแสนภูมิใจ เลือกตั้งรอบหน้าก็กู้เงินมาแจก จะได้ไปเมืองนอกอีก มีคนบอกว่าพวกนี้ไม่ใช่ข้าราชการ ถามอีกครั้งแล้วเงินเดือนที่ได้มาเสกมาจากไหน เก็บภาษีป้าย โรงเรือน บราๆๆๆก็เงินพวกตรูทั้งน้านล่ะว้า อวดอ้างจริงๆ
ในวันนี้ แม้นายกรัฐมนตรีจะออกมาพูดถึงการปราบทุจริตในวงราชการอยู่บ่อยๆ แต่ก็ยังแก้ที่ “ต้นเหตุ” ไม่ได้อยู่ดี ดังนั้น ในฐานะประชาชนที่หวงแหงเงินทองของชาติ จึงจำเป็นที่พวกเราจะต้องออกมาคอยสอดส่องดูแลความผิดปกติการทำงานของราชการไทย และคอยประณามตอกย้ำคนทำผิดให้สังคมได้รับรู้ต่อไปนั่นเอง
ขอบคุณภาพประกอบจาก เพจปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754