ในยุคของโลกอินเทอร์เน็ตหลายปีที่ผ่านมาได้ก่อให้เกิดกลุ่มคนใหม่ ๆ มากมายหลายกลุ่ม และที่รู้จักกันเป็นอย่างดีคงจะหนีไม่พ้นบรรดา “เน็ตไอดอล” หนุ่มหล่อ สาวสวยหน้าตาดี ที่มีชื่อเสียงและโด่งดังมาจากจำนวนคนฟอลโล ยอดไลค์ ยอดวิว หรือแม้แต่ยอดแชร์ ที่สูงมากกว่าคนปกติทั่วไป หลังจากนั้นก็จะมีแบรนด์สินค้าต่าง ๆ มากมายติดต่อเข้ามาให้รีวิว ถือเป็นการสร้างรายได้อีกทางหนึ่ง เช่นเดียวกับ “น้องเอื้อย” พรสวรรค์ ภู่เสือ อีกหนึ่งเน็ตไอดอลขวัญใจวัยทีน ที่ได้แจ้งเกิดในโลกอินเทอร์เน็ตเมื่อหลายปีก่อน
จาก “น้องเอื้อย บ้านเบี้ยว” ที่ในวันนี้เธอได้กลายเป็นเน็ตไอดอลตัวจริงด้วยยอดฟอลโลในเฟซบุ๊กสูงถึง 1.2 ล้านคน และยอดฟอลโลในไอจีกว่า 8 แสนคน สาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้ม เอวบางร่างเล็ก ผมดำยาวสลวย ตอนนี้เธอกำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเขมาภิรตาราม ด้วยวัยเพียง 18 ปี น้องเอื้อยก็ได้กลายเป็นคนมีชื่อเสียงและโด่งดังเป็นที่รู้จักมากมายโดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นวัยเรียน ที่ยึดเธอเป็นแบบอย่างทั้งเรื่องการแต่งตัว ความสวย ความงาม เห็นตัวเล็กๆ แบบนี้ไลฟ์สไตล์การท่องเที่ยวของเธอกลับแตกต่างจากบุคลิกที่เห็นจากภายนอกอย่างสิ้นเชิง
ชอบที่สูง ปีนเขา-ขึ้นดอย ที่สุดแห่งความท้าทาย
“เอื้อยเป็นคนที่ชอบความท้าทายค่ะ แล้วก็ชอบที่สูงมาก ๆ ด้วย ดังนั้นสถานที่ท่องเที่ยวที่โปรดปรานของเอื้อยส่วนใหญ่จะเป็นภาคเหนือ เคยไปมาหลายจังหวัดทั้ง เชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง ช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมาก็ไปเที่ยวภูทับเบิก จังหวัดเพชรบูรณ์ กับครอบครัวมาค่ะ”
เน็ตไอดอลหน้าใส ค่อย ๆ บอกเล่าไลฟ์สไตล์การท่องเที่ยวของเธอ นอกจากจะเที่ยวห้าง ชอปปิ้ง ตามวิถีชีวิตวัยรุ่นทั่วไป ถ้าให้เลือกเธอชอบเที่ยวเชิงธรรมชาติมากกว่า แต่ด้วยวัยที่ถือว่ายังเด็กอยู่ การจะไปเที่ยวแบบนี้ส่วนใหญ่จะต้องไปกับครอบครัวเท่านั้น และโชคดีมาก ๆ ที่ทั้งคุณพ่อคุณแม่ชอบไปเที่ยวต่างจังหวัดอยู่แล้ว ทำให้เธอได้มีโอกาสได้ไปท่องเที่ยวตามที่ต่าง ๆ ที่ไหนเด็ด ที่ไหนดัง มีคนพูดถึงเยอะ ครอบครัวของเธอต้องได้ไปเยือนอย่างแน่นอน
“โดยส่วนตัวเอื้อย กับพ่อ แล้วก็พี่ชาย จะชอบไปเที่ยวตามที่สูง ๆ ขึ้นดอย ขึ้นภู อะไรแบบนี้ค่ะ ชอบเดินขึ้นไปบนที่สูงๆ ต้องเดินขึ้นไปเหนื่อยๆ จะเป็นอะไรที่ชอบมาก ส่วนคุณแม่จะไม่ค่อยไหวแต่ก็ตามไปด้วย (หัวเราะ) บรรยากาศมันจะเย็น มองเห็นธรรมชาติ แล้วก็ได้ผจญภัยด้วย”
นับเป็นครอบครัวที่รักการท่องเที่ยวธรรมชาติมากๆ โดยการตัดสินใจไปเที่ยวแต่ละครั้งจะต้องมาจากประชาธิปไตย ทุกคนในครอบครัวมีสิทธิโหวต และจะต้องไปพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัวเท่านั้น รวมถึงข้อมูลการแนะนำจากแฟนคลับที่พอรู้ว่าน้องเอื้อยจะไปเที่ยวจังหวัดไหนก็จะคอยแนะนำสถานที่สวยๆ ให้ไปตลอด
“ครอบครัวเราจะเลือกการท่องเที่ยวตามฤดูกาลเลยค่ะ คุณพ่อจะชอบเที่ยวมากๆ และจะเป็นคนคอยหาสถานที่ อย่างช่วงหน้าหนาวก็จะชวนกันขึ้นเหนือ ที่ไหนสวยที่ไม่เคยไปก็จะไปกัน ชอบขับรถไปเอง พร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัว”
นอกจากจะชอบที่สูง ปีนเขา ขึ้นดอย ขึ้นภู ไปสัมผัสอากาศหนาวแล้ว สิ่งที่หนึ่งที่สาวน้อยประทับใจโดยเฉพาะการได้ไปท่องเที่ยวทางภาคเหนือที่ผ่านมาก็คือ “ผู้คน” ที่ยิ้มแย้มแจ่มใส เป็นมิตรกับนักท่องเที่ยว ส่วนทริปที่ประทับใจที่สุด น้องเอื้อยก็ได้บอกกับเราว่าชอบ “ภูทับเบิก” ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ มากที่สุด ทั้งวิวสวย อากาศดี เหมือนอยู่ต่างประเทศ และไม่คิดมากก่อนว่าเมืองไทยจะมีสถานที่สวย ๆ แบบนี้อยู่ด้วย นั้นเป็นครั้งแรกที่น้องเอื้อยได้มีโอกาสไปเยือน ภูทับเบิก พร้อมครอบครัว
“ไม่เคยไปภูทับเบิกเลยค่ะ ครั้งนี้เป็นครั้งแรก พอคุณพ่อมาชวนเราก็ตกลงทันที เพราะเอื้อยเป็นคนที่ชอบเที่ยวที่สูงๆ อยู่แล้ว และที่ภูทับเบิกนี้ก็เป็นสถานที่ที่ขึ้นชื่อว่าสูงที่สุดในจังหวัดเพชรบูรณ์อีกด้วย ยิ่งอยากไปใหญ่ ไปช่วงปลายปีอากาศต้องเย็นสบายแน่เลย”
'ภูทับเบิก' หนาวเย็นท่ามกลางทะเลหมอก-ชมไร่กะหล่ำ
ภูทับเบิกขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่มีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี เพราะอยู่เหนือระดับน้ำทะเลถึง 1,768 เมตร เป็นจุดที่สูงที่สุดของจังหวัดเพชรบูรณ์ มีสภาพภูมิประเทศที่สวยงามด้วยธรรมชาติแบบทะเลภูเขา มีอากาศบริสุทธิ์ สดชื่นเย็นสบาย ตั้งอยู่ที่ ตำบลวังบาล ห่างจาก อำเภอหล่มสัก และอำเภอหล่มเก่า 40 กิโลเมตร ช่วงที่น้องเอื้อยและครอบครัวเดินทางไปเที่ยว เป็นช่วงกลางเดือนธันวาคม ปี 2558 เลือกไปวันธรรมดาเพราะกลัวว่าคนจะเยอะ อากาศบนภูทับเบิกช่วงนั้นจะอยู่ที่ 12 องศา เย็นสบายในตอนเช้า แต่ช่วงกลางคืนถึงเช้ามืดเรียกว่าหนาวสั่นกันเลยทีเดียว
“ตอนแรกที่คุณพ่อขับรถมาจังหวัดเพชรบูรณ์เอื้อยก็หลับตลอดทางเลยค่ะ คิดว่าคงจะเหมือนการเดินทางปกติที่ไม่มีอะไรให้ดู ก็นอนมาตลอดทาง พอขึ้นไปบนภูก็เริ่มสูงขึ้นเรื่อย พอเราเริ่มเห็นวิวข้างทาง เอื้อยกับแม่ถึงกับร้องพร้อมกันในรถเลยค่ะว่า “ฮู้ว...” (หัวเราะ) มันสวยมาก สวยมากจริง ๆ แล้วก็โค้งเยอะมากด้วย”
ตามถนนทางขึ้นไปภูทับเบิกจะมีวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม สามารถชื่นชมบรรยากาศท่ามกลางอากาศหนาวเย็น จะได้เห็นสายหมอกจาง ๆ ที่ลอยอยู่ในอากาศรอบ ๆ ตัว บนภูจะมีจุดชมวิวที่ “อาคารหอดูดาวและที่วัดอุณหภูมิ” และ “จุดชมวิวปรอทยักษ์” ที่สูงที่สุด หรือจะแวะชมบรรยากาศข้างทางก็สวยงามไม่แพ้กัน นอกจากวิวสวย ๆ ที่ได้แวะชมแล้วที่บนภูทับเบิกก็ยังมีวัดที่สูงที่สุดชื่อว่า “วัดป่าภูทับเบิก” ที่น้องเอื้อยกับครอบครัวได้มีโอกาสเข้าไปสักการะ
วัดป่าภูทับเบิกเป็นวัดปฏิบัติธรรมที่เต็มไปด้วยความสงบร่มรื่น ปกคลุมไปด้วยต้นไม้นานาพรรณ ทำให้บริเวณวัดมีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี น้องเอื้อยและครอบครัวได้มีโอกาสไปเดินชมรอบ ๆ ในบริเวณวัดจะเห็น “พระมหาธาตุเจดีย์โพธิปักขิยธรรม" ที่กำลังดำเนินการก่อสร้างอยู่ โดยวัดจะอยู่ห่างจากจุดชมวิวยอดภูทับเบิกประมาณ 6 กิโลเมตร และมีความสำคัญทางด้านประวัติศาสตร์เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ใช้รองน้ำค้างกลางหาวที่ถือเป็นหนึ่งในน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์สำหรับประกอบพระราชพิธีสำคัญ ๆ ของบ้านเมือง อีกด้วย
“ทริปนี้เอื้อยพร้อมครอบครัวก็ได้ไปพักค้างคืนที่ภูทับเบิก 1 คืนค่ะ มีนักท่องเที่ยวเยอะมาก จอดรถไว้ที่พักแล้วก็สามารถเดินเล่นรอบ ๆ ได้เลย มีทั้งร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก จุดชมวิวให้แวะถ่ายรูปเต็มไปหมด ตอนเช้ามืดก็จะตื่นมาดูทะเลหมอก ทางขึ้นว่าสวยแล้ว บรรยากาศตอนเช้าที่ภูทับเบิกนี้ ต้องบอกเลยว่าสุดยอดและสวยมาก ๆ มันคุ้มจริง ๆ ที่ขึ้นมา”
อีกหนึ่งสถานที่ที่พลาดไม่ได้เมื่อมาเยือนภูทับเบิกก็คือ “ไร่กะหล่ำปลี” อันลือชื่อในชุมชนของชาวไทยภูเขาเผ่าม้ง หรือ แม้วที่ทำการเกษตรปลูกพืชตามไหล่เขา เมื่อขึ้นไปบนภูทับเบิกก็จะได้เห็นความสวยงามของไร่กะหล่ำเรียงรายเต็มไปหมด และยังมีพืชผักอื่น ๆ ที่ชาวบ้านเพาะปลูกไว้และนำมาขายให้กับนักท่องเที่ยวอีกหลายชนิด ทั้ง แครอท ผักกาดขาว ผักปวยเล้ง พริกดอย หัวไชเท้า และฟักแม้ว รวมถึงวิธีชีวิตของชาวเขาเผ่าม้งที่พบเห็นได้ทั่วไป
“เอื้อยได้มีโอกาสไปชมไร่กะหล่ำปลี คุณแม่ก็ซื้อกลับมาด้วย บนภูทับเบิกเป็นแหล่งปลูกกะหล่ำปลีที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เป็นครั้งแรกที่เอื้อยได้มีโอกาสมาเห็นของจริง สวยมากมองไปก็จะเห็นแต่ไร่กะหล่ำปลีสุดลูกหูลูกตา เพราะชาวบ้านจะปลูกกันมากจริงๆ แล้วก็จะมีบ้านคนอยู่ด้วย เรียกว่าเป็นชุมชนเลยค่ะ”
นอกจากวิวทิวทัศน์ที่สวยงามบนภูทับเบิกแล้ว สิ่งหนึ่งที่น้องเอื้อยประทับใจก็คือ วิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชาวเขาเผ่าม้ง ที่นักท่องเที่ยวสามารถพบเห็นได้ทั่วไปบนภูทับเบิกก็คือ การอนุรักษ์วัฒนธรรมการแต่งตัวของชาวเขาที่เดินไปมากันเป็นปกติ ส่วนหนึ่งเป็นน้องๆ ชาวเขาจริงๆ และอีกส่วนก็จะเป็นนักท่องเที่ยวที่ไปซื้อชุดชาวเขาที่มีขายบนภูมาใส่ถ่ายรูปกันเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศ และยังเก็บไปเป็นที่ระลึกได้อีกด้วย
“ตอนแรกคิดว่าจะเฉยๆ วิวธรรมชาติธรรมดาไม่ค่อยมีอะไร เหมือนทุกที่ที่เคยไป แต่พอขึ้นไปแล้วเต็ม 10 ให้ 100 นึงได้เลยค่ะ คือวิวสวย มีร้านอาหาร มีที่พักสวยงาม แต่ส่วนตัวเอื้อยไม่ค่อยอะไรมากกับที่ไปเที่ยวนะคะ ไม่ต้องมีสิ่งอำนวนความสะดวกมากก็ได้ ขอแค่ได้อาบน้ำก็พอ (หัวเราะ) คือผู้หญิงก็ต้องอยากอาบน้ำแต่งตัวสวย ๆ ไปถ่ายรูป”
แน่นอนว่าวัยรุ่นสมัยนี้การถ่ายรูปถือเป็นสิ่งจำเป็นและสำคัญมาก น้องเอื้อยก็เช่นกัน การเป็นเน็ตไอดอลส่วนหนึ่งที่มีคนมาติดตามเยอะก็มาจากรูปสวย ๆ ที่น้องเอื้อยลงผ่านโซเชียลนั่นเอง
“เอื้อยเป็นคนที่ชอบถ่ายรูปอยู่แล้วเวลาที่เราถ่ายรูปก็อยากได้วิวสวยๆ ด้วย ภาพมันก็จะดูเป็นศิลปะดูมีอะไรมากกว่าถ่ายที่บ้าน หรือถ่ายในเมือง อย่างเวลาที่เอื้อยถ่ายรูปตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ก็จะมีคนกดไลค์เยอะมาก เพราะแฟนคลับก็จะได้ชื่นชมกับบรรยากาศที่เราถ่ายมาด้วย”
เที่ยวเมืองไทย..สวยเหมือนไปต่างประเทศ
ตามธรรมชาติของเด็กวัยรุ่นส่วนใหญ่มักจะชอบท่องเที่ยวที่มีไลฟ์สไตล์แบบคนเมือง ตามห้างสรรพสินค้า แอร์เย็น ความสะดวกสบายเพรียบพร้อม น้องเอื้อยเองก็ที่ใช้ชีวิตปกติเหมือนวัยรุ่นทั่วไป แต่ด้วยความที่ครอบครัวชอบไปเที่ยวต่างจังหวัด เหมือนเป็นการปลูกฝังให้ลูกๆ ได้สัมผัสกับความงดงามตามธรรมชาติไปในตัว เมื่อได้ไปเห็นและสัมผัสด้วยตัวเองแล้วรู้สึกได้ถึงความงดงาม และบรรยากาศที่หาซื้อที่ไหนไม่ได้
“ความรู้สึกที่ไปเที่ยวภูทับเบิกคือ มันส์มากค่ะ ตั้งแต่ทางขึ้นคือทางคดเคี้ยวน่าหวาดเสียวมาก และมีข้อแนะนำอย่างนึงว่าถ้าจะขับรถไปเที่ยวภูทับเบิกเองก็ควรเช็กสภาพรถให้ดีค่ะ เพราะทางจะคดเคี้ยวมาก ถ้าหมอกลงหนักตามถนนขึ้นภูก็จะมองไม่ค่อยเห็นทางต้องขับรถช้าๆ ยิ่งวันหยุดจะมีรถค่อนข้างหนาแน่น แต่ช่วงที่เอื้อยไปจะเป็นวันธรรมดา รถไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ค่ะ”
แม้จะเป็นครั้งแรกที่น้องเอื้อยได้มีโอกาสไปเยือนสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิต และมีโอกาสได้อยู่สัมผัสบรรยากาศเพียง 1 คืนเท่านั้น แต่ก็ได้เก็บเกี่ยวความงดงาม บรรยากาศแห่งความประทับใจ พร้อมกับบรรยายความรู้สึกต่างๆ ตั้งแต่เริ่มออกเดินทาง ไปจนถึงการได้สัมผัสกับบรรยากาศจริงๆ เมื่อขึ้นไปถึงภูทับเบิก ด้วยน้ำเสียงที่ยังคงตื่นเต้น เหมือนกับว่าช่วงเวลาดีๆ เหล่านั้นเพิ่งผ่านไปเมื่อวาน
“เวลาเราอยู่ในเมืองเราก็จะเห็นแต่ภาพแบบสังคมเมือง ห้างสรรพสินค้าใหญ่โตหรูหรา หลายคนก็จะคิดว่าแบบนี้สวย แต่พอเราได้มาสัมผัสกับธรรมชาติที่เป็นธรรมชาติจริง ๆ หนึ่งเลยคือ วิวสวยมาก บรรยากาศดีมาก เวลาหายใจเราก็จะรู้สึกได้เลยว่าอากาศบริสุทธิ์มากๆ อยากให้หลายๆ คนลองมาเที่ยวธรรมชาติบ้าง บอกเลยว่าสวยไม่แพ้ในเมืองอย่างแน่นอน”
พร้อมกับทิ้งท้ายถึงความรู้สึกหลังจากที่ไปเที่ยวชมบรรยากาศสวย ๆ ท่ามกลางทะเลหมอก บนภูทับเบิก ที่อยากชักชวนให้ทุกคนหันมาเที่ยวเมืองไทย เพราะยังมีความงดงามอีกมากมายที่เราอาจไม่รู้ และหากนั่งมองดูจากรูปภาพ หรือคำบอกเล่าของคนอื่น ก็อาจจะไม่เหมือนกับการไปเห็นด้วยตาของตัวเอง
“คุณแม่เคยบอกว่าอยากให้เราเที่ยวในเมืองไทยให้หมดก่อน..ก่อนที่จะไปเที่ยวต่างประเทศ เพราะเที่ยวเมืองไทยถูกกว่า และปลอดภัย พอมาเที่ยวที่ภูทับเบิกรู้สึกเลยว่าเราไม่ต้องไปเที่ยวต่างประเทศแล้ว วิวข้างทางสวยมากจนไม่อาจละสายตาได้เลย ตอนแรกเอื้อยคิดว่าประเทศไทยมีแค่ทะเล มีที่เที่ยวตามห้าง คือไม่รู้ว่ายังมีสถานที่ที่สวย แล้วก็สูง บรรยากาศดี นึกว่ามีแค่ต่างประเทศ ยังมีที่เที่ยวในเมืองไทยอีกมากที่เราไม่รู้ค่ะ”
ประวัติส่วนตัว
ชื่อ-นามสกุล : พรสวรรค์ ภู่เสือ
ชื่อเล่น : เอื้อย
วัน/ เดือน/ ปี เกิด : 27 กุมภาพันธ์ (อายุ 18 ปี)
การศึกษา : ชั้นมัธยาศึกษาปีที่ 6 วัดเขมาภิรตาราม
ผลงาน : ถ่ายแบบโฆษณา รีวิวสินค้า
สัมภาษณ์โดย ผู้จัดการ Lite
เรื่อง : มนัชญา นามละคร
ภาพโดย : ธัชกร กิจไชยภณ
ขอบคุณภาพประกอบจาก : IG ueay_pornsawan
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754