วินาทีนี้ข่าวไหนก็คงไม่ฮอตฉ่า เท่าการบุกตรวจค้นพื้นที่ภายในวัดพระธรรมกายในพื้นที่ 2,000 ไร่ เพื่อค้นหา “ธัมมชโย” ทว่า เมื่อได้ย่างเท้าเข้าไปกลับยิ่งพบความอลังการดาวล้านดวง ในสิ่งก่อสร้าง และสถานที่ รวมถึงข้าวของเครื่องใช้ภายในวัด ที่ดูไฮโซโอ่อ่า ราวกับโรงแรมหรู 5 ดาว ทั้งฟิตเนส ซาวนา และสุดอึ้ง! พบเครื่องมือแพทย์ Hyperbaric Chamber เป็นรูปทรงสีฟ้าลักษณะคล้ายแคปซูล หลายคนตั้งข้อสงสัย เป็นเครื่องทำให้หน้าใสรัศมีเปล่งปลั่งหรือเปล่า? นอกจากนี้ ยังพบอุโมงค์ลับ และโรงครัว ปรุงเมนูสุดอร่อย! กระนั้น ก็ยังไม่เจอ ธัมมชโย อยู่ดี
นี่หรือคือ...วัด!?
ในที่สุดเจ้าหน้าที่ดีเอสไอก็บุกค้นภายในวัดพระธรรมกาย หลังจากที่ยืดเยื้อกันมานานเพื่อตามล่า ธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย มาดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่สุดท้ายก็ไม่พบ แต่ได้เห็นความสะพรึงภายในวัดที่ตบแต่งหรูหรา !
อย่าง เครื่องฟอกออกซิเจน Hyperbaric Chamber มูลค่า 15 ล้าน ที่มีลักษณะคล้ายแคปซูลสีฟ้าอยู่ภายในกุฏิของธัมมชโยข้างเตียงนอน ที่หลายคนคิดว่าเป็นเครื่องทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใสมีออร่าหรือเปล่า
นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ไขความกระจ่างถึงเครื่องที่ปรากฏในโลกออนไลน์ที่แชร์กันอยู่นั้นว่า เป็นเครื่องลักษณะบุคคลเดียวเข้าไปได้ ซึ่งเครื่องที่ใช้ในโรงพยาบาลจะเป็นเครื่องขนาดใหญ่เข้าได้ถึง 4 คน ซึ่งใน สธ. มีที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต วัตถุประสงค์มุ่งเน้นรักษาผู้ป่วย “โรคน้ำหนีบ” และเป็นอีกทางเลือกในการรักษาแผลเบาหวาน ส่วนที่มีการนำไปใช้เรื่องผิวพรรณให้เต่งตึง ไม่ใช่วัตถุประสงค์ในการรักษาหลัก
อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามฝ่ายกฎหมายในการขึ้นทะเบียน พบว่า หากนำเครื่องนี้ไปใช้เพื่อใช้บริการจะทำไม่ได้ เพราะไม่ใช่สถานพยาบาล จะมีความผิดตามกฎหมาย แต่หากเป็นการรักษาผู้ป่วยรายเดียว และมีแพทย์ดูแลใกล้ชิด กฎหมายได้ให้ข้อยกเว้นความผิดไว้
กุฏิคอนโด ไฮโซเหลือเกิน!
นอกจากเครื่องมือทางการแพทย์ที่มีมูลค่าหลักสิบล้านแล้ว ยังมีการการแชร์ภาพภายในกุฏิพระ ซึ่งมีลักษณะคล้ายคอนโด มีทั้งห้องฟิตเนส ให้พระออกกำลังกายเสริมสร้างกล้ามเนื้อ และซาวนาอยู่ภายใน พร้อมผลิตภัณฑ์บิวตี้ ยาสระผม ครีมอาบน้ำ โฟมล้างหน้าหลากหลายยี่ห้อ และครีมบำรุงผิวเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ ยังมีทีวี โซฟา เหมาะแก่การบันเทิงใจ
ด้าน ทพ.อาคม ประดิษฐสุวรรณ ผอ.สำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กล่าวถึงกรณีมีการเปิดซาวนาภายในวัดพระธรรมกาย ว่า ตาม พ.ร.บ. สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ. 2559 กำหนดให้ผู้ที่เปิดร้านสปา ซาวนา นวดเพื่อสุขภาพ จะต้องขออนุญาตจาก สบส. ก่อน มิเช่นนั้น ถือเป็นสถานบริการเถื่อน มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 50,000 บาท ถ้าไปเปิดในวัด หรือวัดจะทำการเปิดเองก็ต้องขออนุญาตไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เพื่อขอใช้ธรณีสงฆ์ ไม่ว่าจะเปิดโดยเอกชนหรือวัดเปิดเองก็ต้องขออนุญาต ที่สำคัญ คือ ไม่ใช่กิจของสงฆ์ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเรื่องเกิดขึ้นในพื้นที่ จ.ปทุมธานี ต้องดูว่าเจ้าหน้าที่ของจังหวัดจะลงไปดูหรือไม่ หรือจะร้องขอให้ สบส. ลงไปดูก็ได้
เปิดเมนูสุดอร่อย
หลังจาก พระสนิทวงศ์ วุฒิวังโส ผอ.สำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกายวัดพระธรรมกาย ออกมาเปิดเผยว่า อาหารที่สะสมไว้ภายในวัดพระธรรมกายเริ่มลดจำนวนลง ทำให้พระและลูกศิษย์บางรายเริ่มอ่อนล้า ไร้เรี่ยวแรงเพราะขาดอาหาร เพราะพระออกบิณฑบาตไม่ได้ วอนรัฐยกเลิกการใช้มาตรา 44 นั้น
ทว่า เมื่อเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ และสื่อมวลชน บุกตรวจสอบอาคารคุณรัตนอุบาสิกาจันทร์ขนนกยูง หรือ "หอฉันคุณยายจันทร์" กลับพบว่า วัดพระธรรมกายได้กักตุนเสบียงไว้ในโกดังที่อยู่ภายในหอฉันคุณยายจันทร์ เป็นจำนวนหลายสิบตันทั้งข้าวสารและอาหารแห้ง นอกจากนี้ ยังพบโรงครัวขนาดใหญ่อลังการงานสร้างมูลค่าถึง 650 ล้านบาท
ครั้น เมื่อเห็นเมนูอาหารในแต่ละวันที่เขียนบอกรายละเอียดไว้อย่างชัดเจน หลายคนก็แทบปาดน้ำลาย เช่น วันอาทิตย์มื้อเช้า จะเป็นเมนูข้าวต้มซี่โครงหมูเห็ดหอม สำหรับมื้อเพลจะมีอาหารถึง 4 อย่างประกอบด้วย ไก่บ้านต้มขมิ้น น้ำพริกปลาดุกฟูผักสด หมูแดงหมูกรอบกุนเชียงไข่ต้ม ผัดยอดฟักแม้วไฟแดง
วันจันทร์เช้า เป็นเมนูเส้นหมี่เย็นตาโฟเกี๊ยวกรอบ และมื้อเพล อาหาร 4 อย่าง ไข่พะโล้เต้าหู้พ่วงคากิ น้ำพริกหนุ่มผักสด ปลาทัปทิมสมุนไพร ผัดเผ็ดสามสหายน้ำ
วันอังคาร มื้อเช้าคือข้าวต้มไก่ธัญพืช เมนูเพล อาหาร 4 อย่างเช่นกันประกอบด้วย แกงคั่วหอยขมใบชะพลู ยำวุ้นเส้นผักรวม ไข่ลูกเขยทรงเครื่อง ผัดฉ่าลูกชิ้นปลากราย เป็นต้น
หลังจากภาพเมนูอาหารดังกล่าวเผยแพร่ออกไป โลกโซเชียลฯต่างคอมเมนต์อย่างดุเดือด ถึงความไม่เหมาะสม
“ศาสนาเสื่อมก็เพราะวัดธรรมกายมีคลังสะสมอาหารมีฟิตเนส แถมพระไม่อยากจะออกจากที่นี่ก็เพราะอยู่แล้วสบายที่นี่มีทุกอย่างเหมือนโรงแรม”
อุโมงค์...อันเร้นลับ
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ดีเอสไอยังได้เข้าตรวจสอบอุโมงค์ที่อยู่ภายใต้น้ำพุ อาคารภาวนา 60 ปี ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า อุโมงค์แห่งนี้ คืออุโมงค์ลับ ที่มีทางเชื่อมต่อออกไปสู่นอกวัดได้ โดยก่อนเข้าสำรวจ พระลูกวัด วัดพระธรรมกาย ได้ชี้แจงว่า อุโมงค์ดังกล่าว มีไว้เพื่อเก็บปั๊มน้ำจำนวนกว่า 100 เครื่อง ที่จะใช้สูบน้ำและผลักดันน้ำไปใช้กับน้ำพุจำนวน 12 ชั้น ที่ตั้งอยู่ด้านบน ไม่ใช่อุโมงค์ที่ไว้เชื่อมต่อกับภายนอกวัดอย่างที่เป็นข่าว เนื่องจากอุโมงค์นี้มีเส้นทางเป็นตัวยู คือไปแล้วกลับ ระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร ปกติอุโมงค์แห่งนี้จะถูกปิดไว้ โดยจะเปิดก็ต่อเมื่อมีช่างซ่อมบำรุงเข้ามาซ่อมแซมอุโมงค์ หรือปั๊มน้ำ ส่วนพระสงฆ์ที่อยู่ภายในวัด หากไม่มีกิจจำเป็นก็จะไม่ได้เดินทางเข้ามา
การลงพื้นที่ตรวจสอบอุโมงค์ของผู้สื่อข่าวใช้เวลาเดินจากประตูทางเข้าแล้ววกกลับมาขึ้นที่เดิมประมาณ 30 นาที เนื่องจากอุโมงค์ดังกล่าวมีลักษณะเป็นตัว U ไม่สามารถเดินทะลุต่อกันได้ ต้องเดินกลับมาในทิศทางเดิม
สำหรับภายในอุโมงค์อากาศถ่ายเทดี โดยระหว่างทางเดินจะมีบ่อพักน้ำ และเครื่องสูบน้ำสำหรับทำน้ำตก 12 ชั้น ขณะที่บนเพดานของอุโมงค์จะมีท่อส่งน้ำขนาดใหญ่ โดยระหว่างทางเดินจะมีสวิตซ์ไฟติดตั้งอยู่เป็นระยะ
อย่างไรก็มี ระหว่างที่เจ้าหน้าที่บุกค้นวัดพระธรรมกายนั้น กลุ่มลูกศิษย์พระวัดธรรมกายได้มีการปลุกระดมมวลชนผ่านทางโซเซียลมีเดียและใส่ร้ายเจ้าหน้าที่ว่าใช้ความรุนแรง ซึ่งเป็นการบิดเบือนข้อมูลและไม่เป็นความจริง นอกจากนี้เกิดเหตุการณ์พระสงฆ์ของวัดพระธรรมกาย กระชากกล้อง ทั้งทุบ ทั้งถีบ เจ้าหน้าที่ดีเอสไอที่เป็นผู้หญิง โดยพระไม่ทราบชื่อ ที่อยู่ในวัดพระธรรมกาย เข้าผลักดันกล้องโดยใช้มือตบที่ศีรษะเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ
ปิดตำนาน “ธรรมกาย”!?
ล่าสุด ความเคลื่อนไหวที่ วัดพระธรรมกายบริเวณ ประตู 5-6 ถนนเลียบคลองแอน เกิดเหตุชุลมุนระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจ อารักขาและควบคุมฝูงชนจังหวัดสมุทรปราการ จำนวน 2 กองร้อย ที่ตั้งแถวคัดกรองบุคคลป้องกันเหตุ บริเวณจุดเข้าออก และคณะศิษยานุศิษน์วัดพระธรรมกาย และพระสงฆ์ ที่เดินเท้าเข้ามาเจรจากับเจ้าหน้าที่ อ้างว่าต้องไปรับศิษยานุศิษย์ บริเวณจุดเข้าออก แต่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเปิดทางให้ได้ ตามคำสั่งของ คสช. ที่ใช้มาตรา ม. 44 ควบคุมพื้นที่วัด
จึงทำให้เกิดการผลักดันกันไปมา จนทำให้บางคนพลัดตกน้ำ ถูกลวดหนาวเกี่ยว สะบักสะบอม มีบาดแผลตามร่างกายเล็กน้อย จำนวนหลายคน ก่อนที่เหตุการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ พระสงฆ์ และคณะศิษยานุศิษย์ นั่งสวดมนต์เสียงดังกึกก้อง
ด้านศิษย์ตัวท็อปของธรรมกาย อย่าง อ้อ - ศศินา วิมุตตานนท์ ผู้ประกาศข่าวช่อง 7 โดยโพสต์ลิงก์คลิปวิดีโอผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัว Sasina Wimuttanon โดยระบุว่า
“คำถามถึงชาวพุทธที่ไม่ใช่ธรรมกาย” (ไม่ได้ว่าใคร อย่าร้อนตัวนะคะ พูดตามความเป็นจริง) “คนบุญในตัวไม่พอ ไม่ได้ดู ไม่เข้าใจหรอก ทำไมเราจึงรักและศรัทธาในวิถีของวัดพระธรรมกาย... บุญ ใครทำใครได้ “บาป” ก็เช่นกันค่ะ”
นอกจากนี้ เธอยังแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมอีกว่า “ตนเองรู้สึกเจ็บปวดอ่ะค่ะ คนทำความดีมาทั้งชีวิต ถูกกล่าวหา ถูกจาบจ้วงโจมตีว่าร้ายเป็นตัวตลกต่างๆ นานา อ้อ เข้าวัดมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วห่างหายไปนาน กลับมาเข้าวัดอีกทีก็เมื่อ 13 ปีมาแล้ว เห็นแต่ละอย่าง ทั้งพระ ทั้งวัด ทั้งสาธุชนชาวพุทธ เป็นตรงข้ามกับที่คนทั่วไปเข้าใจอย่างสิ้นเชิงค่ะ อคติ มีอานุภาพร้ายกาจ ที่สุด”
สำหรับ ศศินา เคยเป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับคัดเลือกให้สวมชุดทองนางวิสาขา เป็นชุดที่ศิษยานุศิษย์ของวัดพระธรรมกายทำขึ้นมา เพื่อให้เห็นถึงอุบาสิกาวิสาขาที่มีแพรพรรณงดงามตามผลบุญเมื่อชาติก่อน เพราะเคยทำบุญด้วยการทอดกฐินข้ามภพข้ามชาติ
สำหรับบทสรุปของวัดพระธรรมกาย จะเป็นอย่างไร จะสามารถปิดตำนานหน้านี้ได้ไหม เพราะยิ่งล้วงลึกก็ยิ่งเจอ...ที่สำคัญ จะเจอตัว ธัมมชโย ที่หลายคนเชื่อว่า ไม่ได้อยู่ประเทศไทยแล้ว...หรือไม่!?
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754
