xs
xsm
sm
md
lg

ขนลุกซู่! กับการปรากฏตัวของ 'งู อึ่ง ปักเป้า ไส้เดือน' ในไหปลาแดก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


อวสานอาหารเย็น! อีกแล้วแม่ค้าขายขนมจีนใน จ.ภูเก็ต อุตส่าห์ไว้ใจซื้อปลาร้าจากร้านมินิมาร์ทสาขาย่อยของห้างดัง ก็ไม่วาย! เจอซากงูมาเป็นดุ้น สุดขยะแขยง ทั้งที่ข้างถุงพลาสติกก็มีป้ายกระดาษสติ๊กเกอร์แปะเขียนว่า "ปลาร้ากระดี่ล้วน" แต่งู ทั้งท่อนที่ปะปนมากับเศษปลากระดี่มาจากไหน เพราะก่อนหน้าที่สาวกำแพงเพชรก็เจอซากงูเห่าสุดสยองในปลาร้าเช่นกัน เจอซ้ำซากขนาดนี้เลยหรือ? เตรียมฟ้อง สคบ.เอาผิดแหล่งผลิต ทว่า สังคม ตั้งข้อสงสัย จะไว้ใจในความสะอาดปลอดภัยจากอาหารได้อย่างไร เพราะขนาดห้างดังยังมีสิ่งแปลกปลอมสุดสยองโผล่มาในอาหารเลย

แทบพุ่ง! ซื้อปลาร้า ได้"งูร้า"แถม

ขนแขนสแตนอัป! เมื่อเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า วนิดา ผกามาศ เจ้าของร้าน "ขนมจีนเที่ยงคืน"โพสต์เล่าเหตุการณ์ที่ตนเองซื้อปลาร้ามาจากร้านมินิมาร์ทสาขาย่อยของห้างดังแห่งหนึ่ง ในพื้นที่เขตเทศบาลนครภูเก็ต เเต่เมื่อแกะถุงเทปลาร้าออกมาเพื่อเตรียมทำน้ำยาตีนไก่ เมนูเด็ดของร้าน ก็ต้องผงะ! พบชิ้นส่วนคล้ายงู ย้ำไม่มโนโวยห้างดัง ก่อนนำสินค้ามาวางขาย ควรจะมีการตรวจสอบให้ดีเสียก่อน พร้อมภาพถุงปลาร้า ที่มีป้ายบอกสินค้าพร้อมบาร์โค้ดว่า "ปลาร้ากระดี่ล้วน"

ทั้งนี้ เจ้าตัวได้ไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.เมืองภูเก็ต เพื่อเป็นหลักฐานในการนำไปร้องเรียนต่อทางสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค เพื่อตรวจสอบแหล่งผลิตปลาร้าถุงนี้แล้ว

"ติดต่อ....ได้ไง หรือร้องเรียนได้ที่ไหน ทำของแบบนี้ ออกมาขายได้ยังไง เจอกับตัวเอง ไม่มีมโน งูมาทั้งท่อนเลยค่ะ ต้องทิ้งทั้งหมดที่ซื้อมาเลย ฝากแชร์วนไปนะคะ ก่อนนำสินค้ามาวางขายในห้าง น่าจะมีการตรวจสอบนะคะ"

อย่างไรก็ตาม เมื่อเรื่องถูกแชร์ออกไปในโลกโซเชียลฯ แน่นอนต้องถูกสังคมตั้งข้อสงสัยว่า แต่งเรื่องขึ้นมาเพื่อสร้างกระแสหรือไม่ แม่ค้าขนมจีนยืนยัน ไม่มโน เกิดขึ้นจริง พร้อมทั้งได้โพสต์บอกว่า ขณะนี้ได้ยกเลิกเมนูเด็ดของทางร้านที่ต้องใช้ปลาร้าเป็นส่วนประกอบ ซึ่งก็คือ เมนูน้ำยาป่าตีนไก่ นั่นเอง หวั่นลูกค้าผวาไม่กล้ากิน

นอกจากนี้ เธอย้ำว่า ร้านที่เธอซื้อ เป็นร้านที่ซื้ออยู่เป็นประจำ โดยในวันที่เกิดเหตุนั้น ซื้อปลาร้ามาจำนวน 5 ถุง แต่มีอยู่ 1 ถุง เมื่อออกมา ก็ต้องสงสัยเพราะรูปร่างผิดปกติ ไม่เหมือนปลา มีลักษณะสีดำ ท่อนยาว มีเกล็ดคล้ายงู จึงพยายามค้นหาข้อมูล ว่าเป็นงูประเภทไหน จากนั้นจึงพบว่า ลักษณะคล้าย "งูสิง"

เธอบอกต่อว่า หลังจากที่เรื่องราวได้ถูกแชร์สะพัดออกไปจนทราบถึงเจ้าของร้านที่ไปซื้อปลาร้าดังกล่าว ทางร้านจึงได้ส่งตัวแทนมาขอโทษพร้อมมอบกระเช้าเป็นที่เรียบร้อย พร้อมบอกว่า จะมีการยกเลิกการสั่งสินค้าจากบริษัทซัปพลายเออร์ที่ส่งสินค้ามาจากผู้ผลิตรายต้นเรื่อง ทั้งนี้ ตนเองไม่ทราบว่าผู้ผลิตดังกล่าวนั้นอยู่ที่ไหน มีความสะอาดถูกต้องตามหลักอนามัยหรือไม่

ทั้งยังเล่าด้วยว่า บริษัทที่ส่งสินค้ามายืนยันเรื่องความสะอาด อีกทั้งไม่เชื่อว่าจะมีสิ่งแปลกปลอมในปลาร้า อาจจะเป็นการใส่ร้าย เมื่อแม่ค้าขายขนมจีนผู้พบท่อนงูในปลาร้า ทราบจึงบอกอีกครั้งว่า ไม่ได้มโนแน่นอน จะรีบแจ้งสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เพื่อหาแหล่งต้นตอด่วน!

เจองูซ้ำซาก (ไปมั้ย)?

ทว่า ก่อนหน้าไม่นานมานี้สาวกำแพงเพชรก็เจอซากคล้ายงูเห่าในปลาร้าเช่นกัน ทั้งที่เป็นร้านประจำที่ซื้อกินบ่อย โดยซากงูดังกล่าว ลักษณะมีเกล็ดด้านบนสีดำส่วนท้องสีเหลืองแถบสีดำเป็นปล้อง ถูกพบอยู่ในถุงปลาร้าที่ถูกบรรจุอยู่ในปี๊บที่ นางคำกอง ต้นสีนนท์ ซื้อมาเพื่อจะนำไปประกอบอาหาร

เธอเล่าว่า ซื้อปลาร้าแบบยกปี๊บมาจากร้านค้าแห่งหนึ่งในตลาดนัด เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2559 ที่ผ่านมา เมื่อนำกลับมาที่บ้าน เปิดปี๊บปลาร้าพร้อมกับตักปลาร้านำมาประกอบอาหารตามปกติ กระทั่งเมื่อวันก่อนในขณะที่ตนกำลังตักปลาร้าออกจากปี๊บเพื่อนำมาประกอบอาหาร ก็พบซากสัตว์ที่ไม่ใช่ปลาติดมาด้วย ตนจึงใช้มือเขี่ยดูถึงกับตกใจเพราะพบว่าซากสัตว์ดังกล่าวเป็นซากงูเห่า


เหตุการณ์เกี่ยวกับซากงูยังไม่จบ! มาสยองกันต่อ เพราะเมื่อปลายปี 2558 สมาชิกเฟซบุ๊กท่านหนึ่งได้เผยภาพสุดสยอง หลังมีหัวงูปนอยู่ในส้มตำที่ตนเองซื้อมา ชี้พิกัดหนึ่งในร้านตลาดวังมุขบางแสน เจ้าตัวเผยทางร้านติดต่อขอรับผิดชอบแล้ว       

สมาชิกเฟซบุ๊กชื่อ Kannika Popeye ได้โพสต์ภาพส้มตำที่ซื้อมาซึ่งในนั้นได้ปรากฏมี "หัวงู" ปนอยู่ด้วย พร้อมข้อความว่าซื้อส้มตำ มาจากตลาดวังมุขบางแสน 





อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เจ้าตัวได้โพสต์ไปก็ได้มีคนเข้ามาแสดงความเห็นกันอย่างมากมาย โดยบางคนก็ตั้งข้อสงสัยว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่? 

จกส้มตำปลาร้า แต่เจอปลาปักเป้าโผล่


ไม่ใช่ว่ามีแต่งู! ปลาปักเป้าโผล่ในปลาร้าก็มี หลังชาวบ้านตั้งวงกินส้มตำปลาร้า จากนั้นเกิดอาการคลื่นไส้อาเจียน ท้องร่วงแขน-ขา อ่อนแรง

เหตุการณ์นี้ย้อนไปในปี 2551 ใน จ.ระยอง เกิดเหตุการณ์ชาวบ้าน 3 คน กินส้มตำปลาร้า แล้วเกิดอาการดังกล่าวขึ้น แพทย์ลงความเห็นว่า เกิดจากการรับประทานปลาร้าในส้มตำที่ทำมาจากปลาปักเป้า โดยเมื่อมีการนำปลาปักเป้าน้ำจืดมาตำจนเนื้อแหลก ทำให้พิษของปลาปักเป้าแพร่กระจาย เมื่อรับประทานเข้าไปร่างกายจึงเกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องร่วง แขน-ขา อ่อนแรง นิ้วมือเกิดอาการชา

ครั้น ออกตรวจตลาด ร้านขายของชำ สอบถามแม่ค้าขายปลาร้าจนทราบว่า ก่อนหน้านี้มีคนมาส่งปลาร้า 4 ปี๊บ ขายไปแล้วเหลือเพียงครึ่งปี๊บ จึงได้อายัดห้ามจำหน่าย เมื่อสอบถามถึงแหล่งที่มา ทราบว่ามาจากโรงงานผลิตปลาร้าจาก อ.อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์

“ยอมรับว่าถึงขณะนี้ยังมีผู้ประกอบการลักลอบนำปลาปักเป้ามาจำหน่าย ทั้งในรูปแบบของเนื้อสำเร็จรูป และไม่ได้แปรรูป โดยรับมาจากท่าเทียบเรือต่างๆ ในจังหวัดที่มีชายฝั่งติดทะเลทำการประมง อย่างไรก็ตาม เท่าที่มีการตรวจสอบจากสถิติ ของ ปศท.พบว่า ปัจจุบันผู้ประกอบการนิยมแปรรูปเนื้อปลาปักเป้าก่อนออกขาย เนื่องจากได้ราคาดีกว่า คาดว่า มีการนำเนื้อปลาปักเป้ากว่า 1 แสนกิโลกรัมออกจำหน่ายในแต่ละวันทั่วประเทศ

ปกติปลาปักเป้า 1 ตัว จะมีพิษฆ่าคนได้ถึง 30 คน หรือเท่ากับไซยาไนต์ 1,200 กรัม อีกทั้งพิษของปลาปักเป้ายังทนความร้อนได้ถึง 200 องศาเซลเซียส” พล.ต.ต.วิสุทธิ์ วานิชบุตร ฉายามือปราบปลาปักเป้า กล่าว

สัตว์สะพรึง...ผสมปลาร้า จริงหรือมั่ว!?

ทว่า หากย้อนไปเมื่อต้นปี 2559 หลังจากมีการบุกจับโรงงานปลาร้าเถื่อน จนกลายเป็นเรื่องฮือฮา เมื่อมีภาพแชร์ว่อนออกไปทางเน็ต อ้างว่า มีการนำสัตว์ที่น่าขยะแขยงหลายชนิดมาหมักผสมกับปลาร้า เช่น คางคก อึ่งอ่าง ไส้เดือน และงู มาหมักผสมในบ่อปลาร้าเพื่อส่งขายผู้บริโภค

เมื่อวันที่ 8 ม.ค.2559 บก.ตร.ภาค 4 ร่วมกับ สสจ.ขอนแก่น และ สสจ.กาฬสินธุ์ บุกทลายแหล่งผลิตปลาร้าเถื่อนที่ จ.กาฬสินธุ์ หลังจากได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้าน โดยตรวจยึดน้ำปราร้าบรรจุขวดไม่ได้มาตรฐาน และแสดงสลากไม่ถูกต้องจำนวน 96,000 ขวด มูลค่ากว่า 1 ล้านบาท พร้อมสั่งให้หยุดการผลิต และปิดโรงงานดังกล่าวจนกว่าจะถูกต้องตามกฎหมาย

หลังจากโรงงานปิด ปรากฏว่ามีภาพหลุดที่อ้างว่าถ่ายมาจากโรงงานปลาร้าที่ถูกปิดไปนี้ ในภาพนั้นแสดงให้เห็นถึงบ่อหมักปลาร้าที่แสนเขรอะสกปรก มีเศษคล้ายขี้เลื่อย และซากปลาเน่าแห้งติดรอบบ่อ นอกจากนี้ ยังลือหนัก ว่าโรงงานแห่งนี้มีการนำ สัตว์น่าสะพรึง เช่น คางคก อึ่งอ่าง ไส้เดือน งู มาผสมปะปนกับปลาร้า

อย่างไรก็ดี เมื่อรู้ถึงหูเจ้าของโรงานผลิตปลาร้าต้นเรื่อง ได้ออกมาปฏิเสธ ว่าไม่เคยใช้สัตว์เหล่านั้นมาผสมน้ำปลาร้าอย่างข่าวลือ ส่วนภาพบ่อที่ถูกโพสต์ในสภาพสกปรก โดยระบุว่าเป็นบ่อหมักปลาร้าที่นำมาขายผู้บริโภคนั้น จริงๆแล้วเป็นบ่อเกรอะ รองรับกากปลาร้าที่ไม่ใช้แล้ว เตรียมทำเป็นปุ๋ยหมัก

พร้อมชี้แจงต่อว่า ไปซื้อกากน้ำปลามาจากแถบภาคตะวันออก จากนั้นนำมาหมักผสมกับปลาร้า ซึ่งทำจากปลากระดี่ ปลาสร้อย นำไปต้มจนสุก แล้วปรุงรสใส่ขวดขาย ยอมรับว่าไม่ได้ขออนุญาตเปิดกิจการ แต่ข่าวลือทำลายกันแบบนี้ ดูจะไม่เป็นธรรมกับตนเองเลย

ปลาร้าดี ต้อง "กระดี่-สร้อย"

ปลาร้า หรือ ปลาแดก (ปาแดก) ปลาน้อย ในภาษาอีสาน เป็นอาหารหลัก และเครื่องปรุงรสที่สำคัญที่สุดในวัฒนธรรมภาคอีสาน จนถือเป็นหนึ่งในวิญญาณห้าของความเป็นอีสาน ได้แก่ ข้าวเหนียว ลาบ ส้มตำ หมอลำ และ ปลาร้า

ชีวิตชาวอีสานก่อนปี 2500 ครอบครัวชาวนาทุกครอบครัวจะทำปลาร้ากินเอง โดยหมักปลาร้าไว้มากหรือน้อยบ้าง ขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำฝน และความอุดมสมบูรณ์ของปลา

ลักษณะของปลาร้าอีสาน มักทำจากปลาน้ำจืดขนาดเล็ก เช่น ปลาสร้อยขาว ปลากระดี่ มาหมักกับรำข้าว และเกลือ แล้วบรรจุใส่ไห จะหมักไว้ประมาณ 7- 8 เดือน แล้วนำมารับประทานได้ ในบางท้องถิ่นมีค่านิยมว่า หมักให้เกิดหนอน จะยิ่งเพิ่มรสชาติยิ่งขึ้น ปลาร้าเป็นการถนอมปลาโดยการหมักไว้เป็นอาหารนอกฤดูกาล โดยมีข้อมูลเชิงสถิติระบุว่า กำลังการผลิตปลาร้าทั่วประเทศ 20,000 - 40,0000 ตันต่อปี อัตราการบริโภคปลาร้าโดยเฉลี่ยประมาณ 15-40 กรัมต่อคนต่อวัน ปริมาณการซื้อขายปลาร้าทั่วประเทศคิดเป็นมูลค่า 9 ล้านบาทต่อวัน

ปัจจุบันปลาร้าได้พัฒนาไปสู่ระดับสากลมากขึ้น มีปลาร้าพลาสเจอร์ไรซ์ เพื่อฆ่าเชื้อโรคก่อนด้วย หรือปลาร้าอนามัย แต่ส่วนใหญ่ก็ยังนิยมทำแบบเดิม โดยตักขายตามน้ำหนักตามตลาดสดต่างๆ



มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram

"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!


และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754



กำลังโหลดความคิดเห็น