xs
xsm
sm
md
lg

ไม่สำนึก! ไอ้ตั้ม ฆ่าชิงไอโฟน เข้าออกคุก 8 ครั้ง! โทษ “ประหาร” จะโดนมั้ย?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ผมไม่ได้ปาดคอผู้ตาย แต่เป็นช่วงจังหวะ “มีดแฉลบ” ไปโดนคอ วอนสังคมให้ฟังความสองข้างอย่าฟังความข้างเดียว”

นับเป็นคดีอุกอาจและสะเทือนขวัญตั้งแต่ต้นปี จากคดีคนร้ายใช้อาวุธมีดแทงที่บริเวณลำคอ นายวศิน เหลืองแจ่ม หรือ มะปิน อายุ 25 ปี บัณฑิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) และเจ้าของธุรกิจเว็บไซต์ จนเสียชีวิต ก่อนคนร้ายวิ่งซ้อนท้ายจักรยานยนต์ที่จอดรออยู่หลบหนีไป โดยมีโทรศัพท์มือถือไอโฟน 7 ของผู้เสียชีวิตหายไป เหตุเกิดบริเวณปากซอยสุคนธสวัสดิ์ 27 แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กทม. เมื่อกลางดึกวันที่ 4 ม.ค. 60 ที่ผ่านมา

กระทั่งมีภาพจากกล้องวงจรปิดแสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมของคนร้ายสุดโหดเหี้ยมที่ลงมือกระหน่ำแทงและทำร้ายร่างกายออกมา ล่าสุดเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวคนร้ายได้คือ นายกิตติกร วิกาหะ หรือ “ไอ้ตั้ม” อายุ 26 ปี และ นายสุพัฒชัย จันทร์ศรี อายุ 25 ปี (ผู้ขับรถจักรยานยนต์) ผู้ต้องหาร่วมกันตระเวนชิงทรัพย์ผู้เสียหาย โดยไอ้ตั้ม รับสารภาพแบบหมดเปลือกว่า 
“ต้องการปล้นและชิงทรัพย์ ยืนยันขณะก่อเหตุไม่ได้เมา หรือเสพยา มีสติดีทุกอย่าง ก่อนลงมือเห็นผู้ตายเดินเล่นโทรศัพท์มือถือ จึงเข้าไปทำทีถามทาง และไม่ได้ปาดคอผู้ตาย แต่เป็นช่วงจังหวะมีดแฉลบไปโดนคอ วอนสังคมให้ฟังความสองข้างอย่าฟังความข้างเดียว ตนไม่ได้ตั้งใจให้เสียชีวิต”

ทว่ากลับไม่มีความเศร้าสลดเสียใจใดๆ ปรากฏออกมาจากการกระทำของตัวเองแม้แต่น้อย ยิ่งสร้างความโกรธเคืองให้แก่ประชาชนที่ตามติดเหตุการณ์สะเทือนขวัญคดีนี้ พร้อมต้องการให้คนร้ายในคดีนี้ “ได้รับโทษประหารชีวิต” เพราะเป็นภัยต่อสังคม
กิตติกร วิกาหะ หรือ “ไอ้ตั้ม”
** ประวัติโชกโชน ติด8คดี แต่รอดลูกกรง

จากการตรวจสอบประวัติของฆาตกรมือโหดรายนี้ไม่ธรรมดา พบประวัติก่อเหตุลักษณะเดียวกันมาหลายท้องที่ ติดคุกมาแล้ว 8 ครั้ง ตั้งแต่อายุ 13 ปี และเพิ่งพ้นโทษออกมา ที่ผ่านมาเคยถูกคุมความประพฤติในความผิดตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์, พ.ร.ก.สารระเหย, บุกรุกในเวลากลางคืน, ทำร้ายร่างกายผู้อื่น และทำให้เสียทรัพย์ รวม 3 คดี เมื่อปี 2549, 2550 และ 2553 ตามลำดับ แต่ไม่ไปรายงานตัวตามเงื่อนไขที่ศาลกำหนด

พ.ต.อ.ดร.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมคุมประพฤติ เปิดเผยว่า พนักงานคุมประพฤติได้รายงานการผิดเงื่อนไขดังกล่าวให้ศาลทราบและศาลได้ออกหมายจับแล้วทั้ง 3 คดี ต่อมาได้เข้าสู่กระบวนการสืบเสาะและพินิจ เมื่อปี 2557 ศาลแขวงสมุทรปราการ สั่งให้พนักงานคุมประพฤติดำเนินการสืบเสาะ ก่อนมีคำพิพากษาในความผิดฐาน พ.ร.บ.ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา โดยพนักงานคุมประพฤติเสนอความเห็นว่าวิธีการคุมประพฤติไม่เหมาะสม ต่อมา ศาลจึงได้มีคำพิพากษาจำคุก 1 เดือน และพ้นโทษดังกล่าวไปแล้ว จนกระทั่งมาก่อเหตุซ้ำอีก

“ประวัติของนายกิตติกรยังพบว่าเคยผ่านกระบวนการมาทั้ง 3 กรม ได้แก่ กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กรมคุมประพฤติ และกรมราชทัณฑ์ ซึ่งทาง นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมว.ยุติธรรม ห่วงใยในเรื่องนี้มากจึงสั่งการให้รวบรวมข้อมูลสถิติในแต่ละปีว่าผู้ที่ผ่านกระบวนการทั้ง 3 กรม มีผู้กระทำความผิดซ้ำจำนวนเท่าใดให้เป็นชุดข้อมูลเดียวกัน เนื่องจากที่ผ่านมาพบช่องโหว่ว่าเมื่อวัยเด็กกระทำผิดจะลงข้อมูลในกรมพินิจฯ แต่หากเข้าสู่วัยผู้ใหญ่กระทำผิดซ้ำอีกก็จะไม่ปรากฏข้อมูลเป็นชุดเดียวกัน ซึ่งการรวบรวมจะนำไปใช้วิเคราะห์อัตราการกระทำผิดซ้ำครั้งต่อไป” อธิบดีกรมคุมประพฤติกล่าว

สำหรับคดีล่าสุดฆ่าชิงทรัพย์ไอโฟน 7 พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาร่วมกันชิงทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ และมีอาวุธติดตัวไปด้วย เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งมีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนจะต้องสอบปากคำพยานอีก 7 ปาก รอผลการตรวจสอบประวัติอาชญากร ผู้ต้องหา รอผลการตรวจสอบของกลาง และอื่นๆ จึงขอฝากขังผู้ต้องหาทั้งสองเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 7 - 18 ม.ค. 60 โดยท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์ สะเทือนขวัญ อัตราโทษสูง และผู้ต้องหาได้ก่อเหตุลักษณะเดียวกันนี้อีกหลายคดี เกรงว่าหากได้รับการประกันตัวจะหลบหนี และไปก่อเหตุซ้ำอีก ซึ่งศาลพิจารณาคำร้อง และสอบถามผู้ต้องหาแล้ว ไม่คัดค้านจึงอนุญาตให้ฝากขังได้

นายสุพัฒชัย จันทร์ศรี


** เข้าออกคุกสบายใจ นี่หรือกฎหมายไทย

ขณะที่ ดร.เจษฎา เหลืองแจ่ม บิดาของ นายวศิน เหลืองแจ่ม ผู้เสียชีวิต ระบุว่าตนพร้อมจะให้อภัยคนร้ายทั้งสองที่สารภาพว่าไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าลูกชายของตน เพราะเชื่อว่าทั้งคู่ต้องได้รับผลกรรมที่ตัวเองนั้นก่ออยู่แล้ว อย่างไรก็ดีในเรื่องของคดีความ ตนอยากขอให้กฎหมายไทยเข้มแข็งกว่านี้ ไม่ใช่ให้คนทำผิดซ้ำซากเข้าออกคุกเป็นว่าเล่น ซึ่งกฎหมายควรต้องลงโทษเด็ดขาด ถ้าจำคุกก็ควรจำคุกจริง ๆ ไม่ควรมีอภัยโทษ เพราะส่งผลให้คนแบบนี้ออกมาทำร้ายคนดีๆ ในสังคมอีกเรื่อยๆ

ดร.เจษฎา ยังกล่าวถึงประโยคของ “ไอ้ตั้ม” คนร้ายที่ฆ่าลูกชายโดยอ้างว่า ถ้าผู้ตายไม่สู้ขัดขืนก็คงไม่ตาย ดร.เจษฎา เผยว่า ตนไม่เห็นด้วยกับประโยคนี้ เพราะดูจากกล้องวงจรปิดจะเห็นได้ว่าคนร้ายตั้งใจจะทำร้ายร่างกายอยู่แล้ว ซึ่งตนอยากให้ดำเนินคดีนี้ให้ถึงที่สุด ส่วนผลกรรมที่ทั้งสองคนทำ เชื่อว่าวันหนึ่งจะต้องได้รับไม่มีใครหนีกฎแห่งกรรมได้

ด้าน มารดา นายสุพัฒชัย จันทร์ศรี คนขับขี่จักรยานยนต์ ได้ให้สัมภาษณ์กับรายการทุบโต๊ะข่าว ช่องอมรินทร์ทีวีว่า ปกติลูกชายเป็นคนไม่เกเรแต่ชอบตามเพื่อนฝูง ได้รู้จักกับมือแทงเพราะติดคุกคดีน้ำกระท่อม หลังเกิดเหตุได้ทราบจากลูกชาย โดยลูกชายได้โทรมาบอกว่า ไอ้ตั้มไปแทงเขา เขาพยายามห้ามแล้ว และบอกแต่ว่าเป็นคดีใหญ่กลัวโดนจับตาย ซึ่งตนก็ได้แต่ปลอบลูกไม่ให้หนีและจะพาไปมอบตัวแต่พบว่าเจ้าหน้าที่มาเอาตัวไปก่อน ส่วนตนเองนั้นคงไม่ได้ประกันตัวลูกชายเพราะเป็นเพียงแม่บ้าน และได้เลิกกับสามีมานานแล้ว ต่างคนต่างมีคู่ชีวิตใหม่ คงไม่มีเงินไปประกันตัวลูก ก็ขอให้ลูกต้องอดทน

อีกหนึ่งนักแสดงและพิธีกรสาวสวยอดีตนางสาวไทย บุ๋ม- ดร.ปนัดดา วงศ์ผู้ดี ก็ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นถึงเรื่องคดีนี้ผ่านโซเชียลฯ ด้วยความทนไม่ไหวว่า ประหารเหอะ เลวขนาดนี้ฆ่าคนแล้วไปทำร้ายคนอื่นต่อ เขาไปซื้อของดีๆ ขัดขืนเพราะของๆ เขาก็ผิด แล้วยังมายิ้มขนาดนี้ ไม่สำนึก

รวมถึง เปิ้ล-นาคร ศิลาชัย อีกหนึ่งคนบันเทิงได้ออกมาแสดงความคิดเห็นถึงกรณีดังกล่าวด้วย โดยได้โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก Ple Nakornว่า "ไม่ได้ตั้งใจแทง มีดมันแฉลบ...ติดคุกมาแล้ว 8 ครั้ง ต่อไปเป็นครั้งที่ 9...แล้วต่อไปก็เป็นครั้งที่ 10, 11, 12, 13, 14...อาจจะต้องมีคนตายอีกกี่คน คนดีต้องมีชีวิตอยู่อย่างหวาดผวา...เอาไงกับคนแบบนี้ดีครับท่านประยุทธ์ของพวกเรา...???"

เดือดจัดอีกคนเมื่อดีเจสาวต้นหอม ที่ได้ดูการสารภาพของคนร้าย ก็อดใจไม่ไหวขอโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กTon Hormด้วยอีกคนว่า ประหารชีวิตได้นะคะตรงนี้ไม่ติด#ไม่สลด#ชอบจัง#พี่เค้าบอกทีหลังอย่าใส่ของล่อใจ#ไม่สู้ก็ไม่ตาย#เอ๊า!สรุปผู้ตายผิด? หนังแห! (แปลว่ารู้ช่องโหว่เยอะจังก็แหอ่ะเนอะ)
เรียกได้ว่าหลายคนที่ได้ฟังการสารภาพของ ไอ้ตั้มและเพื่อน ต่างก็ต้องการให้คนร้ายทั้งสองได้รับโทษอย่างสาสมกับสิ่งที่ได้ทำลงไป
วศิน เหลืองแจ่ม หรือ มะปิน
** Fight For Mapin เพจสู้เพื่อ “มะปิน”
 
ชีวิตมนุษย์เมื่อตายไปแล้ว จะให้กลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้งก็คงไม่ได้ ดังนั้น เพื่อนๆ และคนที่รัก “มะปิน” จึงรวมตัวกันสร้างเพจ Fight For Mapin เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆ ไม่ให้เรื่องราวร้ายๆ ที่เกิดขึ้นกับ “มะปิน” ต้องไปเกิดขึ้นกับใครอีกในสังคม ถึงเวลาแล้วที่ประเทศนี้ต้องเกิดการเปลี่ยนแปลง เพื่อไม่ให้ทุกคนในสังคมต้องใช้ชีวิตอย่างหวาดกลัว และต้องตกเป็นเหยื่อรายต่อไป ซึ่งการจัดทำเพจนี้มีตัวแทนได้คุยกับบุคคลในครอบครัวของมะปินเป็นที่เรียบร้อยโดยมีเพื่อนของพี่สาวมะปินเป็นหัวเรือใหญ่

“เราไม่มองถึงประหาร เพราะรู้ว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้ แค่อยากให้คนผิด ได้รับโทษเต็ม จากความผิดที่ได้กระทำต่อผู้อื่น ฆาตกรซ้ำซากไม่สมควรได้รับการลดโทษใดๆ ช่วยกันผลักดันให้ข้อกฎหมายนี้เกิดขึ้นได้จริงในสังคมไทย แชร์ได้นะครับ ถ้าคุณคิดเหมือนกับเรา …” #Fight For Mapin

ทันทีที่ข้อความดังกล่าวถูกโพสต์ขึ้นบนเพจ ได้มีผู้ที่เห็นด้วยและต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกับกฏหมายการลงโทษของประเทศไทยเข้ามาคอมเมนต์และแชร์ข้อความต่อเป็นจำนวนมาก

ท้ายที่แล้วคดีนี้จะค่อยๆ เงียบหายไป เหมือนดังคดีก่อนๆ หรือว่าคดีนี้จะเป็นตัวอย่างของการเปลี่ยนแปลงกฎหมายไทย ให้รัดกุม เด็ดขาดขึ้น ยังไงก็ต้องติดตามดูกันต่อไป...




มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram

"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!


และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754



กำลังโหลดความคิดเห็น