“ไม่ได้ครับต้องใส่หมวก” เขาเจือยิ้มบางก่อนพรางหน้าด้วยหมวกกันน๊อค เพื่อให้ทีมงานฯ ถ่ายภาพ
หนุ่มสาวนักเดินทางด้วยพาหนะสองล้อ เจ้าของเฟซบุ๊กแฟนเพจ 'Motorbike Journey' โดยมีเอกลักษณ์สวมหมวกกันน๊อคท่องเที่ยว มอเตอร์ไซค์คันโตล้อหมุนไปหยุดพิกัดใดทั้งคู่มักเก็บออมเรื่องราวมาเล่าให้ผองเพื่อนในสังคมออนไลน์ได้ติดตาม
'เดียร์ - ปิยะวัฒน์' และ 'แนท - วรรษมน' คู่รักสิงห์นักบิดเดินทางด้วยมอเตอร์ไซค์ (มอเตอร์ไบค์ หรือคนไทยนิยมเรียก บิ๊กไบค์) จากเฟซบุ๊ก Motorbike Journey (www.facebook.com/motorbikejourney) ผู้นำทริปพาลูกเพจกว่า69,000 ไลค์ ออกเดินทางเปิดประสบการณ์ใหม่ ใกล้ชิดธรรมชาติสัมผัสวิถีชีวิตท้องถิ่น
มีบ้างที่พวกเขาปริปากบ่นเรื่องสภาพอากาศร้อนระอุของเมืองไทย ทั้งยังเรื่องสภาพถนนที่ไม่เอื้อต่อการขับขี่มอเตอร์ไซค์ แต่นั่นไม่ได้เป็นอุปสรรคทำทริปล่ม เพียงมีเพื่อนร่วมทางที่รู้ใจก็ออกเดินทางกันเลย!
สวมหมวกกันน๊อคท่องเที่ยวไทย
“คนชอบคิดว่า..ผมขายหมวกกันน๊อคแต่ไม่ใช่!” เดียร์ ชายหนุ่มผู้รับหน้าที่ขับขี่ออกตัวอย่างอารมณ์ดี เพราะการที่พวกเขาสวมหมวกกันน๊อคบดบังใบหน้าออกทริปท่องเที่ยวทำให้มีคนเข้าใจว่าอย่างนั้น
เขาเริ่มอธิบาย ถึงเหตุผลว่าเหตุใด Motorbike Journey ไม่เปิดเผยใบหน้าต่อสาธารณะ
“ชอบถ่ายรูป ถ่ายวิดิโอก็เลยเป็นที่มา ตัดต่อเอง เขียนสคริปต์เอง ลงเสียงเอง ไว้แชร์ดูกับเพื่อนๆ ปรากฏว่ามีคนชอบ เราก็เลยทำเป็นเพจเล็กๆ แต่ว่ามีกิมมิก หน้าตาไม่ได้หล่อสวย ครั้งแรกคิดแค่นี้จริงๆ ก็เลยใส่หมวก ก็เลยกลายเป็นกิมมิกของเพจไป แล้วพอมีคนตามมากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากนั้นก็ทำมาเรื่อยๆ”
ย้อนกลับไปเมื่อ 6 – 7 ปี คือช่วงที่เขาได้รับแรงบันดานใจให้กลับมาขี่มอเตอร์ไซค์อีกครั้งหลังจากวางมือไปนาน
“ผมชอบขี่มอเตอร์ไซค์ พอได้ดูคลิป 'ลุง 500' ( ลุง500 หรือ คิง แซ่จู ผู้ขี่มอเตอร์ไซค์แนวรถครอบครัวท่องเที่ยวทั่วประเทศไทย) ผมไม่ได้ขี่มอเตอร์ไซค์มาหลายสิบปี ก็ไปซื้อมอเตอร์ไซค์หน้าบ้านเลยมันมีร้านเล็กๆ ตอนนั้นเป็นแค่ 200 CC Phantom ซื้อเสร็จเอามารื้อฟื้นหัดขี่ประมาณอาทิตย์นึงก็ออกทริปเลยไปเพชรบูรณ์ พอเที่ยวเสร็จมันเจออะไรหลายๆ อย่าง ก็เลยติดใจกับการท่องเที่ยวด้วยมอเตอร์ไซค์”
มอเตอร์ไซค์คู่ใจคันปัจจุบันที่ตอบโจทย์ของพวกเขาคือ Yamaha Super Tenere บิ๊กไบค์แนวทัวริ่งแอดแวนเจอร์ (ราคาประมาณ 800,000 บาท)
หลังจากใช้ชีวิตขับขี่ท่องเที่ยวแบบหนุ่มโสดอยู่หลายปี กามเทพแผงศรให้เขาพบกับ แนท แฟนสาวที่เธอให้นิยมตัวเองแบบยิ้มๆ ว่า 'เลี้ยงง่าย โตเร็ว' เพราะการออกทริปท่องเที่ยวโดยบิ๊กไบค์ สาวผู้ซ้อนท้ายต้องปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่ไม่สบายตัวเหมือนการเดินทางด้วยรถยนต์แอร์เย็นฉ่ำ อากาศร้อนแถมยังเดินทางไกลงานนี้คงไม่ใช่ทริปในฝันของผู้หญิงเสียเท่าไหร่
แนท แฟนสาวรุ่นน้อง เล่าประสบการณ์เดินทางทริปแรก กรุงเทพฯ - สุพรรณฯ ที่ทำเอาทริปถัดมาชะงักไปเป็นปี
“ครั้งเดียว ไม่เอาอีกเลย (หัวเราะ) มันเหนื่อย แบบต้องหยุดพักทุก 50 กม.” เธอกล่าวขึ้น โดยแฟนหนุ่มเสริมว่าเป็นเพราะสภาพอากาศร้อน แต่สุดท้ายเขาก็สามารถทำให้เธอเปลี่ยนไปและซ้อนท้ายออกทริปจนได้
ระงับสัญญาณเน็ต ปลดล็อกสัญญาณใจ
“คือเวลาไปเที่ยวเราเจอทริปมากๆ มันสวยครับ เออ...มันคงดีนะถ้ามีแฟนเรามาอยู่มาเห็นด้วยตรงนี้ พอพยายามกึ่งๆ มัดมือชกนิดนึง ซื้อเสื้อผ้าซื้อของครบหมดเลย เหมือนลงทุนแล้ว ไม่ออกก็ใจร้ายนิดนึง ก็เลยพาไปทริปแรก พาไปไกลเลยไประนองเลย ครั้งแรกไปสุพรรณใกล้ๆ ก็ยังบ่นแทบตาย พอมาครั้งนี้ไหนๆ จะไปแล้วก็พาไประนองเลย” เดียร์ เล่าถึงทริปท่องเที่ยวโดยมอเตอร์ไซค์กับแฟนสาว ที่เป็นจุดเริ่มของ Motorbike Journey
ทริปล่องใต้เที่ยว จ.ระนอง ใช้เวลาเดินทางกว่า 13 ชม. แม้อากาศร้อนหรือเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง แต่การเดินทางด้วยมอเตอร์ไซค์ได้มอบประสบการณ์สุดพิเศษให้พวกเขา
แนท เล่าถึงการตัดสินใจออกเดินทางในฐานะผู้ซ้อนมอเตอร์ไซค์ท่องเที่ยว “ที่ออกทริปครั้งแรกที่นั่งไปสุพรรณฯ แล้วปีนึงไม่เอาอีกเลย อันนั้นก็คิดว่าลำบากไปไหม? แต่พอไประนองมันก็รู้สึกว่าการที่ได้ออกไประหว่างทางมันได้เห็นอะไรหลายอย่าง การที่ได้มีบลูทูธคุยกัน(หมวกกันน๊อตมีบลูทูธ สามารถพูดคุยกันได้ระหว่างขับขี่) มันได้คุยกันได้ออกจากโซเชียลมาซักพัก ไม่ต้องมีมือถือ มองนู้นนี้ได้คุยกันตลอด เหมือนเป็นประสบการณ์อีกอย่างที่ได้เกิดขึ้น แล้วมันเป็นอย่างนี้มากๆ เข้าก็สนุก”
ประสบการณ์ดีๆ ทำให้เธอสมัครใจออกเดินทางในทริปต่อไปของ Motorbike Journey หญิงสาวเล่าถึงความห่วงใยของแฟนหนุ่มที่เป็นห่วงว่าเธอจะรู้สึกอึดอัดใจที่ต้องมาซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์เพื่อเดินทางท่องเที่ยว
“พี่เดียร์ก็เคยบอกนั่งเครื่องไปเจอที่นู้นมั้ย? แต่มันดูไม่ใช่ ไปด้วยกันแล้วทำไมต้องแยกกันไป เพราะฉะนั้นก็คือไปด้วยกัน(ยิ้ม) มันไม่อยากไปเที่ยวที่ปลายทางด้วยกัน แต่ว่าตั้งแต่ระหว่างทางไปจนถึงหลายทางมากกว่า”
หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ออกเดินทาง แชร์ประสบการณ์ในโลกออนไลน์ โดยมีกล้อง 3 ตัว กล้องแอ็กชั่นแคม กล้องติดหมวก และกล้องมิลเลอร์เลส เป็นอุปกรณ์สำคัญในการนำเรื่องราวมาถ่ายทอดในมุมมองของพวกเขาได้อย่างน่าสนใจ จนทริปแอ่วเหนือล่องใต้ของMotorbike Journey ได้รับความนิยมจากแฟนเพจอย่างล้นหลาม
“ผมประทับใจเขา อึดขนาดนี้ อีกอย่างก็กินง่ายอยู่ง่าย เขากินง่ายอยู่ง่ายและอึดกว่าที่เราคิดเยอะ บางทีความลำบากมันทำให้เห็นว่าคนข้างๆ เรา มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เราคาดไม่ถึงเหมือนกัน ก็เป็นความประทับใจ” เดียร์ กล่าวถึงความประทับใจในตัวเพื่อนร่วมทางผู้รู้ใจ
“มันเป็นความรู้สึกลึกๆ ความเป็นห่วงทุกอย่าง เวลาเขาขับรถก็รู้สึกค่ะ แนทหลับเขาบ่นก็รู้ว่าจริงๆ แล้วเป็นห่วงความปลอดภัย หรือแม้เรื่องง่ายๆ อย่างเข้าห้องน้ำ เขาจะหาปั๊มที่แบบโอเค ดูปลอดภัย ดูสะอาดหน่อย เรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่ก็ไม่มองข้ามความปลอดภัย หรือว่าเวลาเดินทาง ไปนอนเต็นท์ ไปออกทริป ก็จะช่วยดูแลทุกอย่าง” เธอเผยความประทับใจตัวหัวหน้าทริป
สำหรับท่านที่ไม่มีประสบการณ์ซ้อนท้ายบิ๊กไบค์เดินทางไกล อาจไม่เข้าใจว่าคนซ้อนสามารถหลับได้จริงๆ อย่างนั้นหรือ? แต่สำหรับผู้คลุกคลีอยู่ในแวดวงทราบกันดีว่าคนซ้อนมักจะหลับบ่อยๆ เพราะเพลียจากการเดินทาง เดียร์ บอกว่าทางตรงหลับได้ไม่มีปัญหา แต่ถ้าทางโค้งมากๆ ต้องปลุกเพราะอันตราย ยกตัวอย่างในเพจ Motorbike Journey เขาก็มีการแชร์ติดตลกในประเด็นนี้ 'สก๊อยหลับ' โพสต์ภาพและข้อความตำหนิด้วยความห่วงใย ขณะที่ลูกเพจร่วมแสดงความคิดเห็นเพราะมีประสบการณ์เดียวกัน
เสน่ห์เดินทางคือการหลง
“ผมว่าเสน่ห์การเดินทางอันนึง คือตอนหลง” เดียร์ กล่าวพร้อมเล่าถึงการเดินทางในแบบไม่ได้แพลนอะไรมากมาย เพียงมีจุดหมายก็ออกเดินทางเลย ซึ่งก็เกิดเป็นเรื่องราวประทับใจหลายครั้ง ยกตัวอย่าง ทริปโหดๆ จากความผิดพลาดออกเดินทางผิดฤดู
“โหดในที่นี้หมายถึงเส้นทางการเดินทางเข้าถึง รถล้มบ้าง ต้องติดรถชาวบ้านเข้าไป ฝนตกหนัก ทริปนั้นเราต้องไปป่าสนวัดจันทร์ ที่ เชียงใหม่ ปรากฏว่าไปเสิร์ชในเน็ต ไปผิดฤดู ฤดูนี้เขาไม่มีป่าสนสลับนี้ เอ้า! ทำยังไงดี พอดีไปเห็นภาพอันนึง นาขั้นบันได 2 มิติ มันก็เป็นอะไรที่สวยมาก ต้องไปที่นี่แหละ ป่าปงเปียง ดอยอินทนนท์ เราก็ไม่ได้ศึกษาเส้นทาง พอมีปลายทางปุ๊บก็ขี่มอเตอร์ไซค์กันไป ไปเสร็จพอดีมันเป็นช่วงหน้าฝน ทางเข้ามันเละมาก ขนาดรถเก๋งธรรมดายังเข้าไปไม่ได้นะครับ ต้องเป็นรถโฟร์วีลยกสูง
“เราก็ไปรถของเรา ไปถึงปรากฏไม่รอด ล้มแล้วล้มอีก ล้มจนผมหมดแรงยกรถ ก็เลยถอดใจ(น้ำหนักรถรวมสัมภาระประมาณ 300 กก.) แต่มาถึงนี่แล้วอีกไม่ถึง 10 กม. แต่มันเข้าไม่ได้ ก็เลยตัดสินใจทิ้งรถไปข้างนอกแล้วกัน พอดีมีที่ทำการอุทยานฯ อยู่ แล้วเราก็รอรถชาวบ้านแล้วก็โบกเอา
“ชาวบ้านต่างจังหวัดเค้าน่ารักครับ ยิ่งท่องเที่ยวเราจะเห็นว่าชาวบ้านเค้ามีน้ำใจ ก็โบกรถถามว่าผ่านทางนี้ไหมเขาก็บอกขึ้นมาเลย เราก็ขึ้นไปท้ายกระบะเขา หิ้วของอุปกรณ์ติดรถเขาไปด้วย แล้วไปถึงมันคุ้มจนแบบทริปนั้นผมได้คำพูดอันนึงที่เขียนไว้ในเพจ 'ผมมาที่พักหลักร้อย ผมได้วิวหลักล้าน' มันเป็นความรู้สึกนั้นจริงๆ ค่านอน500 บาท”
แนท เล่าเสริมถึงบรรยากาศ “เหมือนเป็นนาบนเมฆ สวยมากๆ เป็นช่วงหน้าฝน และมันก็มีเรื่องราวเยอะ กลางคืนเจ้าของที่พักเป็นชาวกะเหรี่ยงปกากะยอก็มาเล่นดนตรีให้เราฟัง ตอนเช้าก็เอาน้ำพริกกระเหรี่ยงเผ็ดจัดเอาอาหารมาให้ทาน มันก็มีความสุขดี ตอนขาออกก็ติดรถเขามา(ยิ้ม)”
มิตรภาพระหว่างทางคือของขวัญที่พวกเขามักได้รับ “ผมรู้สึกว่า ยิ่งไกลจากเมืองหลวงมากขึ้นเท่าไหร่ยิ่งเจอน้ำใจมากขึ้นเท่านั้น”
สิ่งที่ทำให้ทั้งคู่รู้สึกประทับใจอีกอย่างหนึ่ง คือเป็นแรงบันดาลใจให้แฟนเพจที่ตามออกเดินทางด้วยสองล้อคู่ใจ “ผมดีใจที่มีคนได้ออกไปเห็นเหมือนสิ่งที่เราเห็น ผมว่ามันสวกว่าดูในเน็ต สวยกว่าฟังคนอื่นเค้าเล่า เล่ายังไงมันก็ไม่สวยเหมือนกับไปยืนอยู่ตรงนั้น วลาเห็นคนบอกไปตามรอยเส้นทางเราหรือว่าไม่ใช่เส้นทางเรา ขอให้เค้าได้ออกไปเที่ยวบ้าง ก็รู้สึกดีใจที่คนอื่นได้เห็น และได้ให้อะไรกับตัวเอง”
ซีซีเรื่องเล็ก เซฟตี้เรื่องใหญ่
ไม่ต้องไปกังวลว่ามอเตอร์ไซค์เครื่องเล็กหรือเครื่องใหญ่ เดียร์ แนะนำนักขับขี่รุ่นน้องที่อยากออกเดินทางไปกับสองล้อคู่กาย
“ผมเห็นคอมเมนต์ พี่ผมรถเล็กไปไมได้ มันมีน้องในกลุ่มที่ผมรู้จักเขาขี่รถจ่ายตลาดไปทิเบตมาแล้ว หรืออย่างลุง 500 ร้อยกว่าซีซี แกขี่ไปเที่ยวมาหมดแล้ว 76 จังหวัด เพราะฉะนั้นกี่ซีซีมันก็ไปได้ โอเค! วันนึงถ้ามีกำลังคุณอยากได้ซีซีที่เยอะขึ้น เร็วกว่า นั่งสบาย
“แต่ว่าซีซีเล็กไม่ได้หมายความว่าไปไหนไม่ได้ แต่ว่าใจถึงก็ไปถึงหมดแหละครับ”
ประเด็นความปลอดภัยเป็นสิ่งที่ทั้งคู่ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เวลาขับขี่ออกทริปต่างจังหวัดอุปกรณ์เซฟตี้ต้องพร้อม
“ที่สำคัญที่สุดคงเป็นหมวกกันน๊อค หัวเราสำคัญที่สุด รองลงมาเสื้อแจ็กเกตจะมีการ์ดอยู่ตรงหัวไหล่มันจะแข็ง ลดแรงกระแทก กางเกงมีที่แปะหัวเข่า รองเท้าบูทช่วยกันหน้าแข็ง ล้ม บล๊อกข้อ ถุงมือ
“มันไม่ได้ป้องกันการเสียชีวิตนะฮะ แต่มันลดการบาดเจ็บ มอเตอร์ไซค์มันก็เนื้อหุ้มเหล็กแต่ว่าเราหาอะไรมาหุ้มเนื้อเราอีกที”
อย่างไรก็ตามแม้เราขับขี่ไม่ประมาทแต่เรื่องของอุบัติเหตุก็เกิดขึ้นได้เสมอ เดียร์ กล่าวถึงประสบการณ์การขับขี่
“อุบัติเหตุเราไม่รู้หรอกครับ ต่อให้เรามีสติขับรถโดยไม่ประมาท ก็ป้องกันให้ดีที่สุดเท่าที่เราทำได้ เรื่องความปลอดภัยมาเป็นอันดับ 1 เลยครับ มอเตอร์ไซค์ยอมรับว่ายังไงก็อันตรายกว่ารถยนต์ ไปถึงแล้วทำยังไงกลับให้ได้ แล้วก็การขี่มอเตอร์ไซค์เราไม่รู้หรอกครับสภาพถนนในเมืองไทย ว่าจะมีอะไร คาดเดาไม่ได้ ต้องเผื่อใจไว้ทุกอย่างครับ เวลาอุบัติเหตุเยอะสุดคือการตัดหน้ารถยนต์
“เพราะว่าเวลารถยนต์ต่างจังหวัดเขาจะกลับรถ เวลาเค้าเห็นมอเตอร์ไซค์จะคิดว่าอีกนานยังอยู่ไกล โดยไม่รู้ว่าบิ๊กไบค์มันเร็ว เขาก็ขับมาตามความคุ้นเคยปกติ ซึ่งรถยนต์ก็ไม่ได้ผิดนะขับออกมา เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะทางกลับรถเอง ต่อให้ 4 แยกไฟเขียว เราต้องชะลอ ผมขี่มอเตอร์ไซค์ต้องคิดเสมอว่ายังไงเขาต้องออกมาต้องชะลอ ผมจะเผื่อใจทุกครั้งว่ามีรถออกมา
“ส่วนอีกอันนั้นนึงเวลาเราเข้าเส้นทางชนบท ชาวบ้าน หมู่บ้านตามต่างจังหวัดมันไม่ค่อยมีรถผ่าน ทุกวันเขาไม่ค่อยได้ดูหรอกครับ ไม่ดูซ้ายดูขวา เขาไม่ได้ดูหรอกครับ มันเป็นวิถีชีวิตของเค้า เราต่างหากที่เข้าไปต้องทำความเข้าใจกับวิถีของเค้า เราต้องระวังเอง”
Motorbike Journey สร้างแรงบันดาลใจในการเดินทางด้วยรถมอเตอร์ไซค์คู่กายกับคนรู้ใจ ความสุขของการเดินทางไม่ได้ถูกปักหมุดไว้ที่ความสวยงามปลายทางเพียงจุดเดียว เรื่องราวระหว่างการเดินทาง มิตรภาพจากคนแปลกหน้า ความงดงามของธรรมชาติ ถือเป็นของขวัญสำหรับนักเดินทางทุกคน
….....................
ข่าวโดย Astv ผู้จัดการ Live
เรื่อง : นฤมล ประพฤติดี
ภาพ : วรวิทย์ พานิชนันท์
ขอบคุณภาพประกอบ www.facebook.com/motorbikejourney
รายละเอียดเพิ่มเติม (คลิก)>>> ตัวอย่างงานในเซ็กชั่น "ASTVผู้จัดการ Live"
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"ASTVผู้จัดการ Live" และ "@astv_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารและเรื่องราวร้องทุกข์ในสังคมมาได้: astvmanager.live.lite@gmail.com
หรือ โทร.0-2629-4488 ต่อ 1477, Fax 0-2629-4754