xs
xsm
sm
md
lg

แหวกชีวิต คิดแบบ "อีฟ พุทธธิดา" 30+ แต่ยังแจ๋ว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"อีฟ-พุทธธิดา ศิระฉายา" ชื่อนี้น้อยคนนักที่จะไม่รู้จัก...ใช่แล้ว เธอคือลูกสาว (คนเดียว) ของ "ต้อย เศรษฐา" นักร้องรุ่นเก๋าแห่งวงดนตรียุค 60 ดิอิมพอสซิเบิ้ล กับ "อรัญญา นามวงศ์" นักแสดงรุ่นใหญ่มากผลงาน ลูกไม้หล่นใต้ต้นที่ผ่านมาแล้วทั้งงานเพลง พิธีกร โฆษณา ละครเวที หรือแม้กระทั่งธุรกิจส่วนตัว

ดังนั้น คำว่า "30+ แต่ยังแจ๋ว" คือคำเรียกที่น่าจะเหมาะกับเธอมากที่สุด ซึ่งนอกจากความเก๋ไก๋ในแบบของเธอแล้ว ยังแจ๋วทั้งพลังความคิด และทัศนคติในการใช้ชีวิต โดยเฉพาะครอบครัวที่มีผลอย่างมากต่อการสร้างโลกอันสวยงาม และทัศนคติในการมองโลกของเธอ

ที่มา "อีฟ-พุทธธิดา"


"ที่บ้านเลี้ยงอีฟแบบไม่เปิด แล้วก็ไม่ปิดค่ะ ทุกอย่างมันไปในเส้นที่พอดีกัน อีฟโชคดีที่เติบโตมาในครอบครัวที่ให้เกียรติซึ่งกันและกัน เรารับฟังกันและกัน ไม่ใช่ว่าอีฟเป็นเด็ก อีฟพูดอะไรไม่ได้ เด็กก็มีมุมของเด็ก ถ้าพ่อแม่ไม่ฟัง เขาก็จะไม่มีโอกาสได้ตอบคำถามในสิ่งที่เราคิด หรือสงสัย หรือไม่มีความเข้าใจ แต่โชคดีที่อีฟมีคนคอยให้ข้อมูลที่ดี


อะไรก็ตามที่เราไม่เข้าใจ เราไม่ต้องไปหาจากที่อื่น เพราะพ่อแม่อีฟตอบได้ หรือทัศนติในบางเรื่อง เขาก็ให้เราได้ บางเรื่องคิดแบบนี้ไม่ได้นะลูก เขาก็จะบอก ซึ่งทุกอย่างมันเกิดจากการพูดคุย อีฟจึงเป็นคนเปิดประตูกว้าง แต่มีตัวกรอง ไม่ว่าจะสติของเราเอง ความรู้ที่พ่อแม่ให้มา ครอบครัวของเราที่เป็นกำแพง มันก็เลยทำให้อีฟมีทัศนคติในการมองโลกที่ดี ในขณะเดียวกันก็มีสติรู้เท่าทัน"


ลูกสาวคนเดียวภายใต้หลังคา "ศิระฉายา" เริ่มต้นเล่าด้วยการย้อนกลับไป ณ สถานที่ที่สร้างเธอขึ้นมาอย่างครอบครัว แม้หลายคนจะบอกว่า "สวยสู้แม่ไม่ได้เลย" แต่เรื่องนั้น คงไม่สำคัญกับความเก่ง และความแกร่งจากข้างใน ซึ่งเธอได้รับจากแม่มาเต็มๆ




"อีฟได้ความเข้มแข็งจากแม่ โดยเฉพาะทัศนคติเรื่องจิตใจ เราเป็นเจ้าของตัวเรา เราเป็นเจ้าของชีวิตเรา เราจะมานั่งงอมืองอเท้า ท้อถอย ร้องห่มร้องไห้ โอ้ย! ทำไมคนนี้เขาไม่ทำแบบนี้กับเรา ตรงนี้ไม่เคยมีค่ะ ซึ่งอีฟได้มาจากแม่ แล้วแม่ก็ได้มาจากยาย โดยยายมีเลือดนักสู้สูงมาก ส่วนพ่อ พ่อจะมีความละมุนละม่อม อ่อนน้อมถ่อมตน รู้จักพัฒนาตัวเองอยู่ตลอด และที่สำคัญคือ อยู่เป็น เป็นทั้งนักร้อง นักแสดง พิธีกร และอื่นๆ ซึ่งพ่อเป็นตัวอย่างให้เห็นโอกาสที่ต้องกล้าจะก้าวออกไป อย่าปิดกั้นตัวเอง" เธอเผยถึงส่วนผสมที่ลงตัว

ผู้หญิง "มีมาตรฐานชีวิต"


ด้วยการเลี้ยงดูที่ให้อิสระในการคิด และการใช้ชีวิต ทำให้เธอโตเป็นผู้ใหญ่มีแบบแผน เห็นได้จากมาตรฐานชีวิตในแบบของเธอ


"มาตรฐานชีวิตของอีฟมีอยู่ 3 อย่างคือ สิ่งที่เราควรทำ สิ่งที่เราต้องทำ และสิ่งที่เราอยากทำ เราต้องแยกก่อนว่าเราอยู่ในช่วงไหนของชีวิต อย่างตัวอีฟเอง ด้วยวัยเราต้องทำในสิ่งที่ต้องทำก่อน เพราะเวลาเราอาจจะมีไม่มากพอ เช่น เราต้องอยู่กับพ่อแม่ ซึ่งต้องตอบโจทย์ในสิ่งที่เราต้องการ ณ เวลานี้ แต่ถามว่าสิ่งที่เราอยากทำมีไหม มีค่ะ ถ้าแบ่งเวลาได้ หรือสิ่งที่ควรทำ อะไรที่สร้างมาแล้ว เราควรทิ้งมันไปเหรอ เราควรเก็บมันไว้ไหม เราควรไปต่อหรือเปล่า เราควรใส่ใจอะไรบ้าง ซึ่งมันเป็นความรับผิดชอบในชีวิตมนุษย์


ทั้ง 3 อย่างนี้ ทำได้หรือไม่ได้ อย่างแรกต้องรู้ก่อนว่าอะไรที่เราต้องทำ อะไรที่ควรทำ และอะไรที่เราอยากทำ เมื่อรู้แล้วก็ต้องจัดสรรเวลา จัดอับดับก่อนหลัง อันไหนสำคัญสุด อะไรที่เราต้องทำเดี๋ยวนี้ อะไรที่เราควรทำ และอะไรที่เราอยากทำ รอได้ไหม หรือต้องทำเลย พอจัดสรรแล้ว คอยติดตามผลมันด้วยว่า มันให้อะไรกับเรา เราจบจากมันหรือยัง หรือว่าอันนี้ยังไม่สำเร็จ เราควรจะทำยังไงกับมัน


ฟังในสิ่งที่อีฟพูดแล้ว หลายคนมองว่า อู้ย (ลากเสียงยาว) ทำยากจังเลยอ่ะ เอาง่ายๆ เลยนะ ใน 1 วันมี 24 ชั่วโมง นอนให้ได้ 7 ชั่วโมงก่อน ที่เหลือจากนั้นเราก็บริหารเอา แต่ 7 ชั่วโมงเราต้องนอน ถามว่าทำไมต้องนอน ถ้าเราไม่นอนเราทำอะไรที่เราพูดมาไม่ได้หรอก มันไม่มีแรง มันไม่มีพลัง




ส่วนตัวอีฟใช้หลักในการใช้ชีวิตคือ เราต้องกิน เราต้องนอน เราต้องมีความสุข ถ้าเราสร้างพวกนี้ไม่ได้ เราจะทำที่พูดมาไม่ได้เลย หรือทำก็ทำได้ไม่มากพอ ดังนั้นมันก็โยงที่มาเรื่องของความรัก ถ้ามีแล้วไม่มีความสุข เราไม่เลือกเพราะเราอยากกิน อยากนอน อยากมีความสุขเพื่อเอาพลังไปทำอย่างอื่นต่อ

เพราะฉะนั้นอะไรที่เข้ามาแล้วถ่วงชีวิต อีฟตัดทิ้ง ซึ่งบางคนอาจจะบอกว่า ใครจะไปทำได้ ใครจะไปคิดแบบนี้ได้ทุกคน อีฟก็จะมองว่า ลองคิดว่าเราจะตายพรุ่งนี้สิ ถ้าคิดว่าเราหลับแล้วไม่ได้ตื่นขึ้นมา แค่นั้นเอง อีฟเชื่อว่าทุกคนทำได้ค่ะ เราแค่ไม่ทำมันเท่านั้นเอง"


ลำดับชีวิต ผู้หญิง 30+


ถึงวันนี้ในวัย 30 ต้นๆ ถามว่าที่ผ่านมาการจัดลำดับความสำคัญในชีวิตเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง และนี่คือคำตอบของเธอ


"ชีวิตอีฟไม่ว่าจะตอนนี้หรือตอนไหน สำคัญที่สุดคือพ่อกับแม่ เพราะทุกอย่างที่อีฟทำ อีฟทำเพื่อท่าน เราไม่รู้เลยว่าเวลาของเขา หรือของเรา เวลาของใครจะหมดก่อนกัน รองลงมาก็คือตัวอีฟเอง ถ้าเราไม่ให้ความสำคัญกับตัวเอง เราก็จะไม่มีเหตุผลที่จะผลักให้ตัวเองยิ่งเก่ง ยิ่งดี ยิ่งๆ ขึ้นไป ซึ่งแรงผลักตรงนี้ก็มาจากพ่อแม่ ทำให้เขาภูมิใจ และบอกว่า นี่! ลูกสาวคนเดียวของฉัน คนที่ฉันสร้างเขาขึ้นมา ส่วนงานเป็นองค์ประกอบหนึ่งเท่านั้น


แล้วเงินทองล่ะ เราให้ความสำคัญไหม เราโตมาขนาดนี้ เรารู้แล้วว่าเงินทองซื้อไม่ได้ทุกอย่าง อย่างน้อยก็ซื้อเวลาไม่ได้ เพราะฉะนั้นถ้ามีเงินตอนนี้ ซื้อได้ซื้อเลย ใช้ได้ใช้เลย เงินหาใหม่ได้ เราแค่ทำตัวเองให้มีคุณค่า เราพัฒนาตัวเรา เราทำงาน เราทำโน่น ทำนี้ เรามีความรับผิดชอบ ถ้าเราให้ความสำคัญกับสิ่งเหล่านี้ได้ เงินมันก็จะตามมา พูดง่ายๆ คือ หนักต้องเอา เบาต้องสู้ ต้องทำทุกอย่างให้ได้ ด้วยความที่อีฟไม่ค่อยเลือกงาน อีฟก็จะไม่ขาด พอเงินไม่ขาด อีฟก็มีโอกาสใช้เงินเพื่อทำสิ่งที่ตัวเองอยากทำ เช่น ไปเที่ยว ไปกิน




พูดแบบนี้ บางคนบอกว่า โห! ชีวิตดูดีจังเลยเนอะ อ้าว! เราทำชีวิตเราให้ดี เรามีทัศนคติที่ดี ชีวิตเราก็ต้องดี ถามว่ามีช่วงที่แย่บ้างไหม มีค่ะ แค่ก่อนจะเป็นประจำเดือนก็แย่แล้ว ก็ผู้หญิงอ่ะเนาะ (ยิ้ม) ชีวิตก็เหมือนกันค่ะ ถ้ามันรู้สึกแย่ มันแย่กว่าความรู้สึกก่อนมีประจำเดือนเสียอีก แต่เราต้องยอมรับว่าความรู้สึกแย่ หรือช่วงที่ล้ม มันคือส่วนหนึ่งของชีวิต แต่ทุกครั้งที่เราล้มมันสำคัญว่าเราจะลุกขึ้นมายังไง

ยกตัวอย่างคนที่โดนแฟนทิ้งไม่ว่าจะรูปแบบใดก็ตาม เราเป็นหนึ่งในคนล้านๆ คนบนโลก คิดว่าเราเป็นคนเดียวเหรอที่ถูกแฟนทิ้ง แล้วเขาทำยังไง ทำไมเขารอด ทำไมเขาเดินต่อไปได้ โลกมันไม่ได้หยุดแค่เราโดนแฟนทิ้ง มันมีอะไรที่ใหญ่กว่าตัวเราเยอะ ถ้าเราคิด และถอยออกมาดูตัวเองในภาพใหญ่ๆ เราก็จะรู้ว่าเราไม่ได้โดดเดี่ยว เราไม่ได้เดียวดาย หรือเราไม่ใช่คนเดียวในโลกที่รู้สึกแบบนี้ คนอื่นผ่านมันไปได้ เราก็ต้องผ่านมันไปให้ได้ค่ะ!


ไม่เฉพาะแต่เรื่องความรัก มีใครบ้างที่ไม่เคยเดินเตะฝุ่น หรือบางคนแทบไม่มีโอกาสอะไรเลยในชีวิต เขายังอยู่ได้เลย มันก็เลยทำให้เรารู้สึกว่า ถ้าเราไม่ท้อ ไม่ถอย เรายังมองไปข้างหน้า และเชื่อว่ามันจะต้องเจอความโชคดี หรือโอกาสดีๆ ในชีวิต ถ้าเรายังเชื่อแบบนั้น วันหนึ่งมันก็จะมาเอง"


คำว่ารักคงยัง "ไม่พอ"


ดังนั้น "แม้หน้าตาจะไม่ธรรมะ แต่ประสบการณ์มันสอนอีฟว่าควรรักอย่างไรไม่ให้ทุกข์" และนี่คือสิ่งที่เธอกำลังจะบอกต่อไป


"คนที่เป็นคู่แท้กัน เขาอยู่กันได้ด้วยความพอดีค่ะ มันพอดีกัน ขั้วบวกขั้วลบพอดีกัน และเข้าใจกันได้ ซึ่งมันไม่ได้มีใครดีไปทุกอย่าง หรือแย่ไปทุกอย่าง ความรักมันไม่ใช่เข้าใจเขา มันต้องเข้าใจเรา เข้าใจว่ามันคือความต้องการของเรา มันคืออัตตาของเรา ถ้าเราลดได้ แสดงว่าเรารักเขา แต่ถ้าเราเอาแต่อยากได้ก็แปลว่าเรารักตัวเอง มาดูละครเวทีเรื่องก๊วนคานทองก็ได้ (หัวเราะ) มันสอนเรื่องความรักได้เป็นอย่างดี




ฉะนั้น ความสัมพันธ์ที่ดีมันไม่ใช่ เขา เขา เขาแล้วก็เขา ขณะเดียวกันก็ไม่ใช่ เรา เรา เรา แล้วก็เรา มันต้องเขาบ้าง เราบ้าง อี๊ฟก็เลยรู้สึกว่า หาให้เจอดีกว่าว่าสิ่งที่เราให้เขา มันใช่สิ่งที่เขาต้องการหรือเปล่า และสิ่งที่เราอยากได้จากเขา หรือสิ่งที่เขาคิดว่าเขาให้เราแล้ว มันใช่สิ่งที่เราต้องการหรือเปล่า หรือบางคนคาดหวังว่าเขาต้องอย่างนั้นสิ เขาต้องแบบนี้สิ เขาอยากได้หรือเปล่า

เขาไม่ใช่ตุ๊กตา เขาก็คนเหมือนกัน ถ้ามีคนมาทำแบบนี้กับเราบ้าง เธอต้องแบบนั้นสิ เธอต้องแบบนี้สิ เราจะรู้สึกอย่างไร ดังนั้นอยากทำอะไรให้ใครต้องถามเขานิดนึงว่าเขาต้องการไหม เขาอยากได้ไหม และเขาอยากได้แค่ไหน เขาอยากให้เราทำแทนให้เขา หรือเขาแค่อยากให้กำลังใจ คนที่เขาเจอ และเป็นคู่แท้กัน เขาอยู่กันได้ด้วยความพอดีอ่ะ มันพอดีกัน ขั้วบวกขั้วลบเราพอดีกัน และเข้าใจกันได้"

"อีฟ" ตัวจี๊ดแห่งก๊วนคานทอง

ที่เขียนแบบนี้ ไม่ใช่อะไร แต่กำลังจะบอกให้รู้ว่า เธอกำลังจะมีละครเวที "ก๊วนคานทอง Love Game เดอะ มิวสิคัล" ผลงานโดยบริษัท GNS และ Musical Musical ซึ่งเป็นเรื่องที่เธอบอกว่า สนุกมาก เพราะรับบทเป็น "เมเปิ้ล" สาว Fashionista ตัวแม่ สวยเฉี่ยว ชอบความเป็นผู้นำ

"ใกล้เคียงชีวิตจริงมั้ยคะ (หัวเราะ)" เธอเอ่ยขึ้น "เขาก็เลือกบทจากชีวิตจริงของเรานี่แหละ (หัวเราะ) คือจริงๆ แล้วเมเปิ้ลคือผู้หญิงทำงาน ถามว่ามันมีความคล้ายตัวอีฟไหม มันก็มี โดยเฉพาะการผิดหวังในความรัก ซึ่งเมเปิ้ลเอาตรงนั้นมาเป็นแรงผลัก ตัวอีฟก็เป็นแบบนั้น เพราะอี๊ฟรู้สึกว่า ถ้าความรักมันถ่วงเรา เราก็ต้องตัดมันทิ้งแล้วก็มุ่งไปในทิศทางที่เราคิดว่ามันจะพาเราขึ้นไปได้ นั่นก็คือการทำงาน และการใช้ชีวิต



ทุกวันนี้อีฟก็มีเต็มละ เหมือนกับตัวเมเปิ้ล งานก็ทำ เพื่อนฝูงเราก็มี แต่เมเปิ้ลจะเหงากว่าอีฟตรงที่เพื่อนกลุ่มนางมีความแตกกันตั้งแต่ตอนทะเลาะกันเรื่องผู้ชาย แล้วก็ลืมไปแล้วว่าความรักคืออะไรจนวันหนึ่งต้องมาให้ความสำคัญกับมันเพราะคนอื่นเขามีกันหมด ตกลงจะอยู่ยังไง

ในจุดนี้มันก็สะท้อนตัวเราเหมือนกันนะ แม้อายุของเมเปิ้ลจะ 35 ปีในขณะที่ชีวิตจริงของอีฟ 33 ปี ต่างกันแค่ 2 ปี พอเรากลับมาสะท้อนดูตัวเอง เออจริงนะ มันเป็นวิกฤติของผู้หญิงวัยนี้จริงๆ ว่า เราก็ต้องคิดแล้วว่า ตอน 40 เราจะยังอยู่คนเดียว เราพร้อมหรือเปล่าที่จะอยู่คนเดียว ซึ่งในที่สุดแล้ว ตัวเมเปิ้ลมันเกิดจากความเคยชิน อ้าว! ก็มีแล้วไงดาวบริวารอยู่รายล้อม ไม่ต้องการก็ได้มั้ง เหมือนตัวอีฟที่มีเพื่อนอยู่แล้ว เราไม่ต้องการก็ได้มั้ง จริงหรือเปล่า มันจริงเหรอ คนเหล่านี้เขาจะอยู่กับเราไปตลอด แล้วเขาจะไม่มีชีวิตของเขาเลยเหรอ"


สำหรับ "ก๊วนคานทอง Love Game เดอะ มิวสิคัล" จะเปิดแสดง 22-31 กรกฎาคมนี้ที่โรงละคร เคแบงค์สยามพิฆเนศ นำแสดงโดย แคทรียา อิงลิช, ชาย ชาตโยดม, ลูกหว้า พิจิกา, อาร์ อาณัตพล, อีฟ ศิระฉายา และเก้ง เขมวัฒน์ร่วมด้วย นีรนุช ปัทมสูต, วิยะดา โกมารกุล ณ นคร, ศรัทธา ศรัทธาทิพย์, กานดา วิทยานุภาพยืนยง และจักรพันธ์ ตัณฑะสุวรรณะ


อีฟจ๋า ยังนั่งบนคานอยู่หรือเปล่า?


แม้จะไม่ได้ตามหาความรัก แต่เธอก็ไม่ได้ปิดกั้นหัวใจ ก่อนจะเผยติดตลกถึงสถานะตอนนี้ที่กำลังยืนอยู่บนบันไดระหว่างคานกับพื้นบ้าน


"ยังไม่ลงจากคานเต็มตัวค่ะ (หัวเราะ) คือตอนนี้กำลังยืนอยู่บนบันไดละกัน ยังไม่รู้ว่าจะเดินขึ้นไปหรือจะเดินลงล่าง คือเอาจริงๆ เรื่องของความสัมพันธ์มันเรื่องของคน 2 คน เราพร้อมเขาไม่พร้อม หรือเขาพร้อมเราไม่พร้อม มันก็ไม่พอดีกัน อีฟก็เลยตอบยาก ถามว่าตั้งแต่เลิกกับพี่เคน วงซีล กี่ปีแล้วนะ 7 ปีแล้วมั้ง สรุปแล้วจะยังไง อีฟมองว่า อีฟก็มีความสุขดีอ่ะ ถ้ามีคนเดินเข้ามาแล้วทำให้เราหนักกว่าเดิม อีฟก็ไม่รู้จะเอามาทำไม มันก็เลยเป็นเหตุผลว่า ทำไมเราถึงอยู่คนเดียวมาตลอด เพราะยังไม่เจอใครที่เข้ามาแล้วทำให้ชีวิตเบาขึ้น



ถึงตอนนี้ ก็มีคนเดินเข้ามานะ อยู่ด้วยกันแล้วเบา แต่...มันจะเบาไปอีกนานไหม อีฟบอกไม่ได้ค่ะ คงต้องให้ "ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน" อายุขนาดนี้แล้วจะมานั่งเลิกๆ คบๆ มันไม่ใช่เรื่องแล้วค่ะ อีฟก็เลยรู้สึกว่า ให้เวลามันพาไปดีกว่า เพราะสุดท้ายแล้ว การคบกันไม่ใช่เรื่องของคนสองคน โดยเฉพาะตัวอีฟเองที่รายล้อมไปด้วยพ่อแม่ และเพื่อน คนที่จะเข้ามาต้องอยู่กับคนกลุ่มนี้ได้ด้วย ไม่ใช่อยู่แค่แต่กับเรา เช่นเดียวกับเรา ถ้าจะเข้าไปอยู่ในชีวิตใคร เขาให้ความสำคัญกับอะไรบ้างในชีวิตเขา เราก็ต้องยืนอยู่ในจุดนั้นได้ด้วย"

เราเกิด และตายทุกวัน


"ชีวิตเราก็เหมือนเกิดและตาย ตายคือเวลานอน เกิดคือเวลาตื่น เรายังมีโอกาสตื่น ดังนั้นเอาเวลาที่เราตื่น ซึ่งก็คือเราเกิด เอาไปหาอะไรให้มันคุ้มค่า อยากกินอะไรกิน อยากเที่ยวที่ไหนเที่ยว แต่ก็ต้องวางแผนชีวิตให้ดีด้วย ถ้าคนอื่นใช้ชีวิตได้เต็มที่ เราก็ต้องใช้ชีวิตได้เต็มที่เหมือนกัน" เป็นสิ่งที่อีฟพยายามพูดเตือนตัวเองอยู่ทุกวัน เพราะเวลาไม่เคยรอใคร และความตายก็ไม่รู้จะพรากชีวิตไปตอนไหน ดังนั้นการท่องโลกกว้างคือความสุขของเธอ


"อีฟโชคดีตอนที่เจอคุณครูฝรั่งท่านหนึ่งตอนเรียนมหา'ลัยอัญสัมชัญ ครูฝรั่งสอนวิชาโลกตะวันตก ความน่าสนใจของคลาสนี้ก็คือ เวลาที่ครูคนนี้สอน เขาจะเอาภาพที่เขาได้ไปมาจริงๆ มาชี้ให้ดูประกอบการเรียน ตอนนั้นอีฟรู้สึกว่า เจ๋งว่ะ ซึ่งเขาเป็นคนแรกที่จุดประกายอีฟว่า เวลาเรามีชีวิต มีโอกาสได้ไปท่องเที่ยวเดินทาง เราควรจะรู้ว่าเราไปทำอะไร ไปเห็นอะไร ไปดูอะไร แล้วได้อะไรกลับมา ไม่ใช่ไปถึง อ้อ! ซื้อของร้านนี้ กินข้าวร้านนั้น จบ กลับ ซึ่งมันจรรโลงด้านหนึ่ง แต่มันขาดไปอีกด้านหนึ่ง ในเมื่อเรามีโอกาสแล้วเราก็ควรทำให้ครบทุกด้าน




อย่างตอนอีฟจะไปอเมริกา ครูคนนี้ก็ถามว่า เคยไปเดินมิวเซียมที่อเมริกาไหม ตอนนั้นคิดในใจ ใครจะไปเดินว่ะ ไม่ใช่อ่ะ เราก็อยากจะไปกินฟ้าสฟู้ด หรือชอปปิ้งของเราป่ะ แต่อีฟก็ฟัง และถามเขาว่าจะไปเดินมิวเซียมอะไรดี เขาก็เปิดหนังสือเรียนเรื่องนาซี และบอกว่า ไปดูมิวเซียมแห่งนี้สิ ซึ่งเป็นมิวเซียมจำลองสถานการณ์ที่ชาวยิวโดนสังหารหมู่ แล้วเชื่อไหมค่ะ พออีฟไปดู มันจริงนะ เราได้เรียนมาก่อนแล้วว่าเรื่องราวมันเป็นยังไง ยิ่งพอได้ไปดู แม้จะเป็นที่จำลองขึ้นมา มันขนหัวลุกมาก เวลาไปยืนตรงห้องแชมเบอร์ที่เขารมควันคนให้ตาย มันขนลุกสุดๆ

ตั้งแต่นั้นมา มันเปลี่ยนการท่องเที่ยวของอีฟไปเลยค่ะ ความรู้สึกจากวัดนี้สวย แต่ไม่รู้ว่ามีความน่าสนใจอะไร มีที่มาที่ไปอย่างไร กับการรู้มาก่อนมาวัดนี้ใครสร้าง มันมีความพิเศษอย่างไร มันต่างกันมากเลยนะ ซึ่งการไปเที่ยวของอีฟ อีฟจะไปนาน เพราะการไปแปปเดียว มันไม่ได้อะไรจริงๆ"


ทั้งหมดนี้คือชีวิต และมุมคิดของ "อีฟ พุทธธิดา ศิระฉายา" เพราะเลข 3 นี่แหละ เพอร์เฟกต์ที่สุดแล้ว...


เรื่อง : ปิยะนันท์ ขุนทอง

ภาพ : พงษ์ฤทธิ์ฑา ขวัญเนตร และขอบคุณภาพจากอินสตาแกรม @yvessirachaya




มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram

"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!


และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754



กำลังโหลดความคิดเห็น