บรรดาคนดังระดับเอลิสต์ของเมืองไทย ไม่มีชื่อของอดีตสาวจอมปาร์ตี้ เปรี้ยว แซ่บ ซ่า คนนี้อยู่ในทำเนียบเป็นไม่ได้ แต่เพราะพักหลัง ด้วยวัย หน้าที่ และอะไรหลายๆ อย่าง อาจทำให้น้อยครั้งจะได้เห็น ดวง-มนตร์ลดา พงษ์พานิช ไปร่วม หากไม่สนิท ไม่เอ็กซ์คลูซีฟ หรืองานที่เลี่ยงไม่ได้จริงๆ ก็คงไม่ได้คิวเธอง่ายๆ เป็นแน่ ว่าขี้เบื่อก็คงไม่ใช่ เพราะพูดไปใครจะเชื่อ อย่างเดียวที่ได้คิวเธอตอนนี้คืองาน หลังมุ่งมั่นทำแบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่นออกมาอย่างจริงจัง และใช้ชี่อของตัวเองการันตีความโมเดิร์น & คลาสซีว่า MONLADA มากว่า 7 ปี (เริ่มปี 2010)
ดวงเล่าว่าเพราะรักและศรัทธาในความฝัน หวังไว้ว่าสักวันโลกแห่งแฟชั่นจะขับเคลื่อนไปด้วยสไตล์ของตัวเอง อยากให้แบรนด์ของ MONLADA เป็นหนึ่งใน “เทรนด์ เซ็ตเตอร์” “ไม่อยากบอกว่าหวังไปถึงตรงไหน เราหวังสูงมากกกก ก็เห็นๆ กันอยู่ ว่าผู้หญิงชอบถือกระเป๋าอะไร ชอบผ้าพันคอ หรือเสื้อแบรนด์ไหน เราก็อยากไปให้ถึงตรงนั้น ซึ่งไม่รู้จะถึงหรือเปล่า รู้แต่ว่าต้องทำต่อไป อย่าหยุด” เธอหมายมั่นเอาความฝันเป็นภารกิจ ว่างั้น เราจึงหยุดทุกอย่างเพื่อพูดคุยกับเธออย่างตั้งใจ พร้อมใช้คิวทองที่เธอให้อย่างละเมียดละไม พิถีพิถัน
‘ก่อนจะไปเรียนแฟชั่น ดวงเคยไปเรียนร้องเพลง เต้นลีลาศ คือทำหมด ไปสมัครเป็นพิธีกร อ่านข่าว แต่ด้วยความที่พูดไม่เก่ง พูดรอเรือก็ไม่ชัด เพราะดวงคิดว่าความจริงแล้วดวงเป็น Artist มากเกินไป ตอนนั้นอยากทำแฟชั่นพอดี เราก็อายุ 27 แล้ว ถ้าเราเป็นดารา พิธีกร มันก็มีเวลาทำงานอีกแค่ไม่กี่ปี เพราะทำงานในวงการต้องใช้หน้าตา ถ้าเราแก่ เราเหี่ยวจะสู้เด็กรุ่นใหม่ไม่ได้ แต่ถ้าเป็นดีไซเนอร์ เราไม่ได้ใช้หน้าตา เราผลิตงานจากเบื้องหลัง เวลาจะผ่านไปนานอย่างไร เราก็ยังสามารถทำงานออกมาได้ ดวงอยากทำงานตลอดชีวิต เลยตัดสินใจเบนเข็มมาด้านนี้จริงจัง’
พอถึงครั้งที่ดวงตัดสินใจแน่วแน่ เธอเลยก้าวเข้าสู่โลกแฟชั่นด้วยการตัดสินใจ Take Course ที่ Saint Martin ประเทศอังกฤษ และได้พบเจอกับคุณครูสุดโหดกับประสบการณ์สุดหิน
‘ตอน Saint Martin สนุกมาก เรียนเช้าถึงเย็น ทำงานต่อถึงตีสอง ทุกคนในคลาสเคร่งเครียดและแข่งขันมาก เพราะเวลา Present งาน เราต้องออกไปหน้าห้อง ถ้างานห่วยเราก็จะอาย เพราะทุกคนทำได้แบบเพอร์เฟกต์ และครูที่นี่โหดมาก มีครั้งหนึ่งดวงเย็บผ้า พอเสร็จเราก็รู้สึกว่างานเราเจ๋ง แต่ครูเดินมาบอกว่า Your fabric look cheap แล้วก็โยนผ้าเราทิ้ง เราช็อกมากกกก แอบไปร้องไห้ในห้องน้ำ แต่ที่สุดมันกลายเป็นแรงผลักดันให้เรา ว่าต้องทำให้ดีกว่านี้อีก คอยดู จะทำให้ผ้านี้ขายได้เป็นแสน! ต่อมา พออยู่ไปเราก็พยายามขึ้น ขยันมากขึ้น เราจะอยู่แค่ตัวเองไม่ได้ ต้องสนใจคนรอบข้างด้วย เพราะมันเป็นกระบวนการพัฒนาตัวเอง เป็นกุศโลบายเหมือนกัน เป็นดีไซเนอร์จะสนใจแต่ตัวเอง ไม่สนใจโลกก็คงไม่ได้ เพราะคนรักแฟชั่นเขาก็ตามเทรนด์กัน เหมือนต่อแถวกันแบบนี้ เพียงแต่แข่งกันที่รายละเอียด ฉะนั้น ติสต์ๆ คูลๆ ไม่ตามใคร อาจไม่ใช่คุณสมบัติที่ดีนะคะ (ยิ้มกว้าง) หลังจากนั้นก็เริ่มเรียนจริงจังที่ Parsons School นิวยอร์ก จะมีความเป็นธุรกิจขึ้นมา ให้เวลาน้อย ไม่ถึงสามเดือน สอนให้เราอยู่ในโลกของความจริงมากขึ้น’
พอกลับมาก็เริ่มต้นทำแบรนด์ของตัวเองจากสตูดิโอแถวประชาชื่น แต่แน่นอนว่าการสร้างสินค้าแต่ละแบรนด์ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ สนุกที่สุดคือจุดเริ่มต้น แต่หลังจากนั้นก็มีหลากหลายปัญหาและอุปสรรค ซึ่งถ้าวันนี้มองกลับไปมันก็คือประวัติศาสตร์ของแบรนด์ ยิ่งยากเท่าไหร่เธอยิ่งทิ้งมันไปไม่ได้ ต้องนำพาไปให้ถึงจุดสูงสุดที่ตั้งใจ
‘กลับมาดวงก็บอกคุณแม่ว่า อยากทำแบรนด์เสื้อผ้า แม่เลยให้บ้านเก่าๆ มาเป็นสตูดิโอคือที่นี่ เราก็รีโนเวท ตกแต่ง เริ่มมาด้วยกันเป็นทีมเล็กๆ คอลเลกชันแรกของเราเลยคือ love death อินสไปเรชันเราคือ Love เหมือนเสื้อผ้าที่ละเอียดอ่อน ส่วน Death หลายคนอาจมองว่ารุนแรง ความตายแต่เรากลับมองว่า ความตายคือ Forever ทำให้คิดถึงคุณพ่อด้วย มันเป็นเลยมาเป็นคอลเลกชันแรก คืองานดีไซน์ของดวงจะชอบผสมสไตล์เข้าด้วยกัน ผสมความอ่อนโยนกับความแข็งแกร่ง ชอบที่มันมีความ Contrast กัน’
‘คือดวงถูกสอนจาก Saint Martin ว่าให้เราหาอินสไปเรชันก่อน Concept อีกอย่างเวลาที่ดวงจะดีไซน์เสื้อผ้าของ MONLADA คือ การนำเสื้อผ้าออกมาจาก History Costume แล้วนำมาดีไซน์ใหม่ให้มันโมเดิร์น ทันสมัย สามารถใส่ได้ในปัจจุบัน ทำให้เราไม่ลืมอดีต ในยุคต่างๆ เราเองก็สนุกที่ได้อินไปในยุคต่างๆ เหมือนได้หาความรู้ใส่ตัว แต่การที่เราหาอินสไปเรชันแบบนี้ เราเองก็ต้องมีจุดยืน ต้องรักษาจุดยืนของตัวเอง เพราะดวงจะชอบเปิดแม็กกาซีน แต่ถ้าเราอ่อนแอ ไม่มีจุดยืน เวลาทำเสื้อผ้ามันเหมือนเราเอาเสื้อผ้าจากแม็กกาซีนมาดีไซน์ แต่ถ้าเรามีจุดยืน เราจะสามารถผสมจุดยืนของเราให้เข้ากับยุคปัจจุบันได้’
ถึงตอนนี้ต้องบอกว่า เจ้าของแบรนด์ MONLADA คนนี้ ใช้ความรักในการขับเคลื่อนสร้างแบรนด์และงานดีไซเนอร์จนมีดีเอ็นเอให้กับแบรนด์ MONLADA อย่างเต็มเปี่ยม ถ้าสังเกตดูจะเห็นดีเทลที่ชัดเจนสอดแทรกอยู่ในงานทุกชิ้นที่แบรนด์นี้ทำ นอกจากความสวยงาม เรียบหรู ดูดีและประณีตในทุกขั้นตอน แถมยังมีกลิ่นอายของเรื่องราวในยุคต่างๆ
ท้ายสุด แม้ว่าเธอจะหลงใหลการดีไซน์เสื้อผ้าและใส่ดีเอ็นเอ “สายแข็ง” ของคนรักแฟชั่นอย่างเต็มเปี่ยม แต่เมื่อมองถึงโลกแห่งความเป็นจริง ทุกอย่างต้องอยู่บนพื้นฐานของธุรกิจ การนำความฝันมาทำ สิ้นเปลืองตั้งแต่การเลือกวัสดุ ออกแบบ กรรมวิธีตัดเย็บ หลายอย่างโอเวอร์ คอร์ส เข้าขั้น ใช้ต้นทุนเกินงบ ! แต่ครั้นจะให้ต่อรองกับงานสร้างสรรค์ของตัวเองก็ไม่ใช่สิ่งที่เธอจะทำ ที่สุดจึงตั้งทาร์เก็ตแบรนด์เดิมไว้ที่แคทธิกอรีแห่งความเรียบหรู ดูสง่า และแตกแบรนด์ราคาย่อมเยา สเปคเป็น Mass ขึ้นมาหน่อย อีกทั้งแบรนด์สูทสำหรับสุภาพบุรุษ เพื่อเปิดโอกาสทางการตลาด และสนองความครีเอติวิตีด้านแฟชั่น
‘นอกจาก MONLADA ก็มี MONLADA HOMME และ NOIRZ by Monlada ความจริง HOMME มันมีอยู่แล้วตอนแรกคือเราก็ทำเสื้อผ้าผู้ชายด้วยใน MONLADA มีเดินในแฟชั่นโชว์แต่ยังไม่ได้แตกแบรนด์จริงจัง พอมาตอนหลังคิดว่าไม่ได้ละ เพราะ HOMME เริ่มไปไกลและไปได้ดีด้วย คือพูดจริงๆ นะคะ เรื่องทำสูทก็มีที่มา อินสไปร์จากคุณพ่อ ท่านจะแต่งตัวเนี้ยบมาก ไปไหนติดสูทไว้ตลอด เปลี่ยนตลอด เราก็เห็นท่านหล่อ ดูดีตลอด เราก็คิดแบบฝันๆ นะคะ วันหนึ่งอยากตัดสูทให้ท่านใส่บ้าง แล้วอีกอย่างสูทก็มีราคานะ ไม่ใช่ถูกๆ ตัวหนึ่งก็หลายสตางค์ คิดว่าวันหนึ่งขายได้ตัวหนึ่งก็อยู่รอดแล้ว (เธอสารภาพว่าตอนนั้นคิดแบบเด็กๆ พอมาลงดีเทลจริงๆ การตัดเย็บแต่ละตัว เทียบแล้วราคาครึ่งหมื่น ยังว่าถูกไปด้วยซ้ำ)
และแล้วก็แยกออกมาอีกแบรนด์ชื่อ NOIRZ ตั้งใจให้เป็นแบรนด์ที่ใส่สนุกๆ ใครๆ ก็ใส่ได้ เพราะวางแผนไว้แต่แรกแล้ว คิดในใจว่า ในแง่ของการตลาด MONLADA จะราคาค่อนข้างสูง เป็นตลาดเฉพาะกลุ่ม ไม่ได้ขายได้ง่ายๆ มันเลยเสี่ยงเกินไป ถ้าไม่มีแบรนด์ที่จะมาคุมตลาดใหญ่กว่า เราก็เลยเริ่มมี NOIRZ ขึ้นมานี่แหละค่ะ ก็ขายดีนะ ขายได้ตลอด เพราะราคาไม่แพง จริงๆ ตั้งราคาไม่ให้สูงตามจริง ไม่อยากแขวน อยากให้เอาใส่กัน วัยรุ่นชายหญิงสามารถหยิบได้ จับได้ จ่ายได้ และมีไอเทมให้เลือกเยอะ คือดวงแทนตัวเองเป็นวัยรุ่นเวลาไปชอปปิงเลย แบรนด์ใหม่นี้มันจะมีการผสมผสานกัน สมมติ พี่น้องกันสามคน แต่งตัวคนละสไตล์เลย เดินเข้าร้าน NOIRZ ด้วยกันแล้วสามารถซื้อของที่ตัวเองชอบได้เลย เป็นอะไรแบบนั้น’
นอกจากความสนุกในช่วงแรก พอมาถึงตอนนี้ก็ 7 ปีแล้วที่ MONLADA มีชื่อเสียงอยู่ภายใต้การจดจำของคนและกำลังจะเติบโตไปเรื่อยๆ ในฐานะของไทยดีไซเนอร์ที่ได้รับการยอมรับ ดวงได้พูดถึงอีกหนึ่งในความฝันที่ยิ่งใหญ่ของเธอนั่นคือการนำพาแบรนด์ MONLADA สู่สายตาแฟชั่นนิสต้าระดับโลกให้มากขึ้น
‘จริงๆ ที่พยายามทำทุกอย่างก็เหมือนเป็นบันไดนะคะ แต่เผอิญว่ามันเป็น บันไดเลื่อน…(คือ เลื่อนไปเรื่อยๆ ไม่หยุดสักที) กลับมาถึงความเป็นจริง เราได้เรียนรู้อะไรมากมาย ซึ่งมันไม่เหมือนในฝันที่เราวาดไว้ มีอะไรที่ไม่ใช่ความสวยงามอย่างเดียว แต่มันเป็นเรื่องของตลาด เรื่องการขาย เอาเป็นว่าสิ่งที่ดวงต้องการคือ คิดว่าจะทำอย่างไรให้แบรนด์ MONLADA ติดตาเหมือนที่ดวงอ่านแม็กกาซีนแล้วเห็น Prada ติดตา ดวงต้องการให้แบรนด์ของดวงอยู่ในใจของคนแบบนี้ ให้คนรู้ว่า แบรนด์ MONLADA คือแบรนด์ที่ขายเสื้อผ้าแบบนี้ สไตล์นี้ เราคิดอย่างเดียวว่าจะทำอย่างไรให้เราสามารถอยู่ได้ตลอดไป ไม่ใช่ว่าทำแค่ 7-8 ปีแล้วหยุด เราคิดว่าถ้าเราอยู่ได้ตลอดไปเมื่อไหร่นั่นคือความสำเร็จของเรา’
เพราะแค่ความรักอย่างเดียวคงไม่อาจทำให้ “ทาสดีไซเนอร์” อย่างเธอ ฝ่าฝันปัญหาและอุปสรรคจนกลายมาเป็นไทยดีไซเนอร์แบรนด์ที่อยู่มานานขนาดนี้ได้ แต่ต้องอาศัยทีมงานที่ดี การเรียนรู้สิ่งใหม่ การรักษาจุดยืนของตัวเองและการสร้างสรรค์ผลงานที่คงคุณภาพเอาไว้แบบไม่ลดน้อยถอยลง
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754