จำได้มั้ยสโลแกน "เที่ยวได้เงิน-เที่ยวได้ตังค์-เที่ยวแล้วรวย" ของธุรกิจพ่วงขายตรง “อาชีพนักท่องเที่ยว Worldventures” เปิดใจผู้ประสบเหตุตัวจริง ระบุเรื่องถึง สคบ.แล้ว แต่ไม่มีวี่แววความคืบหน้า โซเชียลฯ แคลงใจ ต้องใหญ่แค่ไหนถึงจะไม่ถูกตรวจสอบ จะต้องรอให้ "สัมภเวสี" ที่เกาะมากับธุรกิจท่องเที่ยวลักษณะเดียวกันนี้ เพิ่มขึ้นในไทยอีกมากแค่ไหน จึงจะรู้สึกสะดุ้งสะเทือน!!?
ร้อง สคบ. แล้ว แต่เรื่องยังเงียบ
หากยังจำกันได้กับประเด็นดรามาลากยาวข้ามปี ที่สมาชิกเว็บไซต์ Pantip “ปอม นักพับกระดาษ” แฉธุรกิจ “อาชีพนักท่องเที่ยว” ธุรกิจแนวใหม่ที่มีคำเคลมว่า “เที่ยวแล้วรวย” แต่แท้จริงแล้วแอบแฝงการขายตรงพ่วงด้วย ซึ่งเขาเคยดีเบตร่วมกับหนึ่งในคณะผู้บริหารของธุรกิจนี้ผ่านรายการดัง แต่ต่อมาคู่กรณีของเขาขู่จะฆ่าตัวตาย จนทำให้เทปนั้นถูกระงับการถ่ายทอดไป จนทำให้เรื่องราวจางหายจนเกือบจะถูกลืมเสียแล้ว วันนี้เขาได้ออกมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง พร้อมอัปเดตความคืบหน้าถึงการร้องเรียนหน่วยงานของรัฐอย่าง สคบ. อีกด้วย!
ทีมข่าวผู้จัดการ Live ได้ต่อสายตรงยัง “ปอม นักพับกระดาษ” หรือชื่อจริงคือ “ปอม - เอกสิทธิ์ เข้มงวด” ปัจจุบันเขาทำหน้าที่เป็นอาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง เขาเล่าว่าหลังจากที่ได้ไปยื่นเรื่องต่อ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค(สคบ.) เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว จนถึงขณะนี้เรื่องราวผ่านมาราวหนึ่งเดือน ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ เลยแม้แต่น้อย
“หลังจากที่ผมพร้อมคู่ดีเบตจากทางธุรกิจอาชีพนักท่องเที่ยว ไปออกรายการของเวิร์คพอยท์ช่วงเดือนธันวาคม 2559 แต่เนื่องจากเนื้อหาเยอะ ทางรายการจึงต้องแบ่งตอนในการออกอากาศเป็น 3 เทป แต่พอออกไปได้ 2 เทป คู่ดีเบตผมขู่จะฆ่าตัวตาย ทางเวิร์คพอยท์เลยต้องงดออกอากาศไปครับ ซึ่งคู่ดีเบตของผมเป็นระดับผู้บริหารระดับล่างสุดของบริษัทนี้
ทางเวิร์คพอยท์จึงส่งนักข่าวไปถาม สคบ. ว่าธุรกิจนี้จดทะเบียนรึยัง ถูกต้องรึยัง ทาง สคบ. ก็บอกว่ายังไม่ได้รับเรื่องและไม่รู้จัก ยังไม่ได้มาจดทะเบียนด้วย และก็บอกว่าไม่น่าจะเกี่ยวกับตน เพราะว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับการท่องเที่ยว มันน่าจะเป็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
ผมก็เลยมองว่าไม่ได้การแล้ว เพราะว่าคู่ดีเบตของผมก็พูดชัดอยู่ในสื่อว่า ธุรกิจของเขาเป็นขายตรง ไม่มีการนำเที่ยว ธุรกิจเขาไม่ใช่ทัวร์ แสดงว่า สคบ. ไม่ได้รับข้อมูลที่มากพอ ผมก็เลยไปพบ สคบ. ในวันที่ 19 ธันวาคม 2559 หลังจากวันที่ไปออกสื่อประมาณ 1 สัปดาห์ครับ”
ทันทีที่เขาเอ่ยปากว่าจะมาร้องเรียนธุรกิจเวิลด์เวนเจอร์ในประเทศไทย ทาง สคบ. ก็ยิงคำถามกลับมา “เป็นผู้เสียหายหรือไม่?” เรื่องนี้ปอมทำการบ้านมาดี จึงได้พาผู้เสียหายไปด้วย 2 คน เข้าร้องเรียนพร้อมทั้งให้หลักฐานเป็นที่เรียบร้อย มีรายละเอียดไปจนถึงรายชื่อของแกนนำ ตลอดจนสถานที่ที่ใช้ในการประชุม ซึ่งทาง สคบ. ก็รับแจ้งเรื่องแต่โดยดี แต่ทว่าผ่านมา 1 เดือนแล้วก็ยังไม่มีความคืบหน้าต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย
“ตอนนี้ สคบ.จะอ้างว่าไม่ทราบเรื่องมันไม่ใช่แล้ว เพราะว่าคนร้องเรียนเยอะ ไม่ใช่แค่ที่ผมพาไป เพราะมันมีทั้งร้องเรียนออนไลน์ ทางสายด่วน คือตอนนี้สังคมเกิดคำถามว่า ธุรกิจนี้มันเส้นใหญ่เหรอ ทำไมแตะต้องไม่ได้ ส่วนคุณโก้ที่เคยมาดีเบตกับผม แล้วขู่ว่าจะฆ่าตัวตายในตอนนั้น ปัจจุบันเขาก็สบายดีครับ”
“You should be here!” ป้ายเดียวเสียวทุกคน!
ในเมื่อพึ่ง สคบ. ไม่ได้ ตัวปอมจึงตัดสินใจไปพูดคุยกับแกนนำในเครือข่าวอาชีพนักท่องเที่ยว เพื่อบอกเล่าถึงความเดือดร้อนที่สมาชิกในเครือข่ายนี้ได้รับ แต่ทว่าเรื่องราวไม่จบแค่นั้น เพราะหลังจากที่พูดคุยเสร็จ ปอมได้ถ่ายภาพคู่กับแกนนำเครือข่าย แต่ภาพนั้นกลับย้อนกลับมาสร้างความเสียหายให้เขาจนต้องไปลงบันทึกประจำวันมาแล้ว
“วันนั้นผมก็คุยกับเขาอยู่ 3 ชั่วโมง ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี แล้วก็สร้างมิตรภาพกัน คือผมไม่เห็นด้วยกับธุรกิจเขา ก็คุยกับเขาว่ามันมีสมาชิกที่เดือดร้อน แต่ทำไมคุณปล่อยปะละเลย สุดท้ายก็ถ่ายรูปร่วมกัน แต่รูปนั้นมีการกางป้ายสีน้ำเงิน ซึ่งมันเป็นสัญลักษณ์ของธุรกิจเขา เป็นป้ายที่เขียนว่า “You should be here!” ภาพนี้เจตนาคือสงบศึกระหว่างอาชีพนักท่องเที่ยวกับปอม ว่าเราได้มาคุยกันแล้ว ต่อจากนี้เริ่มปีใหม่ ก็ขอให้ต่างฝ่ายต่างเลิกราต่อกัน ก็หวังว่าจะไม่มีเรื่องอะไร
ภาพของเจ้าของกระทู้ที่ถูกนำไปบิดเบือนความจริง
แต่เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2560 ที่ผ่านมา ผมได้รับการแจ้งอย่างล้นหลามว่า ทีมอื่นในเครือข่ายนี้ที่ไม่ใช่ทีมที่มาคุยกับผม เอาชื่อผมกับภาพนี้ไปแอบอ้างว่า ผมได้สมัครสมาชิกแล้ว เอารูปนี้ไปบอกว่า ขนาดคนเขียนกระทู้แฉ ยังกลับตัวกลับใจมาสมัครธุรกิจเขาเลย เป็นการดึงความน่าเชื่อถือกลับมาด้วยการนำภาพผมไปใช้หาผลประโยชน์
ผมก็เลยไปลงบันทึกประจำวันไว้กับตำรวจ ว่าผมไม่ได้ไปสมัครกับธุรกิจเถื่อนแบบนี้ ธุรกิจมันยังไม่จดทะเบียนในประเทศไทย เอาผมไปอ้างได้ยังไง แต่ผมก็ไม่ได้ฟ้องร้องอะไรเขา คนที่ไปนั่งคุยด้วยเป็นแกนนำคนหนึ่ง แต่ไม่ใช่ Dr.JJ ที่เป็นระดับบอสใหญ่ เขาเป็นคนที่ร่ำรวย มีเงินและมีอิทธิพล แล้วมันมีเรื่องของศาสนา เรื่องของแก๊งข้ามชาติเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งผมอยากให้ตามต่อในกระทู้ “กระทู้ลากไส้ LIVE สด!!! กระชากหน้ากาก Dr.JJ บอสใหญ่ #Worldventures #Thailand แท้จริงเธอคือโพนี่หรือผีเน่า!!?” ซึ่งจะเป็นการเปิดโปงขบวนการของเครือข่ายนี้ทั้งหมดอีกด้วยครับ”
ไม่เพียงแต่ปอมเท่านั้น ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ มีคนดังหลายคนที่ถูกนำภาพที่ถ่ายคู่กับป้ายสีน้ำเงินที่เขียนคำว่า “You should be here!” ไปแอบอ้าง ไม่ว่าจะเป็นนักร้องของไทยอย่าง ดี้-นิติพงษ์ ห่อนาค และ บี้-สุกฤษฎ์ วิเศษแก้ว , นักร้องสาวชื่อดังระดับโลก Katy Perry รวมไปถึงผู้นำประเทศอย่าง ลี เซียน ลุง นายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์ ล้วนแล้วแต่ถูกแอบอ้างว่าได้เป็นสมาชิกของธุรกิจอาชีพนักท่องเที่ยวมาแล้วทั้งสิ้น
หรือแม้แต่บริษัทท่องเที่ยวชื่อดังอย่าง AGODA ก็ยังโดนพาดพิงว่า ได้มาเป็นส่วนหนึ่งกับธุรกิจนี้แล้ว เพื่อเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือ ถึงขนาดที่ว่านำสัญลักษณ์ของ AGODA ไปใส่ในสื่อการนำเสนอของการสัมมนาบริษัท จนทำให้ผู้ที่ถูกกล่าวอ้างอย่าง AGODA ต้องออกแถลงการณ์อย่างชัดเจนว่า “บริษัทฯ ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับการให้บริการใดๆ ไม่ได้เป็นพันธมิตรหรือร่วมกันดำเนินธุรกิจ ไม่ได้เข้าเป็นหุ้นส่วน และไม่ได้มีสถานะใดๆทางกฎหมายเกี่ยวข้องกับธุรกิจเครือข่าย WorldVentures ตามที่มีการกล่าวอ้าง”
“อย่าลืมนะครับว่าธุรกิจนี้เข้ามาในไทย 3 - 4 ปีมาแล้ว คือมันนานมาก ก่อนหน้านี้ก็เคยมีคนสงสัย มีกระทู้มาเรื่อยๆ แต่ก็เงียบหายไป ผมมองว่าเรื่องนี้เราจะต้องไม่ให้มีผู้เสียหายเพิ่ม ตอนนี้มีเหยื่อเป็นร้อย แต่เหยื่อส่วนใหญ่กลัวอิทธิพล Dr.JJ ก็ไม่อยากจะหาเรื่อง ไม่กล้าออกหน้ากล้อง ทุกวันนี้ผมก็ไม่ได้สู้คนเดียว มีกลุ่มอดีตผู้เสียหาย เขาตั้งเพจศูนย์รับเรื่องร้องเรียนอาชีพนักท่องเที่ยว เป็นเพจที่เอาไว้รวบรวมผู้เสียหาย ซึ่งผู้เสียหายก็จะมีหลายระดับ ทั้งคนที่ใจสู้กับที่คนขอดูอยู่ห่างๆ ก็มีเหตุผลแตกต่างกัน บางคนเขาก็ต้องทำมาหากิน ไม่มีเวลาไปวิ่งหา สคบ. เขาก็คิดว่าฟาดเคราะห์ไปแล้วกัน
ถึงเวลาแล้วที่ทุกคนในแผ่นดินมีหน้าที่ ที่จะปกป้องประเทศชาติ ธุรกิจนี้มันไม่ธรรมดา มันคือธุรกิจข้ามชาติครับ คอยกัดกินระบบเศรษฐกิจของประเทศให้อ่อนแอจะมารอเจ้าหน้าที่รัฐอย่างเดียวมันไม่ใช่ และผมอยากฝากประโยคนี้ไว้ครับว่า "แรงกายแรงใจของปวงประชาทั่วทิศ คือที่สถิตของพระสยามเทวาธิราช" เจ้าของกระทู้แฉธุรกิจอาชีพนักท่องเที่ยวทิ้งท้าย
ตามต่อในกระทู้ “กระทู้ลากไส้ LIVE สด!!! กระชากหน้ากาก Dr.JJ บอสใหญ่ #Worldventures #Thailand แท้จริงเธอคือโพนี่หรือผีเน่า!!?”
ย้อนรอย“ดรีมทริป เที่ยวแล้วรวย”
สาเหตุที่ทำให้สมาชิกเว็บไซต์พันทิป “ปอม นักพับกระดาษ” ออกมาเดินหน้าแฉธุรกิจอาชีพนักท่องเที่ยวในครั้งนี้ อันเนื่องมาจากเมื่อกลางปีที่ผ่านมา ตัวเขาเองได้มีโอกาสไปร่วมสัมมนา แต่มีหลายจุดที่ทำให้เขาเกิดข้อสงสัย จนนำไปสู่การค้นคว้าหาข้อเท็จจริงจนตกผลึกออกมาผ่านกระทู้ต่างๆ ให้ผู้ที่ติดตามประเด็นนี้ ตามต่อในอีกหลายกระทู้ด้วยกัน
“ผมเป็นคนที่มีไลฟ์สไตล์ชอบท่องเที่ยวต่างประเทศทุกปี ทีนี้ในเฟซบุ๊กมันจะมีโฆษณาที่เตะตามากในช่วงปีก่อน ก็จะมีพวกโฆษณาเที่ยวแล้วได้เงิน เที่ยวแล้วรวย เที่ยวถูกเที่ยวดี เที่ยวฟรี เที่ยวมีรายได้ เที่ยวหรูอยู่สบายจ่ายถูก เราก็รู้สึกสนใจ เพราะว่ามันน่าจะเข้ากับไลฟ์สไตล์เราได้ดี เราก็อยากจะไปฟังสัมมนารายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ก็เลยไปหาเพื่อนที่เป็นสมาชิกอยู่ แล้วก็ขอเขาไปฟัง เพราะผมสนใจมากและอยากรู้รายละเอียดมาก
ตอนนั้นเขาจัดกันกลางเดือนกรกฎาคม 2559 เป็นการสัมมนาที่ใหญ่มาก ในสถานที่น่าเชื่อถือ จัดใจกลางเมือง ใกล้สยามพารากอน ใกล้จุฬาฯ ใกล้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แล้วพอไปถึง คนไปร่วมงาน 1,000 คน คือมันเยอะมาก ฉะนั้นจะบอกในแง่ของจำนวนคนก็บอกเลยว่าเป็นธุรกิจที่ไม่ธรรมดา
แต่พอฟังไปเรื่อยๆ สิ่งที่เขาพูดย้ำบนเวทีคือ เที่ยวกับเรา เที่ยวถูก เที่ยวหรูอยู่สบาย จ่ายถูก เที่ยว 5 ดาว ในราคา 2 ดาว เที่ยวแล้วได้เงิน เขาจะพูดวนๆ อยู่อย่างนี้ แต่ว่าไม่ยอมบอกกลไกการได้เงิน แล้วเราก็อยากรู้ว่า เมื่อไหร่ ตอนไหนได้เงิน เขาก็บอกว่ามีค่าสมัคร 520 เหรียญสหรัฐ แล้วก็มีรายเดือนอีก 120 เหรียญดอลลาร์ หมายความว่าแต่ละเดือนถ้าตีเป็นเงินบาทก็จะไม่เท่ากัน ทั้งนี้ทั้งนั้นจะแกว่งตัวตามค่าเงินดอลลาร์ คิดเป็นเงินไทยค่าแรกเข้าก็ตกประมาณ 18,500 บาท และมีรายเดือนอีกประมาณ 4,000 บาท”
ปอมเล่าต่อไปว่า ทางบริษัทพยายามจูงใจด้วยการยกทริปท่องเที่ยวขึ้นมาอวด เช่นทริปฮอกไกโดที่ราคาเพียงหมื่นกว่าบาท หรือจะเป็นทริปยุโรปในราคาหลักพัน และที่ทำให้น่าสงสัยเข้าไปอีกก็ตรงที่ทางบริษัทพยายามเชิญชวนให้รีบสมัคร ไม่เช่นนั้นจะพลาดโอกาสรวยไปอย่างน่าเสียดาย…
“เขาบอกว่า สมัครงงๆ ก็รวยงงๆ เขาพูดคำนี้วนบ่อยมาก แล้วก็บอกว่าอย่าไปเช็กข้อมูลอะไรอีกในพันทิป เพราะว่าพวกคนในพันทิปไม่รู้จริง อยากรู้จริงต้องมาคุยกับคนที่ประสบความสำเร็จแล้ว แล้วก็มันจะมีคำประมาณว่า วันนี้คุณลงทุน 18,000 กว่าบาท ถ้าเกิดว่ามันมีอะไรเกิดขึ้น มันไม่ทำใครล้มละลายหรอก คือมันมีคำเชิญชวนอะไรแปลกๆ ออกมา
พอเขาสัมนาเสร็จ ผมก็เดินไปคุยเลยตัวบอสใหญ่ ที่เป็นผู้นำของเขา แล้วก็บอกเขาว่า ผมสนใจนะแต่จะรู้ได้ยังไงว่าจ่ายเงินไปแล้ว มันจะมีที่ว่างให้ผมได้ไปเที่ยว เพราะว่าผมกลัวว่าจ่ายไปแล้ว จะจองทริปไปเที่ยวไม่ได้ คือผมก็ถามแบบสุจริตใจ ผมก็ถามอีกว่า องค์กรนี้มีคนกี่คน เขาก็บอกว่า 2 ล้านคน ผมก็เลยคิดว่ามันก็น่าเชื่อถือ เพราะมีคนสมัครตั้งเยอะ
แล้วทีนี้ผมก็สงสัยว่า ห้องพักจะเพียงพอรึเปล่า ก็เลยถามเขาว่า แล้วปีนึงมีทริปกี่ทริป เขาก็บอกประมาณหนึ่งหมื่นทริป ถ้าหนึ่งหมื่นทริปกับคนสองล้านคน หมายความว่าทริปนึงจะต้องระดับ 100 ห้องขึ้นไป ซึ่งไม่เป็นเช่นนั้น เพราะว่าทริปที่เขาเอามาให้ดู มันมีแค่ 20 - 30 คน บางทริปแค่ 2 - 5คน พอเขาพูดมาอย่างนั้น ผมก็คำนวณเลขในหัว แล้วก็รู้สึกว่ามันแปลกมากๆ ว่าชวนเราไปเที่ยวแต่มีห้องพักไม่พอกับจำนวนสมาชิก นั่นหมายความว่า สมาชิกส่วนใหญ่ไม่ต้องไปเที่ยวสิ”
แต่คำพูดของบอสใหญ่ที่ทำให้ปอมต้องชะงัก ก็คือคำพูดที่ว่าสมาชิกแต่ละรหัส สามารถชวนเพื่อนไปได้รวมกัน 4 คน ซึ่งก็คือตัวคนสมัครหนึ่งคนอาจจะชวนพ่อแม่พี่น้องหรือเพื่อนไปได้ หมายความว่าสมาชิก 2 ล้านคน สามารถชวนเพื่อนได้อีก นั่นทำให้เขาเกิดคำถามขึ้นว่า ในปีนึงไปตั้งหลายทริป แล้วแบบนี้ห้องพักจพอได้อย่างไร
“อันนี้เป็นประเด็นสำคัญประเด็นแรกที่ผมรู้สึกสงสัยมากๆ คือผมจะไปเที่ยว แต่ได้ข่าวว่ามันจะจองไม่ทัน เพราะทริปมันจะเต็มก่อน ถ้าทริปมันจะเต็มก่อน แล้วเงินที่เราลงไปมันจะสูญเปล่าอะสิ เขาก็เลยมาเฉลยว่า จริงๆ ไม่ต้องจ่ายรายเดือนก็ได้ แค่ไปชวนคนมาสมัครอีกแค่ 4 คนเอง เหมือนเอาของคนอื่นมาโปะในส่วนของเรา อ้าว...แล้วคนที่ต้องจ่ายรายเดือนคือเพื่อนเราน่ะสิ แบบนี้มันใช่การท่องเที่ยวที่เราใฝ่ฝันเหรอ”
ผมก็เลยซักไซ้เขาไปเรื่อยๆ ว่าจะได้เงินตอนไหน อันนี้คือไปชวนเพื่อนมา 4 คน เพื่อไม่ต้องเสียรายเดือน แล้วเราไปเที่ยวฟรี สงสัยว่าแล้วที่เที่ยวแล้วรวย เที่ยวแล้วได้ตังค์ มีรายได้เป็นแสนเป็นล้านต่อเดือน คุณทำได้ยังไง มันได้ตอนไหน เขาก็บอกว่า ก็ไปขายเมมเบอร์ชิปสิ ให้ได้แต่ละคนคุณก็ได้ 50 เหรียญ แล้วก็ถ้าขายเก่งมาก ปลดล็อกตำแหน่งต่างๆ ไปเรื่อย เพื่อที่จะได้โบนัสรายได้ที่มากขึ้นภายในเดือนแรกที่ทำ
ประเด็นมันก็เลยกลับมาที่ตอนแรกว่า ไปเที่ยวแล้วได้เงิน แต่ตอนนี้เรารู้แล้วว่า ไปเที่ยวคือเสียเงินอย่างเดียว ไม่ได้เงิน แต่จะได้เงินก็ต่อเมื่อหาสมาชิก นั่นก็หมายความว่า คนส่วนใหญ่ ไม่ต้องไปเที่ยวก็สามารถหาเงินได้ นั่นคือ ขีดเส้นใต้เลยว่า "พวกคนบางคน มันไม่ได้จ้องไปเที่ยว มันจ้องหาสมาชิกแล้วได้เงิน" นะครับ แล้วก็มีประเด็นปลีกย่อยอีกเยอะเลย อย่างเช่นว่า ทริปที่ว่าถูก มันยังไม่รวมค่าเครื่องบิน ค่าวีซ่า ค่าสมัคร ค่ารายเดือน มันจะมีปลีกย่อยไปอีก สิ่งที่เขาโฆษณา มันไม่มีจริง มันมีเงื่อนไขเยอะ สลับซับซ้อนมาก” เจ้าของกระทู้แฉทิ้งท้าย
จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวจากทางบริษัทอาชีพนักท่องเที่ยว รวมถึงตัวของ Dr.JJ ซึ่งเป็นบุคคลในระดับสูงของบริษัทแห่งนี้ บทสรุปของเรื่องราวจะลงเอยอย่างไร โปรดติดตามตอนต่อไป...
ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบ : สมาชิกเว็บไซต์พันทิป “ปอม นักพับกระดาษ”
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754