xs
xsm
sm
md
lg

"ผมบ้าฟุตบอลนะ" ปวิณ ภิรมย์ภักดี ปั้น บางกอกกล๊าส สู่ธุรกิจหมื่นล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หนุ่มนักฝันที่ตั้งเป้าหมายในชีวิตตั้งแต่เด็กๆ ว่า จะต้องทำงานเกี่ยวกับกีฬา ปวิณ ภิรมย์ภักดี บุตรชายคนสุดท้องของวาปีและท่านผู้หญิงเหมือนจิตร ภิรมย์ภักดี ทายาทรุ่นที่ 4 ของตระกูลภิรมย์ภักดี เล่าเรื่องราวชีวิตอันผกผันแต่เต็มไปด้วยความแน่วแน่ว่า สักวันหนึ่งจะต้องเป็นผู้บริหารจัดการเรื่องธุรกิจกีฬาให้สำเร็จ

แม้จะมีภาระหน้าที่อันหนักอึ้งของธุรกิจผลิตบรรจุภัณฑ์เก่าแก่ของตระกูลอย่างบริษัทบางกอกกล๊าส จำกัด (มหาชน) ที่เขาต้องสานต่อให้ครอบครัว แต่ผลสำเร็จของทีมสโมสรฟุตบอลบางกอกกล๊าส หรือกระต่ายแก้ว (The Rabbit) ที่เขาได้ปั้นขึ้นมาเองกับมือ ก็ประสบความสำเร็จและสามารถต่อยอดธุรกิจอีกมากมาย

** ความฝันเริ่มตั้งแต่ 8 ขวบ

ผมถูกส่งไปเรียนที่เมืองนอกตั้งแต่ 8 ขวบ ตอนนั้นบ้ากีฬามาก พอได้ไปเรียนที่เมืองรักบี้ ประเทศอังกฤษ ก็บ้ารักบี้และฟุตบอลมาก หลังจากนั้นก็ได้ไปเรียนต่อที่อเมริกาจึงหันไปดูกีฬาของอเมริกันแทน ไม่ว่าจะเป็นบาสเกตบอล อเมริกันฟุตบอล ฮอกกี้ ไฮซ์ฮอกี้ เบสบอล เล่นเป็นหมด แต่จุดโฟกัสที่ทำให้ผมตั้งใจมาสร้างทีมฟุตบอลและหันมาชอบฟุตบอลจริงจังคือ ตอน 8 ขวบ ขณะที่เรียนที่อังกฤษ วันหนึ่งผมป่วยจึงได้ไปนอนในห้องพยาบาล ซึ่งกำลังเปิดการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอล ซึ่งมันสนุกมากจนลืมความรู้สึกป่วยและคิดถึงบ้าน

** ความฝันเริ่มตั้งแต่ 8 ขวบ

ผมถูกส่งไปเรียนที่เมืองนอกตั้งแต่ 8 ขวบ ตอนนั้นบ้ากีฬามาก พอได้ไปเรียนที่เมืองรักบี้ ประเทศอังกฤษ ก็บ้ารักบี้และฟุตบอลมาก หลังจากนั้นก็ได้ไปเรียนต่อที่อเมริกาจึงหันไปดูกีฬาของอเมริกันแทน ไม่ว่าจะเป็นบาสเกตบอล อเมริกันฟุตบอล ฮอกกี้ ไฮซ์ฮอกี้ เบสบอล เล่นเป็นหมด แต่จุดโฟกัสที่ทำให้ผมตั้งใจมาสร้างทีมฟุตบอลและหันมาชอบฟุตบอลจริงจังคือ ตอน 8 ขวบ ขณะที่เรียนที่อังกฤษ วันหนึ่งผมป่วยจึงได้ไปนอนในห้องพยาบาล ซึ่งกำลังเปิดการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอล ซึ่งมันสนุกมากจนลืมความรู้สึกป่วยและคิดถึงบ้าน

** จุดประกายธุรกิจฟุตบอลในเมืองไทย

ที่จริงฟุตบอลไทยเริ่มแบบไม่เป็นทางการตั้งแต่ปี 2000 ซึ่งตอนนั้นผมกลับมาปี 1997 ก็มีชมรมอยู่ที่บริษัทบางกอกกล๊าสอยู่แล้ว ผมก็เข้าไปจอยกับพวกเขา ซึ่งในแต่ละแผนกก็จัดการแข่งขันกัน พอแต่ละแผนกเตะบอลกันเสร็จ เราก็ไปชวนบริษัทที่อยู่ละแวกเดียวกันแถวคลองหนึ่งถึงคลองหก ซึ่งมีเพียบเลย มาจัดทัวร์นาเมนต์อินไซต์ระหว่างบริษัทกับบริษัท แล้วก็จัดกิจกรรมแบบนี้มาตลอด จนกระทั่งปี 2005-2006 ผมก็ชวนแต่ละทีมมาก่อตั้งเป็นอะคาเดมีกัน หลังจากนั้นถึงจะเข้ามาเป็นไทยลีก จนในที่สุดเราก็ได้เข้าเป็นสมาชิกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย โดยตอนนั้นเริ่มต้นจริงจังกันมาก มีการคัดเลือกพนักงานที่มีฝีมือและนักเรียนในโรงเรียนแถวปทุมธานีเข้ามาร่วมทีม โดยเริ่มลงแข่งในถ้วยที่ต่ำที่สุด เพราะเรายังเป็นมือสมัครเล่น และก็เล่นมาเรื่อยๆ

** จาก 100 ที่นั่ง สู่สนามแข่งขันที่มีเดิมพันสูง

บรรยากาศการแข่งขันในจุดเริ่มต้นนั้นยังเล็กๆ แข่งกันในสนามที่มีคนดูแค่ 100 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเพียงคนในครอบครัวของนักเตะ หลังจากเริ่มแข่งขันกันต่างบริษัทก็เริ่มขยายสนามให้ใหญ่ขึ้นเป็น 500 ที่นั่ง แต่ 400 คนที่มาเชียร์ก็ยังเป็นพนักงานของบริษัท ส่วนอีก 100 คนเป็นคนนอก แต่พอคนไทยเริ่มสนใจไทยลีกขึ้นเรื่อยๆ สัดส่วนของคนดูก็สลับกัน คนนอกเข้ามาเป็น 400 คน พนักงานเหลือ 100 คน จนตอนนี้กลายเป็นสนามที่มีราคาค่าตั๋วและสปอนเซอร์นับหมื่นล้าน

** จุดเปลี่ยนในการก้าวสู่การเป็นสโมสรอาชีพ

หลังจากแข่งขันกันในไทยลีก จนกระทั่งปี 2009 กฎของเอเชียนเอฟซี ได้เปลี่ยนแปลงว่า ตั้งแต่นี้ไปสโมสรทุกสโมสรในเอเชียที่ดำเนินกิจกรรมฟุตบอลต้องเปลี่ยนเป็นบริษัทจำกัด ต้องเป็นนิติบุคคลนั่นคือกฎ เพราะฉะนั้นเมื่อมันเป็นแบบนั้น สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศก็วางกฎนี้ลงมา ซึ่งตอนนั้นมีทีมฟุตบอลจากธนาคารมากมาย และตามกฎของแบงก์แห่งชาติกำหนดว่า ธนาคารไม่สามารถทำธุรกิจอื่นๆได้นอกจากแบงค์กิ้งอย่างเดียว ทีมฟุตบอลของแต่ละธนาคารจึงโดนยุบหรือโดนขายนักเตะออกไป ซึ่งตอนนั้นเราโชคดีที่มีคอนเนกชันกับธนาคารกรุงไทย เราก็เลยเข้าไปพรีเซ็นต์คุยแผนงานกับเขาอยู่ประมาณ 2-3 อาทิตย์ ซึ่งท่านอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ เป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่เซ็นอนุมัติให้ตอนนั้นจากธนาคารกรุงไทยก็เป็นบางกอกกล๊าส

** จากจุดเริ่มต้นทีมในบริษัทสู่มหาชน

มันเกินคาดครับ ต้องเข้าใจว่าไทยลีกมันเติบโตจนกระทั่งมันกลายเป็นหนึ่งในธุรกิจไปแล้ว ถ้าให้ผมกลับไปทำเด็กอายุ 16 ผมยังเอนจอยอยู่นะตอนนี้ อย่างที่ผมว่าเม็ดเงินมันมหาศาล ทั้งสปอร์นเซอร์ที่จะเข้ามาร่วมกับเรา รวมถึงรายได้จากแฟนบอล เพราะมันเป็นมหาชนไปแล้ว หากคุณเจอแฟนบอลหมื่นคนแล้วคุณแพ้ก็ต้องทำใจยอมรับแรงกดดันให้ได้ ผมจึงไม่เล่นเฟซบุ๊ก ไอจี ผมไม่เล่นเลย (หัวเราะ) เพราะฉะนั้น ประเด็นก็คือ แฟนบอลเขาอิน พอจบเกมเขาก็ด่าเต็มที่ ชมก็ชมนิดเดียว ส่วนใหญ่จะด่า (หัวเราะ)

** แมตช์ที่กดดันและประทับใจ

หากถามว่าสิ่งที่ทำนี้มันเหมือนที่ฝันไว้ตอน 8 ขวบไหม? ตอนนี้มันเลยไปไกลแล้วครับ ผมภูมิใจที่ได้ลงมือทำตามฝันจนสำเร็จ สำหรับแมตช์ที่ประทับใจที่สุดคงเป็นการชนะบุรีรัมย์ครั้งแรกในรอบ 6 ปี ตอนนั้นแข่งในบ้าน และได้โค้ชมาใหม่ คือโค้ชแต๊ก-อรรถพล ปุษปาคม แต่น่าเสียดายที่เสียชีวิตไปแล้ว ซึ่งเค้าสามารถทำให้เราล้มทีมเก่าแล้วชนะเป็นครั้งแรกในยุคคุณเนวิน ชิดชอบ และที่เสียใจมากที่สุดคงเป็นแมตช์ที่โดนทีมที่ดีที่สุดในตอนนี้ยำเละถึง 6-2 ซึ่งรู้สึกคาใจอยู่นิดหน่อย

** สานฝันครั้งใหม่ ปรับธุรกิจบางกอกกล๊าส สู่ธุรกิจ “กระจกแผ่น”

สำหรับบริษัท บางกอกกล๊าส จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ ในปีนี้ผมสานฝันครั้งใหม่ในการก้าวสู่การเป็นผู้ผลิตกระจกแผ่นที่มีคุณภาพ เพราะมีวันหนึ่งที่ผมค่อนข้างตันกับสินค้าบรรจุภัณฑ์ ทั้งๆ ที่เราก็ศึกษาค่อนข้างเยอะ ทั้งวัตถุดิบจากกระป๋อง อะลูมิเนียม พลาสติก ทุกอย่างเราทำมาหมดแล้ว และรู้สึกเหนื่อยกับมันเพราะการเติบโตมันค่อนข้างเหนื่อย เดี๋ยวนี้ใครอยากทำธุรกิจบรรจุภัณฑ์เหล่านี้ แค่มีพื้นที่คูหาเดียวก็เปิดได้แล้ว ใครๆ ก็ทำได้ แม้แต่เม็ดพลาสติกที่เราเคยเป็นผู้ผลิต ตอนแรกใครอยากได้ก็ต้องมาหาเรา แต่เมื่อเค้าสรรหาเองได้ ผลิตเองได้เราก็เป็นแค่ทางผ่าน ในธุรกิจแพกเกจจิ้งนั้น เกิดการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมาเยอะ อีกทั้งคู่แข่งก็เกิดขึ้นมากมายหลายร้อยบริษัท หากเราต้องไปแข่งขันต้องเหนื่อยมากๆ เราจึงเลือกที่จะกลับมาที่บ้านเรา ดูว่าอะไรคือเสาเอกของบ้าน พบว่านั่นก็คือแก้ว เราก็เลยเริ่มศึกษาเรื่องธุรกิจแก้ว ก็มาหยุดตรงที่การผลิตกระจกแผ่นพื้นฐาน ที่สามารถนำไปผลิตแก้วที่มีคุณสมบัติอื่นๆ ต่อไปอีกได้ โดยเน้นกระจกพื้นฐานที่มีคุณภาพ

** เปลี่ยนบริษัทที่เชย สู่บริษัทที่มั่นคง

ให้ผมนิยามบางกอกกล๊าส คงเป็นบริษัทที่เชย เพราะด้วยองค์กรที่มีมากว่า 40 ปี พนักงานกว่า 4,500 คน เราต้องทำให้เขารู้สึกว่าที่ทำงานเป็นบ้านหลังที่สอง ให้ความรู้สึกมั่นคง ไม่เสี่ยงและมีความสุขที่จะทำงานกับเราไปเรื่อยๆ ผมเน้นการสร้างคอมมูนิตี้ในองค์กร ให้พนักงานได้มีส่วนร่วมในบริษัท ทั้งการแข่งขันกีฬาโดยเฉพาะฟุตบอลซึ่งเป็นที่มาของสโมสรบางกอกกล๊าซในปัจจุบัน เปิดร้านอาหาร เปิดบาร์ให้พนักงานได้ไปผ่อนคลายเป็นต้น เรียกว่าผมจะต้องไม่ทิ้งความฝันทั้งสองแน่นอน


เมื่อการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นแล้ว ผู้บริหารหนุ่มคนนี้ต้องใช้ทั้งกำลังกายและกำลังใจในการขับเคลื่อนบริษัทที่เจ้าตัวเอ่ยปากว่าเป็นองค์กรที่เชย... แต่สิ่งที่เขาได้สร้างและเปลี่ยนแปลง ตั้งแต่การก่อตั้งสโมสรฟุตบอลบางกอกกล๊าส ที่ใครๆ ก็รู้จัก แม้แต่พนักงานบริษัทที่ใส่เสื้อ BG (Bangkok Glass) ไปเดินห้างก็มีผู้ที่พบเห็นถามถึง ไปจนถึงการสร้างสโมสรวอลเลย์บอล และการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของบริษัทที่มีมายาวนานในการสร้างธุรกิจกระจกแผ่นครั้งนี้ เป็นสิ่งที่ปวิณภูมิใจและตั้งเป็นเป้าหมายของชีวิตในสานต่อกิจการของครอบครัว




มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram

"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!


และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754



กำลังโหลดความคิดเห็น