xs
xsm
sm
md
lg

สวยมีสเต็ป "แคทธารีน แม็คคอร์มิค" นางเอก Step Up 4 (มีคลิป)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


โด่งดังจากโซ ยู ทิงก์ ยู แคน ดานซ์ (So You Think You Can Dance) ซีซัน 6 เรียลิตี้โชว์ประกวดเต้นรำสุดฮิตของสหรัฐอเมริกา ทะลุเข้าสู่รอบ 20 คน จนกลายเป็นสาวเท้าไฟที่ทำอันดับสูงสุดในซีซัน ก่อนจะถูกเชิญให้เข้ามาร่วมแข่งซีซัน All Star ในปี 2010

แต่ที่ทำให้คนทั่วโลก รวมถึงคนไทยรู้จัก 'แคทธารีน แม็คคอร์มิค' เห็นจะเป็นบท 'เอมิลี่' นางเอกเท้าไฟผู้เจิดจรัสจากหนังเต้นสุดยิ่งใหญ่อย่าง Step Up : Revolution หรือสเต็ปโดนใจ หัวใจโดนเธอ ภาค 4 ที่เปิดตัวสร้างปรากฏการณ์สนั่นโรงขึ้นอันดับ 1 ในประเทศไทยตั้งแต่วันแรกที่เข้าฉาย โดยรายได้วันแรกก็ทำลายสถิติของหนังภาค 1-3 ลงอย่างราบคาบ

ทว่ากระแสที่เกิดขึ้น เธอออกตัวว่า ไม่ใช่เพราะเธอคนเดียว แต่เป็นเพราะการกลับมารวมตัวของกลุ่มนักเต้น จากภาค 1-3 ที่พร้อมใจกันกลับมาสร้างความมัน แบบเต็มพิกัดในภาค 4 ทั้งตัวละครอย่าง มูส - หนุ่มโรบอท -สาว คิโด้ จอมป่วน หรือพระเอกที่ฟิตหุ่นมาอย่างเฟิร์มอย่าง ไรอัน กุซแมน ที่โชว์ลีลาการเต้นแบบขยี้ใจสาวๆ




หลังจากทักทาย และพูดคุยกันสั้นๆ ทีมงานชวนนางเอกเท้าไฟมานั่งคุยกันต่อที่บริเวณลานพาร์คพารากอน ซึ่งเป็นสถานที่จัดงาน 'Intergroove Dance Convention' คลาสเรียนเต้นระดับโลกที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับคนรักเต้นเมื่อวันที่ 27-29 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยเธอเป็นหนึ่งในครูสอนเต้นที่ถูกทาบทามจาก Chasse’ Dance Studio สถาบันสอนการเต้นให้มาสอนในคลาส Contemporary ซึ่งเป็นสไตล์การเต้นที่เธอถนัด

กำเนิดนางเอกเท้าไฟ

ได้คุยแบบเอ็กซ์คลูซีฟกับดาราสาวระดับฮอลลีวูดทั้งที ไม่ถามไม่ได้ถึงเรื่องราวชีวิต และมุมคิดของสาวเท้าไฟคนนี้ ซึ่งต้องบอกว่าเส้นทางชีวิตของเธอน่าสนใจ เต็มไปด้วยไฟแห่งความมุ่งมั่น

แคทธารีน เริ่มเส้นทางการเต้นตั้งแต่อายุ 3 ขวบ แม่ของเธอเป็นเจ้าของสตูดิโอสอนเต้นในจอร์เจีย แถมยังได้เข้าเรียนในโรงเรียน Augusta Ballet School ซึ่งเป็นสถาบันสอนเต้นที่มีชื่อเสียงที่สุดของรัฐ โดยสไตล์การเต้นที่เชี่ยวชาญมากที่สุดก็คือ Contemporary

"แม่ฉันเป็นนักเต้น ตอนเด็กๆ แม่สอนฉันเต้น หลังจากนั้นก็เริ่มเรียนเต้นอย่างจริงจังตอนอายุ 4 ขวบ ซึ่งมีอยู่หลายแนวด้วยกันทั้งบัลเลต์ แจ๊ต คอนเทมโพรารี และฮิปฮอป พออายุ 10 ขวบฉันเริ่มเข้าสู่เวทีการแข่งขัน จากนั้นอายุ 18 ปีฉันก็ย้ายมาที่แคลิฟอร์เนีย ลอสแองเจลิสเพื่อทำฝันให้เป็นจริง" เธอเล่า

จะว่าไปแล้ว ชีวิตของเธอ ก็คล้ายๆ กับ 'เอมิลี่" ในหนัง Step Up 4 เพราะมีพื้นฐานการเต้นมาตั้งแต่เด็กและฝันอยากเป็นนักเต้นอาชีพ ต่างกันตรงที่ชีวิตจริง เธอมีแม่คอยสนับสนุน และคอยผลักดันเต็มที่ ไม่เหมือนกับพ่อนักธุรกิจในหนังที่อยากให้ลูกสาวหางานที่มั่นคงทำ

ด้วยพรสวรรค์บวกความมุ่งมั่น แถมมีกำลังใจดีๆ จากครอบครัว ทำให้ปลายปี 2008 แคทธารีนมีผลงานชิ้นแรกด้วยการเป็นหนึ่งในทีมเต้นของหนังเพลงรีเมค Fame จนในปี 2009 เธอตัดสินใจเข้าออดิชันในรายการ So You Think You Can Dance ซีซัน 6 และสามารถเข้าสู่รอบ 20 คน และเป็นนักเต้นหญิงที่มีอันดับสูงสุดของซีซัน จนได้รับเชิญให้เข้ามาร่วมแข่งซีซัน All Star ในปี 2010

กระทั่งชีวิตมาถึงจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ เมื่อก้าวเข้ามาออดิชั่นบท 'เอมิลี่' นางเอกเท้าไฟสุดเซ็กซี่ในหนังเรื่อง Step Up : Revolution หรือสเต็ปโดนใจ หัวใจโดนเธอ ภาค 4 โดยเธอสามารถเอาชนะนักแสดงที่มาคัดตัวกว่า 2,000 คนในการออดิชั่นครั้งนั้น พร้อมพิสูจน์ฝีมือโชว์ลวดลายเท้าไฟสุดมันส์จนกลายเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก

"ชีวิตของเราจะแตกต่างออกไปแค่ไหน ถ้าเราลบคำว่าเป็นไปไม่ได้ออกไป ความจริงแล้ว คำว่าเป็นไปไม่ได้เป็นมากกว่าคำพูด มันฝังในจิตใต้สำนึกของเรา ในวันหนึ่งเราจะสงสัยในศักยภาพของตัวเองกันสักกี่ครั้ง ถ้าเราลองที่จะท้าทายตัวเอง และเผชิญหน้ากับความไม่แน่นอนของชีวิตดูสักครั้ง เราอาจเข้าไปอยู่ในพื้นที่ที่ตัวเองอาจแปลกใจ สำหรับฉันแล้ว ความไม่แน่นอนคือโอกาส" 
นี่คือบทสัมภาษณ์ที่เธอพูดเอาไว้เมื่อหลายปีก่อน

แสดงให้เห็นความเป็นไปได้ในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ดังนั้นโอกาสกับความเสี่ยงมันใกล้เคียงกัน ในโอกาสมักจะมีความเสี่ยง ในความเสี่ยงก็มักจะมีโอกาส แต่สำหรับเธอแล้ว อย่างหลังเป็นสิ่งที่ท้าทายมากกว่า เพราะถ้าไม่กล้าที่จะเสี่ยงก็คงไม่มีโอกาสดีๆ ในวันนี้


มหัศจรรย์ของการเต้น


หากคุณเป็นคนหนึ่งที่พร้อมจะเปลี่ยนตัวเองเพื่อพบกับชีวิตใหม่ การเต้นอาจเปลี่ยนชีวิตคุณ (ไปในทางที่ดีขึ้น) ได้ เช่นเดียวกับ แคทธารีน การเต้นเปลี่ยนชีวิตเธออย่างมาก แถมการเต้นให้อะไรกับเธอมากกว่าแค่การเคลื่อนไหวหรือออกลวดลายไปตามจังหวะเพลง


"อย่างแรกเลย ถ้าฉันไม่ได้เต้น ฉันก็คงไม่รู้จักผู้คนอย่างทุกวันนี้ ฉันก็คงไม่ได้มาที่ประเทศไทย ไม่ได้อยู่ที่นี่ (ยกมือขึ้นมาจับแขนทีมงาน) ฉันก็คงไม่ได้เห็นโลกกว้าง และก็คงไม่ได้มีเพื่อนที่ฉันมีในตอนนี้ การเต้นทำให้ฉันได้รู้จักความน่าประหลาดใจปนความดีงามของการเป็นมนุษย์" เธอหยุดช่วงก่อนจะเผยยิ้มแล้วพูดต่อไปว่า


"การเต้นยังทำให้ฉันได้พบกับคู่หมั้นของฉัน มันทำให้ฉันได้พบเจออะไรมากมายในชีวิต การเต้นให้ทุกสิ่งกับฉัน ถ้าฉันไม่ได้เต้น ฉันก็คงไม่ได้เป็นฉันในทุกวันนี้ และฉันก็คงไม่รู้จักการแชร์ความรู้สึกออกไป เพราะถ้าฉันไม่ได้เต้น ฉันไม่รู้จะแสดงออกทางอารมณ์อย่างไร เพราะฉันมีฟิลลิ่งเยอะมาก (หัวเราะ) และไม่รู้ว่าจะระบายมันออกไปยังไง" เธอเผยความรู้สึก


นอกจากนี้ การเต้นยังเป็นบทเรียนของชีวิตที่เธอได้เรียนรู้มากกว่าการเคลื่อนไหว ส่วนจะเป็นบทเรียนชีวิตอย่างไร ไปฟังคำตอบของเธอกัน

"ฉันรู้สึกว่ามันเป็นบทเรียนของชีวิต ฉันได้เรียนรู้เกี่ยวกับร่างกายของตัวเอง ได้รู้ว่าจะใช้ร่างกายเคลื่อนไหวอย่างไร และจะมีร่างกายที่แข็งแรง และดูแลร่างกายโดยการเต้นได้อย่างไร ฉันได้เรียนรู้ว่าจะกินอย่างไรด้วย เพราะถ้าฉันไม่กินอาหารที่ดี ฉันก็จะมีรูปร่างที่ไม่ดี ดังนั้นฉันจึงต้องเรียนรู้ที่จะดูแลตัวเองจากสิ่งที่กินด้วย"

ยิ่งไปกว่านั้น การเต้นยังเป็นสิ่งที่ทำให้เธอได้เข้าใจความรู้สึกของตัวเอง และได้เชื่อมโยงกับคนรอบข้างด้วย


"การเต้นคือบทเรียนของชีวิต ได้เป็นผู้หญิงที่อยากเป็น เพื่อนที่อยากเป็น คู่หูที่อยากเป็น ดังนั้นการเต้นมันมีอะไรมากกว่าแค่ที่เห็น" เธอเน้นย้ำถึงสิ่งที่ได้จากการเต้น


แน่นอนว่า การเต้น คือกิจกรรมที่ผู้ใหญ่บางคนเห็นว่า ไร้สาระ เต้นไปทำไม เอาเวลาไปเรียน หรือติวเข้มบทเรียนดูจะมีประโยชน์เสียกว่า ทำให้เด็กส่วนหนึ่งถูกจำกัดอิสระในการเต้นไปอย่างน่าเสียดาย นี่คือสิ่งที่เธอในฐานะครูสอนเต้นมอง และอยากจะบอกไปถึงเด็ก และพ่อแม่คนไทย


"ฉันคิดว่ามันไม่ใช่ปัญหาเลย ถ้าเขาไม่ให้เต้น คุณจะเต้นนอกบ้านก็ได้ เต้นระหว่างอาบน้ำก็ได้ คุณสามารถเต้นได้ทุกๆ ที่ ถ้าคุณชอบที่จะเต้นจริง คุณสามารถเต้นได้ทุกอย่าง และต้องทำให้ดี สุดท้ายแล้ว ฉันเชื่อว่าครอบครัวเขาจะเห็นและคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ดีแน่นอน คุณชวนเขาเต้นก็ได้ แต่อย่าละความพยายาม แต่จงทำให้มันดี"


อย่างไรก็ดี นอกจากการเต้น แคทธารีน ยังชื่นชอบการเล่นโยคะเอามากๆ โดยเธอให้เหตุผลว่า "โยคะเป็นทุกอย่าง ฉันชอบนั่งเล่นอยู่ในห้อง"


ไม่เพียงแต่โยคะ เธอยังมีความสนใจสิ่งต่างๆ รอบตัวทั้งในบ้าน และนอกบ้าน ที่สามารถบ่งบอกความเป็นตัวตนของเธอได้เป็นอย่างดี


"ฉันชอบอยู่บ้าน ฉันชอบทำงานบ้าน ซักผ้า ทำกับข้าว แต่มันไม่อร่อยมาก ที่สำคัญ ฉันชอบปีนเขา กล้าที่จะขึ้นไปสูงๆ ด้วยนะ อีกอย่าง ฉันยังชอบไปเที่ยวแบบผจญภัยด้วย" พูดจบเธอก็หันมายิ้มกว้างๆ ก่อนจะหันออกไปสูดอากาศแล้วหมุนตัวกลับมาทำหน้าที่เป็นผู้ถูกสัมภาษณ์แบบเป็นกันเอง


'ภูมิใจในสิ่งที่มี' นี่แหละเธอ


ล้วงลึกลงไปถึงตัวตนที่อยู่ข้างใน เมื่อให้มองตัวเองว่าเป็นผู้หญิงแบบไหน แคทธารีนอมยิ้ม แล้วตอบว่า "ด้วยความสัตย์จริง ฉันคิดว่าฉันเป็นคนที่สวยมาก แต่ในขณะเดียวกันมันก็มีหลายๆ วันที่ฉันเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น แล้วฉันก็ไม่ชอบรูปร่างของตัวเอง ซึ่งฉันไม่ชอบสิ่งที่เห็นระหว่างวันนั้นเลย ฉันมองว่ามันเป็นทัศนคติที่น่าหงุดหงิด แต่ส่วนตัวแล้ว ฉันคิดว่าเราสามารถเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นได้นะ


แต่สิ่งที่ต้องยอมรับก็คือ เรากับเขามันเป็นคนละคนกัน เป็นคนละเรื่องราว ดังนั้นเวลาที่ฉันจะเริ่มเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น ฉันก็จะระลึกได้ พวกเราสามารถเฉลิมฉลองความงดงามที่พวกเรามีอยู่ และหยุดกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเราไม่มี ฉันคิดว่าโลกก็จะน่าอยู่มากขึ้น" เธอยิ้มด้วยแววตาที่สดใส

การมองแบบนี้ คือสิ่งที่เธอกำลังสะท้อนให้เห็นว่า การเข้าใจชีวิตโดยไม่คิดว่า "เราขาดอะไรไป" แต่เปลี่ยนเป็นว่า "เรามีอะไรบ้าง" แล้วเติมเต็มความ "ไม่มี" ด้วยสิ่งที่ "มี" เข้าไปแทน ย่อมทำให้ทุกย่างก้าวของชีวิตเต็มไปด้วยความสุข และรื่นรมย์

สำหรับผู้หญิงที่ภายนอกดูตื่นตัว และมีความสุขจนแทบจะหาความทุกข์ไม่เจอ หลายคนคงอยากรู้ว่า เวลามีเรื่องเครียดๆ เข้ามา เธอจะมีวิธีจัดการกับมันอย่างไร

"ฉันมีปัญหาอยู่ตลอดเวลานะ ฉันมีหลายอย่างที่ต้องทำ สำหรับฉันแล้วเมื่อมีความเครียดเข้ามา ฉันจะหยุดร้องไห้ให้เร็วที่สุด และรู้ทันความรู้สึกของตัวเอง เรารู้ว่าเรารู้สึกยังไง แต่ในเมื่อความรู้สึกมันเปลี่ยนไม่ได้ ฉันจะพูดกับเพื่อนในเรื่องที่เกิดขึ้น หรือร้องเพลง เต้น เที่ยว บางทีการนั่งเฉยๆ ก็ช่วยให้รู้สึกดีได้เหมือนกัน

หรือแม้แต่การพูดคนเดียว ฉันจะบอกกับตัวเองว่า ไม่มีอะไรมาทำฉันได้นะ หรือไม่มีอะไรที่จะมากระทบจิตใจฉันได้ ซึ่งฉันจะทำแบบนี้ทุกครั้งเวลาเจอเรื่องร้ายๆ และมันก็แก้ได้ตลอด ฉันสามารถผ่านมันไปได้ด้วยดีเสมอ"


มองมุมรักฉบับ "แคทธารีน"


มาถึงประเด็นเรื่องความรักกันบ้าง แม้ว่าเธอจะมีหนุ่มมาจับจองสี่ห้องหัวใจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ความรักในมุมของเธอไม่ได้มีแค่รักแบบคู่รัก


"ความรักเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับฉัน รักคือทุกอย่าง รักคือทุกๆ ที่ รักคือทุกอย่างสำหรับฉัน พระเจ้าก็คือความรัก เขาสอนฉันให้รู้จักความรัก สอนให้รู้ว่าควรจะแบ่งปันทุกๆ อย่างให้กับผู้คน ความรักคือสิ่งที่ยิ่งใหญ่ฉันคิดว่าทุกๆ คนควรเริ่มจากการรักตัวเอง ถ้าคุณไม่รักตัวเอง คุณก็จะไม่มีทุกอย่าง เปรียบเทียบง่ายๆ คือ ถ้าคุณไม่รักตัวเอง คุณก็จะไม่รู้ว่าการแบ่งปันสิ่งต่างๆ ให้แก่คนอื่นมันเป็นอย่างไร เพราะฉะนั้น ความรักคือสิ่งสำเร็จ ความรักคือสิ่งที่ฉันบูชา"


เช่นเดียวกับประเทศไทย เป็นหนึ่งในความรักที่เธอบอกว่า "I love Thailand" เสียงดังฟังชัด และถ้าให้นึกถึงประเทศไทย 'ไอศกรีมมะพร้าว' คือของหวานที่ผุดเข้ามาในหัวเป็นสิ่งแรก โดยเธอให้เหตุผล ไอศกรีมมะพร้าวที่เมืองไทยอร่อยมากๆ


ก่อนจากกัน ทีมงานให้ 'แคทธารีน' ฝากเคล็ดลับการดูแลหุ่นให้ฟิตและเฟิร์ม เพื่อเป็นคำแนะนำดีๆ สำหรับสาวไทยที่อยากหุ่นดีแบบเธอ


"รูปร่างของทุกคนแตกต่างกัน คุณต้องเช็กตัวเองก่อน การคุมอาหารเป็นสิ่งสำคัญ ไม่กินอาหารขยะ และต้องควบคุมสารอาหาร เช่น ต้องรู้ว่า สารอาหารอันไหนไม่ดีสำหรับคุณ ตอนอายุ 13 ฉันกินทุกอย่าง แต่พอโตมาฉันก็คุมหวานมากขึ้น ออกกำลังกายทุกเช้า กินอาหารเช้า เน้นผักเป็นส่วนใหญ่


ส่วนรูปแบบการออกกำลังกาย เลือกทำในสิ่งที่คุณชอบ ถ้าคุณชอบฟิตเนสก็ไปฟิตเนส ถ้าคุณชอบเต้นก็ไปเต้น ถ้าคุณชอบปีนเขาก็ไปปีนเขา ถ้าคุณชอบทำอะไรที่มันต้องออกกำลังกายก็ทำแบบนั้น เลือกที่คุณชอบ จะได้ออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องและมีความสุข" เธอทิ้งท้าย


เกือบครึ่งชั่วโมงที่ได้พูดคุยกับเธอ สิ่งที่เห็นได้ชัดคือทัศนคติด้านดีในการใช้ชีวิต แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่ก็ทำให้รู้จักตัวตน และเห็นดวงตาที่สดใส มองเห็นโลกในแง่บวกของเธอได้แจ่มชัด รวมไปถึงความน่ารัก และเป็นกันเองที่ชวนหลงใหล สร้างความกระชุ่มกระชวยหัวใจได้มากทีเดียว


เรื่อง : ปิยะนันท์ ขุนทอง

ภาพ : ปวริศร์ แพงราช และขอบคุณภาพบางส่วนจาก facebook.com/NoppornPhotographer



ตามมา Follow Instagram และ Facebook Fanpage
"ASTV ผู้จัดการ Live" กันได้ที่นี่!!
**สามารถส่งข่าวสารและเรื่องราวร้องทุกข์ในสังคมมาได้: astvmanager.live.lite@gmail.com
หรือ โทร.0-2629-4488 ต่อ 1477, Fax 0-2629-4754


















กำลังโหลดความคิดเห็น