"ทำบุญสวยชาติหน้า ทำหน้าสวยชาตินี้" หลายคนนิยม "ศัลยกรรม" เขาว่ากันอย่างนี้ ไม่แปลกที่ธุรกิจความงามจะเติบโตแบบก้าวกระโดด เพราะใครๆ ก็อยากสวย
เรื่องแบบนี้ ใครทำแล้วสวยก็โชคดีไป แต่ถ้าโชคร้าย ทำออกมาไม่สวย ไม่เป็นที่น่าพอใจ คงต้องตากหน้าทนอายไปให้หมอแก้ซ้ำจนกลายเป็นเรื่องเสียเงิน เสียทองโดยใช่เหตุ หรือบางคนอาจจะเสียโฉมจนอาจต้องสังเวยชีวิตให้ "ศัลยกรรม" ซึ่งก็มีให้เห็นเป็นอุทาหรณ์มาแล้วหลายราย
ล่าสุด เป็นคิวของ "เฟิร์น" หญิงสาวที่เสียชีวิตระหว่างทำศัลยกรรมหน้าเรียว หรือวีไลน์ ที่คลินิกแห่งหนึ่ง สาเหตุเกิดจากอาการแพ้ยาสลบ (Malignant Hyperthermia) จนเสียชีวิตระหว่างผ่าตัด โดยพงศ์กร แฟนหนุ่ม ยอมรับผ่านสื่อว่า ข่าวที่แฟนสาวเสียชีวิตจากการผ่าตัดเสริมความงามเป็นเรื่องจริง ซึ่งทางคลินิกก็ช่วยเหลือเงินมาก้อนหนึ่ง ส่วนตัวไม่อยากให้เป็นข่าว เพราะอยากให้แฟนสาวจากไปอย่างสงบ แต่ก็อยากให้เป็นอุทาหรณ์เตือนใจสำหรับผู้ที่คิดจะไปผ่าตัดเสริมความงามให้คำนึงถึงความปลอดภัยให้มากก่อนตัดสินใจ
ส่วนอีกรายที่ต้องสังเวยชีวิตให้ศัลยกรรมคือ "ออย" เธอคนนี้ตัดสินใจฉีดเสริมความงามกับหมอกระเป๋ารายหนึ่ง แต่โชคร้าย เกิดความผิดพลาดจนเป็นเหตุให้หน้าพัง โดยมีอาการบวมอักเสบอย่างรุนแรง จนไม่สามารถทำงานได้ ต้องออกจากงานและใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก
แม้ว่าเธอจะเข้ารักษากับแพทย์โดยรับประทานยาสเตียรอยด์เพื่อลดอาการอักเสบ ต้านการบวม แต่ก็เป็นการรักษาที่ปลายเหตุ แถมยังมีผลข้างเคียงทำให้ปวดเข่า ปวดข้อ ผมร่วง ผิวบางแห้งกร้าน เหนื่อยง่าย และมีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย สุดท้ายจึงเลือกปลิดชีวิตตัวเองเพราะรับกับสภาพที่เป็นอยู่ไม่ไหว
นี่คือข้อความที่เธอได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2557 ก่อนที่จะจากโลกนี้ไปอย่างไม่มีวันหวนกลับเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 30 กันยายน 2557 เพื่อฝากไว้เป็นอุทาหรณ์ถึงการฉีดเสริมความงามกับหมอกระเป๋า
"อยากจะบอกจะเตือนเพื่อนๆ อีกครั้ง เรื่องฉีดเสริมความงาม ออยอยากบอกว่าอย่าคิดจะฉีดเป็นอันขาด โดยเฉพาะพวกที่ไม่ใช่แพทย์ พวกแอบอ้าง พวกหิ้วกระเป๋าไปฉีดถึงที่ ถ้าจะให้ดีอย่าเอาอะไรใส่ร่างกายดีกว่า อยากบอกว่ามันอันตรายมากๆ ความผิดพลาดครั้งนี้ให้มันจบอยู่ที่ออยคนเดียว อย่าให้ใครได้เจออีกเลย ออยเองก็ไม่มีทางรักษาแล้ว ตอนนี้ก็รอแต่ความตาย คิดดูสิว่ามันร้ายแรงขนาดไหน นอกจากหน้าจะพังเสียโฉมแล้วมันยังเอาทุก ๆ อย่างไปจากเราแม้กระทั่งลมหายใจ ออยก็อยากจะให้รู้ให้ฟังเป็นอุทาหรณ์นะคะ"
ไม่เพียงแต่ 2 กรณีอุทาหรณ์ในข้างต้น ก่อนหน้านี้ หากใครยังจำกันได้ กับข่าวใหญ่ที่ลงหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์แทบทุกฉบับ และสื่อโทรทัศน์อีกหลายช่อง กรณีพริตตี้สาว ฉีดสารคอลลาเจนเสริมสะโพกจนช็อก และกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา สุดท้ายปาฏิหาริย์ก็ไม่เกิดขึ้น เพราะแพทย์ไม่สามารถยื้อชีวิตเอาไว้ได้ กลายเป็นข่าวเตือนสติคนที่กำลังตกเป็นเหยื่อค่านิยมความสวยได้เป็นอย่างดี
นอกจากเหตุการณ์ที่ยกมานี้ เชื่อว่ายังมีอีกหลายรายที่อาการไม่รุนแรงนัก ซึ่งศัลยกรรมหลากหลายรูปแบบก็ล้วนนำไปสู่ความเสี่ยงได้ทั้งนั้น ดังที่ รศ.นพ.อาทิ เครือวิทย์ อดีตหัวหน้าหน่วยศัลยศาสตร์ตกแต่ง ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี และอดีตนายกสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งเสริมสวยแห่งประเทศไทยได้เคยกล่าวว่า เหตุการณ์แบบนี้สามารถเกิดความเสี่ยงได้ทั้งสิ้นไม่ว่ากับใคร เพศใด และอายุเท่าไรก็ตาม
เช่นเดียวกับที่ ร้อยตำรวจเอก มนัส ฉายาวิจิตรศิลป์ หรือ "หมอมนัส" แห่งเมโกะ คลินิก ก็ได้เคยให้ข้อคิดเตือนใจสำหรับคนที่กำลังตัดสินใจจะพึ่งมีดหมอว่า ทุกสิ่งนั้นอาจไม่ได้สมบูรณ์ครบถ้วนตามใจหวัง 100 เปอร์เซ็นต์ ก่อนตัดสินใจทำ ควรหาข้อมูลแพทย์ และสถานบริการอย่างละเอียด
"ทางการแพทย์ไม่ได้รับรองผลว่าทำทุกครั้งแล้วจะสวยเหมือนที่คนไข้คาดหวัง แต่ผมคอนเฟิร์มว่า 95 เปอร์เซ็นต์ ดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน ทั้งนี้คนไข้ต้องค้นคว้าหาข้อมูลคุณหมอและสถานบริการโดยละเอียด ทั้งจากเพื่อนๆ หรือผู้ที่เคยทำ หรือตั้งกระทู้ไว้ในเน็ตเลย เมื่อได้ข้อมูลแล้วก็ค่อยเข้าไปคุยและปรึกษากับคุณหมอให้ครบทุกที่ที่เราค้นพบว่าเขาดีจริงๆ แล้วจึงนำผลลัพธ์ที่ได้มาเปรียบเทียบกัน
ทางที่ดี ผมว่าอย่างมากสุดควรหาข้อมูลซัก 3 ปี ติดตามดูคนไข้จากคลินิกนั้นๆ เลย ขอเบอร์และติดตามในโซเชียลเน็ตเวิร์กว่าหน้าตาเขาเปลี่ยนไปยังไงบ้าง วิธีนี้ดีที่สุดครับ เพราะการที่เราตัดสินใจจะเปลี่ยนโฉมด้วยการทำศัลยกรรมนั้น รูปร่างหน้าตาของเราก็จะเปลี่ยนไปตลอดกาล" หมอมนัสเผย
จากข่าว "ศัลยกรรมทำพิษ" ที่เกิดขึ้น คือสิ่งที่ย้ำเตือนได้เป็นอย่างดีว่า หากคิดจะทำอะไรกับร่างกาย สิ่งหนึ่งที่ต้องระวังก็คือ อย่าให้อารมณ์พาไป ควรใช้สมองคิดให้เยอะๆ เนื่องจาก "ความซวย" เพราะ "ความอยากสวย" สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน อยู่ที่ว่าใครจะเป็นผู้โชคร้ายรายต่อไป
แม้หลายคนจะมองว่ารูปลักษณ์ภายนอกที่งดงามเป็นดัชนีชี้วัดการยอมรับ และการชื่นชมจากผู้อื่น แต่สิ่งที่ควรตระหนักก็คือคุณค่าในตัวเอง ดังที่ อ.กมลกานต์ จีนช้าง สาขาจิตวิทยาสังคม คณะจิตวิทยา จุฬาฯ ได้เคยเสนอแนะเอาไว้จากการทำงานวิจัยเรื่อง "อิทธิพลของความนิยมความสมบูรณ์แบบต่อเจตคติในการทำศัลยกรรมเสริมความงาม โดยมีการนำเสนอตนเองด้วยความสมบูรณ์แบบและการซึมซับจากวัฒนธรรมสังคมเป็นตัวแปรส่งผ่าน" ว่า
"คุณค่าของคนเราไม่ได้อยู่ที่ความสวยความงาม หรือรูปลักษณ์หน้าตาภายนอกเท่านั้น แต่ยังมีคุณค่าภายใน เช่น ความสามารถของบุคคลซึ่งมีความสำคัญมากกว่า" พร้อมทั้งเน้นย้ำด้วยว่า ไม่มีศัลยกรรมประเภทไหนที่สามารถสร้างคนให้สวยงามได้เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์
อ่านถึงบรรทัดนี้ คงต้องยอมรับว่า ทุกอย่างล้วนมี 'ความเสี่ยง' แต่ไม่ใช่ว่าการศัลยกรรมจะทำลายชีวิตไปเสียทุกคน หากมีการศึกษา และเลือกทำในโรงพยาบาลที่ไว้ใจได้ ความเสี่ยงก็ลดน้อยลง ทว่าบางคนเลือกที่จะไม่พึ่งมีดหมอ เพราะสวยธรรมชาติชัวร์ที่สุดแล้วสำหรับพวกเขา
ข่าวโดย ASTVผู้จัดการ Live
ตามมา Follow Instagram และ Facebook Fanpage
"ASTV ผู้จัดการ Live" กันได้ที่นี่!!
**สามารถส่งข่าวสารและเรื่องราวร้องทุกข์ในสังคมมาได้: astvmanager.live.lite@gmail.com
หรือ โทร.0-2629-4488 ต่อ 1477, Fax 0-2629-4754