นาทีนี้คงไม่มีใครไม่รู้จักเธอคนนี้ “เจสซี่ วาร์ด” (Jessie Vard) เน็ตไอดอลสุดเซ็กซี่ที่โด่งดังจนฉุดไม่อยู่จากโลกโซเชียล นางแบบสาวนัยตาน้ำข้าวลูกครึ่งอังกฤษ-ไอซ์แลนด์ แต่หัวใจไทย วัย 20 ปีบริบูรณ์ ที่ก่อนหน้านี้เคยตกเป็นข่าวใหญ่ช่วยคุณพ่อเรียกร้องความยุติธรรมจากการถูกสถาบันการเงินของไทยยึดบ้านที่ จ.ภูเก็ต เมื่อปี พ.ศ. 2553 ทั้งที่เธอและคุณพ่อมีเอกสารและโฉนดที่ดินครอบครองสิทธิ์อย่างถูกต้อง รวมถึงการไม่ได้รับความเป็นธรรมจากตำรวจไทยในการดำเนินคดี
จากเหตุการณ์โด่งดังในครั้งนั้นทำให้ชื่อของ เจสซี่ เด็กสาวที่ขณะนั้นอายุเพียง 14 ปี ต้องสู้ชีวิต สิ้นเนื้อประดาตัว ลำบากแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่มีแม้กระทั่งที่จะซุกหัวนอน เงินจะซื้อข้าวกินก็ไม่มี ต้องทำงานสู้ชีวิตสายตัวแทบขาดเพื่อหาเงินมาเลี้ยงตัวเองและครอบครัว ให้ผ่านพ้นไปได้แบบวันต่อวัน จนกลายเป็นประเด็นดราม่ามากมายเกี่ยวกับเธอบนโลกออนไลน์อยู่บ่อยครั้ง
วันนี้ เจสซี่ กลับมาอีกครั้ง! กับการประกาศตัวเป็น “นางแบบหวิว” มาพร้อมหุ่นฟิตที่แตกเนื้อสาวดังเปรี๊ยะ เปรี๊ยะ...พกแตงโมลูกโต สัดส่วนโค้งเว้ารัญจวนใจ มาขโมยหัวใจหนุ่มเล็กหนุ่มใหญ่ให้ได้ร้องซี๊ดดด! แซ่บซะจนเลือดกำเดาพุ่งกระฉูดจนแทบหมดตัว ในวันสบายๆ แบบนี้ เจสซี่ ได้แบ่งเวลามาพูดคุยกับเราในวันที่งานถ่ายแบบเซ็กซี่รัดตัวชนิดที่แทบจะไม่มีเวลาได้หายใจ เพื่อมาอัปเดทชีวิตของเธอตลอด 5 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่ชีวิตผกผันจนกว่าจะถึงวันนี้แบบหมดเปลือกไม่มีกั๊ก
** เปิดฉากชีวิตสุดรันทด เจสซี่ วาร์ด
เจสซี่ เป็นลูกสาวคนที่ 3 ของ โคลิน วาร์ด (Colin Vard) ชายสัญชาติไอซ์แลนด์ เมื่ออายุได้เพียงขวบกว่าๆ เจสซี่ย้ายมาอยู่กับ โคลิน ผู้เป็นพ่อที่ย้ายรกรากมาลงหลักปักฐานในเมืองไทยด้วยการก่อตั้งบริษัทอสังหาริมทรัพย์ เพื่อให้เช่าซื้อ แลกเปลี่ยน ที่ จ.ภูเก็ต ซึ่งต่อมากลายเป็นธุรกิจใหญ่โต มีหลักทรัพย์และเงินสดไม่ต่ำกว่า 65 ล้านบาท
ชีวิตที่ดูน่าจะสุขสบายกลับต้องพังทลายลงอย่างสิ้นเชิง เมื่อเมียน้อย (ซึ่งเป็นหญิงชาวไทย) ของโคลินผู้เป็นพ่อ ไปกู้เงินนอกระบบจำนวน 6 แสนบาท เพื่อทำธุรกิจเปิดร้านก๋วยเตี๋ยว สุดท้ายสู้ดอกเบี้ยไม่ไหว จึงร่วมมือกับเจ้าหนี้เพื่อปลอมแปลงลายเซ็นต์ “โคลิน” โอนกรรมสิทธิ์ไปเป็นอีกชื่อ
ถึงขนาดบ้านก็ถูกขายไปโดยที่นายโคลินไม่เคยรับรู้ มารู้ตัวอีกทีก็ถูกกลุ่มคนพร้อมอาวุธขับไล่ตนและครอบครัวออกจากบ้านพัก และโดนหมายศาลตามมา ระบุข้อความว่า “บ้านหลังนี้ขายแล้ว” ร้อนถึง โคลิน ผู้เป็นพ่อ ต้องเสียเงินมากมายจ้างวานทนายความมาเพื่อต่อสู้คดี ทว่าโชคชะตาช่างกลั่นแกล้งแถมเล่นตลกกับครอบครัววาร์ดเหลือเกิน เมื่อเจอขบวนการต้มตุ๋นรวมหัวกันตั้งแต่เจ้าหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรม เจ้าหน้าที่ที่ดิน ทนายความ นายธนาคาร บริษัทนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ และผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ รวมหัวกันฉ้อโกงจนกลายเป็นคนหมดเนื้อหมดตัว
เจสซี่ เล่าย้อนถึงช่วงชีวิตที่เกิดการเปลี่ยนแปลงในครั้งนั้นว่า ตอนนั้นเธอยังคงเป็นเพียงเด็กน้อยอายุแค่เพียง 14 ปี ที่ลุกขึ้นมาช่วยคุณพ่อไม่ให้ต่อสู้โดยลำพัง โดยใช้ช่องทางของโลกโซเชียล ตั้งเพจชื่อ Justice for Jessie เพื่ออัดคลิปและคอยอัปเดตเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับคดีเพื่อทวงคืนความยุติธรรมขึ้นมาเพื่อเป็นกำลังสำคัญในการต่อสู้ แม้ว่าภาษาไทยของเธอไม่ค่อยแข็งแรงมากนัก แต่เธอก็ถูๆ ไถๆ อัดคลิปเรียกร้องความยุติธรรม
“ตอนนั้นก็ช่วยพ่อทุกอย่าง ตั้งแต่อัดคลิปเรียกร้องความเป็นธรรมในโซเชียล ตระเวนไปตามหน่วยงานราชการเพื่อขอความช่วยเหลือ เขียนป้ายไปชูประท้วงหน้าสถานที่ต่างๆ เพื่อเรียกร้องความยุติธรรม เพราะเป็นความหวังสุดท้ายที่เราพอจะทำได้ ซึ่งสุดท้ายก็มีคนยื่นมือเข้ามาช่วย แม้จะไม่ได้ทั้งหมดแต่อย่างน้อยก็ทำให้มีกำลังใจสู้ต่อไป”
** ข้างนอกสดใส ภายในสุดเศร้า!!
การต่อสู้ที่เนินนาน เงินเก็บที่เหลืออยู่ของโคลินเริ่มร่อยหรอ วันหนึ่งที่พ่อลูกได้นั่งคุยกัน ทำให้ทราบถึงฐานะครอบครัว เธอจึงตัดสินใจหนีออกจากโรงรียนประจำที่จังหวัดชลบุรีมาเร่รับจ้างทำงานทุกอย่างตั้งแต่ล้างจาน เสิร์ฟอาหารในคาเฟ่ นั่งดริ๊ง ร้องเพลง
“พ่อโทรมาบอกว่าพ่อไม่มีเงินแล้ว คงไม่มีเงินส่งเรียนต่อในระดับสูงๆ แถมยังมีหนี้สินติดตัวจำนวนมาก เจสซี่ไม่อยากเป็นภาระของพ่อ นี่คือเหตุผลที่ต้องหนีออกจากโรงเรียนมาทำงานทุกอย่างเพื่อให้ได้เงินมาเลี้ยงตัวเอง และครอบครัว” ขวัญใจชาวโซเชียลบอกสาเหตุที่ทำให้ต้องทิ้งการเรียนกระทันหัน แม้จะรู้ว่าพ่อจะเสียใจกับการหนีออกจากโรงเรียนแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เจสซี่ยังคงวิ่งเข้า-ออก ทำงานคาเฟ่นานหลายปี
“จริงๆ แล้ว งานเสิร์ฟอาหาร-ล้างจาน มันได้เงินไม่กี่ตังค์หรอกค่ะ 100-200 บาทต่อวันเท่านั้น ก็แค่พอเลี้ยงตัวเองได้ แต่พอทำไปนานๆ ก็ได้มานั่งดริ้ง (เด็กชงเหล้า และนั่งคุยเป็นเพื่อนแขก) แล้วก็ร้องเพลง ตรงนี้ก็ได้เงินมากหน่อย วันไหนโชคดีก็ได้เงินพันกว่าบาท นอกจากเอาเงินมาใช้เองแล้วยังเหลือพอส่งให้พ่อกับน้องชายบ้าง ซึ่งทุกครั้งที่ส่งเงินให้พ่อ เจสซี่รู้ว่าพ่อไม่อยากรับเงินจากเจสซี่เท่าไหร่ แต่เจสซี่ก็ต้องขอร้องพ่อให้รับไว้ เรารู้ว่าเค้าเสียใจที่เจสซี่ทำงานตามผับตามบาร์ในเวลากลางคืน แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อเหตุการณ์กำหนดให้ครอบครัวเราต้องพบเจอกับโชคชะตาแบบนี้ เจสซี่ก็ได้แต่ถือว่าเป็นเวรเป็นกรรมที่เราต้องชดใช้ค่ะ"
**ดราม่าซ้อนดราม่า...เกือบเสียตัวให้แท็กซี่
มรสุมชีวิตของนางแบบสาวคนดัง ยังไม่จบ เพราะหลังจากที่พ่อถูกโกงจนสิ้นเนื้อประดาตัว ครอบครัวแตกแยก จนเธอต้องออกมาทำงานเผชิญโลกเพียงลำพัง วันหนึ่งได้ไปเที่ยวห้างสรรพสินค้าชื่อดังใน จ.ชลบุรี กับเพื่อน เมื่อถึงเวลาก็แยกย้ายกันกลับบ้านโดยเธอเองเรียกแท็กซี่ให้มาส่งที่บ้าน ระหว่างทางเธอรู้สึกมึนหัว จึงเอ่ยขอยาดมจากคนขับ เมื่อรับมาดมก็หมดสติ มารู้สึกตัวอีกครั้งก็มาอยู่ที่โรงแรมม่านรูดแล้ว
วินาทีที่รู้สึกตัว เจสซี่บอกว่า ตอนนั้นเธอได้แต่นอนอยู่นิ่งๆ ไม่ให้คนร้ายรู้สึกตัวว่าเธอฟื้นแล้ว เพียงไม่นานคนร้ายก็เดินไปเข้าห้องน้ำ จากนั้นเธอจึงรีบลุกไปหยิบโทรศัพท์แล้วโทรบอกเพื่อน ให้รู้ว่าถูกฉุดมา โดยเจสซี่ยืนยันว่าเหตุที่ไม่วิ่งหนีออกไปเอง ก็เพราะกลัวว่าถ้าวิ่งหนีแล้วคนร้ายจะตามทัน จึงเลือกวิธีให้เพื่อนที่อยู่ใกล้ที่สุดมาช่วย เมื่อหนีออกมาได้แล้ว จึงรีบไปแจ้งความที่สถานีตำรวจเพื่อจับตัวคนร้ายมาลงโทษได้ทันท่วงที
“ยอมรับนะคะว่าน้อยใจในโชคชะตา ถามตัวเองมาตลอดทำไมต้องเป็นแบบนี้ จากที่พ่อเราเคยรวยมาก กลายมาเป็นไม่มีอะไรเลย แถมหลายๆ เหตุการณ์ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตก็มีแต่เรื่องให้เสียใจ แต่หนูก็ไม่เคยท้อนะคะ หนูแค่รู้สึกเหนื่อยมากกว่า ทุกอย่างเป็นเหมือนบทเรียน บททดสอบ ผ่านเข้ามาให้ได้เรียนรู้แล้วก็สู้กับมัน พยายามคิดแค่ว่าทุกอย่างมันเป็นเวรกรรม คิดเท่านี้เพื่อให้ตัวเองนั้นสบายใจค่ะ”
**พบรักแฟนทอมในโลกออนไลน์
เจสซี่ ออกมาใช้ชีวิตบนเส้นทางอาชีพด้วยการทำงานในคาเฟ่ พร้อมกับอยู่เคียงข้าง “พ่อ” เพื่อต่อสู้คดีอย่างต่อเนื่อง ตลอดเวลามีคนแวะเวียนเข้า-ออกชีวิตเธอมากมาย หนึ่งในนั้นก็มี นุช-นุชนาฎ อุดม สาวทอมหน้าตาดีที่ได้ทราบเรื่องราวของเธอผ่านทางโลกออนไลน์และคอยตามติดชีวิตสาวลูกครึ่งนัยตาน้ำข้าวอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ สุดท้ายทนเสียงเรียกร้องของหัวใจตัวเองไม่ไหว สาวทอมจึงเป็นฝ่ายทักแชตหญิงสาวไป จนก่อเกิดเป็นความรักความเข้าใจ และกำลังใจที่ดีต่อกันและกัน
“เจสซี่เจอนุชในเฟสค่ะ คุยกันแล้วถูกใจ เวลาที่เราท้อแท้เค้าเป็นกำลังใจที่ดีให้เจสซี่คอยอยู่ใกล้ๆ คอยให้คำแนะนำทุกอย่างทั้งเรื่อง เสื้อผ้า-หน้า-ผม พฤติกรรม และมารยาทค่ะ ด้วยความที่เราออกมาใช้ชีวิตเองตั้งแต่เด็ก ไม่ได้มีผู้ปกครองหรือผู้ใหญ่คอยให้คำแนะนำ บางทีเจสซี่ก็จะลืมตัว ชอบทำตัวเป็นเด็กๆ เอาแต่ใจตัวเอง เวลาจะทำอะไรก็ไม่ค่อยคิดหน้าคิดหลัง พอมีนุชเข้ามาช่วยดูแล ก็ทำให้เราได้โตขึ้น ดูแลตัวเองมากขึ้น รวมถึงแนะนำให้เสริมสวยด้วยการไปทำจมูกด้วย (หัวเราะ) รวมถึงนุชยังคอยช่วยวางแผนชีวิตให้เจสซี่ทุกอย่าง” นางแบบสาวพูดจบก็ส่งสายตาหวานไปยังสาวทอมคู่ใจที่นั่งอยู่ข้างๆ ก่อนจะแตะแขนแนะนำให้แฟนสาวหล่อของเธอให้รู้จักเรา
สาวหล่อยิ้มทักทายก่อนจะเริ่มบอกว่า ตอนนี้ตัวเขาเองนั้นมีธุรกิจขายครีมทาหน้าเป็นของตัวเอง เมื่อมีเวลาว่างก็จะเข้ามาช่วยดูงานและรับงานให้แฟนสาวลูกครึ่ง “ที่เข้ามาช่วย เพราะหลายครั้งที่เจสซี่เค้ายังมีอารมณ์เป็นเด็กฮะ ทั้งการพูดตลอดจนความคิดของเค้ายังเป็นเด็กมาก ต้องค่อยๆเตือน ค่อยๆ สอนเค้า ช่วยตัดสินใจในบางเรื่อง อย่างตอนนี้น้องมีงานถ่ายแบบ โชว์ตัวตามผับ นุชก็เข้ามาช่วยดูช่วยรับงาน ว่าถ่ายแบบอย่างนี้ควรจะได้ค่าตัวเรทเท่าไร ไปโชว์ตัวตามผับก็ควรแค่โชว์ตัวเท่านั้น เงินที่ได้ก็ให้แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ให้พ่อโคลีนส่วนหนึ่ง ที่เหลืออีกส่วนให้เจสซี่นำเข้าบัญชีธนาคารส่วนตัวของเจสซี่เองเก็บไว้ใช้เวลาที่จำเป็น ส่วนเราไม่ได้ไปยุ่งอะไรกับเงินของเค้า เพราะเราเองก็มีงานของเรามีรายได้ของเราเองไม่ได้มาเกาะน้องเค้าอย่างที่เป็นข่าวแน่นอน” นุชกล่าว
เจสซี่อธิบายเพิ่มเติมว่า “จริงๆ แล้วนุชไม่อยากให้เจสซี่ทำงานกลางคืน งานคาเฟ่ แต่โชคดีที่ช่วงประมาณเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา มีพี่ที่รู้จักคนหนึ่ง เค้าชวนไปถ่ายแฟชั่นลงเฟซบุ๊ค ได้ค่าตัวมา 3 พันบาท มีคนติดตามเยอะและได้รับเสียงตอบรับดีมีคนแชร์และเข้ามาคอมเม้นท์ในรูปที่เราเป็นนางแบบกันจำนวนมาก ทำให้เราพอมีกำลังใจขึ้นมาบ้าง แต่งานถ่ายแบบลักษณะนี้ก็ยังไม่ค่อยฮือฮานัก ตอนหลังพี่ที่ชวนมาถ่ายแบบคนเดิมก็แนะนำให้เราลองเปลี่ยนแนวลองมาถ่ายแบบเซ็กซี่ ใส่ชุดว่ายน้ำทั้งวันพีช ทูพีช โชว์เนื้อหนัง ปรากฏว่า ภายหลังจากที่แฟชั่นเซ็ตชุดว่ายน้ำปล่อยออกไป มีแต่คนชื่นชอบ และเข้ามากดติดตามเราทั้งในเฟซบุ๊คและ อินสตราแกรมเยอะมาก จนมียอดฟอลโล่หลักล้าน หลังจากนั้นก็มีคนติดต่อให้ไปถ่ายแบบเซ็กซี่ และรับงานโชว์ตัวตามผับหลายงาน ตอนนั้นเองเราเลยรู้ว่าใช่แล้ว! ทางนี้น่าจะเหมาะกับเราที่สุด และมันก็ถือเป็นอาชีพสุจริตที่ทำให้เรามีเงินสามารถเลี้ยงตัวเองเลี้ยงพ่อและน้องได้ ตั้งแต่นั้นมาจึงตัดสินใจรับงานถ่ายแบบเซ็กซี่ทั่วไปค่ะ”
** จากเด็กล้างจานหลักร้อย สู่ค่าตัวถ่ายหวิวหลักหมื่น
สิ่งที่น่าสนใจที่สุดเกี่ยวกับ เจสซี่ ในวันนี้ไม่ใช่ใบหน้าแสนสวยของเธอ เพราะหลังจากที่เธอประกาศรับงานถ่ายแบบไปเมื่อเร็วๆ นี้ การว่าจ้างงานด้านวาบหวิว เซ็กซ์ซี่ก็มีติดต่อเข้ามามากมาย
“ค่าตัวตอนนี้ขยับขึ้นนิดนึงค่ะ ถ่ายแบบธรรมดาราคาเริ่มที่ 15,000บาท ถ่ายบิกินี จะไม่ถอดส่วนบน ไม่มีการเปลือยทั้งตัวราคาเริ่มที่ 25,000 - 30,000บาท เมื่อเทียบกับตอนที่ถ่ายแบบบิกินีใหม่ๆ ก็ดีขึ้นนิดหนึ่งค่ะ งานถ่ายแบบส่วนใหญ่จะเป็นการถ่ายลงแมกกาซีนออนไลน์ โดยในหนึ่งวันจะรับงานถ่ายแบบได้แค่ 1-2 งานเท่านั้น มากกว่านี้ไม่ได้ เพราะในการถ่ายแต่ละครั้งต้องใช้เวลาในการทำงานพอสมควร”
เมื่อถูกถามว่าค่าตัว 25,000 บาทต่องาน ไม่ถูกไปหรอ? เน็ตไอดอลเจสซี่ หัวเราะอย่างอารมณ์ดี พร้อมตอบอย่างถ่อมตัวว่า ค่าตัวแค่ 25,000 บาท ยังแทบไม่ค่อยมีคนจ้างเธอเลย
“ค่าตัว 25,000 บาท สำหรับคนอื่นอาจจะคิดว่าทำไมค่าตัวถูกจัง แต่ราคาแค่นี้หนูคิดว่ายังไม่ค่อยมีใครมาจ้างหนูไปถ่ายแบบเลย เพราะเค้าคิดว่าค่าตัวหนูต้องแพงมากแน่ๆ ซึ่งความจริงมันไม่ใช่อย่างนั้นเลย หลังจากนี้ทุกคนได้อ่านคอลัมน์นี้ก็คงจะรู้ค่าตัวที่แท้จริงของหนูกันแล้ว ก็ติดต่องานหนูได้นะคะ ไม่แพงอย่างที่คิดหรอกค่ะ”
ย้อนถึงตอนถ่ายแบบบิกินีครั้งแรก นางแบบสาวเล่าว่า เธอยอมรับว่าส่วนตัวไม่คิดอะไรมาก อาจเป็นความที่อยากได้เงินมากกว่าตอนถ่ายจึงไม่เขิน“ครั้งแรกที่ถ่ายแบบบิกินี่รู้สึกไม่เขินอายมาก อาจเพราะส่วนหนึ่งพี่ๆ ในกองถ่ายเป็นกันเองด้วย เค้าจะช่วยเซฟให้เจสซี่ตลอด เราทำงานกันแบบพี่ๆ น้องๆ ทุกคนสนิทรู้จักกันเลยไม่รู้สึกแปลกหรืออายอะไรในการทำงาน ตอนแรกที่รูปออกมาคุณพ่อเห็นภาพก็ดุเราเหมือนกัน แต่เจสซี่ก็อธิบายให้พ่อฟังว่า ตอนนี้เงินมันหายาก มีงานอะไรเข้ามาก็ต้องทำ จะมานั่งเกี่ยงงานหรือเลือกงานก็คงไม่ได้ สุดท้ายคุณพ่อก็เข้าใจและขอให้เซฟตัวเองดีๆ อย่าให้โป๊หรือน่าเกลียดจนเกินไป”
นอกเหนือจากงานถ่ายแบบแล้ว ตอนกลางคืนก็ใช่ว่าเจสซี่จะปล่อยเวลาให้ผ่านเลยไปแบบไร้ประโยชน์ เพราะเกือบทุกค่ำคืน “เจสซี่” ยังมีงานโชว์ตัวเดินพรมแดงในร้านเหล้าอีกด้วย โดยงานโชว์ตัวนี้ เธอบอกว่าจะใช้เวลาครั้งละประมาณ 15 นาทีต่อครั้งเท่านั้น!
“หน้าที่หลักๆ เลยก็คือเดินโชว์ตัว มีการถามพูดคุยกับพิธีกรบนเวทีบ้าง หรือถ้าเป็นร้านเล็กๆ ก็อาจมีเพิ่มร้องเพลง งานโชว์ตัวตรงนี้จะรับครั้งละ 25,000 บาทต่อ 15 นาที ตรงนี้เรารับเต็มๆ ไม่รับทิปส์จากแขก หรือไปนั่งพูดคุยกับใครเลย โชว์ตัวเสร็จก็กลับค่ะ”
** ยอมเหนื่อยเพื่อให้พ่อกับน้องสบาย
การทำงานที่ดูเหมือนจะหนักเกินตัวของเด็กสาววัยเพียง 20 ปี ทำให้เราอดถามถึงเวลาพักผ่อนของเธอไม่ได้ ทว่าเธอก็ยืนยันว่า เธอพักผ่อนเต็มที่อยู่แล้ว ทุกวันนี้ยังอยากให้มีงานเยอะๆ กว่านี้
“อาจเป็นเพราะภาระเรายังมีเยอะอยู่ งานที่ทำงานอยู่ตรงนี้ ถ้าเทียบกับช่วงที่เป็นเด็กล้างจาน เด็กเสิร์ฟ หรือเด็กนั่งดริ๊งซ์แล้ว เจสซี่ถือว่างานถ่ายแบบโชว์ตัวนี้ไม่ได้หนักหรือเหนื่อยอะไรมากมาย ตอนนี้ยังมีแรงก็อยากรีบทำงานเก็บเงินให้ได้มากที่สุด อยากทำให้พ่อกับน้องชายต่างแม่ได้อยู่กันอย่างสุขสบายมากกว่านี้”
เมื่อถามถึงความรู้สึกที่มีต่อแม่เลี้ยงที่เป็นต้นเหตุให้เธอและพ่อต้องกลายเป็นคนหมดเนื้อหมดตัว เจสซี่ บอกว่า หนูไม่โกรธเค้าค่ะ เพราะตัวเค้าเองก็ได้ชดใช้กรรมที่ได้ก่อไว้ด้วยการเข้าคุกไปแล้ว และอย่างที่หนูบอกหนูคิดว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับครอบครัวหนูมันคงเป็น “เวรกรรม” ที่เราเคยไปทำอะไรต่อกันไว้ในชาติก่อนแล้วต้องมาชดใช้กันในชาตินี้
** เปิดใจยอมรับ เลิกถ่ายหวิว!! แค่ประชด
ต่อกรณีที่ว่าก่อนหน่านี้เจสซี่ออกมาตัดพ้อ ว่าอาจจะหยุดถ่ายหวิวแล้วนั้น “เจสซี่” ยอมรับว่า เป็นอารมณ์น้อยใจที่เกิดขึ้นส่วนตัว ซึ่งหากเหตุการณ์เช่นนี้เกิดกับใครก็ต้องรู้สึกเช่นเดียวกับเธอทั้งนั้น แต่เมื่อเวลาผ่านไป จิตใจได้สงบลงก็สามารถทำใจกับกระแสที่เข้ามากระทบกระเทือนจิตใจได้
"หนูโดนกระแสเยอะมาก แม้จะพยายามทำใจให้หนักแค่ไหนบางทีมันก็ทนไม่ไหวนะคะ เพราะคนเสียหายคือหนู ภาระเราก็เยอะตรงนี้แทบไม่มีใครรู้ เราทำงานบางครั้งก็เหนื่อย พอมาเจอกระแสวิจารณ์หนักๆ คอมเม้นท์แรงๆ ต่อให้พยายามแค่ไหนก็ไม่มีใครเห็น มีแต่คนมาต่อว่าเราด้วยคำหยาบคาย พอกลับถึงบ้านเหนื่อยๆ ล้าๆ ไม่รู้จะระบายอะไรกับใครดี ทำได้ก็แค่กอดคอแฟนแล้วร้องไห้ ซึ่งอารมณ์แบบนี้ไม่มีใครมารู้กับเรา”
เมื่อถามย้ำถึงงานในวันนี้ “เจสซี่” บอกว่า ก็ยังคงรับทั้งงานถ่ายแบบและโชว์ตัว ซึ่งจะพยายามจัดคิวไม่ให้ตรงกัน และระหว่างถ่ายหวิว กับโชว์ตัว เธอชอบการโชว์ตัวมากกว่า เพราะได้เจอผู้คนที่ชื่นชอบเธออย่างจริงจังที่สำคัญคือ “ได้ทานข้าวอร่อยๆ ฟรีค่ะ”
** ฝันอยากเป็นนักแสดง
นางแบบสาวในวัย 20 ปี ใบหน้าสดใสยังบอกเล่าถึงชีวิตในวันนี้ว่า มีความสุขและพอใจแล้ว หากแต่ก็ยังมีความฝันเล็กๆ ที่เก็บไว้ในใจอยู่หนึ่งอย่างคืออยากเป็น “นักแสดง”
“หนูฝันมาตั้งแต่เด็กแล้วนะคะ อยากเล่นหนังหรือละครก็ได้กับดาราคนโปรด ไอดอลของหนูเลยก็มี ญาญ่า-อุรัสยา, ชมพู่-อารยา ชอบที่เขาสวยน่ารัก แต่อันนี้มันอาจเป็นความฝันที่อาจจะไกลเกินเอื้อมค่ะ”
ใครๆ หลายคนมโนภาพเธอไปไหนต่อไหนเพียงเพราะรูปลักษณ์ภายนอก แต่เมื่อคุณได้สัมผัสกับเธอแล้ว เธอคือผู้หญิงที่สวยงามทั้งกายและใจคนหนึ่ง อดีตที่โหดร้ายไม่ได้ส่งผลให้จิตใจของเธอติดลบ แต่หล่อหลอมให้เธอมองโลกและเข้าใจโลกได้อย่างชัดเจนมากขึ้น น่าเสียดายที่เวลาในการพบกันช่างน้อยนัก หากแต่ก็น่าจะมากพอที่ทำให้เราและคุณผู้อ่านได้รู้จักตัวตนของเธอมากยิ่งขึ้นแล้วนั่นเอง....
สัมภาษณ์โดย ผู้จัดการ Lite
เรื่อง: วรกัญญา สมพลวัฒนา
ภาพโดย: ศิวกร เสนสอน
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754