“ไม่ใช่ประธานาธิบดีของเรา”,“พยายามทำตัวให้คู่ควรกับตำแหน่งนี้ด้วยล่ะ” ,“โอบามาแคร์ ทรัมป์สแกร์(น่ากลัว)” ข้อความสารพัดข้อความบนป้ายต่อต้าน โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐฯ ที่มีพฤติกรรมอื้อฉาวและปากเสียมากที่สุด เช่นประโยคที่ว่า “ถ้าพวกเธอรู้ว่าคุณรวย คุณจะจับจิ๊มิเธอก็ยังได้” เขาโดนประท้วงโจมตีจากชาวอเมริกันอย่างหนักหน่วงทั้งก่อนและหลังพิธีปฏิญาณตนในการเป็นผู้นำคนใหม่ของอเมริกา เหตุจากบุคลิก นิสัย และภาวะทางอารมณ์ ที่เขาชอบดูถูกผู้หญิง เหยียดผิว เหยียดเพศ ที่สั่งสมมายาวนาน
ประธานาธิบดีที่ “น่าอดสู”?
เสียงโห่ตะโกนต่อต้านจากผู้ประท้วง ทรัมป์ ดังกังวาน “ไม่ใช่ประธานาธิบดีของฉัน ไม่ใช่ประธานาธิบดีของฉัน” ตามเส้นทางขบวนพาเหรดของประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ ส่วนคะแนนนิยมของทรัมป์ก่อนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีมีเพียง 38% ซึ่งต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 40 ปี นับตั้งแต่ยุคอดีตประธานาธิบดี จิมมี คาร์เตอร์
ระหว่างขบวนพาเหรดบนถนนเพนซิลเวเนียจากรัฐสภาไปทำเนียบขาวซึ่งยาวหลายกิโลเมตร และอยู่ใกล้กับทรัมป์โฮเตล มีผู้ประท้วงติดป้ายขนาดใหญ่ว่า "น่าอดสู" รวมทั้งตามเส้นทางที่รถของประธานาธิบดีทรัมป์แล่นผ่านก็มีเสียงโห่ร้องตะโกนต่อต้านเขา แต่จุดที่เสียงประท้วงกันเสียงดังที่สุดอยู่บริเวนจัตุรัสอนุสาวรีย์กองทัพเรือ ผู้ประท้วงพากันร้องว่า "เราต่อต้านประธานาธิบดีทรัมป์”
กลุ่มต่อต้านทรัมป์นั้นมีมากมาย ทั้งกลุ่มต่อต้านการเหยียดผิว, นักสิทธิสตรี, นักสิทธิชาวรักร่วมเพศ, ผู้สนับสนุนคนเข้าเมือง, ผู้ต่อต้านสงคราม หรือกระทั่งกลุ่มปกป้องสิทธิการสูบกัญชาอย่างถูกกฎหมาย แต่การชุมนุมของพวกเขาเป็นไปอย่างสันติ ทว่า เหตุรุนแรงโกลาหลก็มีเช่นกัน ไม่นานก่อนหน้าที่ขบวนพาเหรดจะเริ่มต้นขึ้น ได้เกิดเหตุปะทะกันระหว่างผู้ประท้วงราว 400-500 คนกับตำรวจปราบจลาจล ที่ตอบโต้ด้วยแก๊สน้ำตา นับเป็นเหตุความรุนแรงรอบสองในเวลาห่างกันไม่กี่ชั่วโมง
นอกจากนี้ ยังมีพลังต่อต้านครั้งใหญ่ที่สุดจากผู้สนับสนุนสิทธิสตรีที่นัดกันเดินขบวนในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.การชุมนุมประท้วงนี้เริ่มต้นด้วยการรณรงค์ทางโซเชียลมีเดียโดยนางเทเรซา ชุก คุณยายจากฮาวายที่เป็นทนายความเกษียณ จากการชักชวนเพื่อน 40 คนผ่านเฟซบุ๊ก ในเวลาไม่นาน กลายเป็นครึ่งแสนแล้ว และผู้หญิงในสหรัฐฯ ยังร่วมใจกันถักหมวก "พุซซีแฮต" มากกว่า 60,000 ใบ เป็นหมวกสีชมพูมีหูแหลมเหมือนหูแมว เพื่อแสดงสัญลักษณ์ต่อต้านทรัมป์ที่ใช้คำหยาบโลนดูถูกผู้หญิงเขาเคยคุยโวว่าสามารถลวนลามจับพื้นที่สงวนของผู้หญิงได้
ดาราฮอลลีวูดประท้วงตะเพิด “ทรัมป์”
นอกจากผู้หญิงทั่วโลกจะต่อต้านทรัมป์แล้ว ยังมี เหล่าศิลปิน ดารา นักร้อง นักแสดงในวงการฮอลลีวูด ยังได้รวมตัวกันประท้วงเดินตามถนนในนาม “Women’s March” ต่อต้านการเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ โดยมีซุปตาร์ตัวแม่เข้าร่วมประท้วงมากมาย อย่าง มาดอนนา ,ชาร์ลิซ เทอรอน , เคที เพอร์รี ,ไมลีย์ ไซรัส,เอมมา วัตสัน, คริสเตน สจ๊วต ,แอชลีย์ จัดด์ และคนในวงการบันเทิงตัวท็อปอีกมากมาย
“ความดีไม่ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้ แต่ความดีจะชนะในตอนจบ” มาดอนนา กล่าวบนเวที พร้อมบอกเล่าความรู้สึกสุดแค้นในจิตใจ
“ฉันโมโห ฉันเจ็บแค้น และฉันคิดอยู่หลายตลบเกี่ยวกับการวางระเบิดทำเนียบขาว แต่ฉันรู้ดีว่าการกระทำอย่างนั้นจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร เราต้องไม่สิ้นหวัง”
นอกจากนี้ ไชอา เลอบัฟ พระเอกดังฮอลลีวูดสุดติสต์ยังมีโปรเจ็กต์ต่อต้านทรัมป์ ชื่องานว่า HE WILL NOT DIVIDE US โดยเขาจะตั้งกล้องทิ้งไว้ข้าง Museum of moving image ที่นิวยอร์ค แล้วปล่อยให้ใครก็ได้มาพูดคำว่า He will not divide us ไปเรื่อยๆต่อหน้ากล้อง งานนี้จะเกิดขึ้นไปเรื่อยๆ 4 ปี ตลอด 24 ชั่วโมง นั่นเท่ากับว่าให้คนมาพูดประโยคนี้จนถึงวันที่ทรัมป์พ้นตำแหน่ง นั่นเอง และเขาจะฉาย live ไปเรื่อยๆ ด้วย
ก่อนหน้านี้ บนเวทีประกาศรางวัลลูกโลกทองคำ ครั้งที่ 74 ที่ผ่านมาก็ถูกพูดถึงเป็นอย่างมากกับ การกล่าวสุนทรพจน์ขณะขึ้นรับรางวัลเกียรติยศ ของ เมอรีล สตรีป นักแสดงหญิงชื่อดังชาวอเมริกัน วัย 67 ปี เธอกล่าวบนเวที ถึงเหตุการณ์ที่เธอสะเทือนใจอย่างมากในช่วงปีที่ผ่านมา นั่นก็คือการที่ได้เห็น ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ผู้มาจากการเลือกตั้ง ได้ล้อเลียนนักข่าวพิการ ชี้ว่ามันเป็นภาพที่ยังติดตาเธอจนถึงตอนนี้ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นไม่ใช่เพียงภาพในภาพยนตร์ แต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตจริง เป็นการดูหมิ่นที่กระทำโดยผู้มีอำนาจ ซึ่งเมื่อใดก็ตามที่ผู้มีอำนาจรังแกผู้อื่น สังคมก็คงถึงจุดจบ เธอจึงอยากร้องขอให้ทุกคนในที่นี้ ร่วมกันสนับสนุนคณะกรรมการผู้ทำหน้าที่ปกป้องการทำงานของสื่อ เพื่อมุ่งทำงานตรวจสอบและปกป้องข้อเท็จจริง
จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ ทำไมงานพิธีสาบานตนรับตำแหน่งของทรัมป์ซึ่งเป็นพิธีสำคัญของประเทศจึงไม่มีดารา และนักร้องชื่อดัง มาร่วมงานเลย ทั้งๆ ที่ปกติพิธีสำคัญของประเทศพิธีนี้ จะมีคนดังในวงการต่างๆ มาร่วมงานมากมาย มีเพียงดารา “เกรดบี” ตอบรับคำเชิญมาร้องเพลงชาติสหรัฐฯ เท่านั้น
วาทะสุดแขยง! สะเทือนใจผู้หญิง
"ถ้าผู้หญิงรู้ว่าคุณเป็นคนดัง พวกเขาก็จะปล่อยให้คุณจูบเธอ ปล่อยให้คุณทำอะไรก็ได้อย่างที่คุณอยากทำ หรือแม้กระทั่งจับน้องสาวเธอก็ยังได้”
ประโยคดังกล่าวเป็นคำพูดเสียดแทงและเหยียดเพศของทรัมป์ จนทำให้เขาต้องออกมาขอโทษผ่านสื่อเป็นเวลา 90 วินาที ฐานพูดจาลามกในการแสดงความคิดเห็นต่อผู้หญิง ที่ปรากฏอยู่ในวิดีโอเทปที่ถูกบันทึกไว้ในปี 2548 วิดีโอดังกล่าว แสดงให้เห็นว่า ทรัมป์พูดจาโอ้อวดกับ บิลลี บุช ผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์ ถึงความพยายามที่จะมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว รวมถึงการจูบลูบคลำผู้หญิงคนอื่นๆ
การพูดจาหยาบคายดูถูกผู้หญิงของทรัมป์นั้นมีมายาวนานแล้วจนกลายเป็นคาแร็กเตอร์ ทรัมป์ เคยวิจารณ์ อาเรียอานา ฮัฟฟิงตัน บรรณาธิการและผู้ก่อตั้งฮัฟฟิงตันโพสต์ ว่า
"อาเรียอานา ฮัฟฟิงตัน เป็นคนที่ขี้เหร่ทั้งภายนอกและภายใน และทำให้ผมเข้าใจเลยว่า ทำไมอดีตสามีของอาเรียอานาถึงได้ทิ้งเธอไปมีผู้ชายอื่น เขาคิดถูกแล้ว"
และอีกข้อความสุดพีคที่ไม่รู้จะจงเกลียดจงชังอะไรเธอนักหนา "เงินจำนวนเท่าไหร่ที่สาวขี้เหร่ (ทั้งภายนอกและภายใน) อาเรียอานา ฮัฟฟิงตัน ต้องจ่ายให้อดีตสามีของตัวเองเพื่อแลกกับการได้ใช้นามสกุลของเขา"
แม้แต่ลูกสาวเขาเองก็ยังไม่เว้น! ในปี 2006 ทรัมป์ เคยพูดถึง อิวานกา ทรัมป์ ลูกสาวคนสวยของเขา ว่า
"เธอเองเป็นคนสำคัญ และเป็นคนสวย ถ้าผมไม่ได้แต่งงานและเป็นพ่อของเธอ ผมคง..."
และครั้งหนึ่งทรัมป์เคยทวีตข้อความถึง ฮิลลารี คลินตัน ในเชิงดูถูกหน้าที่ภรรยาของเธอ ที่มีต่อสามี บิล คลินตัน ที่เคยมีข่าวนอกใจ
"ถ้าฮิลลารีไม่สามารถทำให้สามีของเธอพอใจได้ แล้วอะไรที่ทำให้เธอคิดว่า เธอจะทำให้คนอเมริกันพอใจได้ ?"
แม้ในระหว่างที่มีการชิงชัยหาผู้สมัครเพื่อเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันเพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ทรัมป์ เคยพูดถึงนางคาร์ลี ฟิออรินา ผู้สมัครคู่แข่งไว้ว่า
"ดูหน้าเธอสิ ใครจะอยากโหวตให้"
งานนี้ก็ต้องดูกันไปยาวๆ ว่า เรื่องราวในอดีตและความปากเสียของเขา ชาวอเมริกาจะลืมลงมั้ย และเขาจะ Make America Great Again ได้อย่างที่ว่าหรือไม่!?
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754