ข่าวขายหุ้น a day ตลอดจนการลาออกจากบริษัท เดย์ โพเอทส์ ของ โหน่ง-วงศ์ทนง ผู้ก่อตั้ง a day ยังคงไร้วี่แววจะสิ้นสุดปัญหา มีแต่จะผุดหลักฐานให้ต้องคิดหนักขึ้นเรื่อยๆ ทั้งสองข่าวนี้อาจสร้างความตกใจแก่กับหุ้นส่วนรุ่นแรกของ a day อยู่บ้าง หากแต่การโพสต์ที่ซ่อนนัยยะที่ระบุว่า “ “การสิ้นสุด อาจคือจุดตั้งต้นของการเริ่มใหม่” ก็เป็นได้” นั้นกลับกลายเป็นสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวของคนเคยรัก “วงศ์ทนง” ยิ่งนัก เพราะหลังจากถูกทำลายความเชื่อมั่นที่ (วงศ์ทนง) พยายามสร้างมาหลายสิบปีจนแทบไม่เหลือชิ้นดี พวกเขาจึงต้องออกมาเปิดตัว เปิดใจฝากคำถามถึง “วงศ์ทนง” แบบชัดเจนตรงไปตรงมาเพื่อให้สังคมรับรู้เรื่องราวความซับซ้อนของนักเขียนที่เคยศรัทธา
ย้อนกลับไปเมื่อ 17 ปีก่อน หนุ่มนักฝันที่ชื่อ “โหน่ง-วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์” มีความคิดอยากจะผลิตนิตยสารดีๆ สักฉบับหนึ่ง แต่ขาดทุนทรัพย์ จึงได้มีการระดมทุนจากบรรดาแฟนหนังสือ และผู้ที่สนใจ โดยเปิดขายหุ้นจำนวนทั้งสิ้น 2,500 หุ้น ในราคาหุ้นละ 1,000 บาท เพื่อนำมาจัดพิมพ์นิตยสาร “คุณภาพสูง แต่ต้นทุนต่ำ” ซึ่งก็ได้รับการตอบรับอย่างกว้างขวาง จนเกิดเป็นนิตยสาร a day ฉบับแรก ที่วางจำหน่าย เมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2543 ภายใต้ บริษัท เดย์อาฟเตอร์เดย์ จำกัด
*** ความฝัน ทะเยอทะยาน สู่ความสำเร็จ
ด้วยวิธีการคิดที่แปลกใหม่ ฉีกกรอบชีวิตในแบบเดิม ๆ ทำให้ชื่อ “โหน่ง-วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์” เริ่มเป็นที่รู้จักและประสบความสำเร็จกลายเป็นต้นแบบแห่งแรงบันดาลใจให้ใครหลายๆคน ดังนั้นเมื่อเขาเอ่ยปากอยากทำหนังสือดีๆ ซักหนึ่งเล่ม แฟนคลับนับร้อยจึงพร้อมใจกันสานต่อความฝันให้เป็นจริง
อาท-กรภิญ รัตนสาขา อดีตดีเจสาว คลื่น 107 Soft FM. มีเดียพลัส บอกว่า รู้จัก “โหน่ง-วงศ์ทนง” ตั้งแต่สมัยเป็น บก. Trendy Man เมื่อได้พูดคุยก็ชื่นชอบในความคิดที่ทันสมัยของวงศ์ทนง “ตอนแกลาออกมาและเล่าให้ฟังเรื่องทำหนังสือ ก็ลงทุนกับเขาเลย 3000 บาท (3หุ้น) เมื่อได้ครบตามเป้าคุณโหน่งก็ตั้ง บริษัท เดย์ โพเอทส์ เพื่อผลิตหนังสือ “a day”
ขณะที่ จืด-เข็มทอง โมราษฎร์ ผู้ก่อตั้ง “กลุ่มเด็กรักป่า” อีกหนึ่งผู้ร่วมลงขันหุ้นนิตยสาร a day อันดับต้นๆ ก็ยอมรับว่าเข้ามาลงหุ้นสนับสนุน “วงศ์ทนง” เพราะชื่นชม และศรัทธาในตัวของหนุ่มคนนี้ เช่นเดียวกันกับคุณหมอ...รายหนึ่ง (ขอสงวนชื่อ) บอกว่าเป็นแฟนคอลัมน์ ของ “วงศ์ทนง” ในหนังสือพิมพ์มติชน ชอบและศรัทธานักเขียนท่านนี้มาก เพราะส่วนตัวแล้วมีความฝันลึกๆ อยากทำนิตยสาร ชอบหนังสือ แต่ที่เป็นหมอเพราะเป็นความฝันของพ่อแม่ ซึ่งทันทีที่ทราบข้าวระดมทุน คุณหมอก็ส่งโปสการ์ดตอบรับเรื่องลงขัน 200 หุ้นทันที แต่ทางเลขาคุณโหน่งติดต่อกลับมาบอกว่ารับ 200 หุ้นไม่ได้ เพราะให้สูงสุดได้แค่คนละ 100 หุ้น หมดจึงตัดสินใจใส่ชื่อแม่ไปอีก 100 หุ้น
หลังหนังสือ a day เล่มแรกวางแผงก็ดังฮิตติดอันดับหนังสือขายดี อดีตดีเจสาว ยืนยันว่า ได้รับเงินปันผลครั้งแรกเมื่อปี 2546/2547 (หลังหนังสือออกขายไปแล้ว 3 ปี) ในอัตรา 100% เหมือนทุกคน ซึ่งเข้าใจว่า เป็นการคืนมาให้ ช่วงที่มีการควบรวมบริษัทกับ Traffic Corner หลังจากนั้นก็ได้รับเงินปันผลจำนวน 10% (หุ้นละ 100 บาท) อีก 5 ครั้ง ก่อนที่ทุกอย่างจะเงียบหาย
*** a day ฉบับจับโกหก “วงศ์ทนง” ตั้งมูลนิธิอะเดย์ แขวนผู้ถือหุ้น
ติดต่อหุ้นส่วนไม่ได้ จริงหรือหลอก???
คำถามเหล่านี้ดังกึกก้องอยู่ภายในใจบรรดาหุ้นส่วนทั้งหมด เพราะในความเป็นจริงแล้ว หุ้นส่วนทุกคนยืนยันว่าไม่มีใครเปลี่ยนที่อยู่หรือเบอร์โทรศัพท์เลย
อาท- กรภิญ บอกว่า หลังจากที่เงินปันผลเงียบหายไปจนกระทั่งเริ่มมีปัญหา โหน่งโทรมาเคลียร์ใจเรื่องข่าวกับเธอ แล้วก็ถามเรื่องเลขที่บัญชี ให้อัพเดทที่อยู่มาเพื่อจะโอนเงินส่วน ปันผลที่ค้างอยู่มาให้ “แต่เราก็สะกิดใจ เพราะเขาบอกว่า ที่ผ่านมาติดต่อผู้ลงขันไม่ได้ ไม่ได้โอนเงินให้ แต่ก็กันเงินส่วนนี้ไว้แล้ว ที่มูลนิธิอะเดย์ เรื่องอ้างว่า ตามหาไม่เจอ ติดต่อไม่ได้ นี่ ...คือพวกเรารับไม่ได้จริงๆ ค่ะ หลายคนไม่เปลี่ยนที่อยู่ เบอร์โทรเลยด้วยซ้ำ เอาจริงๆ นะคะ เรื่องไม่ได้ปันผลจิ๊บจ๊อยอะไรนี่ ... ไม่มีใครเคือง หรือไม่พอใจ เท่าเรื่องว่า ติดต่อหากันไม่ได้ทำให้ต้องตั้งมูลนิธิมาแขวนชื่อพวกเราไว้ที่นั่น อาทเปิดห้องในเฟส มา ไม่ถึงห้าวัน ตามหาคลำกันเองยังได้ตั้งสามสิบคนเลย”
กรภิญ ยังพูดถึงเรื่องการก่อตั้งมูลนิธิ A Day Foundation ว่า เป็นสิ่งที่ผู้ลงขันไม่มีใครรู้เรื่อง “ไม่มีการประชุมถามความเห็นผู้ถือหุ้น เมื่อถามกลับไปก็ได้คำตอบเพียงว่าติดต่อผู้ร่วมลงขันไม่ได้ จึงต้องออกจดหมายแจ้งทางเดียว มันเหมือนถูกมัดมือชก ที่ผ่านมาพี่จืดและหุ้นอีกหลายคน เคยติดต่อสอบถาม ทั้งโทรทั้งถ่อไปถึงบริษัท ก็ไม่เคยมีใครเข้าถึงตัวหรือติดต่อได้สำเร็จ วัตถุประสงค์ของมูลนิธิ ก็ไม่มีใครทราบชัดเจน ได้รู้ข่าวคราวจากลิงค์เวปไซด์ ได้เห็นรูปกับข่าวตอน โหน่งไปเปิดเท่านั้น มีหุ้นส่วนที่อยู่หาดใหญ่ท่านหนึ่งเคยไปดูมูลนิธิก็เห็นเป็นเพียงแค่การเปิดร้านขายหนังสือมือสองจากการรับบริจาค ก๊องแก๊งมาก ขายแต่ของบริษัทตัวเอง เหมือนสร้างขึ้นมาส่งเสริมภาพลักษณ์องค์กร”
อย่างไรก็ตามรายงานข่าวยังแจ้งอีกว่า มูลนิธิ A Day Foundation แห่งนี้ได้เงินสนับสนุนจาก กระทิงแดง ปีละ 1 ล้านบาท
***ดีลปริศนา 308 ล้าน a day ขายอุดมการณ์แลกเงิน !!??
เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า นิตยสาร a day นั้น ถือเป็นต้นแบบนิตยสารทางเลือกใหม่ของวัยรุ่น ขวัญใจเด็กแนว ในยุคเมื่อ 10 กว่าปีที่ผ่านมา แต่มาระยะหลังสื่อสิ่งพิมพ์เริ่มมีปัญหา การซื้อ-ขาย-โอนหุ้นของธุรกิจประเภทสื่อ จึงถือเป็นเรื่องปกติ การซื้อ-ขายส่วนใหญ่จะแค่ข่าวความเคลื่อนไหว ชนิดพูดครั้งเดียวจบ เนื่องจากไม่ได้มีอะไรสลับซับซ้อน หรือพบข้อมูลบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากล แต่การซื้อ-ขายหุ้นของนิตยสาร a day ครั้งล่าสุดนั้น ไม่ใช่!!
ความเปลี่ยนแปลงครั้งแรกของ a day เกิดขึ้นเมื่อ “วงศ์ทนง” มีความคิดที่จะทำหนังสือ a day bulletin เป็นรายสัปดาห์ซึ่งต้องใช้เงินลงทุนสูง จึงมีการขายหุ้นให้กับ “สุรพงษ์ เตรียมชาญชัย” แห่ง ทราฟฟิก คอนเนอร์ ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตสื่อและมีเดียรายใหญ่ และมีการเปลี่ยนแปลงชื่อบริษัท จาก บริษัท เดย์อาฟเตอร์เดย์ จำกัด เป็น บริษัท เดย์ โพเอ็ทส์ จำกัด (Day Poets Co. Ltd.) และมีการขยับขยายออกหัวหนังสือเพิ่มอีกหลายเล่ม
สำหรับบริษัท เดย์ โพเอทส์ จํากัด นั้น นอกจากจะเป็นผู้ผลิตนิตยสาร a day , a day bulletin, Hamburger และ Knock Knock แล้ว ยังเป็นผู้ถือหุ้นใน บริษัท เน็ก แอนด์ เดอะ ซิตี้ จํากัด ของ “น้าเน็ค-เกตุเสพย์สวัสดิ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา” จํานวน 29,999 หุ้น (คิดเป็นร้อยละ 60 ของทุนจดทะเบียนที่ชําระแล้ว) ทั้งยังถือหุ้นใน บริษัท อีส แอม อาร์ ดอทเน็ท จํากัด จํานวน 59,999 หุ้น (คิดเป็นร้อยละ 60 ของทุนจดทะเบียนที่ชําระแล้ว) โดยจากการตรวจพบว่ามีผลประกอบการกำไรในปี 2558 ประมาณ 2 ล้านกว่าบาท และขาดทุนในปี 2559 ประมาณ 9 ล้านบาท
a day กลับมาถูกพูดถึงอีกครั้ง เมื่อปลายปีผ่านมา (27 ธันวาคม 2559) เมื่อ บริษัท โพลาริส แคปปิตัล จำกัด (มหาชน) (Polar) ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ กรณีเข้าซื้อกิจการของบริษัท เดย์ โพเอทส์ จำกัด จำนวน 490,000 หุ้น หรือคิดเป็น 70% ของหุ้นทั้งหมด ราคาหุ้นละ 630 บาท รวมเป็นเงินประมาณ 300 กว่าล้านบาท
หลายคนจึงตั้งข้อสังเกตว่า การดีลธุรกิจในครั้งนี้ ในมุมของ Polar น่าจะเป็นการลงทุนเพื่อกระจายความเสี่ยงจากการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในขณะที่ในมุมของ a day เป็นการมองหาทางรอดให้ธุรกิจสื่อ โดยทาง Polar ให้คำมั่นว่า ไม่มีนโยบายเปลี่ยนแปลงตัวผู้บริหารหลักของ a day ทั้ง วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์ และ นิติพัฒน์ สุขสวย ซึ่งถือเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง และเป็นบรรณาธิการอํานวยการ และบรรณาธิการที่ปรึกษาของบริษัท เดย์โพเอทส์ จํากัด
การเข้ามาของ Polar ทำให้เกิดคำถามทันทีว่า Polar นำเงินจากไหนมาซื้อธุรกิจใหม่ ทั้งที่ตัวเลขผลประกอบการ ณ ไตรมาสที่ 3 ของปี 2559 ขาดทุนถึงประมาณ 700 ล้านบาท !!??? และประเด็นนี้ถูกคลี่คลายในเวลาต่อมาว่า เบื้องหลังเงินก้อนโตที่ Polar นำไปซื้อหุ้น a day ที่แท้บริษัท เคพีเอ็น เอนเนอยี่ โฮลดิ้ง จํากัด เป็นบริษัทในเครือเดียวกับ บริษัท เคพีเอ็น มิวสิค จำกัด ซึ่งทำธุรกิจเกี่ยวกับดนตรีรายใหญ่ของประเทศไทย ระบุชื่อกรรมการ 3 ราย คือ ณพ ณรงค์เดช , พอฤทัย ณรงค์เดช และ กฤษณ์ ณรงค์เดช ที่เป็นผู้ให้เงินกู้จำนวน 100 ล้านบาทกับ Polar โดยคิดอัตราดอกเบี้ย 8.50 %
ทว่าเงื่อนงำอำพรางของการดีลครั้งนี้ กลับซับซ้อนมากยิ่งขึ้น เมื่อมีการสืบค้น พบว่าในส่วนของบริษัท ไทยฟู้ด โลจิสติกส์ จำกัด นั้น เพิ่งเข้ามาถือหุ้นในบริษัท เดย์ โพเอทส์ จำกัด จำนวน 300,000 หุ้น มูลค่า 30 ล้านบาท (ราคาหุ้นละ 100บาท) เมื่อประมาณ 2 เดือนเศษ ก่อนขายหุ้น จำนวน 245,000 หุ้น ราคา 630 บาทต่อหุ้น ให้ Polar เท่ากับว่าได้กำไรเหนาะๆ 124 ล้านบาทนั่นเอง
***รักเองช้ำเอง..
รักเองช้ำเอง.. บทเพลงสำหรับบรรดาผู้ร่วม “ลงขัน” ระดมทุนซื้อหุ้นนิตยสารในตำนานอย่าง a day ตั้งแต่ยุคบุกเบิก เพราะทุกคนล้วนมาด้วยใจ และต้องเจ็บใจจากกการกระทำที่ไม่ชอบมาพากล จนตั้งคำถามต่อ “วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์” ผู้ก่อตั้งและบรรณาธิการบริหาร ว่า “ขายหุ้นให้บริษัทมหาชนยักษ์ 300 กว่าล้าน ฟันกำไรเหนาะๆ ไม่ต่ำกว่า 200 ล้าน ไม่คิดจะแบ่งกำไรให้หุ้นผู้ร่วมลงขันบ้างเหรอ?”
อาท-กรภิญ บอกผ่านเราว่า “ตัวดิฉันเองมีแค่สามหุ้น สามพันบาทตอนแรกก็คิดจะปล่อยผ่านเหมือนคนอื่นๆ จริงๆ แต่ได้มาคุยกับคนอย่าง พี่จืด ผู้ลงขันคนอื่นๆ ที่ทั้งลงหุ้นเดียว 1000 บาทด้วยเงินเดือนก้อนแรกในชีวิต หรือน้องที่นักศึกษาที่เก็บค่าขนมมาลงขัน ไปจนถึงคุณหมอและคุณแม่คู่หนึ่ง ที่ลงขันไปสองแสนทั้งที่ไม่รู้จักคุณวงศ์ทนงเป็นการส่วนตัวเลย เป็นแฟนคอลัมน์บ้าง สมาชิกนิตยสารที่คุณวงศ์ทนงเป็นบก. บ้าง มันคือใจ และศรัทธาล้วนๆ ที่ให้กันไป ทุกคนรักหนังสือ ชอบนิตยสาร ทุกวันนี้ก็ยังชอบ และชื่นชมอะเดย์ ว่าทำหนังสือออกมาได้ดีมาก ทุกอย่างดีหมด ยกเว้นเรื่องที่ไม่เคลียร์กันจริงๆ ชัดๆ ว่า ตอนที่ควบรวมบริษัทไปกับ Traffic Corner นั้นทำกันตอนไหน และสัดส่วนหุ้นลงขันของเราลดเปลี่ยนไปอย่างไร มารู้บอกกันอีกทีตอน live พวกเราอยู่ในบริษัทเดิม และเงินปันผลอยู่ที่มูลนิธิอะเดย์”
ด้าน จืด-เข็มทอง “ถามพี่โหน่ง รักที่จะสร้างสังคมผ่านหนังสืออะเดย์ คนกลุ่มแรกที่เห็นดีเห็นงามได้ให้โอกาส พี่กลับทำลายศรัทธาโอกาสแรกนั้นทิ้งไป ไม่ยอมอธิบายอะไร ทำไมแขวนพวกเราไว้ที่มูลนิธินี่ไม่ว่ากัน แต่..มูลนิธิทำไมไม่ประชุมแถลงผลประจำปีเหมือนมูลนิธิทั่วไป ตั้งแต่ก่อตั้งมูลนิธิมา พวกเรายังไม่เคยมีประชุมได้รับรายงานใดๆเลย มูลนิธิรักสัตว์หมาแมว ยังประชุมสรุปผลประจำปีให้สังคมคณะกรรมการ และผู้อุปถัมถ์ทราบ นี่มูลนิธิอะเดย์นะครับ บริษัทเดิมขาดทุน ไม่ต้องลากให้เราตามมาด้วย ชี้แจงว่าพวกเรายังเป็นเจ้าของหุ้นลงทุนร่วมอยู่ จนมาถึงวันนี้ ปัญหาที่ตัวเองสร้างแก้ไม่ได้ก็ทิ้งไปง่ายๆเสียอย่างนั้น ดูเป็นคนโหดร้ายทำลายความหวังความฝันที่ดีงามของผู้ลงทุนก่อตั้งอย่างเลือดเย็น"
ขณะที่ เชน-กิตติกุล อีกหนึ่งผู้ถือหุ้นรุ่นแรกกล่าวถึงกรณีนี้ ว่า "ผมมาไล่อ่านจดหมายที่มีมายังผู้ลงขันทุกฉบับ โดยเฉพาะในจดหมายฉบับหลังๆ เขาจะพยายามยํ้าอยู่เสมอว่า พวกเรายังมีส่วนในหุ้นของ a day แต่ความมาแตกเอาเมื่อปรากฏเรื่องดีลของ polar ที่มีคนเอารายงานสัดส่วนผู้ถือหุ้นของ Day poets มาลงใน pantip เมื่อเข้าไปดู ก็พบว่าไม่มีส่วนของผู้ร่วมลงขันอยู่เลย แม้แต่น้อย และตัวของวงศ์ทนงและคณะทำงานในกองบรรณาธิการบางคน ก็มีหุ้นอยู่แค่คนละ 1 หุ้น ในฐานะกรรมการ ทำให้พอจะคาดเดาได้ว่า ในปัจจุบัน วงศ์ทนง"อาจจะ"อยู่ในฐานะของพนักงานคนหนึ่งของ บริษัท Day Poets เท่านั้น ไม่ได้เป็นเจ้าของนิตยสาร a day ที่เป็นผู้ก่อตั้งมาด้วยตัวเองแล้วด้วยซํ้า ข้อสังเกตที่เกิดขึ้น คือ อาจจะมีการขายหัวหนังสือ a day ออกไปโดยไปจดทะเบียนเป็นบริษัทใหม่ คือ day poets ในขณะที่แขวนเราไว้กับ day after day ที่ไม่ได้มีสัดส่วนอะไรเลยในปัจจุบัน ดังนั้น เมื่อเกิดปัญหาขึ้นกับ a day เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากลาออกจากการเป็นพนักงานบริษัท day Poets"
อย่างไรก็ตามหุ้นส่วนทั้ง 3 รายยืนยันว่า การเรียกร้องครั้งนี้คือขอให้มาทบทวนตัวเอง เราเริ่มต้นจาก "สิ่งเล็กๆคือความงดงาม" ความจริงใจต่อความฝันตนเอง ไม่ทรยศความฝันตนเองคือความกล้าหาญ ที่จะแสดงความถูกต้องเพื่อนำสังคม คือความเสียสละประโยชน์ส่วนตนเพื่อมอบให้ประโยชน์ส่วนรวมเป็นอันดับหนึ่ง ผู้ก่อตั้งอะ เดย์ ควรทบทวน ยังมีสิ่งเหล่านี้อย่างที่พูดไว้หรือไม่
หลังจากนี้ไม่ว่าการเริ่มต้นใหม่ของ “โหน่ง-วงศ์ทนง” จะเป็นไปในทิศทางใดต่อไป สิ่งที่เขาควรทำในวันนี้ คือ ตอบคำถามคนที่ (เคย)รักเขา เท่านั้นเอง
ข่าวโดย ผู้จัดการ Live
ขอบคุณภาพ: จากแฟ้ม และกลุ่มถือหุ้น a day
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754