xs
xsm
sm
md
lg

ภาคภูมิใจ! “หมวดพิซซ่า” นักบินหญิงรับใช้พระราชารุ่นแรกของไทย!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“อาชีพของในหลวงคือทำงานราชการ ส่วนหนูก็รับราชการ นี่คือความภูมิใจสูงสุดในชีวิตนี้แล้วค่ะ การได้เป็นทหารของพระราชา” หมวดพิซซ่า นักบินหญิงประจำกองทัพอากาศไทยรุ่นแรก ขอปฏิญาณตนว่าจะสานต่องานของพ่อหลวงด้วยหัวใจ จะขอเป็น “ทหารหญิงของพระราชา” รับใช้ประเทศด้วยหน้าที่อันทรงเกียรตินี้อย่างถึงที่สุด

นักบินหญิงรุ่นแรกของกองทัพอากาศ

กลายเป็นการพลิกประวัติศาสตร์กองทัพอากาศไทยครั้งสำคัญ กับการเปิดรับสมัครนักบินหญิงรุ่นแรกไปเมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ผลปรากฏว่ามีผู้ผ่านการคัดเลือกจำนวน 5 คน ซึ่งมีการคัดเลือกจาก นายทหารสัญญาบัตรหญิงของกองทัพอากาศ จำนวน 3 คน และบุคคลพลเรือน จำนวน 2 คน

ชลนิสา สุภาวรรณพงษ์ หรือ พิซซ่า คือ 1 ใน 2 พลเรือน ที่ผ่านการการทดสอบและคัดเลือกเข้ามาเป็นนักบินหญิงแห่งกองทัพอากาศครั้งนี้ ซึ่งหลังจากที่ผลการคัดเลือกประกาศออกมาแล้ว บททดสอบด่านต่อไปคือการเข้ารับการเรียนการสอนในหลักสูตรนายทหารชั้นผู้บังคับหมวด เพื่อขอรับพระราชทานยศ “เรืออากาศตรี”


[ พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง ผู้บัญชาการทหารอากาศ เป็นประธานในพิธีประดับเครื่องหมายแสดงความสามารถในการบินกองทัพอากาศ และมอบประกาศนียบัตร นักบินประจำกอง ฝูงบิน ๖๐๔ กองบิน ๖ รุ่นที่ ๑ แก่ เรืออากาศตรีหญิง สิรีธร ลาวัลย์เสถียร และเรืออากาศตรีหญิง ชลนิสา สุภาวรรณพงศ์ ]

ในที่สุดวันที่รอคอยก็มาถึง เธอได้เข้าพิธีประดับเครื่องหมายแสดงความสามารถในการบินกองทัพอากาศ และประกาศนียบัตรนักบินประจำกองแก่ศิษย์การบินฝ่ายยุทธการ ฝูงบิน 601 กองบิน 6 รุ่นที่ พร้อมกับ หมวดไอ - ร.ต.หญิง สิรีธร ลาวัณย์เสถียร พลเรือนหญิงอีกคนที่เข้ารับการเรียนการสอนเช่นกัน โดยมี พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) เป็นผู้มอบ

หมวดพิซซ่า ซึ่งในตอนนี้ได้ติดยศเรืออากาศตรีแล้ว ได้เปิดใจผ่านผู้จัดการ Lite ถึงเรื่องราวกว่าจะได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของลูกทัพฟ้า ว่ากว่าจะฝ่าฟันอุปสรรคมาได้ ต้องทรหดอยู่ไม่น้อย
“พอหลังจากที่หนูผ่านการคัดเลือก ได้เข้ามาเป็น 1 ใน 5 ของนักบินหญิงกองทัพอากาศแล้ว ต้องไปเรียนผู้หมวดก่อน คือพี่ๆ 3 คนที่เขามาจากภายในเขามียศอยู่แล้ว แต่ว่าหนูยังไม่มีค่ะ ก็ต้องไปเข้าเรียนหลักสูตรนายทหารชั้นผู้บังคับหมวดก่อน ไปเรียนพร้อมกับน้องไอ (ร.ต.หญิง สิรีธร ลาวัณย์เสถียร) ซึ่งเป็นหลักสูตรเร่งรัดรุ่นที่ 1 อันนี้จะเรียนเพื่อให้ได้ยศค่ะ จะเรียนเกี่ยวกับ กระบวนการทางทหารว่า ทหารเค้ามีวัฒนธรรมยังไง เขามีเครื่องแต่งกายยังไง เขามีกฎระเบียบอะไรยังไง สังคมทหารอยู่กันยังไงค่ะ หลังจากนั้นแล้วภายใน 1 เดือน คอยมาเรียนบินค่ะ



ในส่วนของตอนที่เรียนที่โรงเรียนนะคะ เราก็จะฝึกเหมือนผู้ชายทุกอย่าง ทั้งในส่วนของฝึกแถว ฝึกทหาร ฟิตร่างกาย ฝึกตามหลักสูตร เรียนตั้งแต่ 7.00 -18.00 น. ออกกำลังกายตอนเช้าตอนเย็น วินัยทหาร การกิน การเดิน การทำความเคารพผู้บังคับบัญชา อย่างแรกเลยเขาจะสอนดูลำดับชั้นยศค่ะ คือเราต้องดูลำดับชั้นยศให้เป็นก่อน แล้วถึงจะสวัสดีถูก รวมถึงท่าทางในการสวัสดี อย่างเวลาเดินมาตรงๆ ก็จะมีท่าทางในการสวัสดีอีกแบบหนึ่ง พออยู่ในที่ร่มถอดหมวกก็อาจจะเป็นการโค้ง พออยู่นอกอาคารอย่างต้องใส่หมวก ซึ่งถ้าใส่หมวกก็จะมีท่าทางในการเคารพอีกแบบหนึ่งประมาณนี้ค่ะ”

เมื่อถามถึงเครื่องแบบที่เธอสวมใส่มาในวันนี้ เธอบอกว่า ชุดนี้เรียกว่าชุดบิน ซึ่งจะเป็นชุดที่สวมในเวลาที่ทำการบิน และจะมีอุปกรณ์เสริมอื่นๆ อย่างถุงมือ หมวกบิน และเฮดเซ็ท แต่หากจะเป็นวันอื่นๆ ก็จะมีเครื่องแบบแตกต่างกันไป



ในขณะนี้จุดเริ่มต้นของเส้นทางการเป็นนักบินและทหารอากาศของเธอกำลังจะเริ่มต้นขึ้นไปพร้อมๆ กับประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของกองทัพอากาศ ที่รับสมัครนักบินหญิงเป็นครั้งแรก หลังจากจบหลักสูตรไปแล้ว ภารกิจแรกของนักบินหญิงคนนี้จะเป็นอะไร ก็ต้องคอยติดตามกันต่อไป

เรียนสายศิลป์ฯ ก็เป็นนักบินได้

แม้อาชีพในปัจจุบันเธอ คือการได้เข้ารับราชการในตำแหน่งนักบินหญิงรุ่นแรกของกองทัพอากาศ แต่นั่นก็ไม่ใช่จุดมุ่งหมายแรกที่เธอตั้งเป้าไว้ เพราะสิ่งที่เธอใฝ่ฝันอยากเป็นมาตั้งแต่เด็กนั้น คือการเป็นแอร์โฮสเตส

“หนูเป็นคนชอบงานบริการ รักการบริการค่ะ บวกกับเป็นคนรักสวยรักงาม ชอบแต่งหน้าทำผม แล้วหนูเรียนสายศิลป์ฯ มาด้วย เลยคิดว่าแอร์โฮสเตสน่าจะเหมาะกับเราที่สุดแล้ว”

ย้อนกลับไปตอนสมัยที่ยังเรียนอยู่ ผู้หมวดพิซซ่า จบการศึกษาระดับมัธยมปลายสายศิลป์ฯ - ภาษาจีน จากโรงเรียนหอวัง ด้วยเกรดเฉลี่ย 3.8 ด้วยความที่ชอบเรื่องภาษา จึงเลือกเข้าศึกษาต่อในคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ด้วยความที่เธอเรียนจบภายในระยะเวลาเพียง 3 ปีครึ่ง จึงมีเวลาในการค้นหาตัวเอง และเลือกที่จะสมัครงานเป็นพนักงานต้อนรับภาคพื้นดินที่สายการบินแอร์เอเชีย แต่ก็ยังไม่ทิ้งความฝันที่จะเป็นแอร์โฮสเตส เธอได้ร่อนใบสมัครไปยังสายการบินต่างๆ หลายแห่งอีกด้วย


[ ในสมัยที่ยังเป็นพนักงานภาคพื้นดินของสายการบินแอร์เอเชีย ]

แม้จะยังไม่มีการเรียกตัวจากสายการบินที่เธอสมัครแอร์โฮสเตทไป แต่ก็ยังไม่ละความพยายามที่จะได้ทำงานบนเครื่องบิน เธอจึงค้นคว้าหาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต ว่ามีตำแหน่งอะไรอีกบ้างที่สามารถสมัครได้ จนมาสะดุดกับตำแหน่งนักบิน จึงหาข้อมูลต่อไปจนทำให้ทราบว่า ไม่ว่าจะจบคณะอะไรมาก็สามารถเป็นนักบินได้
เมื่อได้ยินดังนั้น ก็ทำให้ทีมข่าวผู้จัดการ Lite อดสงสัยไม่ได้ จึงยิงคำถามกลับไปว่า เรียนสายศิลป์มา สามารถเป็นนักบินได้ด้วยหรือ?

“ตอนแรกหนูก็คิดแบบนี้ค่ะ ว่านักบินจะต้องจบมาจากสายวิทย์ฯ คือหนูก็เหมือนคนปกติธรรมดาเลย ไม่รู้อะไรก็เสิร์ชกูเกิล ว่าอยากเป็นนักบินต้องทำยังไง แต่พอดีไปสะดุดบทความหนึ่งในอินเตอร์เน็ต เป็นบทความของพี่นักบินหญิงคนหนึ่ง เขาก็เรียนสายศิลป์เหมือนกัน ประโยคที่ทำให้สะดุดคือเขาบอกว่า “สายศิลป์ก็เป็นได้”


[ เดินสายสมัครแอร์โฮสเตส ]

หนูเลยรู้สึกว่า เห้ย..เป็นได้จริงหรอ(หัวเราะ) แต่ตอนนั้นทำงานอยู่แอร์แอเชียด้วยไงคะ เลยทำให้มีโอกาสรู้จักกับนักบินอยู่บ้าง ก็เลยไปถามคนที่เขามีประสบการณ์ เขาก็บอกกลับมาว่าเป็นได้นะแต่ต้องไปเรียน เราก็ถามไป จริงหรอพี่ เรียนอะไร ช่วยบอกหน่อยได้มั้ย แล้วเราก็กลับมาศึกษาหาข้อมูล ว่าใบอนุญาตนักบินพานิชย์ตรีหรือ CPL เขาทำกันยังไงถึงได้มา พอรู้ว่ามันมีหลักสูตรเปิดสอน อารมณ์เหมือนเรียนปริญญาโท แล้วมันก็มีหลายที่มาก เลยตัดสินใจลาออกจากพนักงานภาคพื้นดินของแอร์เอเชียแล้วมาลงเรียนบินที่สถาบันการบินพลเรือนที่หัวหินค่ะ”

แต่แล้วชีวิตของเธอก็เดินมาถึงทางแยก เพราะสายการบินที่เคยสมัครตำแหน่งแอร์โฮสเตสไว้ ได้ติดต่อต่อให้เธอเข้าไปเซ็นสัญญาเพื่อจะเป็นแอร์โฮสเตส ถึง 2 สายการบินด้วยกัน ซึ่งในขณะนั้นเธอได้ลาออกมาเรียนการบินที่สถาบันการบินพลเรือนแล้ว จึงทำให้ต้องเลือกเส้นทางอนาคตของตนเอง ว่าจะเป็นแอร์โฮสเตสตามฝัน หรือจะสานต่อในเส้นทางของนักบินหญิงที่เพิ่งจะเริ่ม...

“เหมือนมันได้ในจุดที่เราต้องไปต่อแล้ว เราต้องเลือกแล้ว ก็เลยเลือกที่จะมาเรียนต่อดีกว่าค่ะ ซึ่งการจะเป็นนักบิน จะต้องมีใบอนุญาตนักบินพานิชย์ตรีก่อน ในเมืองไทยมีหลายที่เลยที่เปิดสอนการเรียนบิน ส่วนตัวหนูเลือกที่จะไปเรียนที่สถาบันการบินพลเรือนที่หัวหินค่ะ หลักสูตรนักบินพานิชย์ตรี มีค่าใช้จ่ายประมาณ 2.3 ล้านบาท ใช้เวลาเรียน 1 ปี ซึ่งจะเรียนทุกอย่างเกี่ยวกับกราวน์สคูล รวมถึงเรียนบินด้วยค่ะ”



[ ขณะเรียนการบินที่สถาบันการบินพลเรือน หัวหิน ]

เมื่อเรียนจบจนได้ใบอนุญาตนักบินพานิชย์ตรี(CPL) ออกมาแล้ว เหมือนจังหวะชีวิตลงล็อกทุกอย่าง เพราะทางกองทัพอากาศประกาศรับสมัครนักบินหญิงเป็นครั้งแรก โดยที่เธอทราบข่าวจากทางโทรทัศน์ จึงได้ส่งใบสมัครไปเป็นแห่งแรกหลังจากเรียนบินจบออกมา และมีโอกาสได้รับการคัดเลือกเป็น 1 ใน 5 ของนักบินหญิงอย่างในปัจจุบัน
นอกจากนี้ หมวดพิซซ่ายังมีคำแนะนำ นอกเหนือจากการไปเรียนบินที่สถาบันการบินต่างๆ ไว้สำหรับสาวๆ ที่ต้องการอยากจะเป็นนักบินหญิงอีกด้วย

“ณ ตอนนี้ วงการการบินของไทยค่อนข้างพัฒนาไปมากแล้วค่ะ มันจะมีคณะที่เปิดสอนตั้งแต่ปริญญาตรีเลย อย่างของน้องไอ(ร.ต.หญิง สิรีธร ลาวัณย์เสถียร) คือน้องเขาจะเรียนตั้งแต่ปริญญาตรี เป็นคณะนักบินพานิชย์ตรีเลยค่ะ ใช้เวลาเรียนทั้งหมด 3 ปี แบ่งเป็นเรียนกราวน์สคูล 2 ปี แล้วอีก 1 ปีไปเรียนบินค่ะ จบมาก็ได้ใบ CPL ออกมาเลย อันนั้นถือว่าเก่งมาก คือค้นพบตัวเองเร็ว แล้วก็จะได้เปรียบในเรื่องของไม่ต้องไปเสียเวลาเรียนปริญญาตรี แต่อย่างของหนูเนี่ย ต้องเรียนปริญญาตรี 4 ปี แล้วก็ ทำงานแล้วถึงค่อยไปเรียนบิน แต่โชคดีที่ว่าเอาตัวเองให้จบภายใน 3 ปีครึ่ง มันก็เลยเหมือนเหลือเวลาอีกครึ่งเทอมในการค้นหาตัวเองค่ะ”



[ ขณะเรียนการบินที่สถาบันการบินพลเรือน หัวหิน ]

เมื่อถามถึงบุคคลที่เป็นแรงบันดาลใจในการเป็นนักบินของเธอ หมวดพิซซ่าตอบกลับมาว่า แรงบันดาลใจของเธอคือ น้อท - ชนันภรณ์ รสจันทน์ มิสไทยแลนด์ ยูนิเวิร์สปี 2548 และปัจจุบันเธอยังมีอีกตำแหน่งพ่วงมาด้วย คือการเป็นผู้ช่วยนักบิน สายการบินแอร์เอเชีย

“แรงบันดาลใจจริงๆ ของหนูคือพี่น้อทค่ะ ที่เป็นนักบินหญิงเหมือนกัน อยู่แอร์เอเชีย รู้สึกพี่เขาสวย แล้วเขาก็เก่งมาก เราเองก็รู้สึกว่าเราชอบและอยากเก่งเหมือนพี่เขา ซึ่งหนูก็เคยได้อ่านบทสัมภาษณ์ของเขาเยอะอยู่เหมือนกัน(ยิ้ม)”

บินยาก...แต่ไม่ยากเกินความสามารถ

“หนูชอบเครื่องบิน ตอนเด็กเวลามีเครื่องบิน บินบนฟ้า หนูจะโบกมือบ๊ายบายให้ เลยมีความฝันว่าสักวันหนึ่งต้องทำงานบนเครื่องบินให้ได้ ถ้าเราหยุดตัวเราเองตั้งแต่วันนั้น หยุดฝันของเรา เราก็คงทำได้แค่มองเครื่องบินต่อไป”

ผู้หมวดพิซซ่าเปิดเผยความในใจ ถึงตอนที่ตนเองยังเป็นเพียง ด.ญ.พิซซ่า ผู้ซึ่งเคยมีความฝันว่าสักวันต้องทำงานในเครื่องบินให้ได้ เวลาผ่านไปนับ 10 ปี จนบัดนี้ เธอสามารถทำตามความฝันได้สำเร็จ และก้าวกระโดดไปอีกขั้นด้วยการเป็นนักบินหญิงของกองทัพอากาศ ชีวิตต่อจากนี้ของเธอคือการเรียนการบินที่ยาก คือการฝึกในเครื่องบินแบบทหาร ซึ่งแตกต่างจากที่เคยเรียนมาอยู่ไม่น้อย...



“ตอนนี้เราเพิ่งผ่านพิธีประดับปีกเต็ม จบหลักสูตรศิษย์การบินเรียบร้อยแล้วค่ะ กำลังจะบรรจุเข้าเป็นนักบินลำเลียง ฝูงบิน 601 ค่ะ คือมันจะแตกต่างกันจากตอนที่เรียนที่สถาบันการบินพลเรือนพอสมควรเลยค่ะ เพราะตอนที่เรียนมาเราจะฝึกในส่วนของพานิชย์ซะมากกว่า แต่ตรงนี้มันจะเป็นในส่วนของทหาร อย่างเช่นการฝึก Aerobatic flying จะเป็นการบินผาดแผลงค่ะ แล้วก็มีในส่วนของการบินหมู่ บินเกาะหมู่ บินโชว์ ก็คือจะได้เรียนบินจากที่นี่

สำหรับตัวหนู ความรู้สึกตอนบินผาดแผลงก็สนุกดีนะคะ แต่ก็กลัวด้วย(หัวเราะ) เพราะมันจะมีท่าตีลังกาอะไรอย่างนี้ด้วยค่ะ คือเครื่องนี้สมรรถนะดีมาก ทำได้เกือบหมดทุกท่าเลย แต่ก็มีกลัวบ้าง ก็ต้องอาศัยความพยายามในการทำค่ะ ในตอนนี้ฝึกกับเครื่องนี้จบแล้ว กำลังจะไปฝึกเครื่อง C-130 เป็นเครื่องใหญ่ต่อค่ะ ซึ่งน่าจะใช่ระยะเวลาประมาณ 1 ปีค่ะ กว่าที่เราจะได้ขึ้นบินจริงๆ จะเป็นนักบินผู้ช่วยไปก่อน เพราะกัปตันต้องอาศัยชั่วโมงการบินอีกค่ะ โดยเครื่องใหญ่จะมีภารกิจเป็นการลำเลียง อย่างลำเลียงคน ลำเลียงสิ่งของ ลำเลียงอุปกรณ์ แล้วแต่ภารกิจที่จะได้รับมอบหมายค่ะ สมมติว่าเกิดเหตุน้ำท่วม C-130 ไปได้ค่ะ ไปช่วยคน(ยิ้ม)”

แน่นอนว่าคนธรรมดาที่ไม่ใช่นักบิน ย่อมไม่มีทางรู้เลยว่า การควบคุมภายในตัวเครื่องเป็นอย่างไร ทีมข่าวผู้จัดการ Lite จึงขอให้นักบินหญิงคนเก่ง อธิบายการขับเครื่องบินแบบคร่าวๆ ให้ทราบสักเล็กน้อย



“คือตอนแรกก็รู้สึกว่ายากนะคะ เพราะว่าเวลาคนเราขับรถ เราก็จะใช้พวงมาลัยในการขับใช่มั้ยคะ เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาก็จะบังคับด้วยพวงมาลัย แต่ว่าอันนี้เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาจะบังคับจะใช้หลายแกน ในเครื่องบินมันมี 3 แกนค่ะ คือในการอยู่บนพื้นก็จะใช้เท้าในการบังคับให้เครื่องบินไปซ้ายไปขวา คือต้องใช้ทั้งส้นเท้าและปลายเท้าทั้งซ้ายและขวาเลยค่ะ อย่างจะเหยียบเบรคก็จะใช้ปลายเท้า แล้วเราจะต้องคอนโทรลทั้ง 4 ด้าน พออยู่บนฟ้าก็จะมีไฟลท์คอนโทรลอีก ตอนแรกก็ค่อนข้างจะแยกประสาทนิดนึง แต่ก็ไม่ได้ยากเกินความสามารถค่ะ(ยิ้ม)

ส่วนเรื่องเจอเหตุการณ์ที่น่าระทึกใจเวลาขับเครื่องบิน สำหรับตัวก็ยังไม่มีนะคะเพราะส่วนใหญ่จะบินกับครู แต่ว่าตอนเราไป solo จะค่อนข้างระมัดระวังมากเป็นพิเศษ อย่างตอนแรกที่มีครู เราก็อบอุ่นใจ มีอะไรครูช่วยได้ค่ะ(หัวเราะ) แต่ตอนไปบิน solo เดี่ยว เราต้องเป็นคนระวัง ต้องเป็นคนเอาเครื่องกลับมาด้วยตัวเราเอง ตอนนั้นมันจะเป็นอะไรที่ทำให้เราก้าวกระโดดไปอีกสเตปหนึ่ง ถ้าเราทำได้มันก็เหมือนเราจะก้าวไปเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นค่ะ”

ชีวิตนอกเครื่องบิน

หลายคนคงจะคิดว่า การรับราชการเป็นทหารอากาศ แถมยังเป็นนักบินหญิงอีก จะต้องเป็นคนที่บุคลิกที่เข้มแข็ง แต่ไม่ใช่สำหรับผู้หมวดพิซซ่า เพราะนอกจากเธอจะเป็นนักบินที่รักสวยรักงามแล้ว งานอดิเรกที่ชื่นชอบอีกอย่างคือการทำอาหารอีกด้วย

“ปกติเวลาว่างชอบทำอาหารค่ะ แต่ทำไม่อร่อยนะคะ(หัวเราะ) แต่ว่าก็ชอบทำค่ะ อาศัยดูตามยูทิ้วป์เอา แล้วก็ชอบแต่งหน้าทำผมด้วย กับอีกอย่างที่ชอบทำคือพาคุณแม่ไปเที่ยว พาแม่ไปออกกำลังกาย แล้วก็มีสัตว์เลี้ยงเป็นน้องหมา เป็นปอมตัวเล็กๆ ก็จะชอบพาน้องไปเที่ยวด้วยกันค่ะ ส่วนเวลาว่างที่เหลือก็ไปกินข้าว ดูหนังกับเพื่อน คือใช้เวลารีแล็กซ์ให้เต็มที่



อย่างเวลาที่เราทำงานค่อนข้างจะเครียดมาก คือมันไม่เหมือนกับการทำงานนั่งโต๊ะนะคะ สมมติเราขับรถมาทำงาน เจอรถติด พอถึงที่ทำงานปุ๊บก็ยังมีเวลารีแล็กซ์ แต่ว่าเครื่องบินเนี่ยมันไม่ใช่ เราต้องสนใจกับมันอยู่ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นแล้ว เวลาทำงานมันค่อนข้างเหนื่อย เวลาวันหยุดถ้านอกเหนือจากที่เราจะต้องทบทวนเนื้อหาบทเรียน ทบทวนความรู้ เราก็จะใช้เวลาอยู่กับที่บ้านอย่างเต็มที่ค่ะ(ยิ้ม)

ที่หนูชอบแต่งหน้า ชอบทำอาหาร จะว่าหนูเป็นผู้หญิงหวานๆ มั้ย ก็ไม่นะคะ(หัวเราะ) ก็เป็นผู้หญิงปกติแหละค่ะ ก็มีแบบว่าสนุกสนาน แก่นๆ บ้าง แต่ว่าถึงเวลาทำงานจริงเราก็ต้องเข้มแข็ง คือเราต้องรู้บทบาทหน้าที่ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ค่ะ(ยิ้ม)”



เหนือสิ่งอื่นใดแล้วนั้น ในการดำเนินชีวิตในแต่ละวันของเธอ ที่นอกจากจะเชื่อฟังคำชี้แนะของครอบครัวแล้ว ทหารอากาศคนนี้ ยังน้อมนำแนวคำสอนของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ผู้ซึ่งเป็นพ่อหลวงของปวงชนชาวไทยทุกคน มาปรับใช้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เธอก้าวมาอยู่ในจุดที่ภูมิใจที่สุดในชีวิตกับการเป็น ‘ทหารของพระราชา’

“ในชีวิตประจำวัน หนูได้นำแนวพระราชดำรัส ของในหลวง ในเรื่องของ "ความพอเพียง" และ "การรู้จักหน้าที่ของตนเอง" มาปรับใช้ในการดำเนินชีวิตอยู่ตลอดเวลาค่ะ ในหลวงสอนให้เรารู้จักประมาณตนเอง มีน้อยใช้น้อย มีมากก็ต้องรู้จักอดออม ส่วนตัวจะคิดแบบนี้ตลอด บางช่วงเวลาที่มีน้อย หนูก็ใช้น้อย บางเวลามีมาก หนูก็จะแบ่งปันให้คนอื่น ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการให้ การบริจาค เหลือก็แบ่งเป็นเงินเก็บ ทำอย่างนี้มาตลอดค่ะ

หลายคนถามนะค่ะว่าเงินเดือนพอใช้มั้ย ส่วนตัวหนูเองหนูคิดว่ามันขึ้นอยู่กับมุมมองของเราค่ะ ถ้าเราคิดว่าไม่พอ ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ต่อให้มีมากแค่ไหนก็ไม่รู้จักพอค่ะ แต่ถ้าเรารู้จักประมาณตนเอง ดำเนินชีวิตอยู่บนความพอเพียง ต่อให้รายได้มากน้อยแค่ไหน ก็เพียงพอ และเหลือเก็บค่ะ”



สำหรับตัวเธอนั้น เธอบอกว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการรู้จักหน้าที่ของตนเอง เพราะงานทุกงานมีภาระหน้าที่การรับผิดชอบที่แตกต่างกัน แต่หัวใจสำคัญที่จะทำให้งานนั้นออกมาสำเร็จได้ คือต้องรู้จักหน้าที่ของตนเอง การทำงานด้วยความสุจริต ไม่โยนภาระให้คนอื่น ไม่ว่าจะงานไหนประสบความสำเร็จ นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของแนวพระราชดำรัสเท่านั้น หากมีเวลาว่าง เธอก็มักจะหามาอ่านเพิ่มเติมอยู่เสมอ

นอกจากนี้เธอยังเปิดเผยความรู้สึกที่ได้มีโอกาสเข้ามารับราชการ เป็นทหารอากาศในแผ่นดินของในหลวงรัชกาลที่ 9 เหตุการณ์ในวันนั้นยังคงฝังแน่นอยู่ในความทรงจำและเป็นอีกวันหนึ่งที่เธอภาคภูมิใจที่สุดในชีวิต



“หนูรู้สึกภูมิใจและเป็นเกียรติสูงสุดในชีวิต ที่ได้รับราชการและมีโอกาสกล่าวคำสัตย์ปฏิญาณตน ในฐานะนักบินกองทัพอากาศไทย อาชีพของในหลวงคือทำราชการ ส่วนหนูก็รับราชการ นี่คือความภูมิใจสูงสุดในชีวิตนี้แล้วค่ะ กับการได้เป็นทหารของพระราชา และหนูขอสัญญาว่า จะนำความรู้ที่ตัวเองมีนำพัฒนาตนเองต่อไปเรื่อยๆ จะทำประโยชน์ให้ต่อประเทศชาติและทำหน้าที่ของตัวเอง ให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ค่ะ และถึงแม้หนูจะเป็นเพียงประชาชนตัวเล็กๆ คนหนึ่ง แต่หนูก็คิดเสมอ ว่าหนูคือจิ๊กซอว์ตัวหนึ่งของประเทศไทย ที่เกิดบนแผ่นดินไทย มีพ่อของแผ่นดินคือในหลวง นี่คือสิ่งที่หนูภาคภูมิใจที่สุด และไม่ว่าจะเกิดอีกสักกี่ชาติ ก็จะขอเป็นข้าเป็นข้ารองบาททุกชาติไปค่ะ” หมวดพิซซ่ากล่าวทิ้งทาย

เรื่อง : กีรติ เอี่ยมโสภณ
ภาพ : สันติ เต๊ะเปีย และภาพประกอบบางส่วน : เฟซบุ๊ก “Cholniza Supawannapong”




มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram

"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!


และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754



กำลังโหลดความคิดเห็น