ชูนิ้วมือขึ้นมา ทำท่า “บอกรัก” มันธรรมดาไป! ให้ทำท่านั้นค้างเอาไว้ แล้วหงายมือขึ้น จะเห็นนิ้วกลางกับนิ้วนางกดอยู่กลางฝ่ามือ จากนั้นจึงเริ่มปฏิบัติการสื่อสารความพิเรนทร์ ขยับนิ้วทั้งสองนั้นขึ้นๆ ลงๆ เป็นจังหวะ พร้อมส่งเสียงประกอบให้ดัง “แจ๊ะๆ” แล้วจะได้ท่า “รักนะแจ๊ะ” สุดฮิตติดเรต ที่ครีเอตและใช้เล่นกันในหมู่วัยรุ่นไทย จนเกิดกระแสวิจารณ์ความเสื่อมกันอย่างหนักอยู่ในขณะนี้...นะแจ๊ะ!!
รู้ไหม? “แจ๊ะ” ไม่ใช่ “จ๊ะ” แต่เสื่อมกว่านั้นเยอะ!!
“#รักนะแจ๊ะ” พักหลังๆ จะเห็นแฮชแท็กยอดนิยมนี้ในหมู่วัยรุ่นบนโลกออนไลน์กันให้พรึ่บ แรกๆ วัยฮอร์โมนจะใช้แทนคำว่า “รักนะจ๊ะ” แค่เปลี่ยนจาก “จ๊ะ” เป็น “แจ๊ะ” เพื่อสนองอาการคะนองปาก เช่นเดียวกับการแปลงคำอื่นๆ ในภาษาวัยรุ่นเพื่อเพิ่มระดับความกวนโอ๊ยอย่าง “วุ่นวาย” เป็น “เวิ่นเว้อ” หรือ “นะครับ” เป็น “นะครัช”
แต่หลังจาก คำฮิตคำนี้มีท่าสุดครีเอตในทางเสื่อมตามออกมา คำว่า “รักนะแจ๊ะ” ที่เคยมีความหมายธรรมดา ก็เพิ่มนัยมาเป็นสองแง่สามง่ามทันที เพราะเจ้าท่าประกอบถ้อยคำที่ว่านี้ มันจงใจสื่อสารกันไปในเรื่องเพศ!!
เริ่มจากท่าประกอบที่บ่งบอกชัดเจนว่า ไม่ได้กำลัง “บอกรัก” แต่กำลัง “บอก lust (ราคะ)” โดยการชวนให้ชูนิ้วมือทั้ง 5 ขึ้นมา กดนิ้วกลางกับนิ้วนางลง จะได้ท่า “บอกรัก” แล้วเริ่มต้นความพิเรนทร์ด้วยการหงายมือขึ้น จากนั้นขยับนิ้วกลางกับนิ้วนางขึ้นลงๆ เป็นจังหวะ พร้อมส่งเสียงประกอบให้ดัง “แจ๊ะๆ” แล้วจะรู้ทันทีว่าไอ้ท่านี้มันหมายความว่าอย่างไร
เผื่อใครยังนึกไม่ออกว่า “แจ๊ะๆ” หมายถึงเสียงอะไร มีพลเมืองเน็ตที่ร่วมวิพากษ์เรื่องนี้อย่างออกรส อธิบายเอาไว้ให้แล้ว
“เป็นเสียงธรรมชาติที่เกิดขึ้นเวลาที่ร่วมเพศ โดยทำมือคล้ายท่าทางในรูปประกอบกิจกรรม เพื่อให้ฝ่ายหญิงถึงออกัสซั่มค่ะ”
“ไม่ใช่ท่าเวลาร่วมเพศครับ แต่เป็นท่าเวลาร่วมตัวเองครับ แล้วมันมีน้ำเข้ามาเป็นตัวแปร”
“เสียง 'แจะแจะแจะ' คือเสียงที่เกิดขึ้น เวลาดันนิ้วเข้าออกช่องคลอดครับ”
“หมายถึง ตกปลาครับ”
นี่แหละคือที่มาของแฮชแท็กยอดฮิตอีกหนึ่งตัว แฮชแท็กที่จงใจตั้งขึ้นมาเสริมท่าทะลึ่งๆ ของเหล่าวัยรุ่นท่านี้ “#รักนะแจ๊ะๆ” ใครที่ได้รับถ้อยคำและท่าทางแบบนี้จากเพื่อนๆ ไม่ว่าหญิงหรือชาย ให้รู้ไว้เลยว่ามันไม่ใช่การบอกรัก แต่เป็นการจงใจสื่อสารความเสื่อมตามสมัยนิยมมาให้ต่างหาก
ที่น่าตกใจคือ มีหญิงสาววัยคะนองจำนวนมากออกมาถ่ายภาพและถ่ายคลิปในท่า “รักนะแจ๊ะ” กันอย่างสนุกสนาน เพราะมองว่าเป็นเรื่องแชร์กันขำๆ โดยอาจไม่ได้คิดถึงนัยที่แฝงเอาไว้ในภาษากายเหล่านั้นว่า มันกำลังทำลายภาพลักษณ์ของตัวคนที่ทำอยู่...
“รักนะแจ๊ะๆ นี่มันตลกเหรอคะ?” หญิงสาวคนหนึ่งตัดสินใจตั้งกระทู้พันทิปถามคนในสังคม หลังพบว่ากระแสท่าฮิตท่านี้กำลังระบาดหนักมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในหมู่วัยรุ่นหญิง จนส่งให้กลายเป็นประเด็นร้อนถกเถียงกันอย่างหนักถึงเรื่อง “ความเหมาะสม” อยู่ในขณะนี้
“ช่วงนี้เห็นคนแชร์กันเยอะมาก กับการที่ผู้หญิงพูดรักนะ ทำท่าไอเลิฟยู แล้วต่อด้วยแจ๊ะๆ แล้วทำท่าเหมือนการใช้นิ้วสอดใส่อวัยวะเพศ
จากคลิปที่เราเห็นเป็นเด็กผู้หญิงใส่ชุดนร.ทำ อายุไม่น่าจะเกิน 17-18 ตอนแรกก็คิดว่าคิดมากไปเองนะ แต่ถามใครทุกคนก็คิดถึงเรื่องอย่างว่าทั้งนั้น แล้วคนที่ทำส่วนใหญ่ก็อยู่ในชุดนักเรียน นักศึกษา คือมันไปกันใหญ่แล้วนะ
เราก็เพิ่ง 20 ต้นๆ ไม่ได้แก่แล้วก็หัวโบราณด้วย แต่เรากลับไม่ขำกับการโพสต์อะไรแบบนี้เลย ถ้าวันนึงมีลูกแล้วลูกคุณมาทำท่าทางอะไรแบบนี้ คนอื่นเขาจะมองยังไง ไม่ว่าจะหญิงหรือชาย
ไม่อยากให้มองว่าเป็นเรื่องเล็กๆ เรื่องการละเมิดทางเพศ ข่าวข่มขืนก็มีให้เห็นอยู่ทุกวัน การทำท่าทางสื่อถึงเรื่องอย่างว่า แล้วมาโพสต์ในโซเชียลฯ มันไม่ได้ส่งผลดีต่อตัวเองเลย ขอแท็ก 'ห้องชานเรือน' ด้วยนะคะ เพราะน่าจะมีแม่ๆ เยอะ อยากให้สอดส่องดูการใช้โซเชียลของลูกๆ หน่อย”
คิดใหม่ได้ไหมแจ๊ะ? บอกรักเวอร์ชันเด็กไทยแบบ “ไม่เสื่อม”
ยังไม่มีใครฟันธงได้อย่างแน่ชัดว่า ต้นตอของท่าเสื่อมๆ นี้มาจากที่ใด แต่ลือกันหนาหูว่าเป็นมุกที่แชร์ต่อๆ กันมา โดยเริ่มจากเด็กคนหนึ่งจากโลกโซเชียลฯ นี่แหละ แต่ที่ทำให้ท่านี้ถูกแชร์สนั่นหวั่นไหว ก็เพราะคลิปของเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารัก 2 คนในชุดนักเรียนโรงเรียนดัง ที่ทำท่าตามกระแส “รักนะแจ๊ะ” จนถูกชมว่าน่ารักและแชร์ต่อ จนกลายเป็นท่าฮิตอยู่ในตอนนี้ในที่สุด
ภาพการ์ตูนจากแฟนเพจ “กระเพรา” คือจุดชนวนสำคัญที่ทำให้ท่าบอกรักสุดพิเรนทร์ท่านี้ถูกกลับมาพูดถึงอีกระลอกใหญ่ โดยแอดมินหรือผู้ดูแลเพจดังกล่าว ใช้การ์ตูนช่องแนวทะลึ่งตึงตังดำเนินเรื่อง ให้เด็กผู้ชายคนหนึ่งเดินมาชูมือทำท่า “บอกรัก” เด็กผู้หญิง แล้วพูดคำว่า “รักนะ...” แล้วตบท้ายด้วยท่า “แจ๊ะๆๆ” เพื่อปิดเรื่องด้วยการหักมุมเอาฮา แต่ผลที่ได้คือส่งให้คนแชร์และส่งต่อท่า “รักนะแจ๊ะ” นี้ออกไปอีก จนคนบางส่วนก็เหมารวมไปแล้วด้วยซ้ำว่า เพจ “กระเพรา” คือเพจของคนต้นมุกเสื่อมๆ นี้
[ขอบคุณภาพ: แฟนเพจ “กระเพรา”]
"ส่วนตัวคิดว่า ตอนเห็นการ์ตูนในเพจกระเพรา เรารู้สึกเฉยๆ แต่การที่ผู้หญิงมาโพสท่าอะไรแบบนี้ มันน่าเกลียดค่ะ" นี่คือมุมมองของพลเมืองเน็ตที่ฝากเอาไว้ ส่วนเจ้าของเพจที่ตกเป็นผู้ต้องหาจะคิดเห็นอย่างไรต่อประเด็นนี้ บรรทัดต่อจากนี้คือมุมมองของเขา หลังได้เห็นกระทู้พันทิปซึ่งเป็นประเด็นร้อนในครั้งนี้แล้ว
“จริงๆ มันก็ไม่เกี่ยวกับเพจผมหรอก ที่ต้องมาร้อนก้นเพราะผมเป็นต้นตอ แล้วเกิดคำถามว่า แค่ทำมือแบบนี้ มันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ บางคนก็ว่าเกินไปจากที่ผมไล่อ่าน ผมไม่ค่อยเล่นเฟซฯ ด้วย แต่มีเพื่อนๆ ในเฟซฯ ส่งรูปมาให้ดูบ่อย ที่ทำมือไอเลิฟยู แล้วก็หงายมือพร้อมข้อความ 'รักนะแจ๊ะๆ'
สำหรับผมก็เห็นว่าขำๆ ไม่คิดอะไร เพราะไอ้เจตนาของภาพที่ผมวาดคือ 'รักนะ.. ซะที่ไหนล่ะ' ประมาณว่าแค่พลิก(ฝ่ามือ)ความหมายก็เปลี่ยน
ผมก็ไม่ชอบเหมือนกัน กับไอ้เพจที่เรียกยอดไลค์จากหัวข้อกระทู้แล้วก็คอมเมนต์แบบนี้ ไม่มีอะไรเป็นของตัวเองเลย ที่ต้องตั้งแคปชั่นแบบนี้ เพราะผมนึกถึงวลีนึงที่ว่า 'อย่าเหยียบหัวคนอื่น เพื่อทำให้ตัวเองสูง'... ดรามาจบแล้วมาเรียกด้วยนะ จะได้วาดตามปกติ”
ถ้าลองเอาท่าบอก “รักนะแจ๊ะ” ยอดฮิตของวัยรุ่นไทยในวันนี้ มาเทียบกับท่าบอกรักแนวเกาหลี “มินิฮาร์ต (Mini Heart)” ซึ่งใช้นิ้วโป้งกับนิ้วก้อยมาไขว้ให้เป็นรูปหัวใจขนาดเล็ก จะเห็นถึงความเหมือนที่แตกต่าง คือเป็นการสื่อสารด้วยภาษากายจนทำให้กลายเป็นกระแสเหมือนกัน แต่ระดับความสร้างสรรค์กลับต่างกันเยอะ จากจุดนี้เองที่ทาง ผอ.สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ “พญ.มธุรดา สุวรรณโพธิ์” มองว่าน่าจะสะท้อนบทเรียนหลายๆ อย่างได้อีกมากเลย
[ท่า "Mini Heart" ตัวอย่างดีๆ จากการใช้ภาษามือ "บอกรัก" ในทางสร้างสรรค์]
“ถึงแม้จะไม่ได้มีคนออกมาพูดตรงๆ ว่าท่าทางที่ทำ ภาษามือที่ใช้อันนั้นมันหมายถึงอะไร แต่มันก็สื่อความหมายได้เยอะเลยนะคะ โดยเฉพาะยุคแห่งเทคโนโลยีการสื่อสารแบบนี้ด้วยแล้ว การแสดงออกทางสีหน้าท่าทาง มันถูกถ่ายทอดออกมาเป็นภาพเป็นคลิปได้หมด ทำให้สิ่งที่ต้องการสื่อสารสามารถส่งต่อและทำให้เข้าใจได้ โดยที่ไม่ต้องอธิบายเป็นคำพูดเลยด้วยซ้ำ เหมือนกับที่คนเขาชูนิ้วกลางให้กันเวลาโมโหนั่นแหละค่ะ
ถามว่าผู้ใหญ่ที่มองท่าทางแบบนี้ในมุมของการคิดมากไปหรือเปล่า ก็ต้องบอกว่าถ้ามันทำให้คนคิดไปได้ในทิศทางนั้น แสดงว่าท่านั้นจะต้องล่อแหลมพอสมควร แต่เราคงไปห้ามไม่ให้เด็กๆ ทำไม่ได้หรอกค่ะ แค่อยากจะบอกว่าทำแล้วมันดูไม่ดี ยิ่งถ้าท่าที่ทำมันติดหน้าเราไปด้วย มันก็ส่งผลต่อชีวิตหลายๆ อย่างได้เหมือนกัน ซึ่งจุดนี้เป็นเรื่องที่ต้องระวัง
ยกตัวอย่างง่ายๆ ทุกวันนี้เวลาสัมภาษณ์งานหรือไปเรียนต่อ เขาไม่ได้ดูแค่ในใบสมัครงานกันแล้วนะคะ เขาตามไปดูกันถึงเฟซบุ๊ก ไปดูภาพต่างๆ ของคุณที่เคยโพสต์เอาไว้ในโซเชียลเน็ตเวิร์กว่าเคยไปทำอะไรแปลกๆ เอาไว้บ้างหรือเปล่า และเมื่อสิ่งเหล่านี้มันไปอยู่ใน cloud แล้ว อยู่ในโลกออนไลน์แล้ว บางครั้งถึงเรากลับมาลบภาพลบคลิปที่เราเคยโพสต์ไว้ แต่ข้อมูลบางอย่างก็อาจจะยังเหลืออยู่ในระบบ หรืออาจมีคนเซฟภาพ ดูดคลิปเราไปเก็บและเอาไปแชร์ต่อแล้วก็ได้ ถึงตอนนั้นเราก็ตามลบ ควบคุมไม่ได้แล้ว
[ทำกันจนเป็นท่าฮิต จนเพจสามารถรวมภาพ-รวมอัลบั้ม ได้เลยทีเดียว]
เพราะฉะนั้น ในเมื่อตระหนักรู้ถึงผลของมันแล้ว ก็คงจะต้องเตือนให้ 'รู้รับผิดชอบ' ในการกระทำของตัวเองด้วยแล้วกันค่ะ ถ้าเห็นแล้วว่ากระแสไหนไม่เหมาะ ไม่ดี ก็ไม่ต้องไปทำตามและไม่ไปสนับสนุนให้ยิ่งแพร่กระจายออกไป
อีกอย่าง ไหนๆ ถ้าเด็กๆ อยากจะคิดอะไรใหม่ๆ ขึ้นมา ก็อยากจะเชิญชวนให้ช่วยกันคิดดูว่า นอกจากบอกรักภาษามือแล้ว ยังมีแบบอื่นได้อีกหรือเปล่า แต่ต้องเป็นแบบสร้างสรรค์นะคะ อาจจะสื่อสารด้วยแววตาก็ได้ เชื่อว่าเด็กไทยก็ครีเอตไม่แพ้เกาหลีหรอกค่ะ แทนที่เราจะทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันในทางลบ เราก็มาชวนกันสร้างกระแสในทางบวกดีกว่าไหม
[อีกหนึ่งตัวอย่าง การแชร์ต่อ "กระแสสร้างสรรค์" ของภาษามือ รณรงค์ให้ร่วมปลูกป่าน่านด้วยแฮชแท็ก #ปลูกเลย]
อย่างตอนนี้ รุ่นป้าๆ เขาก็ชวนๆ กันมาทำท่า 'ต้นไม้' ชู 5 นิ้ว ชวนปลูกป่ากันอยู่นะคะ (ซึ่งมาจากคำเชิญชวนเรื่องปลูกป่าน่านของ สุหฤท สยามวาลา) แบบนี้ก็ถือเป็นการส่งต่อให้เกิดกระแสดีๆ ขึ้น น่าสนับสนุน ถ้ามันสร้างสรรค์แบบนี้ ต่อให้แพร่ไปที่ไหนก็ไม่มีเสียหายแน่นอนค่ะ แต่ท่าที่กำลังถูกวิจารณ์อยู่ตอนนี้ มันก็อาจจะฮิตได้แค่ในกลุ่มเด็กพิเรนทร์ๆ แค่นั้นเอง”
[ขอบคุณภาพ : แฟนเพจ "กระเพรา"]
[อย่าต้องให้ท่านี้ ลามไปถึงรุ่นหลานของเราเลย...]
ข่าวโดย ผู้จัดการ Live
ขอบคุณภาพ: แฟนเพจ “กระเพรา” และ pantip.com/topic/35321665
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754