xs
xsm
sm
md
lg

วัยโจ๋ฮิตท้อง เลิฟสามีแต่ไม่รักลูกในไส้!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ท้องโย้ในวัยเรียน? อีกหนึ่งปัญหาสังคมไทยที่ไม่ว่าจะแก้หรือให้ความรู้ความเข้าใจกันเท่าไหร่ก็ยังคงไม่สามารถแก้ได้ แต่กลับทวีความรุนแรงจนส่งผลให้เกิดปัญหาอื่นๆ เกิดขึ้นตามมาอีกหลากหลายปัญหา เนื่องจากวัยรุ่นเหล่านี้ยังคงขาดการมีวุฒิภาวะของการเป็นผู้ใหญ่ การคิดการตัดสินใจจึงไม่รอบครอบ ถี่ถ้วน ยังคงมีนิสัยของความเป็นเด็กที่รักสนุกกับการใช้ชีวิตเพื่อเรียนรู้สิ่งแปลกใหม่ โดยที่ยังไม่พร้อมที่จะต้องมารับภาระในการดูแลใคร

หลายครั้งที่ได้รับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับวัยรุ่นเสียชีวิตจาการไปทำแท้ง การไม่สามารถเลี้ยงดูลูกที่เกิดมาได้ของวัยรุ่นจนต้องนำลูกไปทิ้งตามสถานที่ต่างๆ หรือการที่พ่อแม่วัยโจ๋ทำร้ายลูกในไส้ตัวเองจนได้รับบาดเจ็บ เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นในสังคมอยู่เวลาและถูกนำเสนอผ่านสื่อต่างๆ อยู่บ่อยครั้ง

ดังเช่นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ได้มีพลเมืองดี และนางเอ (นามสมมุติ) อายุ 39 ปี อาชีพแม่บ้านโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง แจ้งเรื่องร้องทุกข์มายังสายด่วน 1134 มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี เล่าว่า ด.ญ.พี (นามสมมุติ) วัย 5 เดือน หลานของนางเอ ถูก น.ส.บี (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี ผู้เป็นแม่จับโยนลงกับพื้นจนบาดเจ็บสาหัส ส่งรักษาที่โรงพยาบาลศิริราช แพทย์ตรวจพบเลือดออกในสมอง กะโหลกศีรษะร้าว ต้องทำการผ่าตัดด่วนและนอนรักษาอยู่ที่ห้องไอซียู ตั้งแต่วันที่ 11 ม.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่แม่เด็กไม่มาเหลียวแลดูลูกเลย และแจ้งความไว้แล้วที่ สน.บุปผาราม แต่คดียังไม่คืบหน้า จึงขอให้นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ช่วยติดตามคดี

หลังรับแจ้งช่วงค่ำวันเดียวกัน นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ได้ไปพบกับนางเอและพลเมืองดี เพื่อเข้าเยี่ยมอาการของน้องพี โดยแพทย์ได้แจ้งความคืบหน้าของอาการและบอกให้ญาติทำใจไว้เนื่องจากอาการค่อนข้างวิกฤต และเสียชีวิตในที่สุด

ด้านพ่อของน้องพี อายุ 20 ปี อาชีพเป็นรปภ. เผยว่า ภรรยามีนิสัยขี้หึง ชอบใช้ความรุนแรง และขณะที่กำลังตั้งครรภ์เคยพยายามที่จะเอาเด็กออกหลายครั้ง ทั้งการใช้มือทุบท้อง และแกล้งตกบันได กระทั่งลูกคลอดออกมา ภรรยาก็ยังทำร้ายลูกสาวเป็นประจำ แม้ตนจะพูดห้ามปราบอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ไม่สามารถหยุดพฤติกรรมดังกล่าวได้
ในวันเกิดเหตุ ตนกลับมาจากทำงานเห็นสภาพลูกดวงตาปูดบวม ตาแฉะมีขี้ตาเกรอะกรัง จึงถามภรรยาว่าลูกเป็นอะไรก็ไม่ได้รับคำตอบ บอกแค่เพียงว่า ลูกตกเปล กระทั่งตอนเช้าวันที่ 10 ม.ค. ตนกับน.ส.บี ได้พาลูกไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลรับการตรวจเบื้องต้นรักษาตามอาการและเดินทางกลับ จากนั้นตนก็ได้ไปส่งภรรยาและลูกที่บ้านแม่ของน.ส.บี ก่อนเดินทางไปทำงานต่อแล้วกลับมาในตอนค่ำ ตกดึกสังเกตอาการลูกสาวยังไม่ดีขึ้นมีอาการตัวร้อนจัดนอนแน่นิ่ง จึงได้ถามภรรยาอีกว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งภรรยาก็บอกว่าลูกตกเปลอีก

จนเช้าวันที่ 11 ม.ค. ตนกับเพื่อนได้รีบพาน้องพีไปโรงพยาบาลอีกครั้ง เมื่อแพทย์ตรวจดูอาการแล้วให้น้องพีแอดมิดทันที จากนั้นแพทย์ได้ทำการผ่าตัดและให้นอนอยู่ในห้องไอซียู กระทั่งน้องพีได้เสียชีวิตลง ตอนนี้ไม่มีเงินซื้อโลงศพ ฉีดยาศพ และจัดงานศพ นางปวีณาจึงได้รับปากช่วยเหลือค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด ก่อนรุดเดินทางไปที่ภาควิชานิติวิทยาศาสตร์ โรงพยาบาลศิริราช พบกับนางเอ และนายเอก เพื่อรับศพน้องพีไปบำเพ็ญกุศลตามพิธีทางศาสนา ซึ่งจากการผ่าพิสูจน์ศพน้องพีแพทย์ลงความเห็นว่า เสียชีวิตจากเลือดคั่งในสมอง เนื่องจากกระโหลกศีรษะแตกที่ด้านซ้ายและขวา หูด้านซ้ายมีรอยฟกช้ำเป็นแผลจากการถูกของแข็งกระทบ หรือ ไปกระทบของแข็งมากกว่า 1 ครั้ง

นางเอ ผู้เป็นย่า ยังกล่าวอีกว่า ครอบครัวตนเองมีฐานะยากจน เสียใจมากที่ต้องมาสูญเสียหลานไป น้องพีเป็นเด็กน่ารัก เลี้ยงง่าย ตอนที่ลูกสะใภ้คลอดน้องพีออกมาใหม่ๆ ตนก็อาสาจะเลี้ยงให้แต่ลูกสะใภ้ไม่ยอมแถมยังต่อว่า ถ้าย่าเลี้ยงกลัวลูกนิสัยไม่ดี ตนรับไม่ได้กับเรื่องที่เกิดขึ้น โดยยอมรับเคยมีปากเสียงกับลูกสะใภ้คนนี้บ่อยครั้ง และลูกสะใภ้หากโกรธหรือมีปัญหาอะไรจะมาลงที่ลูก ด้วยการตีและทำร้ายลูก

ขณะที่ พ.ต.อ. ชัยวัฒน์ อรัญวัฒน์ รอง ผบก.น.8 กล่าวว่า จากการสอบปากคำเครือญาติและเพื่อนบ้าน ต่างไม่มีใครพบเห็นเหตุการณ์ จึงเป็นเพียงคำบอกเล่าว่าได้ยินเสียงดังมาจากในบ้านที่แม่และเด็กหญิงอาศัยอยู่ ตำรวจจึงนำรถเข็นเด็กคันเกิดเหตุส่งไปให้กองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบตามที่แม่ของเด็กกล่าวอ้าง สงสัยว่ารถเข็นคันดังกล่าวจะสามารถทำให้เด็กบาดเจ็บ และถึงขั้นเสียชีวิตได้จริงหรือไม่

รวมถึง นพ.อภิชาติ จริยาวิลาศ โฆษกกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า พฤติกรรมความรุนแรงในแม่เด็ก เกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งที่มีอาการป่วยทางกาย อาการทางจิต หรือมีการใช้สารเสพติดร่วมด้วยหรือไม่ ซึ่งจะต้องวิเคราะห์จากสภาพแวดล้อมในครอบครัว เติบโตด้วยสภาพแวดล้อมที่มีความรุนแรง จนส่งผลให้ควบคุมตัวเองไม่ได้

นับเป็นเหตุการณ์สะเทือนอารมณ์อีกหนึ่งเหตุการณ์ที่เชื่อว่าไม่มีใครอยากให้เรื่องแบบนี้เกิดอีกในสังคม...




มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram

"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!


และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754



กำลังโหลดความคิดเห็น