ทันทีที่พริตตี้เงินล้าน “น้ำส้ม โซมี่” เจ้าของคดีพุ่งชนรถ 9 คันรวด เสียหายยับเมื่อปลายปีที่แล้ว โพสต์ภาพทำข้อสอบขอใบอนุญาต “รถยนต์ส่วนบุคคลชั่วคราว” ผู้ใช้รถใช้ถนนก็ขวัญผวาพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ทวงถาม “ความปลอดภัย” ในระบบคัดกรองของกรมการขนส่งทางบกว่าเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน ทำไมปล่อยให้คนประเภทที่ยังอยู่ระหว่างดำเนินคดี มีพื้นที่เพิ่มความเสี่ยง-ความตายอย่างเสรีได้ขนาดนี้!!?
“อ้าว! ยังอนุญาตให้ขับรถได้อีกเหรอ โอ๊ย! ประเทศไทย
“เมายา ขับรถชนคนอื่นเขาเสียหาย ขนส่งฯ ยังให้ทำใบขับขี่อีก”
“นางยังมีสิทธิขับรถอีกเหรอ แล้วเกิดบ้า อยากตายขึ้นมาอีกล่ะ!!”
“เออ..ดีว่ะ หายบ้าแล้วมาสอบใบขับขี่ใหม่ แล้วคราวหน้าถ้าองค์นางลงอีก ก็ตัวใครตัวมันเด้อ ไทยแลนด์โอนลี่จริงๆ!!”
“เลิกขับเถอะค่ะ จะได้ไม่เป็นภาระของลูกหลาน... อันตรายมาก”
“ผู้หญิงคนนี้ ขนส่งฯ ไม่ควรให้ใบขับขี่อีกตลอดชีพ!!”
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งจากความคิดเห็นของประชาชนบนโลกออนไลน์เท่านั้น ซึ่งลงความคิดเห็นสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันโดยมิได้นัดหมายว่า “กรฤตฎ ทับทิมผล” หรือผู้ที่ถูกเรียกในวงการพริตตี้-เน็ตไอดอลว่า “น้ำส้ม โซมี่” ไม่สมควรได้รับอนุญาตให้มีใบขับขี่อีกเด็ดขาด!! หากวัดจากวีรกรรมสติแตกที่เคยสั่นคลอนท้องถนนเอาไว้ตั้งแต่ต้นเดือน พ.ย.ปีที่แล้ว
[วีรกรรมเมื่อต้นเดือน พ.ย.59]
เพราะเธอคนนี้นี่แหละคือเจ้าของผลงาน เหยียบมิดด้ามพุ่งชนรถเก๋งและรถแท็กซี่พังเสียหายรวม 9 คันรวด บน ถ.รัชดาภิเษก มุ่งหน้าแยกพระราม 9 ด้วยสาเหตุอันเนื่องมาจากอาการสติแตก สันนิษฐานกันว่าน่าจะมาจาก “อาการทางประสาท” ซึ่งมีหลักฐานบ่งชี้เป็น “ยาคลายเครียด” และ “บัตรผู้ป่วยทางจิต” นอนกองอยู่ในรถของเธอด้วย
["น้ำส้ม โซมี่" ผู้ยังคงมีคดีอุบัติเหตุ "ชนยับ 9 คัน" ติดตัว]
ถึงแม้ว่าปัจจุบันคดีความดังกล่าวจะยังอยู่ในขั้นตอนของชั้นศาล ยังไม่มีบทสรุปออกมาว่าเธอมีอาการทางจิตอย่างที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหรือไม่ แต่เหตุการณ์ครั้งนั้น ทางพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาเอาไว้ถึง 4 ข้อด้วยกัน คือ...
1.ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินของผู้อื่นเสียหายและมีผู้บาดเจ็บ 2.ขับรถโดยไม่มีใบอนุญาตขับขี่ 3.ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่น และ 4.เป็นผู้ขับขี่รถขณะมีสารเสพติดประเภท 1 (เมทแอมเฟตตามีน) ภายในร่างกายโดยผิดกฎหมาย
มีเพียงข้อกล่าวหาเดียวเท่านั้นที่น้ำส้มรับสารภาพเอาไว้ นั่นก็คือความผิดในข้อที่ 2 “ขับรถโดยไม่มีใบอนุญาตขับขี่” นอกนั้นได้ให้การปฏิเสธและขอประกันตัวออกไปสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม รวมถึงได้กลับไปเก็บตัวที่ จ.ราชบุรี บ้านเกิดของเธอ ตามคำแนะนำของญาติๆ
กระทั่งล่าสุด ได้มีความเคลื่อนไหวครั้งสะเทือนใจผู้ใช้รถใช้ถนนออกมาให้เห็น ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวของเธอ “Kritrada Zomy Tabtimphol” โดยโพสต์ภาพระหว่างทำข้อสอบเกี่ยวกับการขอใบอนุญาตขับขี่ พร้อมแนบคำบรรยายภาพขำๆ เอาไว้ว่า “อยากกดเรียกผู้คุมสอบ”
เมื่อภาพนี้ถูกเผยแพร่ออกไป จึงส่งให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง ผู้คนทั้งหลายตั้งคำถามต่อ “สำนักงานขนส่งทางบก จ.ราชบุรี” ว่าอนุญาตให้คนมีคดีติดตัวแบบนี้เข้าสอบได้อย่างไร รวมถึงเรื่องการถ่ายภาพข้อสอบอัปโหลดขึ้นบนโลกออนไลน์ด้วย ร้อนถึงหน่วยงานราชการผู้ถูกพาดพิงให้รีบออกมาแก้ต่างว่า ที่เห็นในภาพนั้นไม่ใช่ข้อสอบของทางสำนักงานขนส่งทางบก แต่เป็นการทดสอบตามหลักสูตรโรงเรียนสอบขับรถใน จ.ราชบุรี ต่างหาก
ที่น่าเป็นห่วงก็คือ ทางสำนักงานขนส่งทางบกในพื้นที่ดังกล่าว บอกเอาไว้ว่าถ้าน้ำส้มผ่านการทดสอบกับทางโรงเรียนสอนขับรถที่ได้รับการรับรองจากกรมขนส่งทางบก และมีใบรับรองจากแพทย์ยืนยันว่าไม่ได้เป็นบุคคลวิกลจริต ก็สามารถเข้าสอบขอใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ได้เหมือนบุคคลอื่นๆ ทั่วไป
คำตอบนี้อาจสร้างความขุ่นข้องใจและความสงสัยให้หลายต่อหลายคน ทางทีมข่าวผู้จัดการ Live จึงขอให้ ดร.ทวีศักดิ์ แตะกระโทก นักวิชาการ ศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน เป็นผู้ช่วยไขความกระจ่างเกี่ยวกับระบบการคัดกรองในครั้งนี้ว่า มีช่องโหว่และให้สิทธิผู้ต้องคดีบนท้องถนนมากเกินไปหรือเปล่า? จึงได้บทวิเคราะห์ประเด็นร้อนออกมาดังนี้
“ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นผู้ต้องสงสัยในคดี แต่โดยทั่วไปแล้ว ตามหลักสากล ถ้าศาลยังไม่ตัดสินตามกฎหมายแล้ว เขาก็ยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ การไปสอบกับโรงเรียนสอนขับรถ แค่วัดสมรรถนะทางร่างกายว่า สายตาสั้น-ยาว ตาบอดสีไหม แต่ไม่ได้วัดด้านจิตวิทยา จึงไม่มีข้อกำหนดตรงไหนที่จะสามารถห้ามไม่ให้เขาสอบใบขับขี่ได้ อย่างกรณีนี้ ถ้าผู้ต้องหาต้องการสอบใบขับขี่ใหม่จริงๆ ก็ต้องดูว่ามีหนังสือรับรองแพทย์แนบมาด้วยหรือเปล่า ถ้ามีก็อนุญาตให้สอบได้ตามปกติครับ
เพราะกระบวนการสอบใบขับขี่ ไม่ได้มีหน้าที่คัดกรองไม่ให้บุคคลใดๆ ได้ใบขับขี่ ระบบนี้ไม่ได้มีหน้าที่กีดกันคนไม่ดีออกไปจากการใช้รถใช้ถนน มันเป็นเพียงกระบวนการประเมินสมรรถนะเท่านั้นเองว่า คนคนนั้นมีศักยภาพขับขี่รถยนต์ได้หรือไม่ ยกเว้นจะมีคำสั่งศาลสั่งลงมาเท่านั้นว่า ตัดสินให้ “พักใช้” ใบอนุญาต หรือ “เพิกถอน” ใบอนุญาต
กับอีกกรณีที่จะสั่งบุคคลใดๆ ไม่ให้มีสิทธิเรื่องใบขับขี่ได้ ก็ต่อเมื่อทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พิจารณาแล้วว่าการขับขี่ของเขา สามารถสร้างอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินบนท้องถนนได้ ข้อกฎหมายใน พ.ร.บ.จราจรทางบก ก็มอบอำนาจให้สามารถประกาศได้เลยว่า “ให้พักใช้ใบอนุญาตขับขี่เป็นเวลา 3 เดือน” โดยที่ไม่ต้องรอคำสั่งศาล
แต่สำหรับผู้ต้องสงสัยที่ไม่เคยมีใบอนุญาตขับขี่มาก่อนอย่างในกรณีนี้ ศาลจะไม่สามารถตัดสินว่า ไม่อนุญาตให้ไปสอบใบขับขี่ เพราะไม่มีบทลงโทษตัวไหนในกฎหมายระบุเอาไว้ว่า ผู้ต้องสงสัยไม่มีสิทธิไปสอบใบขับขี่”
[2 ใน 9 คัน ที่ถูกชนเละเพราะ "น้ำส้ม โซมี่"]
ข่าวโดย ผู้จัดการ Live
ขอบคุณภาพ: twitter @js100radio และเฟซบุ๊ก “Kritrada Zomy Tabtimphol”
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754