เห็นเงียบๆ ฟาดเรียบนะคะ ทั้งผู้ประกาศ พิธีกร งานละคร ภาพยนตร์ มิวสิกวิดีโอ ถ่ายปก ถ่ายแบบ ตั้งแต่สวย น่ารัก ไปจนถึงเซ็กซี่ขยี้หัวใจ เรากำลังพูดถึง 'ต่าย-ชัชฎาภรณ์ ธนันทา' นักแสดงสาวช่อง 7 ที่อยู่ในวงการบันเทิงมานานกว่า 10 ปี ผ่านช่วงเวลาร้ายดีมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน ความรัก ทว่า เธอก็ยังคงยิ้มรับ ยิ้มสู้ และเปิดโลกสู่ความสนุก และท้าทายอยู่เสมอ เห็นได้จากความมันปนความเสียวที่จะถูกบอกกล่าวต่อจากนี้
ซอยชีวิต ผู้หญิงชื่อ "ต่าย"
ถ้าการเดินทางในชีวิตของคนเราเปรียบเหมือนกับการเดินอยู่ในซอย แน่นอนว่าบางครั้งอาจจะต้องเจอซอยตัน แต่สำหรับ 'ต่าย' โลกนี้ไม่มีซอยตัน เพราะอย่างน้อยมันต้องมีทางออก แล้วอีกอย่างในซอยมักจะมีซอยย่อยๆ แยกให้เดินออกมาเสมอ ถ้าเบื่อๆ ก็เดินออกมาพักเพื่อดู หรือลงมือทำสิ่งใหม่ๆ ไปพลางๆ ก็ได้
เห็นได้จากซอยชีวิตที่เต็มไปด้วยความแรง และความท้าทายที่เธอจะบอกเล่าให้ฟังในบรรทัดด้านล่างนี้ แม้จะเป็นซอยที่ใครหลายคนมองว่า น่าหวาดเสียว แต่สำหรับเธอ ก็เหมือนกับซอยอื่นๆ ที่เมื่อตัดสินใจเดินเข้ามาแล้วก็ต้องทำให้เต็มที่ และผ่านอุปสรรคต่างๆ ไปให้ได้
"ต่ายเข้าสู่วงการมอเตอร์ สปอร์ตมาได้สักพักใหญ่ๆ แล้วค่ะ เวลาแข่ง ต่ายจะบอกตัวเองว่า มันก็แค่โค้งขวา โค้งก่อนหน้าที่เราชนมันเล็กกว่านี้อีกนะ เราก็เข้าโค้งด้วยความเร็วที่สูงกว่านี้ ยังผ่านได้เลย ทำไมต้องชนโค้งนี้ ทำไมต้องกลัวโค้งนี้ด้วย อะไรประมาณนี้ค่ะ นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง และเราต้องก้าวข้ามผ่านมันไปให้ได้ ต้องชนะมันให้ได้" นักแสดงผู้ชื่นชอบความเร็วเผยประกายตาที่มุ่งมั่น
สำหรับจุดเริ่มต้นของการเข้าสู่วงการนี้ ต่ายเล่าให้ฟังว่า มีค่ายรถชื่อดัง อยากได้นักแข่งรถที่เป็นผู้หญิงเข้ามาในทีม ด้วยความสนใจ และอยากหาอะไรใหม่ๆ ทำอยู่แล้ว จึงไม่ปฏิเสธโอกาสที่เดินทางเข้ามา
"เมื่อก่อนประมาณ 7-8 ปีที่แล้ว จำได้ว่ามีคนเคยทาบทามมาเหมือนกัน แต่ว่าตอนนั้นคุณพ่อไม่อนุญาตค่ะ เพราะเรายังเด็กเกินไป ความรู้สึกของคุณพ่อจะคิดว่ายังไม่ควร พ่อจะกลัว แต่พอครั้งนี้มีติดต่อเข้ามาอีก เราโตขึ้นแล้ว พ่อก็เห็นแล้วว่าลูกไม่ใช่คนนั่งเย็บปักถักร้อยทำขนม เห็นแล้วว่ากิจกรรมลูกแต่ละอย่างก็มีแต่ประเภท ป่า, ทะเล, พายเรือ (ยิ้ม) ออกแนวแอดแวนเจอร์ เป็นกิจกรรม เอ็กซ์ตรีมทั้งหมด พ่อก็เลยเริ่มรับได้กับกิจกรรมของลูก
ดังนั้น ถ้าพูดถึงว่าทำไมต่ายได้ก้าวเข้าสู่วงการมอเตอร์ สปอร์ต จุดเริ่มต้นมาจากโตโยต้าเลยค่ะ เขาอยากได้นักแข่งผู้หญิงในทีมเพิ่ม เขาก็เลยทาบทามแล้วก็ติดต่อมาทางต่าย เพราะคงพอเห็นว่าเราชอบกิจกรรมลุยๆ พอต่ายได้ยินปุ๊บก็รู้สึกว่ามันใช่ละ (น้ำเสียง และท่าทีของเธอเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด) มันเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เราต้องไขว่คว้าเอาไว้ ต้องทำแล้ว แต่ต้องบอกว่าไม่ได้เป็นคนที่ขับรถเกียร์ธรรมดาในชีวิตจริงนะคะ ปกติต่ายขับเกียร์ออโต้ ส่วนเวลาแข่งรถเราต้องใช้เกียร์ธรรมดาหมด
โชคดีที่ต่ายพอจะมีพื้นฐานบ้าง เพราะตอนแรกๆ ที่ฝึกขับรถตอนเด็กๆ คุณพ่อให้ขับเกียร์กระปุก มีพื้นฐานเล็กๆ ตรงนั้น แต่หลังจากนั้น 20 ปีก็ขับเกียร์ออโต้มาตลอดนะ เลยต้องมาฝึกใหม่-เรียนใหม่ทั้งหมดเลยค่ะ คือต้องเข้าไปเรียนในชั้น Racing School ต้องไปฝึกในเรื่องกฎกติกาและเทคนิคต่างๆ" สาวนักแข่งเล่า
ทั้งนี้ ก่อนจะมาแข่งขัน ต่ายบอกว่า ส่วนตัวเป็นคนที่ชอบกิจกรรมที่เป็นเอาต์ดอร์อยู่แล้ว "อย่างกอล์ฟ แล้วก็ดำน้ำ บางทีก็มีทำสคูบา ถ้าช่วงหน้าร้อนเซตได้ว่าจะไปทะเล ก็จะสิปาดันบ้าง มัลดีฟส์บ้าง ไป 10 วัน นอนในเรือ อยู่กลางทะเล จะออกแนวเที่ยวแบบทะเลๆ น้ำๆ" เธอเล่า "หรือบางช่วงก็จะออกแนวเที่ยวป่าบ้าง พายเรือคายัค กางเต็นท์ด้วยค่ะ บางคนอาจจะคิดว่า เฮ้ย! ตายมีฟิวนี้ด้วยเหรอ มีค่ะ
อย่างตอนไปน่านก็มีให้ พายเรือ 2 วัน ล่องแก่งอีก 2 วัน วันแรก พายเรือเสร็จก็ไปกางเต๊นท์นอนกลางป่า เช้าวันรุ่งขึ้นก็พายต่อ แล้วก็นอนกลางป่าต่อ อันนั้นเป็น Feel ป่าค่ะ (ยิ้ม) แต่พอมาถึงจุดนึงก็รู้สึกว่ามันต้องหาอะไรอีก ต้องมีอะไรอีกที่ยังไม่ได้ลอง (แววตาเป็นประกาย) ทะเลก็แล้ว ดำน้ำก็แล้ว เข้าป่าก็แล้ว ปีนหน้าผาก็แล้ว คือเราทำมาหมดแล้วไงคะ" ต่ายพูดไปยิ้มไป
ความสวย VS ความเร็ว
พูดถึงผู้หญิงกับการแข่งรถ ดูจะเป็นสิ่งที่ขัดๆ กันในสายตาของใครหลายคน แต่สำหรับต่าย นี่คือคำพูดที่เผยให้เห็นถึงความท้าทายในตัวเธอ
"ผู้หญิงแข่งรถเยอะนะ (สายตามุ่งมั่น) แล้วก็ขับกันแบบไม่ได้โหดน้อยกว่าผู้ชายเลย มันมาก (ลากเสียง) มันจริงๆ ขับกันโหดมากจริงๆ สนุกมากค่ะ" เธอบอก ก่อนจะเผยให้ฟังต่อไปถึงความรู้สึกแรกในการลงสนามแข่ง ประลองความเร็ว และความแรงของตัวรถ "ตื่นเต้น และเครียดมากค่ะ (ให้คำตอบได้ทันทีก่อนประโยคคำถามจะจบลงด้วยซ้ำ)
สนามแรกในชีวิตคือที่ภูเก็ตเมื่อปีที่แล้วค่ะ สนามแรกก็ภูเก็ตเลย ไปศุกร์-อาทิตย์ มีเวลา 3 วัน ไปตั้งแต่วันศุกร์เพราะเขาอยากให้ขับลองสนามก่อน ตอนขับลองรอบแรกจะเป็นการขับแบบห้ามเติมความเร็ว เป็นการขับดูไลน์ในสนามเฉยๆ ว่ารถโอเคมั้ย เช็กสภาพรถ ดูว่ายังมีอะไรที่ต้องปรับอีกมั้ย ให้ขับดูแค่รอบเดียว 15 นาทีค่ะ พอมาถึงวันเสาร์ก็ได้ซ้อมแบบเต็ม ขับ 3 รอบ แล้วพอมาถึงวันอาทิตย์ก็จะเป็นการขับเพื่อเช็กรถ 1 รอบ แล้วพอมาตอนบ่ายก็แข่งเลย คิดดูว่าขับ 3 วัน น้ำหนักลง 3 กิโลฯ (หัวเราะ) เพราะว่าเครียดค่ะแล้วก็กดดัน
ดังนั้น ด้วยความที่เราเป็นมือใหม่มาก ทุกอย่างคือใหม่ไปหมด ต่อให้เราฝึกมาดีแค่ไหน แต่ตอนเรียนมันไม่เหมือนตอนแข่งจริงๆ เพราะตอนเรียน เราเรียนกันแค่ไม่กี่คัน แต่ตอนแข่งเนี่ย ทุกคันอัดเต็ม รถก็เต็มสนาม รวมถึงประสบการณ์เราก็ยังไม่มี ก็เลยเครียดแล้วก็กลัว กินไม่ได้ กินไม่ลงเลย หายไป 3 กิโลฯ เลย และด้วยความที่ชุดแข่งมันร้อนด้วย"
แน่นอนว่า การจะลงสนามแข่งได้ ต้องมีการเตรียมตัวอย่างดี ไม่ว่าจะผู้ชายหรือผู้หญิง สิ่งที่ต้องพร้อมอยู่เสมอก็คือ ความพร้อมด้านร่างกาย และสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ 'สมาธิ'
"ต้องออกกำลังกายค่ะ เรื่องของการหลับมันเป็นไปไม่ได้ เพราะมันตื่นเต้นมาก อะดรินาลีนหลั่ง หัวใจเต้นแทบจะหลุดออกมานอกตัวอยู่แล้ว รวมถึงสมอง ไหวพริบ ทุกอย่างมันแทบจะเสี้ยววินาที การตัดสินใจของเรามันคือเสี้ยววินาทีจริงๆ หักพวกมาลัยด้วยองศาเท่านี้ เหยียบคันเร่ง เบรก คลัตช์ ต้องปุ๊บปั๊บๆ ตลอดเวลา เพราะฉะนั้น อาการง่วงๆ หลับๆ จะไม่มีแน่นอน ไม่มีทางเกิดขึ้นได้เลยไม่ว่าสนามไหนในโลก (ยิ้ม)
สิ่งที่ต้องมีคือสมาธิ ต่ายจะต้องนั่งทำสมาธิ ควบคุมอารมณ์ตัวเองให้ได้ แล้วก็ทบทวนว่าเราต้องทำอะไรบ้างในสนาม ตั้งแต่ก่อนจะออกจากจุดสตาร์ท เราจะต้องเช็กสภาพรถตรงไหนบ้าง ก่อนออกจากไป จะมีไฟแดงนับ 1-5 แล้วค่อยออกตัว ไฟเขียว เราก็ต้องดูว่ารถเราอยู่ในตำแหน่งที่ตรงกับจุดที่มาร์กไว้หรือยัง ถ้าเลยจากตำแหน่งก็จะโดนปรับ หรือถ้าออกจากจุดสตาร์ทก่อนก็โดนปรับอีกเช่นกัน เป็นการปรับด้วยเวลา บวกเวลาที่ทำได้ที่เส้นชัยเพิ่มเข้าไปตามเวลาที่เราทำผิด เพราะฉะนั้น ต้องควบคุมสมาธิให้ได้ว่าต้องทำอะไรอันดับ 1, 2 หรือ 3" ต่ายเล่า
ในเรื่องการได้รับบาดเจ็บจากการแข่งรถ เธอยอมรับว่า "มีบ้างค่ะ" ก่อนจะอธิบายให้ฟังตามมาเพื่อสร้างความเข้าใจตรงกันว่า "ด้วยตัวรถที่ค่อนข้างเซฟมากอยู่แล้ว พูดเลยว่ารถเซฟมาก จากที่ไปลองเทสต์รถแบบอื่นมาทำให้รู้สึกเลยว่ารถที่เราใช้แข่งในสนามมันเซฟสุดๆ
การปะทะกัน ไม่มีใครตั้งใจให้ปะทะ แต่อุบัติเหตุมันเกิดขึ้นได้ อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นไม่ได้ร้ายแรง มันขึ้นอยู่กับเราด้วยค่ะว่าจะแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้ายังไง ถ้ามีกระทบซ้ายปุ๊บ เราจะประคองรถยังไง หรือหลังจากถูกกระทบไปแล้ว รถอาจจะวิ่งไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แล้วเราจะต้องขับยังไงให้ไปถึงเส้นชัยให้ได้ ทุกอย่างมันคือการแก้ปัญหาทั้งหมดเลย"
เมื่อลองถามว่าได้แผลจากการแข่งรถบ้างไหม นี่คือคำตอบของเธอ "ไม่มีค่ะ ไม่มี เพราะว่าเข็มขัดนิรภัยรัดแน่นมาก แต่เวลาเราไปขับรถแบบอื่น ไปขับโกคาร์ท มันเจ็บนะคะ เจ็บกว่าอีก เพราะว่ามันไม่ได้เซฟเท่า หรือไปขับ รถ U-TV ที่คล้ายๆ รถ A-TV แต่เป็นแบบวิบาก แบบนั้นก็เจ็บคอถึงขั้นเจ็บคอ คอเคล็ดจนต้องไปเอกซเรย์แล้วก็หยุดพักค่ะ เพราะมันไม่มีที่เซฟคอ"
ไม่เพียงแต่เธอที่เป็นดารานักแสดงผู้ชื่นชอบความเร็วแล้ว ยังมีคนบันเทิงอีกหลายๆ ท่านที่แท็กทีมกันลงแข่ง
"พี่ใหญ่สุดในทีมคือ ไผ่-สิทธิ์ ตันติพิสิฐกุล ค่ะ เขาแข่งมา 7-8 ปีละ แล้วก็มี นาตาลี เดวิส แข่งปีนี้เป็นปีที่ 4 ส่วน กวาง วง AB Normal เป็นรุ่นเดียวกับต่ายค่ะ เข้ามาพร้อมกันปีที่แล้ว เป็นน้องใหม่เหมือนกัน แต่กวางเขาเก่งอยู่แล้วค่ะ เขามีรถซิ่งขับอยู่แล้ว มีรถแรงๆ เกียร์ธรรมดาอยู่แล้ว ทีมของเราจะเป็น Star Team ค่ะ"
ยิ่งขับ ยิ่งได้เรียนรู้
ไม่ว่าจะทำอะไร สิ่งที่ได้รับกลับ ไม่ว่าจะน้อย หรือจะมาก มันก็คือสิ่งที่ได้เรียนรู้ เช่นเดียวกับการแข่งขัน สำหรับเธอแล้ว ยิ่งขับ ยิ่งเรียนรู้
"อันดับหนึ่งที่ได้เลยคือ ความอดทน อดทนต่อสถานการณ์ ความกดดัน ความเหนื่อย ความล้า ความไม่ได้ดั่งใจ หรือความเสียใจ เราต้องเจอกับเหตุการณ์พวกนี้ เวลามีอุบัติเหตุในสนาม บางครั้งอาจจะขับต่อไม่ได้ ตรงนั้นจะทำให้ใจเราสั่นละ (ลดความเข้มของน้ำเสียงลงขณะเล่ามาถึงจุดนี้) เป็นเหมือนกันนะคะ ใจสั่น พอชนปุ๊บก็ต้องจบการแข่งขัน แต่มันไม่ได้จบแค่นั้น อีก 2 ชั่วโมงต้องขับต่อ พอบ่ายปุ๊บแข่ง ใจเราน่ะค่ะ มันต้องสู้กับสิ่งที่เราต้องก้าวข้ามผ่านมันไปให้ได้
อย่างสนามโคราช มีอยู่โค้งหนึ่งที่ต่ายชนมันอยู่ถึง 2 ครั้ง ปกติแล้ว ต่ายจะไม่ค่อยมีปัญหากับโค้งขวา แต่คราวนี้พลาด อัดเข้าไปแรง ชนเข้าไปในโค้งเลยค่ะ จากที่แรกๆ ขับดีมากนะ ขับดีทุกโค้งเลย โอเคเลย แต่พอชนปุ๊บ มันเหมือนแบบเราประกอบร่างไม่ได้แล้วอะ จากที่เราเสียแค่โค้งเดียว เราเสียทุกโค้งเลยคราวนี้ เราทำโค้งต่อไปที่เราไม่พลาด-พลาด คือเราหลุดน่ะค่ะ ก็ต้องเรียกตัวเองกลับมา เรียกสมาธิ เรียกสติกลับมา เอาความรู้สึกกลับคืนมาให้ได้เร็วที่สุด"
เหมือนๆ กับกับชีวิตคนเรา แทนที่จะเอาเวลามานั่งเสียใจ จมอยู่กับปัญหา และความผิดพลาด คงจะดีถ้าใช้พลังจากความผิดพลาด มาเป็นแรงผลักดันตัวเองให้กลับมามีสติในทุกเส้นทางของชีวิต
ความเซียนต้องมี การเข้าโค้งต้องคม
เมื่อถามว่ามีโอกาสได้แตะโพเดียมบ้างหรือยัง นักแข่งสาวยิ้มเขินๆ "ยังเลยค่ะ" ก่อนจะเล่าให้ฟังถึงความภูมิใจในการลงสนามประลองความเร็วที่โคราช (สนามที่ 2 ของเกมการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบประจำฤดูกาล 2014 ในรายการ โตโยต้า มอเตอร์สปอร์ต)
"ตอนออกจากจุดสตาร์ท ต่ายออกตัวเป็นคันที่ 12 ถือว่าออกตัวได้ดีกว่าทุกครั้ง พอออกตัวดี อันดับก็ขึ้นไปที่สูง แซงมาได้หลายคัน แต่ตอนอยู่ในสนาม เราไม่รู้หรอกว่าเราอยู่เป็นคันที่เท่าไหร่ เพราะเราขับอยู่ตลอดเวลา เราไม่ได้ยิน เราไม่รู้ว่าแซงมากี่คัน รู้แค่ว่ามีข้างหน้าอีกคันที่ยังไม่โดนแซง แค่นั้น (ยิ้ม) เพราะว่าสนามมันยาวค่ะ เราจะไม่เห็นกัน เห็นกันแค่ไม่กี่คัน
แข่งจบก็จะมีทีมวิ่งเข้ามาบอกว่า เฮ้ย! ขึ้นมาถึงอันดับ 4 เลยนะ แล้วก็ลงมาอันดับ 5 แล้วก็โดนแซงเพิ่มอีก 2 คัน ก็เลยจบที่อันดับ 7 (เธอเล่าด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นร่าเริงตลอดบทสนทนา) ด้วยความที่เราเป็นน้องใหม่ ทุกคนก็จะคอยให้กำลังใจมากว่า เฮ้ย! ต่ายมีโอกาสได้แตะโพเดียม 4 กับ 5 แล้วอะ (ยิ้ม) แต่ในที่สุดก็โดนแซงไป (จบประโยคด้วยน้ำเสียงเสียดาย)
แข่งแบบนี้ต้องขึ้นอยู่กับความเซียนแล้วค่ะว่า การเข้าโค้งจะคมขนาดไหน ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ เพราะเวลาขับแข่ง จะแข่งกันอยู่อย่างนั้น 22 รอบ มันเยอะมาก (เน้นเสียง) แข่งกันครึ่งชั่วโมง เพราะฉะนั้น ความคมของแต่ละโค้งที่เข้ามันจะกินเวลากันไม่กี่วินาที"
หลังจากจบครบทุกสนาม เธอก็โพสต์ภาพและข้อความบนอินสตาแกรม เผยความรู้สึกถึงความสนุก และความประทับใจตลอดการแข่งขัน
"ความสนุกสุดมันกับความเร็วของการแข่งขัน toyotamotorsport ของปีนี้ จบครบทุกสนาม มีทุกรสความมัน มีความสุขทุกครั้ง พบมิตรภาพมากมายที่สาธยาย ไปอีก 10 ปี ก็พูดไม่จบ แต่ต้องขอบคุณผู้ใหญ่ทุกคนที่คอยสนับสนุนทีมเรา TOYOTA RACING STAR TEAM #toyotamotorsport#toyotaracingstarteam#trd#instructor ทุกท่านมากๆ ค่ะที่คอยสอนและใส่ใจนักเรียนคนนี้ การเรียนรู้ไม่มีวันสิ้นสุดจริงๆ ความยาก ความท้าทาย ทำให้กีฬา Motorspot มีเสน่ห์ จนไม่อยากจบ ถึงแม้การแข่งขันจะจบ สู้ต่อไป"
ชอบความแรง แต่ไม่นิยมความรุนแรง
"เป็นคนค่อยข้างเอ็กซ์ตรีมค่ะ ไม่ใช่คนอารมณ์รุนแรง เป็นคนที่ไม่ทะเลาะ ไม่เสียงดัง หวานมั้ย? มีหวานนะ ก็ไม่ได้จืดชืด" เป็นตัวตนผ่านคำบอกกล่าวของเจ้าตัวที่เปิดเผยให้เห็นความอ่อนหวานในร่างสาวเซ็กซี่ ส่วนหลังจากนี้จะได้เห็นความเซ็กซี่ตามนิตยสารอีกไหม "ยังน่ะค่ะ ยัง (ส่ายหน้า) เอาไว้มีโอกาสนะคะ"
แต่พอถามว่า เป็นผู้หญิงที่เหมาะกับรถแบบไหน 'Toyota86' คือสิ่งที่เธอเลือก พร้อมกับให้เหตุผลตามมาว่า "มันเจ๋งดี ความเปรี้ยวของรถมันทำอะไรได้หลายอย่าง" เช่นเดียวกับความเปรี้ยวในตัวเธอที่ทำอะไรได้อย่างหลาย พิสูจน์ให้เห็นแล้วจากผลงานต่างๆ ในวงการบันเทิง
อีกประเด็นที่ไม่ถามไม่ได้ ก็คือความรัก ต่ายยิ้มรับ "ไม่พูดถึงดีกว่าค่ะ" พร้อมด้วยประโยคขยายความตามมา "ณ ตอนนี้ยังไม่ได้มองใครเอาไว้ค่ะ ขอแค่คนที่เข้าใจเรา พอละ แล้วก็มีความจริงใจที่พร้อมจะโชว์ บางคนโชว์ความจริงใจแต่เฟกก็มีนะ คือถ้าจริงใจก็อยากจะให้จริงใจจริงๆ ไม่ใช่ทำเพราะอยากจะโชว์ (จริงใจแบบไหนถึงจะโอเค) จริงใจแบบที่เป็นตัวเขาจริงๆ น่ะค่ะ ไม่ใช่แกล้งทำเป็นคนจริงใจ (คนสมัยนี้ดูยากเนอะ) ถูกต้องค่ะ ถึงบอกว่าไม่ต้องคิดอะไรเยอะ ปล่อยให้มันเป็นไป"
ปิดท้ายบทสนทนาด้วยคำถามถึงอนาคตต่อจากนี้ ต่ายบอกว่า "อยู่อย่างนี้แหละ (ยิ้ม) ยังไม่ไปไหน ยังรักที่จะแสดง ยังรักที่จะเล่นละคร เป็นคนชอบเล่นละครค่ะ"
เรื่อง : ปิยะนันท์ ขุนทอง
ภาพ : ศิวกร เสนสอน / ขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจากอินสตาแกรม @taichatchadaporn
///////////////////////////
ประวัติส่วนตัว
ชื่อ-นามสกุล : ชัชฎาภรณ์ ธนันทา
ชื่อเล่น : ต่าย
วัน/เดือน/ปีเกิด : 18 ตุลาคม พ.ศ. 2523 (อายุ 34 ปี)
เป็นชาวจังหวัดนครปฐม
การศึกษา
- ระดับมัธยมศึกษา โรงเรียนโพธิสารพิทยากร
- ระดับปริญญาตรี คณะบริหารธุรกิจ ภาควิชาสารสนเทศส่วนกลาง
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี
ผลงานปัจจุบัน-อนาคต
หลานสาวนิรนาม (รับบทเป็น ภิสารัตน์) ออกอากาศทางช่อง 7
แหวนสวาท (รับบทเป็น แม่ลิ้นจี่ผีตายโหง) อยู่ระหว่างการถ่ายทำ
สิงห์รถบรรทุก กำลังรอเปิดกล้องในปี 2558
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"ASTVผู้จัดการ Live" และ "@astv_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารและเรื่องราวร้องทุกข์ในสังคมมาได้: astvmanager.live.lite@gmail.com
หรือ โทร.0-2629-4488 ต่อ 1477, Fax 0-2629-4754