xs
xsm
sm
md
lg

ไม่ได้ชกเพราะเงิน! “อองตวน – ลีโอ ปินโต” เตะก้านคอความคิด “อาชีพนักมวยต่ำ!”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

(ซ้าย)อองตวน (ขวา)ลีโอ
สำหรับแฟนมวย Thai Fight คงไม่มีใครไม่รู้จัก 2 ศรีพี่น้องหนุ่มเมืองน้ำหอมตระกูล “ปินโต” ที่สาวๆหลายคนอยากจะคลุกวงใน นอกจากพวกเขาจะพกความหล่อ และฝีมือ มาเต็มนวมแล้ว ความคิดของพวกเขายังอร่อย ไม่ธรรมดาอีกด้วย

ผู้จัดการ Live จึงขอสัมภาษณ์ผ่าเส้นทางชีวิตของสองพี่น้อง อองตวน ปินโต ในวัย 26 และ วิกเตอร์(ลีโอ) ปินโต ในวัย 24 ปี ทั้งคู่เกิดที่ เมืองตูลูส ประเทศฝรั่งเศส ก่อนที่จะย้ายมาอยู่ในประเทศไทยตามคุณพ่อ(เซิร์จ ปินโต) ซึ่งเป็นชาวฝรั่งเศส มาตั้งรกรากอยู่ที่ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ และนี่คือจุดเริ่มต้นของการเป็นนักมวยมืออาชีพ

“ตอนย้ายมาอยู่เมืองไทย เราไม่รู้สึกเหงาเลย รู้สึกว่าเรามาเที่ยว อยู่กับทะเล เล่นน้ำทั้งวัน เงียบ สงบ เรียนโรงเรียนไทย ตอนแรกก็ยังพูดไม่ได้ แต่พอไปเล่นที่ค่ายมวยก็เริ่มพูดได้ ตอนแรกเราไม่คิดว่าจะต้องชกนะ คิดว่าเป็นการเล่นมากกว่า เล่นกับเด็กคนอื่น บางทีเล่นกันครึ่งชั่วโมง นั่งคุยกันไปตามประสาเด็กๆ เห็นเขาขึ้นเวทีซ้อมกัน ก็อยากขึ้นบ้างตามประสาเด็ก

ที่เราชอบมวยเพราะข้างบ้านเป็นค่ายมวย ถ้าข้างๆ เรามีสนามบอล อาจจะเป็นนักฟุตบอลก็ได้ ผมเริ่มซ้อมมวยตั้งแต่อายุ 11 ขวบ ลีโอก็ประมาณ 9 ขวบ และเป็นนักมวยต่างชาติที่อายุน้อยที่สุดที่ขึ้นชกเวทีมวยลุมพินี ตอนนั้นอายุ 14 ” อองตวน เล่าย้อนความหลังถึงสมัยเด็ก

ทว่า นอกจากพี่ชายที่ชกเก่งแล้ว ลีโอผู้น้องก็เคยได้รางวัล “นักมวยลุมพินียอดเยี่ยมแห่งปี 2010” จากเวทีลุมพินีมาแล้วด้วยเช่นกัน

สำหรับชื่อในวงการมวยไทยของอองตวน คือ อันทวน เซ้งบ๊อกซิ่ง และวิกเตอร์ ปินโต ชื่อในวงการ คือ ลีโอ เซ้งบ๊อกซิ่ง ภายใต้สังกัดค่ายมวย เซ้งบ๊อกซิ่ง ซึ่งเป็นของพ่อเขาเอง ปัจจุบันอองตวน และลีโอ ได้เซ็นสัญญาเข้าสังกัดไทยไฟต์เรียบร้อยแล้ว

ส่วนสถิติการชกมวยของอองตวน ขึ้นเวทีทั้งหมด 170 ครั้ง ชนะเกือบ 140 ครั้ง สำหรับลีโอ ชกทั้งหมด 99 นัด ชนะ 72 ครั้ง
ลีโอวัยเด็ก
ทั้งคู่ประสบความสำเร็จในเส้นทางบนสังเวียน กลายเป็นนักมวยต่างชาติคู่แรกที่ได้เป็นนักมวยไทยไฟต์ มีผลงานสร้างชื่อในต่างประเทศมากมาย แต่กว่าพวกเขาจะมีทุกวันนี้ได้ แน่นอนต้องผ่านมาทั้งความทุกข์ และความสุข ฟันฝ่ามาทุกอุปสรรค

วงการมวยไทยปัจจุบันนี้เป็นยังไงบ้าง?

อองตวน : วงการมวยไทย 3-4 ปีที่ผ่านมานี้ ผมคิดว่าดีขึ้นเยอะ มีหลายคนหันมาสนใจมวยไทย ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีมาก ในอดีตอาจจะอยู่ในแค่วงการคนเล่นการพนันที่สนใจ แต่ทุกวันนี้ทุกคนดูได้ สามารถดูเป็นการเอ็นเตอร์เทน อย่างเมื่อก่อนเราเป็นแค่นักชกคนหนึ่งที่คนไม่ได้สนใจ ถ้าชนะก็ดีไป ถ้าแพ้ก็หมาตัวหนึ่ง แต่ทุกวันนี้มีคนที่เข้ามาเพื่อดูเรา เพื่อให้กำลังใจเรา เปรียบเหมือนเราเป็นดาราคนหนึ่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี

เพราะอย่างที่เมืองนอกเวลาชกทุกครั้งจะเป็นอย่างนั้น เขาจะขายบัตร ไม่ได้ขายให้คนมาเล่นการพนัน แต่ขายให้คนมาดูความสนุก เพราะฉะนั้นคนเขาจะตั้งใจมาดูเรา ถ้าสมัยก่อนในเมืองไทยไม่ใช่แบบนี้ จะเป็นการเล่นการพนัน จะเป็นใครก็แล้วแต่มาชกก็ไม่รู้ แต่ขอให้คู่มวยชกสูสี เพื่อเล่นพนัน


แต่เวลาเราไปชกต่างประเทศอาจจะเหงาบ้าง แต่เราโชคดีที่ยังพอมีชื่อเสียงในวงการมวยไปทั่วโลก เวลาเราไปชกที่ไหนก็ยังมีคนติดตามให้กำลังใจจากประเทศไหนก็แล้วแต่ เราถือว่าโชคดี

ลีโอ : มวยไทยดังไปทั่วโลก ต่างชาติก็รู้พอๆกับคนไทย ไปที่ไหนคนไทยก็ดูเยอะ แต่ส่วนตัวชอบชกเมืองไทยมากกว่า เพราะไม่ต้องเดินทาง ถ้าไปชกเมืองนอกต้องนั่งเครื่องบินเป็น 10 ชั่วโมง แล้วมันทำให้เพลีย เหนื่อย เพราะการเดินทาง แต่ก็ภูมิใจที่ได้ไปเผยแพร่ศิลปะแม่ไม้มวยไทยที่เมืองนอก

วางแผนอนาคตไว้มั้ย ว่าจะเลิกต่อยมวยเมื่อไหร่?

อองตวน : ผมว่าไม่ว่าจะเป็นนักกีฬาประเภทไหน มันอยู่ที่ใจมากกว่า อย่างนักมวยอายุเกณฑ์ประมาณ 35 - 38 ปี คือสุดๆแล้ว แต่บางคนอายุ 20 กว่าๆ เขาก็หยุดต่อยก่อนก็มี มันไม่ได้อยู่ที่ร่างกาย มันอยู่ที่ใจ

เมื่อเราถึงอายุหนึ่งแล้ว อยากจะมีครอบครัว เราจะสามารถทุ่มเทให้กับการต่อยมวยเหมือนเดิมหรือเปล่า เพราะการที่เราเป็นนักกีฬา ไม่ใช่แค่มวยนะครับ กีฬาทุกประเภท มันต้องมีการทุ่มเทมาก มันต้องแลกด้วยหลายอย่าง เวลา ชีวิตส่วนตัวด้วยหลายอย่าง ถามว่าถ้าผมอายุ 35 แล้วผมอยากมีลูก มีครอบครัว จะสามารถที่จะเลือกได้ไหมว่า ผมจะไม่ให้เวลาลูก ไม่ให้เวลาครอบครัว เพราะจะให้เวลาแต่มวยเหมือนเดิมหรือเปล่า ร่างกายไปได้ แต่ใจไปได้หรือเปล่า

ลีโอ : ตอนนี้เรามีอาชีพเสริม โดยมีธุรกิจยิม Pinto Fight Studio ปัจจุบันนี้มี 2 สาขาแล้ว ที่โชคชัย 4 และที่อาร์ซีเอ ที่เปิดยิมขึ้นมาเพราะเราชอบมวยไทยอยู่แล้ว มวยไทยให้ทุกอย่างแก่เรา เราอยากให้คนไทยทุกคนเรียนรู้กับกีฬานี้ได้

อองตวน : ความจริงแล้วเราทำค่ายมวยอาชีพมาก่อนที่ประจวบฯ มาได้สักพัก พอเราเริ่มมีชื่อเสียง มีเพื่อนๆ มีคนดูเยอะ ซึ่งหลายคนก็มีความสนใจในมวยไทย แต่ไม่รู้จะไปซ้อมที่ไหน จะสกปรกมั้ย จะโหดมั้ย เรารู้สึกว่า ถ้ามีโอกาสเราอยากจะเปิดยิมที่ทุกคนสามารถเล่นได้ ทุกคนสามารถมาออกกำลังกาย คลุกคลีกับมวยไทย เรียนรู้เกี่ยวกับมวยไทยได้ ตอนนี้เรามีโอกาสแล้ว มีแรงอยู่ก็จึงทำธุรกิจนี้ขึ้นมา เทรนเนอร์ที่ยิมก็เป็นครูที่สอนเรามาตั้งแต่เด็ก ทีมงานเราบางคนก็จบจากวิทยาศาสตร์การกีฬา มีความรู้ด้านการออกกำลังกาย อย่างยิมเก่าเราก็ปั้นแชมป์โลกมาประมาณ 10 กว่าคนแล้ว

ลีโอ : แล้วอีกอย่างหนึ่งเรารู้ตัวอยู่แล้วว่า เราไม่ได้จะมาชกตลอดชีวิต เราก็ต้องหาอาชีพอื่นมาเสริม ก็ต้องทำตอนนี้ ไม่ใช่ว่าจะมาทำตอนอายุ 40 ก็ไม่ทันแล้ว ยิมเรา จะรวมทั้งมวยไทย ฟิตเนส บอดี้เวท ไม่ใช่ยิมมวยอาชีพ คนทั่วไปก็เล่นได้ ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิง เป็นเด็ก อายุเท่าไหร่ก็ตามสามารถมาออกกำลังกายได้ สำหรับในอนาคต เป้าหมายก็อยากไปเปิดที่เมืองนอก อเมริกา เพราะที่เมืองนอกเมืองไทยฮอตมาก ไม่ได้เป็นแค่กระแส เพราะเขาชอบจริงๆ

อองตวน : ตอนนี้ก็หาประสบการณ์จากพื้นที่เล็กๆก่อน ถ้าพร้อมเมื่อไหร่ลุย แต่เวลาเราจะทำอะไร เราต้องตั้งเป้า ไม่ทำเล่นๆ

ทำไมคนบางคนยังดูถูกอาชีพ “นักมวย”?

อองตวน : แปลกนะ คนต่างชาติรักกีฬามวยไทยมากกว่าคนไทยเสียอีก ทำไมคนไทยไม่อนุรักษ์กีฬาของตนเอง ในขณะที่ต่างชาติไปไกลมากแล้ว การที่เราบอกว่า เราเป็นนักมวย ทำไมเรายังโดนดูถูก เป็นอาชีพที่ยังต่ำอยู่ “เป็นแค่…นักมวยเหรอ?” ขณะที่ในต่างชาติ ภาพลักษณ์ของการเป็นนักมวยจะดูดีมาก

แต่ผมก็เข้าใจนะว่า บางคนมองว่าคนที่ชกมวย จะเป็นแค่คนจน แต่มันก็ไม่ได้เสมอไปนะ เพราะผมไม่ได้ขึ้นชก เพราะไม่มีจะกิน ผมสามารถอยู่ได้ ทำอย่างอื่นก็ได้ แต่เราขึ้นชกเพราะใจรัก ที่เมืองนอกก็จะมีเด็กอย่างเราหลายคน ที่ไม่ได้อยากจะเป็นนักมวยเพราะไม่มีจะกิน เพราะเขาไม่ได้คิดว่า ขึ้นชกเพื่อที่จะได้เงิน แต่ชกเพราะความชอบ ไม่ได้มองว่า เป็นอาชีพที่ต่ำ เขาคิดว่า นักมวยเหล่านี้เขามีความพยายามที่จะไปถึงฝัน ฉะนั้น พอเรามีความชอบ และมีการพัฒนาไปเรื่อยๆ ก็จะมีคนเชียร์ติดตาม

เช็กสเตตัส “สถานะหัวใจ”

อองตวน : หลายคนที่ติดตามอินสตาแกรม เฟซบุ๊ก ก็มักจะเห็นอยู่ ผมจะโพสต์อะไรไปเรื่อยๆให้แฟนคลับเห็น ผมกับชิปปี้ (ศิรินทร์ ปรีดียานนท์ นักแสดงช่อง 3) ผมก็ไม่ได้ตั้งเป้าหมายในอนาคตไว้กับความรักยังไง เราทำทุกวันนี้ให้ดีที่สุด น่าจะพอแล้ว วันนี้เรามีความสุข เขามีความสุข ทำวันนี้ให้เต็มที่ แค่นั้นเอง
อองตวนกับแฟนสาวชิปปี้ - ศิรินทร์ ปรีดียานนท์
เขาเป็นคนที่เราอยู่ด้วยแล้วสบายใจ ด้วยนิสัยของเขาที่ยังมีความเป็นเด็ก ยังไม่ค่อยเจอโลกเลวร้ายภายนอกซึ่งเราอย่ในอาชีพที่มันมีการแข่งขัน เป็นความกดดัน เป็นการต่อสู้ พอเราเข้ามาในวงการธุรกิจ ก็เหมือนเดิม มันเป็นการต่อสู้ มีความกดดันมากมาย แต่ตัวน้องเขาจะไม่มีอะไรแบบนี้เลย ใสๆ เวลาเราเครียดๆ แล้วคุยกับเขา เจอกัน เราก็จะมีความสบายใจ

ลีโอ : มีแฟนแล้วครับ คบมา 7 ปี เป็นนักมวยหญิง (ซาซ่า ศ.อารีย์) เป็นนักมวยหญิงคนแรกที่ได้แชมป์โลกในรุ่น 51 กิโลกรัม ไม่ค่อยได้โพสต์อะไรให้ใครเห็นเท่าไหร่ เขาก็เป็นคนหวานน่ารัก ดูแล เทกแคร์เราดี
ลีโอ กับแฟนนักมวยหญิง ซาซ่า ศ.อารีย์
ก็เจอกันตอนซ้อมมวย ตอนนั้นเราไม่มีคู่ซ้อม ตอนอยู่ประจวบฯ คู่ซ้อมมีน้อย เพราะระดับมวยเรามันดีแล้ว จึงย้ายมาซ้อมที่กรุงเทพฯ เขาก็มาซ้อมอยู่ที่นั่น จึงเจอกัน เวลาเขาขึ้นชกบนเวที เราก็ไปดูด้วยทุกครั้ง เป็นคู่ซ้อมให้ทุกวัน เราก็ให้คำแนะนำว่า ควรชกแบบไหน

เคยคิดอยากเลิกชกมวยมั้ย?

อองตวน : ก็มีนะ เมื่อประมาณสองปีก่อน รู้สึกว่ามันถึงทางตันแล้ว คงไปไหนไม่ได้แล้ว แชมป์ก็ได้มาทุกแชมป์แล้ว นักชกเก่งๆก็ชกมาหมดแล้ว จะชกไปทำไมอีก ชกไปมันก็ไม่ได้อะไร แต่ผมยังมีความรู้สึกอยู่ว่า เวลาที่ไปชกเมืองนอก เวลาที่คนต่างชาติเขาได้เห็นเราขึ้นชก ชูธงชาติไทย แล้วรู้สึกมันเป็นความภูมิใจของการที่เราได้เผยแพร่มวยไทย เป็นตัวแทนของคนไทย ก็รู้สึกว่า โอเค ตรงนี้เรามีคนที่ให้กำลังใจ เรายังมีคนที่เห็นความพยายามของเราอยู่ ก็เลยยังมีแรงที่จะทำอยู่

ทุกเวลาเราจะมีความกดดันในตัวเอง ว่าต้องชนะ เพราะไฟต์แรกเราชนะมา ทุกครั้งเป็นประสบการณ์ ในทุกครั้งที่ชนะ เราก็เริ่มเข้าสู่อีกระดับหนึ่ง เป็นชาเลนท์ที่ยากขึ้น ทุกครั้งยากกว่าเดิม และภูมิใจในทุกๆไฟต์

สองพี่น้องปินโต อองตวน -ลีโอ ดีกรีแชมป์มวยจากหลายสำนัก เบื้องหลังเส้นทางบนสังเวียนของเขาไม่ได้มาเพราะโชคช่วย แต่เป็นเพราะ “ฝีมือ” ล้วนๆ พวกเขาทั้งมุ่งมั่น ตั้งใจ มีวินัยให้กับตัวเอง แม้จะผ่านความกดดัน ท้อแท้ จนแทบอยากจะวางนวม แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขายืนหยัดประสบความสำเร็จในทุกวันนี้ นั่นเป็นเพราะว่า ทุกครั้งพวกเขาทำเต็มที่ “ไม่เคยทำอะไรเล่นๆ”

“เราไม่เคยมีความรู้สึกว่า ถ้าย้อนเวลาไปจะไม่ทำอะไร หรือเสียดาย ถ้าย้อนเวลากลับไปจะกลับไปเปลี่ยน คืออะไรก็แล้วแต่เราทำเต็มที่กับทุกโอกาสทุกครั้ง ถึงแม้ว่าเราจะผิดพลาดบ้างกับอะไรก็แล้วแต่ แต่เราก็รู้สึกโอเค เพราะมันเป็นประสบการณ์ให้เรา ทำให้เราเป็นตัวเราในทุกวันนี้”

โดย ผู้จัดการ Live

เรื่อง : สวิชญา ชมพูพัชร

ขอบคุณภาพจาก เฟซบุ๊ก Antoine Pinto - อองตวน ปินโต , Victor Leo Pinto - ลีโอ ปินโต



มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram

"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!


และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754



กำลังโหลดความคิดเห็น