'ฤดูร้อนปีนี้ ประเทศไทยอุณหภูมิจะร้อนที่สุดในรอบ 55 ปี ทะลุ 44 องศาเซลเซียส' หากไล่ลำดับพาดหัวข่าวเกี่ยวกับอุณหภูมิในช่วงหน้าร้อนของปีที่ผ่านมา จะพบว่าความร้อนระอุของมวลอากาศขับเคี่ยวทำลายสถิติอุณหภูมิร้อนแรงในอดีตอย่างราบคาบ ด้านผลกระทบที่คนไทยต้องเผชิญท่ามกลางวิกฤติอากาศร้อนก็ยาวเป็นหางว่าว
อย่างที่ทราบกันดีว่า ประเทศไทยตั้งอยู่ในเขตร้อน การเข้าสู่ฤดูร้อนสัมผัสมวลอากาศร้อนระอุอาจเป็นความคุ้นชินไปเสียแล้ว ทว่า อุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้นทุกปีส่งผลกระทบต่อวิถีพลเมืองอย่างมาก ยิ่งปีนี้อากาศจะร้อนแบบสุดกู่ย่อมส่งผลกระทบในเรื่องค่าครองชีพ เช่น ค่าไฟฟ้า, ค่าน้ำประปา ฯลฯ ไหนจะเรื่องสุขภาพอีก เพราะเข้าหน้าร้อนทีไรโรคฮิตประจำฤดูกาลแพร่ระบาดทุกที ทำให้ประชาชนต้องปรับตัวและรับมือด้วยวิธีการต่างๆ หรืออย่างในโซเชียลมีเดียก็มีการปล่อยมุกตลกล้อสภาพอากาศร้อนระอุ ทั้งคลิปวิดีโอล้อเลียน ภาพตัดต่อ ข้อความเสียดสี ฯลฯ ปรับลดอุณหภูมิด้วยความขบขัน
แดดเมืองไทย ร้อนขนาดที่ว่า...
ความร้อนของมวลอากาศเมืองไทยกลายเป็นประเด็นแรงที่ชาวโซเชียลมีเดียให้ความสนใจ หยิบยกมาเสียดสี แชร์ประสบการณ์ร้อนๆ บ่น ก่นด่า สร้างความขำขันผ่านภาพตัดต่อ ข้อความล้อเลียน คลิปวิดีโอจิกกัด ยกตัวอย่างใน ทวิตเตอร์ คอมมูนิตี้ออนไลน์ก็มีแอชแท็กเกี่ยวกับประเด็นความร้อนของอากาศเมืองไทย ไต่อันดับติดเทรนด์ฮิตเป็นระลอก #ร้อนจนต้องร้องขอชีวิต หรือ #ร้อน__ นี่โลกหรือนรก แชร์ประสบการณ์ร้อนๆ ชวนอมยิ้ม
"มีคนอัดคลิปตั้งกระทะไว้ 4 ชม. แล้วทอดไข่ดาว สุกเลยจ้า 55555 ร้อนจริง #ร้อนจนต้องร้องขอชีวิต #ร้อน__นี่โลกหรือนรก" ข้อความจาก Talangtangtong โพสต์พร้อมภาพไข่ดาวดิบ ที่ถูกเทใส่กระทะแล้วนำไปตากแดด จนไข่ขาวสุกในเวลาต่อมา
“เมื่อเที่ยงซื้อไอติมไผ่ทองมากิน คล้อยหลังไปแป๊บนึง ไอติมกลายเป็นน้ำกะทิ เอาสิ!!! #ร้อน__นี่โลกหรือนรก”
“นี่เพื่อนนั่งรถไฟจากสุราษฎร์ มากรุงเทพ นางบอกว่าแอร์ยังเอาอากาศนอกรถไม่อยู่ ขนาดจ่อหน้าแอร์ยังเหงื่อหยด #ร้อนจนต้องร้องขอชีวิต” ข้อความจาก hamzterzkub
"ออกเดต" กับ "ออกแดด" สองประโยคนี้เร่าร้อน และตื่นเต้นพอๆกัน #ร้อน__นี่โลกหรือนรก" ข้อความจาก poomprommool
"ร้อนจนช็อคโกเเลตกุละลายอ่ะสัส #ร้อน__นี่โลกหรือนรก" ข้อความจาก YanisaYamamoto
"เรากำลังโดนธรรมชาติเอาคืน โดยการย่างสดบนพื้นที่ ทุกที่ที่ไม่ใช่ห้องแอร์!!! #ร้อน__นี่โลกหรือนรก" ข้อความจาก nita_guii
หลายเสียงบ่นอุบว่าอากาศในปีนี้ร้อนกว่าปีที่ผ่านๆ มา นั่นเพราะประเทศไทยกำลังเผชิญภาวะอากาศร้อนระอุแบบทะเลทราย จากปรากฏการณ์ดวงอาทิตย์โคจรอยู่ในแนวตั้งฉาก วันชัย ศักดิ์อุดมไชย อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะอากาศจะร้อนที่สุดในวันใดนั้นขึ้นอยู่กับว่าความร้อนสะสมมากที่สุด
ประกอบกับรังสีของดวงอาทิตย์แผ่รัศมีกว้างไกล หรือวงดวงอาทิตย์จะโคจรมาอยู่ในแนวตั้งฉากผ่านเหนือศีรษะพอดี ทำให้พื้นที่ที่ถูกปกคลุมล้อมรอบหุบเขา และพื้นที่ในตัวเขตเมืองชุมชน จะไม่มีลมช่วยผ่อนคลายลดอุณหภูมิ เกิดความร้อนอบอ้าวรุนแรง
ทีมข่าว Astv ผู้จัดการ Live สอบถามไปยัง ดร.สมิธ ธรรมสโรจน์ ประธานกรรมการมูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ กล่าวว่า ความแปรปรวนของสภาอากาศนั้นเป็นผลพวงมาจากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เรียกว่า ปรากฏการณ์เอลนีโญ และลานีญา ประเด็นอุณหภูมิสูงขึ้นนั้นไม่เพียงแค่ประเทศไทยที่ประสบปัญหา มันเป็นวิกฤติระดับโลกที่กำลังเผชิญภาวะโลกร้อน หนึ่งในสาเหตุที่เป็นผลพ่วงก่อเกิดภัยพิบัติ
ปรากฏการณ์โลกร้อน เป็นเรื่องใหญ่ที่รัฐบาลต้องตระหนักและเตรียมการรับมือสภาวะดังกล่าว ดร.สมิธ กล่าวอ้างอิงถึงการออกมาแถลงของ ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 23 เม.ย. สรุปสาระสำคัญ ความว่า “การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นภัยต่อความมั่นคง และยังส่งผลต่อเศรษฐกิจ” ตรงนี้จึงเป็นภารกิจของรัฐบาล ภายใต้การปกครองของ คสช. ต้องตระหนักให้ข้อมูลความรู้แก่ประชาชน และเตรียมแผนการณ์ระยะยาวรับมือการภัยพิบัติโลกร้อน
รับมือ! ค่าครองชีพหน้าร้อน
แน่นอนว่า อากาศร้อนระอุนั้นส่งผลให้ค่าครองชีพพุ่งสูงขึ้น โดยเฉพาะค่าอุปโภค อาทิ ค่าน้ำประปา, ค่าไฟฟ้า ฯลฯ ในประเด็นนี้ ทวารัฐ สูตะบุตร รองปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า จากรายงานจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ. ระบุว่า สถานการณ์การใช้ไฟฟ้าสูงสุด (พีก - Peak) ของประเทศไทยสร้างสถิติใหม่อีกครั้ง การใช้ไฟฟ้าสูงสุดอยู่ที่ 27,139 เมกะวัตต์ (เมื่อเวลา14.13 น. วันที่ 21 เม.ย. 2558) เนื่องจากสาเหตุสภาพอากาศอันร้อนระอุส่งผลให้ประชาชนใช้ไฟฟ้าจำนวนมาก โดยอุณหภูมิเฉลี่ยสูงถึง 38.3 องศาเซลเซียส
รองปลัดฯ คาดการณ์ว่า การใช้ไฟฟ้าในประเทศไทยจะสร้างสถิติพีกอีกหลายครั้ง เพราะสภาพอากาศร้อนบวกกับอุณหภูมิที่จะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งตามรายงานข่าวระบุว่าหน้าร้อนปีนี้อุณหภูมิจะทะยานขึ้นสู่ถึง 44 องศาเซลเซียส
พร้อมแสดงความเป็นห่วงและเสนอแนะแนวทางในเรื่องการตรวจสอบบิลค่าไฟฟ้า จำกัดเรื่องรายจ่ายไม่ให้สูงกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ต่อเดือน ซึ่งตามข้อมูลเปิดเผยว่า ค่าใช้จ่ายด้านพลังงานเฉลี่ยของทั้งประเทศมีสัดส่วนประมาณ 18 - 20 เปอร์เซ็นต์ ของผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (GDP) ฉะนั้น หากค่าใช้จ่ายพลังงานของครัวเรือน สูงกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ จะเกิดรายจ่ายที่สูงเกินความจำเป็น ทางกระทรวงฯ มีนโยบายให้บริการประชาชนควบคู่กับมาตรการประหยัดพลังงาน
ทวารัฐ กล่าวถึงการลดค่าใช้จ่ายค่าไฟฟ้า “การลดค่าไฟฟ้าในช่วงที่อากาศร้อนจัด ได้แก่ การเปลี่ยนอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในบ้าน ให้เป็นอุปกรณ์ประหยัดพลังงานเบอร์ 5 ซึ่งจะช่วยให้ประหยัดไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้น เช่น เครื่องปรับอากาศ หากจะติดตั้งใหม่ ก่อนซื้อขอให้สังเกตสัญลักษณ์ฉลากเบอร์ 5 ก่อนตัดสินใจซื้อ ในส่วนของอุปกรณ์ไฟฟ้าชนิดอื่นนั้น ทุกชนิดจำเป็นต้องผ่านมาตรฐานการประหยัดพลังงาน เช่น พัดลมจะมีมอเตอร์ที่ทำงานได้มีประสิทธิภาพสูงกว่า ตู้เย็นก็จะมีคอมเพรสเซอร์ที่ทำงานได้เสถียรยิ่งขึ้น อุปกรณ์ไฟฟ้าใกล้ตัว เช่น โทรทัศน์ กาต้มน้ำ หม้อหุงข้าว เตารีด ก็ต้องเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยประหยัดพลังงาน โดยในช่วงหน้าร้อนนี้ กระทรวงได้เร่งประชาสัมพันธ์การรณรงค์ลดใช้พลังงาน เช่น การปรับพฤติกรรม 1 ล. 5 ป. คือ การล้างแอร์ ปรับอุณหภูมิแอร์ ปิดสวิตช์ไฟที่ไม่ใช้ เปลี่ยนหลอดประหยัดพลังงาน ปลดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้า และปรับจูนเครื่องยนต์”
เช่นเดียวกัน ทางการประปานครหลวง นำโดย ปริญญา แน่นหนา ผู้อำนวยการฝ่ายคุณภาพน้ำ การประปานครหลวง (กปน.) ออกมาเปิดเผยว่า ในช่วงเดือนเมษายน - พฤษภาคม ของทุกปี ประชาชนจะใช้น้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคมากกว่าปกติ นอกจากค่าใช่จ่ายเพิ่มอากาศร้อนจัดยังส่งผลต่อการเจริญเติบโตของเชื้อโรคในระบบทางเดินอาหาร ทาง กปน. จึงเพิ่มปริมาณคลอรีนในน้ำประปามากขึ้นจากปกติเล็กน้อย ทั้งนี้ เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานน้ำดื่มขององค์การอนามัยโลก ( WHO 2011) โดยประสิทธิภาพของคลอรีน จะสามารถฆ่าเชื้อโรคซึ่งเป็นสาเหตุของโรคท้องร่วงได้ รวมทั้งยังมีการตรวจสอบเชื้ออีโคไล ที่อาจมีเชื้อก่อโรคอื่นๆ ด้วย
โรค - ภัย หน้าร้อนเลี่ยงได้
สุขภาพหน้าร้อนเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องพึ่งระวัง ทางอธิบดีกรมอุตุฯ เปิดเผยข้อมูลต่อว่า อุณหภูมิของร่างกายนั้นอยู่ 37 องศาเซลเซียส ขณะที่สภาพอายุสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทะลุ 40 องศาเซลเซียส ถือเป็นสภาพร้อนจัด ทางประชาชนต้องระวังตัวโดยเฉพาะกิจกรรมในที่โล่งแจ้งควรหลีกเลี่ยง โดยเฉพาะกลุ่มบุคคลที่มีโรคประจำตัวอย่าง ความดันสูง ตามข้อมูลในปี 2557 พบว่ามีผู้ป่วยเสียชีวิตจากอากาศร้อนจัด เส้นเลือดสมองแตกหลายราย
เช่นเดียวกับ นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า พบผู้เสียชีวิตด้วยโรคลมแดดทุกปี ซึ่งเกิดจากร่างกายได้รับความร้อนสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส ผู้ป่วยกลุ่มผู้ป่วยโรคหัวใจ โรคความดันสูง และโรคเบาหวาน รวมทั้ง นักกีฬา, ทหาร, กลุ่มคนใช้แรงงาน ผู้ติดสุรา ฯลฯ ที่ต้องทำกิจกรรมกลางแจ้งเป็นเวลานานๆ ซึ่งมีข้อมูลพบผู้เสียชีวิตเฉลี่ยปีละหลายราย
ในฤดูร้อน เชื้อแบคทีเรียจะเติบโตอย่างรวดเร็วส่งผลให้เกิดโรคอุจจาระร่วง ทางด้านกรมควบคุมโรค เตือนประชาชนเฝ้าระวัง 5 โรค ได้แก่ โรคอุจจาระร่วง, โรคอาหารเป็นพิษ, โรคบิด, อหิวาตกโรค, ไข้ไทฟอยด์ นอกจากนี้ ยังมีโรคพิษสุนัขบ้าและโรคลมแดดที่ต้องระวังเช่นกัน รวมถึงพฤติกรรมสี่ยงอันตรายจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเป็นประจำในหน้าร้อน กรณีเสียชีวิตจากการจมน้ำ
นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค แนะนำประชาชนรับมือกับโรคภัยหน้าร้อนว่าควรยึดหลัก กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ พร้อมเสนอแนะการรับมื้อ โรคลมแดด ที่สามารถเกิดขึ้นได้กับกลุ่มเสี่ยงต้องออกไปยังที่โล่งแจ้งในวันที่อากาศร้อนระอุ
“วิธีป้องกัน ควรดื่มน้ำ 1 - 2 แก้ว ก่อนออกจากบ้าน หากอยู่ในสภาพอากาศร้อนดื่มน้ำให้ได้ชั่วโมงละ 1 ลิตร แม้ทำงานในร่มก็ควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 6 - 8 แก้ว สวมเสื้อผ้าที่มีสีอ่อน ไม่หนา และระบายความร้อนได้ดี หลีกเลี่ยงการอยู่กลางแดด ไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิด หลีกเลี่ยงการกินยาแก้แพ้ ยาลดน้ำมูก ควรให้การดูแลเด็ก และผู้สูงอายุเป็นพิเศษ”
…............................
ข่าวโดย Astv ผู้จัดการ Live
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"ASTVผู้จัดการ Live" และ "@astv_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารและเรื่องราวร้องทุกข์ในสังคมมาได้: astvmanager.live.lite@gmail.com
หรือ โทร.0-2629-4488 ต่อ 1477, Fax 0-2629-4754