ทำเอานักศึกษาต้องตกอยู่ในชั่วโมงต้องมนต์ เมื่อได้เรียนกับอาจารย์สาวคนสวยที่แสนจะอ่อนหวานทั้งกิริยา วาจาดีกรีเกียรตินิยมอันดับ 1 เหรียญทอง (เกรดเฉลี่ย 3.91) แถมยังมีเกียรติบัตรเรียนดีในระดับปริญาโทอีก 1 ใบ จากคณะบริหารธุรกิจ (MBA) มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ
เบเบ้-ธันย์ชนก ฤทธินาคา คืออาจารย์สาวสวยที่เรากำลังพูดถึง จากเน็ตไอดอลสู่ดาราเรียนดี วันนี้เธอขึ้นแท่นเป็น "อาจารย์พิเศษ" ที่นักศึกษาต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า สวย เก่ง และเป็นกันเอง ไม่แปลกที่เธอจะเป็นขวัญใจนักศึกษา เช่นเดียวกับ M-Cover ที่ต้องตกอยู่ในภวังค์เมื่อได้นั่งสัมภาษณ์เป็นการส่วนตัวกับเธอ
ทีมงานนัดกับ 'อาจารย์เบเบ้' ที่มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เธอมาในชุดลายดอกสีฟ้าขาว ขับความน่ารักให้ดูเด่นชัด เปลี่ยนบรรยากาศที่ร้อนอบอ้าวในวันนั้นให้ดูสดใสขึ้นมาทันตา เราชวนกันไปนั่งสนทนากันในร้านอาหารแห่งหนึ่ง ก่อนที่ทีมงานจะหยิบปากกา พร้อมเครื่องอัดเสียงขึ้นมาบันทึกเรื่องราวชีวิต และมุมคิดของอาจารย์คนสวยตรงหน้า
น่ารัก "เบเบ้" อาจารย์ขวัญใจนักศึกษา
เปิดประเด็นฮอตกับบทบาทใหม่ "อาจารย์การตลาด" ที่มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เธอเล่าให้ฟังถึงจุดเริ่มต้นว่า มีอาจารย์ท่านหนึ่งมาทาบทามให้เป็นอาจารย์พิเศษ แต่ตอนนั้นยังไม่พร้อมก็เลยผลัดออกไปก่อน กระทั่งเรียนจบปริญญาโท และมีงานแสดงที่สามารถแบ่งเวลาได้ลงตัวจึงตัดสินใจรับเป็นอาจารย์พิเศษ
แน่นอนว่า การเป็นดารา แถมยังขึ้นแท่นเป็นอาจารย์ ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะไหนจะต้องเตรียมการสอน ไหนจะต้องก้าวข้ามความตื่นเต้นในห้องที่มีนักศึกษาจำนวนมาก
"ช่วงที่เข้าสอนวันแรก ตื่นเต้นมากค่ะ เพราะนักศึกษาที่เรียนกับเราเยอะมาก ประมาณ 70 กว่าคน เคยคิดเหมือนกันว่า เด็กสมัยนี้จะเป็นยังไงบ้าง ยิ่งเดี๋ยวนี้มีไลน์ อินสตาแกรม กลัวว่าจะไม่ตั้งใจเรียน กลัวว่าจะแอบคุยกันหรือเปล่า ก็เตรียมตัวเยอะพอสมควร แต่พอมาสอนเด็กนักศึกษาแล้ว ทุกคนเรียบร้อยมาก ตั้งใจฟังที่เราสอนมากค่ะ" เธอเผยยิ้ม ก่อนจะเล่าให้ฟังต่อไปถึงการเตรียมบทเรียนที่หนักมาก
"จากที่เคยเป็นผู้เรียน จากที่เคยเปิดหนังสือแล้วนั่งฟังอาจารย์พูด แต่พอได้มาเป็นอาจารย์ เวลาที่จะสอนบทเรียน 1 บทจะต้องเตรียมเนื้อหาเยอะมาก ทุกวันนี้เวลาพักผ่อนอาจจะไม่เต็มที่เหมือนคนอื่น เพราะมีเรื่องที่กังวล อย่างอาทิตย์นี้จะสอนอะไร พอได้ตารางเรียนมาแล้วเราก็ต้องอ่านหนังสือ เตรียมบทเรียนให้กับนักศึกษา กว่าจะลงตัวได้ก็ใช้เวลาพอสมควรค่ะ"
ทุกวันนี้ อาจารย์เบเบ้มีสอนสัปดาห์ละ 1 วัน คือ วันอังคาร สอนตั้งแต่เช้า 09.00-16.30 น. โดยจะเตรียมบทเรียนก่อนล่วงหน้า 2-3 วัน
"เราต้องยกตัวอย่างให้นักศึกษาได้เห็นจริง เข้าใจ เข้าถึงง่าย เมื่อก่อนอาจจะเคยคิดว่า มีคนเตรียมบทเรียนให้อาจารย์สอน แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ เราต้องทำเองทุกอย่าง ทำสไลด์ ทำเอกสาร พอถึงวันสอน เบเบ้จะตื่นตั้งแต่ 6 โมงเช้าถึงมหาวิทยาลัย 08.30 เข้าสอน 09.00-10.30 น. เริ่มสอนห้องเลกเชอร์ใหญ่ มีนักศึกษาอยู่ประมาณ 70-90 คน จากนั้นย้ายจากห้องใหญ่ไปสอนห้องเล็ก มีนักศึกษาประมาณ 30 คน 10.30-12.00 น. ช่วงบ่าย 13.30-16.30 น. แล้วก็กลับบ้านค่ะ" เธอแจงตารางการสอนให้ฟัง
เมื่อถามถึงสไตล์การสอนในแบบฉบับ 'อาจารย์เบเบ้' นอกจากความเป็นกันเองกับนักศึกษาแล้ว ยังเน้นหลักเบาๆ "ไม่ยัดเยียดความรู้จนเกินความจำเป็น"
"พยายามสอนในสิ่งที่จำเป็น ยิ่งเราสอนวิชาพื้นฐานด้วย ถ้าเราเอาอะไรมายัดใส่สมองเด็กเยอะๆ อะไรเกินความจำเป็น ที่เด็กไม่ได้เอามาใช้ในตอนนี้ เราก็จะไม่สอน แบบที่สอนให้เข้าใจและสามารถทำข้อสอบได้ เวลาที่สอนในห้องเลกเชอร์ นักศึกษาจะตั้งใจฟังเรามากที่สุด แต่พอมาสอนในห้องกิจกรรมที่มีแค่ประมาณ 20-30 คน เราก็มีการพูดคุยเป็นภาษาไทย เพื่อให้ใกล้ชิดกันมากขึ้น และให้นักศึกษาได้ผ่อนคลาย"
อย่างไรก็ดี ในวันที่ทีมงานได้ไปสัมภาษณ์ เป็นวันที่อาจารย์เบเบ้สอนเป็นวันที่ 3 ซึ่งเป็น 3 วันที่เธอบอกว่า สบายใจขึ้นกว่าวันแรกเยอะเลย
"ตอนนี้รู้สึกชิลล์ๆ แล้วค่ะ เด็กมีแอบงีบบ้าง แต่อาจารย์หลับไม่ได้เลยค่ะ (หัวเราะ) จริงๆ แล้ว เด็กจะตั้งใจฟังหรือไม่ตั้งใจฟังก็เป็นความรับผิดชอบของแต่ละคน ตั้งใจก็เป็นผลดีกับตัวนักศึกษา ไม่ใช่มัธยมศึกษาที่จะมีอาจารย์คอยจ้ำจี้จ้ำไชตลอดเวลา แต่นักศึกษาที่สอนส่วนใหญ่น่ารัก เรียบร้อย ตั้งใจฟัง และเคารพอาจารย์ค่ะ"
หรือความสวยสยบทุกสิ่ง
ส่วนนักศึกษาแสบๆ ที่ชอบแซวเวลาเห็นอาจารย์สวยๆ นั้น เธอบอกด้วยน้ำเสียงแปลกใจว่า "ไม่มีเลยค่ะ ไม่มีเลยจริงๆ เหลือเชื่อมากๆ (หัวเราะ) ส่วนตัวรู้สึกว่าเด็กเอแบคมารยาทดีค่ะ ตอนที่มาสอนใหม่ๆ ยอมรับว่ากลัวถูกแซวเพราะมีคนขู่ไว้เยอะ โห! อาจารย์แบบเธอโดนนักศึกษาแซวแน่ๆ แต่พอมาเจอจริงๆ ปรากฏว่าไม่มีเลยค่ะ นักศึกษาผู้ชายที่ดูจะแสบๆ เฮี้ยวๆ หน่อยก็ดูเป็นเด็กเรียบร้อยค่ะ"
"หรือความสวยสยบทุกอย่าง" เบเบ้หัวเราะกับคำถามนี้ ก่อนจะตอบว่า "ไม่น่าเกี่ยวกันค่ะ เราก็เป็นตัวเอง นิ่งๆ นิดหนึ่ง เด็กเห็นก็เลยเกรงใจ โชคดีด้วยค่ะที่ไม่เจอเด็กแสบ เด็กดื้อเลยไม่ว่าจะเป็นผู้หญิง หรือผู้ชาย เอาจริงๆ นะ เราก็กลัวกรรมตามสนองเหมือนกัน เพราะตอนเรียนจะชอบคุยกับเพื่อน มิหนำซ้ำยังแอบเอาขนมเข้ามากินกันอีก พอมาสอนก็เลยกลัวกรรมจะตามสนอง กลัวเด็กจะไม่เชื่อฟัง นั่งคุยกันแบบไม่สนใจเรา
โชคดีค่ะที่เจอนักศึกษาน่ารัก ต้องบอกว่าน่ารัก และตั้งใจเรียนกว่าตอนที่เราเป็นนักศึกษาเสียอีก แม้จะมีเครื่องมือสื่อสาร โซเชียลเน็ตเวิร์กแต่ก็ยังมีสมาธิอยู่ได้" เบเบ้เล่า พร้อมกับฝากบอกไปยังนักศึกษาที่เรียนกับเธอว่า "เป็นนักศึกษาที่น่ารักของอาจารย์เบเบ้ตลอดไปนะคะ" พูดจบก็ยิ้มเขินๆ
แต่ถ้าสมมติว่ามีนักศึกษามาแสบๆ มาแซว เชื่อว่าหลายคนอยากรู้วิธีรับมือของอาจารย์เบเบ้
"ไม่ซีเรียสอยู่แล้วค่ะ เราก็ทำเฉยๆ ไปค่ะ อย่าไปให้ความสนใจอะไรค่ะ" พูดเสร็จก็ยืนยันต่อท้ายว่า "เรื่องแบบนี่ไม่เกิดขึ้นกับเด็กเอแบคแน่นอน (ยิ้ม) เพราะเด็กที่นี่ค่อนข้างแคร์สังคม วางตัวดี ไม่ได้พูดเพื่อจะเยินยอนะคะ แต่เท่าที่รู้จัก และเป็นเด็กที่นี่ ไม่มีพฤติกรรมแบบนั้นแน่นอน"
นอกจากนั้น เธอยังมีคุณพ่อที่เคยเป็นอดีตอาจารย์พิเศษคอยให้กำลังใจ และคำแนะนำเป็นอย่างดี
"คุณพ่อเคยเป็นอาจารย์พิเศษเหมือนกันค่ะ เป็นอาจารย์อยู่ที่มหาวิทยาลัยมหานคร พอเรามาเป็นอาจารย์ก็มีขอคำปรึกษาจากท่านบ้าง เริ่มจากความกลัวว่าจะรับมือกับนักศึกษากลุ่มแสบๆ ไม่ไหว คุณพ่อก็ปลอบใจว่าไม่ต้องกลัว การเป็นอาจารย์จะมีบารมีอยู่ในตัว และความเป็นนักศึกษาเขาก็มีความรับผิดชอบของตัวเองอยู่แล้ว ดังนั้นเวลาเข้าไปสอนก็สอนอย่างเต็มที่ คุณพ่อก็จะแนะนำประมาณนี้ค่ะ"
ข้อดี ข้อเสีย ดาราสู่อาจารย์
อย่างไรก็ดี การเป็นดาราที่เป็นอาจารย์ควบคู่ไปด้วย ย่อมมีทั้งข้อดี ข้อเสีย และนี่คือสิ่งที่เธอมอง
"แน่นอนว่า การเป็นดาราแล้วมาเป็นอาจารย์ บางคนอาจคิดว่าคุณมาทำเล่นๆ หรือเปล่า หรือเป็นพีอาร์มหา'ลัยหรือเปล่า จริงๆ แล้วไม่ใช่เลยค่ะ คือก่อนหน้านี้ทางเอแบคก็มีชวนเหมือนกัน เป็นอาจารย์ที่เคยสอนเราแล้วเห็นแวว พอมีทุกอย่างลงตัวก็เลยมาสอน ส่วนข้อดี เบเบ้ไม่ได้เยินยอตัวเองนะคะ แต่เราสามารถดึงดูดเด็กได้จริงๆ (หัวเราะ) เด็กอยากมาเรียนกับเราจริงๆ แต่คุณต้องไม่บกพร่องในเรื่องการสอนด้วยนะ ส่วนผลพลอยได้ที่จะตามมา คือ มหาวิทยาลัยได้รับความสนใจ โดยเฉพาะสาขาการตลาด ซึ่งก็เป็นผลพลอยได้ค่ะ"
ถามถึงข้อดี ข้อเสียในความเป็นดาราและอาจารย์กันไปแล้ว พอมาถึงคำถามที่ให้มองตัวเองว่าเป็นอาจารย์แบบไหน ทำเอาผู้ถูกสัมภาษณ์ถึงกับนิ่งคิดอยู่นาน
"(นิ่งคิด) เป็นครูสมัยใหม่ค่ะ (ยิ้ม) ไม่ได้ซีเรียสว่าเด็กจะต้องนั่งตัวตรง ห้ามหลับ คือเราก็เข้าใจเขาว่าเราก็เคยเป็นนักศึกษามาก่อน บางทีเรียนเยอะๆ มันก็ล้าจริงๆ นะ หรือกว่าจะเดินทางมาถึงมหาวิทยาลัย ต้องเผชิญกับรถติด หรือปัญหาต่างๆ มากมาย มันก็ย่อมทำให้เหนื่อย ให้ล้าเป็นธรรมดา แต่ในที่สุดแล้ว เมื่อสั่งงานอะไรให้ทำก็ต้องมีความรับผิดชอบด้วย ถ้าตรงนี้ไม่บกพร่องก็โอเคค่ะ ถือว่าคุณทำหน้าที่ได้ดี"
ถึงวันนี้ การเป็นอาจารย์ เธอยอมรับว่า ทำให้ไลฟ์สไตล์เปลี่ยนไปค่อนข้างมาก
"หนึ่งคือต้องดูแลภาพลักษณ์ของความเป็นอาจารย์ค่ะ จะมาตลกโปกฮาเหมือนอยู่กับเพื่อนไม่ได้เลยนะ หรือกับนักศึกษาเราก็ต้องวางตัวให้สมกับความเป็นอาจารย์ขึ้นมาหน่อย แม้ดูเป็นกันเอง แต่ก็ไม่ใช่ไปเที่ยวเล่นสนุกกันเหมือนเป็นเพื่อน ส่วนการแต่งตัวก็ต้องไม่โป๊ หรือดูเซ็กซี่เกินไป อย่างทุกวันนี้ เวลาไปสอนก็จะมีเสื้อคลุมไปด้วย เพราะไม่ใช่แค่เราคนเดียว มันเป็นภาพลักษณ์ของมหาวิทยาลัยด้วย"
ส่วนอนาคตจะเรียนต่อปริญญาเอกหรือไม่ เบเบ้บอกว่า ต้องดูจังหวะเวลาอีกที
"จริงๆ ก็อยากเรียนนะคะ แต่คงต้องดูอีกที เพราะส่วนตัวเวลาทำอะไรเยอะๆ แล้วจะเครียดค่ะ ตอนนี้ก็เป็นห่วงสุขภาพของตัวเองด้วยค่ะ ส่วนงานละคร (ละครเย็น : รักคุณเท่าช้าง) ช่วงนี้ก็หนักหน่อยค่ะ เพราะต้องออนแอร์ไปด้วยถ่ายไปด้วย แต่ก็ใกล้จะจบแล้วค่ะ"
สุดท้าย ไม่ถามไม่ได้เรื่องหัวใจของอาจารย์สาวคนสวย งานนี้หนุ่มๆ คงต้องใจสลาย เพราะเธอมีคนมาจับจองหัวใจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
"ความสัมพันธ์ตอนนี้ ก็ดีค่ะ (ยิ้ม) มีคนคุยแล้ว อยากมีคนคบจริงจังแล้วค่ะ เพราะอายุก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้ว ไม่อยากคบแล้วเลิกแล้วค่ะ ตอนนี้คนที่คุยด้วยก็มีปรับๆ เข้าหากันบ้างค่ะ เพราะคน 2 คนความคิดความอ่านไม่เหมือนกันอยู่แล้ว ส่วนเรื่องเวลา เขากับเราจะแบ่งให้กันและกันตลอดค่ะ"
เก่งจริง "เบเบ้" ดาราดีกรีเกียรตินิยม
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า 'เบเบ้' เป็นดาราที่เรียนเก่งขั้นเทพคนหนึ่ง เพราะสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรีด้วยเกียรตินิยมอันดับ 1 เหรียญทอง เกรด 3.91 แถมยังมีเกียรติบัตรเรียนดีในระดับปริญาโทอีก 1 ใบ จากคณะบริหารธุรกิจ (MBA) มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ โดยเธอบอกว่า แม้จะมีงานบันเทิงเข้ามามากในช่วงเรียน แต่ก็ต้องขยันเป็น 2 เท่าด้วย
"เบเบ้จะอ่านหนังสือมากกว่าคนอื่น อย่างช่วงสอบจะตื่นตี 5 แล้วก็อ่านหนังสือในห้องจนถึงดึก" เธอเผยเคล็ดลับ
ด้วยความขยัน และมุ่งมั่นกับการเรียน ไม่แปลกที่เธอจะสามารถทำเกรดในเทอมแรกได้สูงสุดถึง 4.00 ปัจจุบันเป็นอาจารย์พิเศษ สอนด้านการตลาด ที่มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ
ส่วนในกรณีที่เป็นดาราแล้วได้รับอภิสิทธิ์เหนือเพื่อนนักศึกษาคนอื่นนั้น เบเบ้ ให้ความเห็นว่า ส่วนตัวไม่เคยได้รับอภิสิทธิ์ใดๆ ทั้งสิ้น แถมยังต้องเรียนหนักกว่าเพื่อนเป็นหลายเท่า
"ตอนเรียนก็ไม่เห็นมีเลยนะคะ (หัวเราะ) ไม่มีจริงๆ ส่วนมากจะทำงานหนักกว่าคนอื่นด้วยซ้ำ อาจจะด้วยเราเป็นนักเรียนทุนด้วย ถ้าไปทำงานอะไรก็อยู่ที่การบริหารจัดการตัวเองล้วนๆ ไม่เคยได้รับอภิสิทธิ์ว่า ไม่ต้องทำงานนี้นะหรือทำงานนั้นนะ ไม่เคยมีค่ะ อย่างครั้งหนึ่งเคยติดถ่ายละครต่างจังหวัด ซึ่งตรงกับวันที่จะต้องสอบพอดี สรุปวันนั้นไปสอบไม่ได้ก็ต้องสอบซ่อมเอา ไม่ได้ใช้อภิสิทธิ์ความเป็นดาราแต่อย่างใด" เบเบ้เผย ก่อนจะให้ความเห็นต่อไป
"ความจริงแล้วขึ้นอยู่กับแต่ละสถาบัน แล้วก็คณะด้วยค่ะ อย่างของเบเบ้ เป็นภาควิชาธุรกิจซึ่งมันไม่ได้เกี่ยวกับการแสดง เพราะฉะนั้นมันก็ไม่มีเหตุผลที่อาจารย์สอนวิชาธุรกิจจะต้องให้สิทธิพิเศษเพื่อให้เราไปทำงานการแสดง แต่สำหรับคณะอื่น ซึ่งอาจจะเป็นนิเทศศาสตร์ อาจจะพอให้ได้ แต่ก็ต้องดูด้วยว่า มันเป็นการเอาเปรียบคนอื่นหรือเปล่า"
ถามต่อไปว่าคิดอย่างไรกับดาราหลายคนที่แทบจะไม่ได้เข้าเรียนเลย แต่สำเร็จการศึกษาด้วยเกียรตินิยม เรื่องนี้เธอไม่ขอออกความเห็น แต่ขอชื่นชมศิลปิน ดาราที่จบออกมาด้วยเกียรตินิยม เพราะหลายคนเก่ง และมีความตั้งใจจริงๆ แถมยังต้องมีความรับผิดชอบมากกว่าคนอื่นๆ เป็นหลายเท่า
ลำพังแค่งานในวงการบันเทิง ก็วุ่นวาย ยุ่งเหยิง จนไม่มีเวลาอยู่แล้ว แต่ "เบเบ้" เธอคือนักแสดงที่สามารถฝ่าฟันและทำผลการเรียนได้ดีจนขึ้นแท่นเป็นอาจารย์ที่สวย และเก่ง ได้ใจนักศึกษาไปเต็มๆ นั่นเพราะเธอเชื่อมาตลอดว่า ชื่อเสียง-เงินทอง อาจมีวันเสื่อมสลาย แต่ความรู้ต่างหาก คืออาภรณ์ที่ติดตัวไปจนวันตาย
ถึงวันนี้ คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่า เป็นดารายุคนี้ เกิดง่าย ดับง่าย ถ้าไม่เจ๋ง และเก่งจริง คงค้างฟ้าอยู่ได้ไม่นาน แต่ถ้าโปรไฟล์ดี มีสมอง โอกาส และงานก็จะยิ่งเข้ามามากขึ้นตามไปด้วย ยิ่งถ้ารู้จักใช้ชีวิต และวางแผนการใช้เงินด้วยแล้ว ก็คงไม่ต้องกลัวว่าแก่ตัวไปจะลำบาก
สัมภาษณ์โดย ASTVผู้จัดการ Lite
ภาพโดย พลภัทร วรรณดี และขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจากอินสตาแกรม @thisisbebe
ตามมา Follow Instagram และ Facebook Fanpage
"ASTV ผู้จัดการ Live" กันได้ที่นี่!!
**สามารถส่งข่าวสารและเรื่องราวร้องทุกข์ในสังคมมาได้: astvmanager.live.lite@gmail.com
หรือ โทร.0-2629-4488 ต่อ 1477, Fax 0-2629-4754