จากความฝันในวัยเด็กที่อยากมีแบรนด์แฟชั่นเป็นของตัวเอง แม้ว่าเส้นทางที่วางไว้จะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เพราะความมุ่งมั่น ไม่ยอมแพ้ ทำให้ "โนรา วะตะกี" มีวันนี้ที่เป็นทั้งนางฟ้าและแฟชั่นดีไซเนอร์ในเวลาเดียวกัน เธอทำได้อย่างไร คำตอบอยู่ในบรรทัดต่อจากนี้
จาก "เบตง" สู่ "Worldwide"
"ตั้งแต่เด็กๆ คิดมาตลอดว่าอยากมีธุรกิจเป็นตัวเอง เราเองก็ชอบเสื้อผ้า การแต่งตัว รักสวยรักงาม บวกกับมีพี่สาว 3 คน ก็จะถูกจับแต่งตัวสวยๆ งามๆ ตลอด (ยิ้ม) ทำให้เราอยากเป็นแฟชั่นดีไซเนอร์ อยากมีแบรนด์เป็นของตัวเอง" เธอเปิดประเด็นพร้อมรอยยิ้ม
โนรา ยอมรับว่า ความฝันนี้ไม่ง่าย เพราะเป็นความฝันที่ใหญ่มากทีเดียว สำหรับเด็กต่างจังหวัดปลายด้ามขวานทอง อ.เบตง จ.ยะลา แต่ก็ไม่เคยเลิกล้มความฝัน และเชื่อมั่นตั้งแต่เด็กว่าจะต้องทำให้ได้ โดยเริ่มวางแผนอย่างเป็นขั้นเป็นตอนเพื่อทำความฝันให้เป็นจริง
"สิ่งที่ทำได้ในตอนนั้นคือ การอ่านนิตยสารแฟชั่นต่างๆ ในห้องสมุด และพัฒนาตัวเองด้วยการฝึกฝนภาษาอังกฤษไปในเวลาเดียวกัน เพราะภาษาอังกฤษ เป็นเครื่องมือสำคัญในการเปิดโลกทัศน์สามารถต่อยอดไปสู่อย่างอื่นที่เราอยากเป็นได้ โชคดีที่พี่สาวได้มีโอกาสไปทำงานที่สิงคโปร์ ทำให้เราได้มีโอกาสเดินทางตั้งแต่ ม.ปลาย ได้ใช้ภาษาอังกฤษเต็มที่
กระทั่งเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย โนราตกลงใจเรียนที่คณะมนุษศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง เพราะสามารถเอาเวลาไปทำอย่างอื่นได้ รวมถึงการเยี่ยมพี่สาวที่ทำงานอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์ ทำให้มีโอกาสไปเที่ยวฝรั่งเศสและอิตาลีด้วย ซึ่งทั้งสองเมืองเป็นแหล่งแฟชั่นอันดับต้นๆ ของโลก ทำให้เราได้แรงบันดาลใจต่างๆ เกี่ยวกับแฟชั่นมากขึ้น (ยิ้ม)"
สมัครแอร์ฯ เก็บเงินสร้างแบรนด์
นั่นก็คงยังไม่เพียงพอ เพราะการทำแบรนด์ต้องใช้เงินลงทุนสูงมาก ต้องมีประสบการณ์มากกว่านี้ เธอไม่รอช้า หลังจากเรียนจบก็ขอเข้าฝึกงานที่นิตยสาร Lips ทันที เพื่อให้เห็นภาพวงการแฟชั่นกว้างขึ้นว่าเขาต้องทำอะไรกันบ้าง โดยทำที่นี่อยู่ 3 เดือน
"ตอนนั้นขอฝึกงานแบบไม่รับเงิน เพราะเราอยากเรียนรู้มาก ได้ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยสไตลิสต์ รู้เลยว่างานแฟชั่นเป็นงานที่หนักมาก เพราะตอนนั้นโนราทำทุกอย่าง ทั้งขนเสื้อผ้า ช่วยนางแบบแต่งตัว เหนื่อยและหนักมากแต่ก็สนุกดี เพราะถ้าไม่ได้ลงมือทำก็คงไม่เห็นภาพแบบนี้"
หลังจากนั้น เธอจึงเริ่มทำงานอย่างจริงจัง โดยเริ่มทำงานที่สถาบันสอนภาษาอังกฤษอยู่ 2 ปี ระหว่างนั้นได้ใช้เวลาว่างไปหาความรู้ที่ Fashion Library ของศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (TCDC) เพื่อดูแนวทางการออกแบบ ศึกษาเรื่องเทรนด์ต่างๆ จนตกผลึกว่าอยากจะเห็นแบรนด์ออกมาเป็นอย่างไร และห้วงเวลาแห่งการลงมือทำก็มาถึง เธอเลือกที่จะสมัครเป็นแอร์โฮสเตสสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์เพื่อหาทุนมาทำฝันให้เป็นจริง
"โนราวางแผนมาตลอดว่าชีวิตช่วงไหนต้องทำอะไรบ้าง ยอมรับเลยว่ามาเป็นแอร์เพื่อสานต่อความฝันการสร้างแบรนด์ให้เป็นจริง แม้จะรู้ว่าเป็นงานที่หนักมากก็ตาม แต่เราไม่ต้องการใช้เงินของครอบครัว อยากทำด้วยตัวเอง พอคนถามเราก็จะบอกว่าเราทำงานเสิร์ฟนะ แต่อาจจะสูงกว่าเพราะเสิร์ฟบนเครื่องบิน (หัวเราะ) ไม่ใช่งานสบาย กินนอนไม่เป็นเวลา ก่อนสมัครหาข้อมูลเต็มที่จนผ่านการคัดเลือก ซึ่งเรามีความสุขกับอาชีพนี้ เหนื่อยแต่สนุก ที่สำคัญได้เดินทางไปทั่วโลก ทำให้เราได้ไปดูแฟชั่นจากที่ต่างๆ ทั่วโลกด้วย ถึงตอนนี้ก็เป็นแอร์มา 5 ปีแล้วค่ะ"
กำเนิดแบรนด์ "NORA"
หลังอยู่ในวงการนางฟ้าได้ 3 ปี เธอสามารถเก็บเงินได้จำนวนหนึ่ง และลงมือทำแบรนด์เสื้อผ้าทันที เริ่มจากการออกแบบชุด โลโก้ แพกเกจ การหาโรงงาน ทั้งหมดนี้ใช้เวลาถึง 2 ปีกว่าจะออกมาเป็นรูปเป็นร่าง "ยอมรับว่าเหนื่อยมาก เพราะเราใส่ใจในรายละเอียดทุกอย่าง จึงทำเองทั้งหมด เพราะอยากให้ออกมาดีที่สุด" นี่คือสิ่งที่เธอบอก
สำหรับแบรนด์ของเธอนั้น สะท้อนตัวตนที่เธอเป็นคือ เป็นผู้หญิงสมัยใหม่ที่เดินทางไปตามที่ต่างๆ จึงออกแบบชุดที่ภายใต้คอนเซ็ปต์ All in One ใส่ชุดเดียวสามารถเดินทางไปได้ทั่วโลก เป็นชุดที่ออกแบบมาครอบคลุมมาก ทั้งใส่ทำงาน หรือจะไปปาร์ตี้ ดีไซน์เรียบหรู ไม่ล้าสมัย
"แรงบันดาลใจมาจากการที่โนราเดินทางไปทั่วโลก จึงออกแบบชุดที่มั่นใจแล้วว่าใส่ที่ไหนก็ไม่ล้าสมัย เหมาะกับผู้หญิงทุกคน ใส่แล้วสวย อีกทั้งยังเป็นชุดที่เหมาะกับผู้หญิงวัยทำงานที่ต้องการชุดเดียวที่ใส่ได้หลายๆ ที่ไม่ต้องเปลี่ยนชุดใหม่ เพราะผู้หญิงสมัยใหม่เป็นผู้หญิงที่แอคทีฟทำหลายอย่าง และยังเป็นชุดที่ทันสมัยตลอดเวลา โดยหากถ่ายรูปไว้ในปีนี้ ต่อให้อีก 5-10 ปีผ่านไป เมื่อย้อนกลับมาดู ชุดนี้ก็ยังทำให้เราดูดีโอ่อ่า ไม่ล้าหลัง ชุดแบบนี้ไม่ตกจากแฟชั่นใดๆ แน่นอน
อย่างตอนที่ไปอิตาลี ก็จะมีเพื่อนๆ มาถามว่าซื้อชุดมาจากไหนใส่สวย ซึ่งเราก็จะบอกมันเป็นแบรนด์เรา บ่งบอกไลฟ์สไตล์และบุคลิกของเราว่าเราใส่ชุดแบบนี้แล้วสวย เราก็อยากให้ผู้หญิงทุกคนรู้สึกเหมือนกันว่าใส่ชุดออกมาแล้วดูดี การโปรโมตแบรนด์จึงไม่ได้จ้างนางแบบ แต่ใช้คนธรรมดา โดยให้เพื่อนๆ ที่รู้จักได้ใส่และทุกคนก็รู้สึกมั่นใจว่าใส่แล้วสวยเป็นนางแบบแทน ทุกคนสามารถเป็นนางแบบได้ (ยิ้ม)"
เบื้องหลังชีวิตสุด Strong!
ปฏิเสธไม่ได้ว่า สองปีที่ผ่านมา เปลี่ยนชีวิตเธอไปอย่างสิ้นเชิง โนรา เล่าว่า ดูเหมือนไม่มีอะไรยาก แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่แบบนั้นเลย
"ทันทีที่ลงมือทำ ไม่มีวันไหนที่จะไม่คิดเรื่องนี้ ทำงานแอร์เสร็จลงจากเครื่องก็ลุยหาข้อมูลและทำงานแบรนด์ต่อทันที มันคือความฝันที่เราอยากทำให้สำเร็จ เราต้องมีความรับผิดชอบ ทำให้สองปีที่ผ่านมา ไม่มีวันไหนที่จะเป็นวันว่างของเราเลย เหนื่อยถึงเหนื่อยมากที่สุด เพราะจริงๆ ลำพังแค่เป็นแอร์ก็เหนื่อยแล้ว แต่นี่เราทำแฟชั่นด้วย เราทำจริงจังมาก เต็มที่กับ Passion ตัวเองมาก เพราะถ้าไม่ลงมือทำ เราก็จะไม่ได้ทำเสียที และถ้าหากล้มเหลวมันยังดีกว่าถ้าไม่ได้ทำแล้วมานั่งเสียดาย
ต้องบอกว่ามันคือ Passion ถึงกล้าลงทุนและทำงานหนักแบบนี้ แม้จะรู้ดีว่าธุรกิจแฟชั่นทั่วโลกอยู่ในภาวะซบเซา เราก็ไม่ล้มความตั้งใจ ไม่รีบเพราะรู้ว่าแฟชั่นเป็นเรื่องที่ช้า เรามีคติประจำตัวว่า ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ทุกอย่างเป็นไปได้เสมอ อาจจะช้าหรือเร็ว แต่เราต้องตั้งใจทำจริงๆ ทุกวันนี้เห็นเสื้อผ้าแบรนด์ของตัวเอง รู้สึกภูมิใจ ดีใจที่เราทำได้ แม้จะเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของความฝันก็ตาม แต่มันมีค่ามาก เพราะเราจับต้องได้
ทั้งหมดอยากจะขอบคุณครอบครัวที่อยู่เคียงข้างและให้กำลังใจมาตลอด รวมถึงต้องขอบคุณ น้องย้ง-กานติมา สาแม็ง ผู้ช่วยส่วนตัว ซึ่งสนิทกันมาก เพราะเติบโตมาจากเบตงด้วยกัน ถ้าไม่มีเขาก็ไม่มีแบรนด์ในวันนี้ เพราะงานแอร์ที่โนราทำมีเวลาว่างน้อยมาก อีกทั้งยังอยู่สิงคโปร์เป็นหลัก นานๆ จะได้กลับเมืองไทย น้องต้องคอยประสานงานต่างๆ แทนโนราตลอด" พูดจบก็ฝากทิ้งท้ายถึงคนที่มีฝันแต่ไม่กล้าลงมือทำ
"อยากให้ทุกคนที่มีความฝัน ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคต่างๆ สามารถทำความฝันให้เป็นจริงได้ ถ้าเป้าหมายเราชัดเจน ความสำเร็จของชีวิต ไม่ได้วัดกันที่เงินทอง แต่มาจากความพยายามในการทำสิ่งต่างๆ ที่เราฝันไว้ให้สำเร็จ เป็นกำลังใจให้ทุกคน ให้เราเติบโตไปด้วยกัน"
ขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก facebook.com/noraclassidy
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754