xs
xsm
sm
md
lg

พ่อหนูหน้าโหด..แต่ก็น่ารัก 'อี้-วิลาสินี' นางสาวไทยปี 57 (มีคลิป)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


แม้จะดูสวยค้านสายตาของคนบางกลุ่ม แต่ทางฟากของฝ่ายสนับสนุน และชื่นชม ต้องบอกว่ามีจำนวนไม่น้อยที่มอง 'อี้-วิลาสินี จันทร์วุฒิวงศ์' ว่า 'งามอย่างไทย' สมกับตำแหน่งนางสาวไทยปี 2557 โดยเฉพาะความสวยที่เป็นธรรมชาติ

เช่นเดียวกับ M-Cover การได้พูดคุยกับ 'อี้' หญิงสาวที่สวยที่สุดในประเทศวัย 20 ปีคนนี้ ต้องบอกว่า เธอช่างมีดวงตาที่สดใส มองเห็นโลกในแง่บวก รวมไปถึงความบ้องแบ๊ว และเป็นกันเอง แถมยังมีมุมน่ารักๆ ระหว่างเธอกับคุณพ่อที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อนด้วย



อี้-วิลาสินี...มีดีที่แตกต่าง

"ค่านิยม 12 ประการ เป็น 12 ประการที่มนุษย์ทุกคนควรพึงมีค่ะ สำหรับอี้ถ้าอี้ได้เป็นนางสาวไทย เป็นข้อแรก รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ค่ะ อี้จะอยู่ในศีลธรรมอันดีงาม อี้จะรักพ่อหลวงของเรา อี้จะรักประเทศไทย ทุกอย่างที่อยู่ใน 12 ประการล้วนเป็นข้อดีที่นางสาวไทยพึงมีทั้งหมด ถ้าให้อี้เลือก ขอเลือกข้อ 1 ค่ะ ขอรักชาติ ศาสนา กษัตริย์ ขอรักในหลวงตลอดไปค่ะ" 

เป็นคำตอบของคำถามในรอบตัดสินที่เรียกเสียงปรบมือไปเต็มๆ สำหรับคำถามที่ว่า คุณในฐานะผู้ที่อาจจะคว้ามงกุฎนางสาวไทยปี 2557 คุณคิดว่าตำแหน่งอันทรงเกียรตินี้ จะสามารถตอบสนองค่านิยม 12 ประการ ของท่านนายกรัฐมนตรีได้อย่างไรบ้าง




ด้วยปฏิภาณไหวพริบในการตอบคำถาม รวมไปถึงศักยภาพ และความสามารถพิเศษหลายๆ ด้าน ทำให้ 'อี้' สามารถพิชิตใจกรรมการ และคว้าตำแหน่งนางสาวไทยคนที่ 49 ไปครองได้สำเร็จ แต่หลังจากเวทีแห่งเกียรติยศได้ปิดฉากลง สังคมออนไลน์ก็ทำหน้าที่วิพากษ์วิจารณ์ในตัวเธอ โดยเฉพาะความสวยที่ถูกมองว่าค้านสายตา

"อี้ไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อนเลยค่ะ พอมาเจอ อี้พยายามมองอีกมุมหนึ่งว่า เราเป็นคนที่ทุกคนให้ความสนใจแล้ว ไม่แปลกที่จะมีบทวิจารณ์แบบนี้กลับมา ซึ่งเราก็จะต้องยอมรับในทุกบทวิจารณ์ค่ะ เขาจะติ จะชม หรือมองเราในแง่ลบ เราก็ต้องยอมรับ และน้อมรับ ถามว่ารับมาแล้วทำอะไร สำหรับอี้ อี้จะนำมาปรับปรุงค่ะ ถ้าติตรงไหน ไม่พอใจอะไรในตัวอี้ อี้ก็จะพยายามปรับปรุงให้ดีขึ้น ส่วนคำชมอี้ก็ขอขอบคุณทุกๆ กำลังใจที่มีเข้ามาค่ะ"

อี้ยิ้มรับกับทุกคำติชม นั่นเพราะเธอพยายามมองในมุมบวกที่ว่า คำติต่างๆ ก็เหมือนเวลาที่กระจกส่องให้เห็นคราบเลอะเทอะบนใบหน้า ถือเป็นการเปิดโอกาสให้เช็ดข้อผิดพลาดเหล่านั้นออกไป พร้อมตกแต่งให้ดูดียิ่งขึ้น สำหรับใครที่ปิดหูไม่รับฟังคำวิจารณ์ก็ไม่ต่างจากคนที่หันหลังให้กระจก




อย่างไรก็ดี ความเป็นเธอในมุมลึกๆ เป็นสิ่งที่ใครหลายคนอาจเข้าไม่ถึง และนี่คือความเป็น “อี้” ผ่านการบอกเล่าของตัวเธอเอง

"อี้เป็นนางงามที่มีความเป็นธรรมชาตินะ (ยิ้ม) อี้รู้แค่ไหน อี้แสดงออกไปแค่นั้น อี้ไม่ได้ไปฝืนมัน หรือพยายามจนทุกคนมองว่าคุณเหนื่อยไหมกับสิ่งที่คุณพยายามหรือฝืนมันอยู่ แต่สำหรับอี้ อี้พยายามได้เท่านี้แล้วแสดงออกไปได้เท่านี้ แล้วอี้ก็สวยได้เท่านี้ สวยแบบธรรมชาติ อี้ไม่ได้เติมแต่ มีความรู้เท่านี้อี้ตอบเท่าที่รู้ ดังนั้น อี้อยากให้ทุกคนมองนางงามที่เป็นธรรมชาติค่ะ"


ตัวตนนี้ เธอได้แต่ใดมา

ด้วยการมองโลกที่เต็มไปด้วยทัศนคติในด้านบวก รวมไปถึงความแข็งแกร่ง และศักยภาพที่เธอมี การย้อนกลับไปค้นหายังสถานที่ที่สร้างเธอขึ้นมาอย่าง 'ครอบครัว' จึงเป็นอีกหนึ่งความน่าสนใจว่า สภาพครอบครัวและการอบรมเลี้ยงดูแบบใดที่สามารถสร้างให้คนคนหนึ่งสามารถมายืนอยู่ได้ ณ จุดนี้

"อี้เติบโตในครอบครัวที่พ่อแม่ให้ทำอะไรเองตั้งแต่เด็กค่ะ ตอนเข้าเรียนโรงเรียนอนุบาลก็เป็นโรงเรียนประจำที่ประเทศญี่ปุ่น เพราะพ่อแม่อยากให้ช่วยเหลือตัวเองเป็น ตอนเรียนอี้จะอยู่กับพี่สาวค่ะ เราสองคนจะช่วยเหลือตัวเองมาตลอด ทั้งการแต่งตัว การรับประทานอาหาร ซึ่งที่ญี่ปุ่นเขาก็จะส่งเสริมให้เด็กช่วยเหลือตัวเองตั้งแต่เด็กอยู่แล้วค่ะ" เธอเล่า



ไม่เพียงแต่ความแกร่งที่ถูกหล่อหลอมจากบรรยากาศหรือวัฒนธรรมทั้งในครอบครัว สถานศึกษาในประเทศญี่ปุ่น 'อี้' ลงลึกลงไปถึงตัวคุณพ่อที่เป็นแบบอย่างในเรื่องนี้ได้ดีที่สุดด้วย

"พ่อเป็นคนอดทนและให้เกียรติมากค่ะ พ่อจะให้เกียรติแม่ หนู และพี่สาวมากๆ สิ่งหนึ่งที่พ่อเคยสอนก็คือ ต้องไม่ให้ลูกลำบาก เขาจะสอนอยู่ตลอดว่า การจะเป็นพ่อคนแม่คนได้ ต้องอย่าให้ลูกของเราลำบาก ถ้าเกิดลูกลำบาก นั่นหมายถึงว่าพ่อแม่กำลังจน หรือมีปัญหา

ดังนั้น พ่ออี้จะทำงานหนักเพื่อที่จะให้ลูกมีกิน มีใช้ คือเหมือนคนไทยที่ไปอยู่ญี่ปุ่น ต้องพยายามต่อสู้กับเศรษฐกิจรอบข้างที่นั่นอย่างมากค่ะ ดังนั้นพ่ออี้ก็เลยต้องพยายามมากที่จะให้อี้กับพี่สาวเรียนที่ญี่ปุ่นเพื่อสอนให้เราช่วยเหลือตัวเองได้ อยู่ได้ด้วยความเข้มแข็ง และอดทน"


ส่วนเหตุผลที่ต้องไปเรียนประเทศญี่ปุ่นนั้น อี้บอกว่า เพราะพ่อแม่ไปเปิดกิจการข้าวขาหมูอยู่ที่นั่น


"ชื่อว่าข้าวขาหมูเลยค่ะ ตอนนั้นดังมากๆ มีลงหนังสือพิมพ์ที่ญี่ปุ่นด้วย มีรูปพ่อกับแม่เลยนะคะ แบบดังมาก กิจการรุ่งเรืองมากค่ะ แต่หลังจากกลับมาอยู่ที่ประเทศไทยบ้านหนูมีที่ดินของคุณปู่ค่ะ คุณพ่อก็เลยจะเปิดเป็นเจ้าของวินมอเตอร์ไซค์ ส่วนคุณแม่ก็ช่วยดูแลด้วยค่ะ"


ถามว่าอะไรคือดีเอ็นเอของพ่อกับแม่ที่รวมกันเป็น "อี้" นี่คือคำตอบของเธอ "อี้ได้นิสัยลึกๆ ของพ่อมาค่ะ คือพ่อเขาจะเป็นคนคิดมาก แต่หนักแน่น มีจุดยืน แต่แม่จะเป็นคนแอ็กทีฟตลอดเวลา ชอบลุย ซึ่งอี้ได้ส่วนนี้จากคุณแม่มา"


หน้าโหดแต่ก็น่ารัก นี่แหละพ่อฉัน




ล้วงเข้าไปถึงสไตล์การเลี้ยงลูกของบ้านนี้กันบ้าง อี้ยิ้ม แล้วเล่าให้ฟังว่า "ที่บ้านมีตามใจบ้าง แต่ก็ตามโอกาสค่ะ ถ้าทำดีก็จะได้สิ่งตอบแทน ซึ่งแม่จะบอกอีกว่า ต่อให้คุณทำดีแล้วหวังสิ่งตอบแทน แม่ไม่ว่านะ เพราะว่าคุณได้ทำไปแล้ว" ส่วนเรื่องการลงโทษนั้น อี้บอกว่า "ที่บ้านอี้ยังใช้วิธีการตีอยู่ค่ะ"

สำหรับเรื่องการลงโทษด้วยการตีนั้น ต้องบอกว่า คุณพ่อบ้านนี้น่ารักมากๆ เพราะจะใช้มือตีที่ฝ่าเท้า และนี่คือคำบอกเล่าของ 'อี้' ตัวแทนลูกสาวของบ้านนี้ "พ่อกลัวว่าหนูจะมีแผลค่ะ ยิ่งเป็นลูกผู้หญิงด้วยยิ่งต้องระวัง ซึ่งพ่อหนูเขาคิดขนาดนี้เลยค่ะ แต่หนูอ่ะ อยากจะบอกว่า ตีที่ฝ่าเท้ามันเจ็บมาก ตีที่อื่นเถอะ (หัวเราะ) พ่อก็จะบอกว่า ตีที่อื่นก็กลัวจะเป็นแผล"


นอกจากเรื่องนี้แล้ว อีกหนึ่งความประทับใจชวนซึ้งของคุณพ่อ คงหนีไม่พ้น เหตุการณ์ตอนพี่สาวพลัดหลงที่โยโกฮาม่า ประเทศญี่ปุ่น




"มีอยู่เหตุการณ์หนึ่งที่จำไม่รู้ลืมเลยก็คือ ตอนที่เราอยู่ญี่ปุ่นกัน พี่สาวอี้หลงที่โยโกฮาม่า แล้วพี่สาวอี้ ต้องบอกว่า รูปร่างหน้าตาจะเหมือนคนญี่ปุ่นที่หมวย และตัวเล็ก แต่พ่อจะเป็นคนผิวดำ แถมไว้หนวดเข้ม พอมีการออกข่าว และให้มารับตัวลูกสาว พ่อก็รีบไปรับพี่หนูกลับบ้าน ตำรวจเขาก็ถามพี่สาวว่า นี่ใช่พ่อคุณไหม พี่สาวอี้ก็บอกว่า ใช่ค่ะ นี่พ่อของหนูจริงๆ แต่ตำรวจไม่เชื่อ คิดว่าเป็นเหมือนคนลักพาตัวมา พ่อก็แบบ...หน้าเศร้า หน้าเครียดมาก

ส่วนพี่สาวหนูก็ร้องไห้บอกว่านี่พ่อของหนูจริงๆ ค่ะ ตำรวจก็ยังไม่เชื่อจนพ่อต้องบอกว่า โอเค ผมไม่ใช่พ่อ แต่ผมรู้จักแม่เขา ผมจะไปพาแม่เขามานะ คือเหตุการณ์ในวันนั้น อี้รู้สึกได้เวลาว่าพ่อเสียใจนะ แต่เขายอมที่จะบอกตำรวจไปแบบนี้เพื่อตัดปัญหา แล้วเดินไปเรียกแม่ให้มารับกลับบ้าน พอถึงบ้านพ่อก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ แค่บอกติดตลกว่า คราวหลังให้ไปกับแม่ ถ้าไปกับพ่อเดี๋ยวจะหาว่าถูกลักพาตัวอีก"




ถึงวันนี้ แม้ใครต่อใครจะบอกว่า "คุณพ่อหน้าโหด" แต่สำหรับเธอ "ถึงโหดแต่ก็น่ารักค่ะ"

"มีอยู่ครั้งหนึ่ง พ่อโกนหนวดแล้วหนูจำไม่ได้ค่ะ ตอนเด็กๆ จำได้ว่า เห็นมีดโกน แล้วเดินเข้าไปบอกพ่อว่า พ่อโกนหนวดให้ดูหน่อย พอพ่อโกนหนวดจริงๆ หนูก็ไม่ให้พ่อเข้าบ้าน บอกแม่ไม่ให้พ่อเข้าบ้าน ซึ่งพ่อกลายเป็นคนแปลกหน้าสำหรับหนูในตอนนั้นไปหลายวันเลยค่ะ (หัวเราะ) ส่วนพ่อก็เสียใจค่ะ เขาบอกว่าจะไม่โกนหนวดอีกตลอดชีวิต ตอนนี้ก็ไว้ยาวเป็นหนวดเข้มเลยค่ะ หนูมองว่าน่ารักดีค่ะ (ยิ้ม)" แต่เมื่อพูดถึงคุณแม่ อี้บอกว่า "คนนี้โหดของจริง"


"แม่แมนมากค่ะ เป็นผู้หญิงลุยๆ เวลาทำงานนอกบ้านแม่จะโหด แต่พอกลับมาบ้านก็ยังมีความโหดอยู่ (หัวเราะ) แต่น้อยกว่าตอนอยู่นอกบ้านค่ะ (หัวเราะ) โดยส่วนใหญ่จะเข้มงวดในเรื่องความมีระเบียบวินัยค่ะ ส่วนเรื่องความคาดหวังในตัวอี้ แม้จะมีการคาดหวังอยู่บ้างอย่างการประกวดในครั้งนี้ ท่านก็ไม่ได้กดดันอี้ว่า ลูกจะต้องได้นะ หรือเอามงกุฎมาให้ได้นะ แต่จะเป็นกำลังใจให้อี้ตลอด


เช่นเดียวกับพ่อที่ไม่เคยกดดันอะไรอี้เลย วันที่ประกวด พ่อบอกจะมารับกลับบ้านกลัวว่าถ้าเราไม่ได้แล้วจะเสียใจ สุดท้ายเราได้ตำแหน่งพ่อก็ดีใจ และภูมิใจในตัวเราค่ะ หรือตอนสมัยเรียน คุณพ่ออยากให้เป็นตำรวจ เพราะตระกูลของคุณพ่อเป็นตำรวจกันหมด ท่านก็เลยอยากให้อี้เป็นตำรวจ แต่สุดท้ายพ่อก็ให้อี้เป็นคนตัดสินใจเลือกค่ะ"




ส่วนการแสดงความรักต่อกัน หลายๆ บ้านอาจจะเขินอายใส่กัน แต่บ้านนี้มีการแสดงออกถึงความรัก และการใส่ใจดูแลกันอย่างเปิดเผย

"ก่อนออกจากบ้านพ่อก็จะบอกว่าตั้งใจเรียนนะแล้วก็กอดหอมกันปกติค่ะ พ่อก็จะหนวดเฟิ้มของเขาไป ซึ่งเราก็เคยชินตั้งแต่เด็กๆ แล้วค่ะ แต่ช่วงนี้ต้องบอกว่าไม่ค่อยได้เจอกัน แต่พอได้เจอกันพ่อจะรอนวดให้ แล้วก็หาเรื่องคุย หรือบ่นชีวิตของเขาว่าในหนึ่งวันเขาทำอะไรไปบ้าง ส่วนอี้ก็ฟังไป แต่ไม่ค่อยได้ฟังเยอะเท่าไร เพราะจะหลับไปก่อน (หัวเราะ)"

ปัจจุบัน อี้ จบการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษามาจากโรงเรียนศึกษานารี กำลังศึกษาอยู่ในระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คณะวิทยาลัยนวัตกรรม สาขาการจัดการมรดกวัฒนธรรมและอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ชั้นปีที่ 1 (หลักสูตร 5 ปี ควบปริญาตรี-โท)

"อี้อยากทำงานด้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ อาจจะเป็นเบื้องหลัง กราฟิก หรือการจัดการทุกอย่าง ซึ่งคณะนี้จัดมาเพื่อนักศึกษากลุ่มอาเซียน อี้คือหนึ่งในนั้นที่อยากจะพัฒนา ถามว่าชอบเบื้องหน้าหรือเบื้องหลังมากกว่า อี้อยากอยู่เบื้องหลังเพื่ออยากเห็นทุกคนประสบความสำเร็จค่ะ" เธอเผย




การพาตัวเองจนสอบเข้าเรียนที่ธรรมศาสตร์ได้สำเร็จ รวมไปถึงการคว้าตำแหน่งนางสาวไทยปี 2557 มาครองได้สำเร็จ ปฏิเสธไม่ได้ว่า คนที่ยิ้มไปกับเธอก็คือคนในครอบครัว

"สมัยเรียน อี้เป็นคนที่ติดเล่นมากๆ ติดเล่นจนพ่อแม่เครียดเลยค่ะ เพราะกลัวเราเรียนไม่จบ คือตอนแรกอี้ไม่รู้เลยนะว่า ความพยายามเป็นยังไง จนแบบ..ได้ข้อคิดอย่างหนึ่งก็คือ ไม่มีหมอคนไหนไม่อ่านหนังสือแล้วได้เป็นหมอ ไม่มีใครประสบความสำเร็จโดยที่ไม่พยายาม พอคิดได้แบบนี้ ตอนจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย อี้อ่านหนังสือหนักมาก (ลากเสียงยาว) เพราะเราพยายามกดดันตัวเอง สุดท้ายความเหนื่อยในวันนั้นผลที่ออกมาก็เป็นที่น่าพอใจค่ะ อี้สอบเข้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้ พ่อแม่ก็ยิ้มไปกับอี้ด้วยค่ะ"

สำหรับหน้าที่ในวันนี้ นอกจากความตั้งใจในการเรียนแล้ว อี้บอกว่า ต้องปฏิบัติหน้าที่นางสาวไทยอย่างเต็มที่ด้วย 

"ยังมีอีกหลายเรื่องที่อี้ยังต้องเรียนรู้และพัฒนา ส่วนเรื่องเรียนถ้าปิดเทอมเมื่อไร อี้จะโฟกัสกับเรื่องงานเต็มที่ ตอนนี้พยายามบริหารจัดการเวลาของตัวเองเพื่อไม่ไห้ไปกระทบเรื่องเรียนค่ะ ถ้ามีเวลาก็ต้องหยิบเอกสารการเรียนมาอ่าน ตามเพื่อนให้ทันค่ะ" พูดจบ อี้ก็ทิ้งท้ายถึงคุณค่าในตัวผู้หญิงว่า

"ความสวยความฉลาดเป็นของคู่กัน สำหรับความสวย ทุกคนสวยหมด แต่สวยแบบไหนก็แล้วแต่สายตาใครจะมอง แต่ถ้าเป็นเรื่องความฉลาด หรือความสามารถเราปฏิเสธเขาไม่ได้ เพราะมันโดดเด่นออกมาอย่างชัดเจน และเป็นสิ่งที่ทุกคนยอมรับ ตรงนี้สำคัญค่ะ"

เรื่อง : ปิยะนันท์ ขุนทอง
ภาพ : วชิร สายจำปา

//////////////////////

ประวัติส่วนตัว

ชื่อ-นามสกุล : วิลาสินี จันทร์วุฒิวงศ์
ชื่อเล่น : อี้
ส่วนสูง : 165 เซนติเมตร
น้ำหนัก : 50 กิโลกรัม
การศึกษา :
จบการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษามาจากโรงเรียนศึกษานารี
ปัจจุบันกำลังศึกษาอยู่ในระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คณะวิทยาลัยนวัตกรรม สาขาการจัดการมรดกวัฒนธรรมและอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ชั้นปีที่ 1
ความสามารถ : วาดรูป พูดภาษาญี่ปุ่น
กิจกรรมที่เคยทำ : ได้รับคัดเลือกให้เป็นดาว และลีคประจำคณะฯ
คติประจำใจ : ไม่มีใครประสบความสำเร็จโดยที่ไม่พยายาม




มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram

"ASTVผู้จัดการ Live" และ "@astv_live" กันได้ที่นี่!!

และสามารถส่งข่าวสารและเรื่องราวร้องทุกข์ในสังคมมาได้: astvmanager.live.lite@gmail.com
หรือ โทร.0-2629-4488 ต่อ 1477, Fax 0-2629-4754



กำลังโหลดความคิดเห็น