xs
xsm
sm
md
lg

วงแตก! สื่อนอกประจาน “พัทยา” เมืองไพ่ผิดกฎหมาย แต่ขายโสเภณี!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เป็นไปได้! ชาวต่างชาติวัยเกษียณทำผิดกฎหมายไทยเพราะเล่นไพ่บริดจ์! ไพ่ซึ่งเป็นที่รู้จักกันอย่างเป็นสากลว่า คือกีฬาฝึกสมองที่สมควรสนับสนุนให้ผู้สูงอายุเล่น เพื่อบริหารรอยหยักและป้องกันอัลไซเมอร์ เมื่อข่าวตำรวจไทยเข้าจับกุม “พัทยาบริดจ์คลับ” ถูกเผยแพร่ออกไป เรื่องนี้จึงกลายเป็นเรื่องใหญ่บนหนังสือพิมพ์หัวนอกในทันที!!



เล่นไพ่ไม่ได้ แต่ให้ขายโสเภณี!!?

“เล่นไพ่บริดจ์ เป็นการกระทำที่มากเกินไปสำหรับผู้สูงอายุวัยเกษียณในไทย” Voice of America

“ตำรวจไทยจับกุมผู้เล่นไพ่บริดจ์ในพัทยา” BBC

“ชาวอังกฤษถูกตำรวจไทยจับกุม ในข้อหาเล่นไพ่บริดจ์ ไพ่สำหรับผู้ชรา” The Mirror

“ผู้สูงอายุชาวตะวันตกถูกจับคารีสอร์ท ข้อหาเล่นบริดจ์” ABC News

“ช่างเป็นผลงานที่เยี่ยมยอด! ตำรวจไทยบุกจับฝรั่งปลดเกษียณแห่งบริดจ์คลับ” The Guardian

และยังมีสื่อหัวนอกอีกมากมายหลายฉบับที่พาดหัวข่าว เสนอประเด็นการจับกุมครั้งนี้อย่างโจ๋งครึ่ม! หลังชาวยุโรปทั้งหมด 32 คน ชาย 26 ราย หญิง 6 ราย ถูกจับกุมในพัทยา ข้อหาร่วมกันเล่นการพนันโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีไพ่ซึ่งไม่ใช่ไพ่ที่กรมสรรพสามิตทำขึ้นไว้ในความครอบครองเกินกว่า 120 ใบ ตามมาตรา 8 พ.ร.บ.ไพ่ พ.ศ.2486 ทั้งๆ ที่เป็นที่รู้กันทั่วโลกว่า ไพ่บริดจ์ดังกล่าวคือเกมกีฬาที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล


[ผลงานตำรวจไทยที่โด่งดังไกลไปทั่วโลก!]




การจับกุมผู้เล่นกีฬาบริดจ์ครั้งนี้ นับว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งแรกในประเทศไทย เพราะกีฬาชนิดนี้ไม่น่าที่จะเข้าข่าย พ.ร.บ.การพนัน เนื่องจากไม่มีการเอาทรัพย์สิน หรือเงินทองกัน แต่เป็นการแข่งขันเอาแต้มสูงสุด และใช้วิธีการประมวลผลในเครื่องคอมพิวเตอร์” คุณหญิงชดช้อย โสภณพนิช ประธานที่ปรึกษาสมาคมกีฬาบริดจ์แห่งประเทศไทย ขอเป็นอีกหนึ่งเสียงที่ออกมาค้านเต็มกำลัง!

ในขณะที่ ชาคร กัญจนวัตตะ นายอำเภอบางละมุง เจ้าของคำสั่งการเข้าจับกุมในครั้งนี้ได้ออกมาให้ความคิดเห็นโต้แย้งว่า “สมาคมไพ่บริดจ์แห่งประเทศไทยที่ถูกต้อง ต้องเล่นกันในหมวดหมู่สมาชิกในเคหสถานของตัวเอง ไม่ใช่รวมตัวกันอย่างเป็นจำนวนมาก มาเล่นกันในที่สาธารณะแบบนี้ ซึ่งในการเข้าจับกุมครั้งนี้มีความผิดครบองค์ประกอบ ทั้งไพ่ที่ไม่ได้ติดภาษีอากร และเอกสารใบกระดาษจดแต้ม ซึ่งก็ไม่รู้ว่าหลังจากเลิกเล่นกันแล้ว จะเอาแต้มไปขึ้นเงินกันหรือไม่ จึงต้องส่งตัวไปดำเนินคดี

ส่วนนักเล่นทั้งหมดจะไปแย้งต่อสู้ในศาลชั้นไหน ก็เป็นสิทธิของเขา แล้วศาลจะเชื่อหรือไม่ ก็แล้วแต่ดุลพินิจของศาลที่จะพิจารณา

แม้จะยังไม่ทราบว่าท้ายที่สุดแล้ว ผลลัพธ์จะออกมาในทิศทางไหน แต่ที่แน่ๆ คือ ดูเหมือนว่าขณะนี้ภาพลักษณ์ “ตำรวจไทย” ประจำเมืองพัทยา จะกลายเป็น “ตัวตลก” ให้เสียดสีเอาฮากันไปทั่วโลกแล้วหลังเกิดกรณีนี้ขึ้น!

"พัทยา เมืองซึ่งเป็นที่ขนานนามเรื่องการค้ากาม มาเฟีย และสิ่งผิดกฎหมายอีกมากมาย ยิ่งกว่าการทำผิดของชาวต่างชาติผู้เกษียณอายุแล้วเสียอีก” นี่คือคำบรรยายภาพเปิดในหัวข้อข่าว “ช่างเป็นผลงานที่เยี่ยมยอด! ตำรวจไทยบุกจับฝรั่งปลดเกษียณแห่งบริดจ์คลับ” ซึ่งหนังสือพิมพ์ The Guardian กล่าวถึงเมืองแห่งการท่องเที่ยวของไทยแห่งนี้เอาไว้


[The Guardian ตีแผ่ "พัทยา" เสียจนไม่เหลือชิ้นดี!]

หนักกว่านั้น เจเรมี่ วัตสัน (Jeremy Watson) ชายชาวอังกฤษวัย 74 ปี ผู้ออกรับว่าเป็นเจ้าของสถานที่ “พัทยาบริดจ์คลับ” แห่งนี้ ยังได้ให้สัมภาษณ์แบบแฉหมดเปลือกอย่างไม่ไว้หน้าดินแดนไทย บอกเลยว่านี่คือการจับกุมเพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ “ปลอดคอร์รัปชัน” ในรัฐบาลทหาร คล้ายเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดูเพื่อมุ่งหวังผลงาน

“จุดเกิดเหตุในเคสต์นี้ คือย่านรีสอร์ตซึ่งโด่งดังเรื่องค้ากาม จากการเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจของทหารอเมริกา ตั้งแต่สมัยสงครามเวียดนาม ที่ที่มาเฟียชาวรัสเซียและจีนกบดานอยู่ แต่หลังจากประเทศไทยอยู่ในการดูแลของทหาร และให้คำมั่นสัญญาไว้ว่าจะต้องเยียวยาสังคม สร้างภาพลักษณ์ดีๆ ให้เกิดในประเทศ ตำรวจไทยจึงต้องเดินตามเกมนั้น โดยไม่สนใจเรื่องสินบน แม้จะขัดกับที่เคยเป็นมาแค่ไหนก็ตาม

เชื่อว่าการที่ตำรวจมาบุกยึดคลับแห่งนี้ เป็นเพราะการบงการของหญิงไทย ซึ่งทำงานอยู่ในคลับทั่วๆ ไป ผมมั่นใจ 100 เปอร์เซ็นต์เลย เธอคนนี้เคยเข้ามาด่าหยาบๆ คายๆ ถึงที่ และเคยไปหาตำรวจเมื่อ 2 เดือนก่อน เพื่อแจ้งข้อหาว่า บริดจ์คลับแห่งนี้ไม่ได้รับการอนุญาตจากทางการให้จัดตั้งอย่างถูกกฎหมาย จากนั้นตำรวจก็ตามมาสืบค้นแล้วบอกว่า ต้องทำไปตามหน้าที่

ผู้หญิงคนนั้นคงเป็นคนนำเรื่องไปถึงหูนายตำรวจใหญ่ประจำพื้นที่ เพราะมองออกว่ามันจะสอดคล้องกับภารกิจการต่อต้านคอร์รัปชันของ นายกฯ ประยุทธ์ ยังไงบ้าง



รู้ไว้! กีฬาบริดจ์ไม่ใช่การพนัน

[ขอบคุณภาพ: www.thailandbridgeleague.com]
"#กีฬาบริดจ์ไม่ใช่การพนัน กับกรณีบุกจับฝรั่งเล่นไพ่บริดจ์ที่พัทยา" คือกระทู้พันทิปที่ตั้งขึ้นมาเพื่อให้ข้อมูลในกรณีนี้ และนี่คือความคิดเห็นอีกมุมที่น่าสนใจ จากนักศึกษามหาวิทยาลัยภาคเหนือแห่งหนึ่ง ซึ่งออกตัวว่าเป็นนักกีฬาบริดจ์มาได้ 5 ปีแล้ว

“สองวันก่อนผมเห็นข่าวตำรวจจับฝรั่งเล่นบริดจ์ที่พัทยาแล้วก็รู้สึกตกใจ แต่ก็คิดว่าคงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร คงเป็นแค่การเข้าใจผิดแต่นั้น แต่พอผ่านไปกลับรู้สึกว่าเรื่องนี้มันใหญ่กว่าที่คิด แถมดูท่านายอำเภอยังจะยัดเยียดให้บริดจ์เป็นการพนันให้ได้เลยด้วย

หลายคนอาจจะได้เห็นสื่อต่างๆ นำเสนอมาบ้างแล้วว่าการเล่นไพ่บริดจ์ไม่จำเป็นต้องขออนุญาตจากทางสมาคม แต่สามารถจัดได้เลย โดยตรงนี้ทางฝ่ายผู้จับกุมได้ให้ความเห็นว่าเป็นการเล่นในที่สาธารณะ ซึ่งไม่เข้าข่ายตามกฎหมายข้อนี้ แต่จากที่ผมทราบมา ผู้จัดการแข่งขันคือกลุ่มสมาชิกภาคีของสมาคมบริดจ์ ซึ่งผมเข้าใจว่าทำให้เขามีสิทธิ์จัดการแข่งขันได้ครับ และนอกจากนี้สถานที่ซึ่งไปบุกจับกุมคือ พัทยาบริดจ์คลับ ด้วยครับ ซึ่งถ้าใครดูในเว็บของสมาคมบริดจ์แห่งประเทศไทย จะมีลิงก์เข้าไปยัง “พัทยาบริดจ์คลับ” ด้วยครับ



ประเด็นต่อมาเห็นมีการพูดถึงมีเครื่องบันทึกประจำตัวอยู่ เลยบอกว่าอาจจะมีการจดแต้มไปขึ้นเงินกันภายหลัง (นอกเรื่องนิดนึงครับ การพูดแบบนี้เนี่ย ผมว่าถ้าจะคิดแบบนี้ ทุกกีฬาก็เข้าข่ายหมดหรือเปล่า ทุกกีฬาก็มีการเก็บคะแนนไว้ ไม่ว่าจะฟุตบอล วอลเลย์ ว่ายน้ำ กอล์ฟ หรืออื่นๆ ต่างมีการบันทึกไว้ทั้งนั้น เพราะมันเป็นกีฬาไงครับ มันต้องมีคนแพ้ คนชนะ การจะบันทึกคะแนนไว้ไม่ใช่เรื่องแปลกครับ)

เครื่องที่ตำรวจพูดถึงนั้นเรียกว่า BridgeMate ครับ เป็นเครื่องที่ใช้บันทึกผลการเล่นในแต่ละบอร์ดเอาไว้เพื่อส่งไปเปรียบเทียบกับคนอื่นๆ หน้าตาของเครื่องนี้จะคล้ายๆ กับเครื่องคิดเลข

อีกประเด็นหนึ่งที่เป็นข้อหาคือไพ่ผิดกฎหมายครับ ซึ่งอันนี้ผิดจริงครับ แต่เพราะว่าไพ่ที่มีขายไม่สามารถนำมาใช้แข่งบริดจ์ได้ครับ เนื่องจากไพ่บริดจ์เราจะเก็บไว้ใส่บอร์ดไพ่เอาไว้ เพื่อความสะดวกในการพกพาและจัดไพ่ตามคอมพิวเตอร์โดยใช้เครื่องจัดไพ่ครับ ซึ่งไพ่บริดจ์มีขนาดเล็กกว่าไพ่ทั่วไป เลยไม่สามารถนำไพ่ทั่วไปมาใช้ได้ครับ ซึ่งตรงนี้ทางสมาคมกำลังประสานงานอยู่ครับ”


อย่างไรก็ตาม เจเรมี วัตสัน เจ้าของคลับ หนึ่งในผู้ถูกจับกุม ผู้ย้ายมาอยู่ไทยตั้งแต่ปี 1969 เพื่อมาทำงานให้บริษัทขนส่งสินค้าสัญชาติอังกฤษ และทำงานให้บริษัทผลิตจักรเย็บผ้าในเวลาต่อมา กระทั่งเป็นนักร้องในปัจจุบัน ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเอาไว้ว่าเขาไม่โทษเจ้าหน้าที่ตำรวจในการจับกุมครั้งนี้ เพราะพวกเขาต้องทำไปตามหน้าที่ และดูเหมือนว่าเขาต้องขึ้นศาลอีกตลอด 2 เดือนนี้เพื่อสู้คดี “มันก็คงน่าสนุกดีเหมือนกัน” เขาพูดปิดท้าย แต่ไม่รู้ว่าภาพลักษณ์ตำรวจที่ถูกนำเสนอเสียๆ หายๆ ไปทั่วโลกในครั้งนี้ จะน่าสนุกเหมือนกันบ้างหรือเปล่า ในสายตาของผู้สั่งการและผู้จับกุม


ข่าวโดย ผู้จัดการ Live
 




มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram

"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!


และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754



กำลังโหลดความคิดเห็น