xs
xsm
sm
md
lg

คืนความสุขกอริลลา 'บัวน้อย' ปิด - ไม่ปิด? สวนสัตว์ลอยฟ้าฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เรื่องราวของ 'บัวน้อย' กอริลลาเพศเมีย วัย 27 ปี ผู้มีชีวิตอยู่บนบ้านลอยฟ้า กรงขังขนาด 20x10 เมตร ณ สวนสัตว์พาต้า ห้างสรรพสินค้าเก่าแก่ย่านฝั่งธนบุรี ยังเป็นดราม่าครุกกรุ่นระหว่าง 'กลุ่มคนรักสัตว์และนายทุน' รอปะทุอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ทั้งประเด็น 'กระแสสังคมรณรงค์หาบ้านหลังใหม่ให้บัวน้อย' หรือจำนวนไม่น้อยก็มีมติทำนองเดียวกันว่า 'น่าจะปิดสวนสัตว์ลอยฟ้าแห่งนี้ได้แล้ว'

ปมทัศนะขัดแย้งระหว่างมนุษย์ยังคงรอบทสรุปต่อไป แต่ที่ยากจะเข้าใจคงหลีกไม่พ้นความรู้สึกของกอริลลา 'บัวน้อย' เลือกแบบไหนเธอถึงจะมีความสุข?

จะให้ 'บัวน้อย' ไปอยู่ไหน
ทีมข่าว Astv ผู้จัดการ Live เดินทางไปยังบ้านลอยฟ้าสวนสัตว์พาต้าที่อยู่อาศัยของกอริลลาตัวเดียวในประเทศไทย ตั้งแต่อายุเพียง 2 ปี (ปัจจุบัน 27 ปี) ภาพเบื้องหน้าคือห้องกระจกขนาดใหญ่ที่สุดในสวนสัตว์แห่งนี้ เบื้องหลังกระจกคือซี่กรงเหล็กแน่นหนาและ 'บัวน้อย' ก็กำลังนั่งเล่นอยู่ด้านใน

สวนสัตว์ของห้างสรรพสินค้าพาต้าจะมีทั้งสิ้น 2 ชั้น คือบริเวณชั้น 6 ภายในอาคาร และบริเวณชั้น 7 ซึ่งเป็นดาดฟ้าอันเป็นที่พักพิงของเจ้ากอริลลาซึ่งกำลังเป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้โดยชั้นนี้บรรยากาศค่อนข้างโปร่งสบาย บางส่วนเปิดโล่งมีแสงแดดส่องถึง หลังเดินผ่านส่วนของกรงนกและลิงหลากสายพันธุ์

“เราเลี้ยงเขามา เราก็รักนะครับ” คำพูดจากผู้ดูแลกอริลลากล่าวให้ฟังอย่างอารมณ์ดี ถึงแม้จะมีกระแสจากโลกออนไลน์ต้องการให้ปิดสวนสัตว์แห่งนี้ลง แต่พนักงานทุกคนยังคงขะมักเขม้นตั้งใจทำงานและทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด รวมไปถึงบัวน้อยที่รู้งาน พอมีคนมาชะเง้อมองหาก็จะออกมาต้อนรับให้เก็บภาพ ถึงแม้วันที่ทีมงานไปบัวน้อยจะเพลิดเพลินกับการจ้องดูเจ้าหน้าที่ที่กำลังทาสีอยู่บริเวณด้านนอกห้องกระจกอยู่ด้วยความสงสัย แต่เจ้าหน้าที่ก็อำนวยความสะดวกจัดแจงเรียกให้มาโชว์ตัวใกล้ๆ

น่าแปลกใจหลายภาพที่ปรากฏออกสื่ออาจเป็นลิงยักษ์แววตาโดดเดี่ยว นั่งซึมเศร้า แต่วันนี้ ทีมข่าวฯ พบว่า เมื่อผู้ดูแลบัวน้อยมาอยู่ใกล้ๆ บริเวณตู้กระจกมันก็จะรีบรุดมาใกล้กรงเหล็กโดยทันที แล้วหยอกล้อกันอย่างน่ารัก เมื่อเจ้าหน้าที่ส่งจูบผ่านกระจกบัวน้อยก็ทำตาม และจ้องมองเจ้าหน้าที่อย่างใจจดใจจ่อ เมื่อเจ้าหน้าที่หันหลังกลับไป มันก็เดินไปนั่งยังที่เดิม บางเวลามันก็ทำท่าทางคล้ายกับมนุษย์เหมือนกำลังนั่งบ่นอะไรสักอย่าง แถมยังขยับไม้ขยับมือยักไหล่จนอดหัวเราะในพฤติกรรมของมันไม่ได้

ในแง่ของสุขอนามัย ทางผู้ดูแลเปิดเผยว่าจะต้องมีการฉีดล้างน้ำในทุกๆ วันเพื่อป้องกันเชื้อโรค และเน้นย้ำว่าไม่อยากให้มันต้องถูกเคลื่อนย้ายไปยังพื้นดิน เพราะเชื้อโรคในดินอาจทำให้กอริลลาตายได้ดังที่เคยปรากฏเป็นข่าวเมื่อปี 2526 หลังสวนสัตว์สิงคโปร์ต้องสูญเสียกอริลลาจำนวนสี่ตัวไปเหตุเพราะติดเชื้อจากดิน ส่วนเรื่องของอาหารการกินไม่เคยขาดตกบกพร่อง จำนวนสองมื้อคือเช้าและบ่าย โดยบัวน้อยจะได้ทานผักและผลไม้ถึง 2-3 กิโลกรัมเลยทีเดียว

ทั้งนี้ ยังมีการติดป้ายประกาศถึงเหตุผลที่ต้องกักขังกอริลลาภายใต้ห้องกระจกเพื่อความปลอดภัยของตัวมันเอง โดยระบุไว้ 5 ข้อ คือ 1. เพื่อป้องกันการติดเชื้อจากผู้ชม 2. สะดวกต่อการควบคุมอุณหภูมิภายใน 3. ป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอก 4. ป้องกันผู้ชมให้อาหารและสิ่งอื่นๆ และ 5. สะดวกต่อการจัดระบบการถ่ายเทอากาศ

ดูแลดีจริง ทำไมสังคมแอนตี้!
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 24 ก.ย. ที่ผ่านมา ศิลจิรา อภัยทาน แกนนำผู้ขับเคลื่อนแคมเปญ 'หาบ้านหลังใหม่ให้บัวน้อย กอริลลาบนสวนสัตว์ลอยฟ้า' ผ่าน www.change.org/buanoi หลังจากมีการรณรงค์เพิกถอนใบอนุญาตสวนสัตว์ลอยฟ้า มาเกือบ 1 ปี โดยมีผู้สนับสนุนกว่า 3.6 หมื่นรายชื่อ ล่าสุด ได้เข้าพบ นิพนธ์ โชติบาล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เพื่อตรวจสอบและแก้ไขปัญหาในประเด็นดังกล่าวอย่างจริงจัง

“ในฐานะที่ดิฉันติดตามเรื่องนี้มาตั้งแต่ปี 2528 คิดว่าถึงเวลาแล้วที่คนไทยควรสนใจเรื่องนี้อย่างจริงจัง ถึงเวลาแล้วที่กรมอุทยานควรปิดตำนานสวนสัตว์ลอยฟ้าและตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณาหาบ้านหลังใหม่ให้บัวน้อย แทนยอดตึกเก่าคร่ำคร่าที่เสี่ยงต่ออัคคีภัยและแผ่นดินไหวที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่คาดฝัน การรณรงค์ครั้งนี้ไม่ใช่เป็นการช่วยชีวิตบัวน้อยเท่านั้น แต่ยังหมายถึงสัตว์ป่าหายากอื่นๆ ที่ร่วมชะตากรรมในกรงขังลอยฟ้า

“การรณรงค์ครั้งนี้ไม่ใช่เพียงเพื่อกอริลลาเพียงตัวเดียว และไม่ใช่แค่ความสงสาร แต่เป็นจุดเริ่มต้นที่จะนำไปสู่งานอนุรักษ์อันยั่งยืนและความชอบธรรมในการจัดการธุรกิจสวนสัตว์สาธารณะในประเทศไทยซึ่งควรลงรายละเอียดเรื่องสถานที่และการจัดการที่เอื้อประโยชน์ต่อสัตว์ทุกประเภทและควรจดทะเบียนสัตว์แต่ละตัวอย่างละเอียดและชัดเจนเพื่อป้องกันการค้าสัตว์ป่าโดยมิชอบธรรม” ศิลจิรา อธิบายเหตุผลที่ขับเคลื่อนแคมเปญดังกล่าว

"สวนสัตว์พาต้าเลี้ยงแบบอึดอัดมา สกปรก สถานที่ไม่ปลอดภัย อันตราย” เอ็ดวิน วีค ผู้อำนวยการมูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่าในประเทศไทย ให้สัมภาษณ์

ที่ผ่านมา เอ็ดวิน สังเกตการณ์ชีวิตสัตว์ที่สวนสัตว์พาต้านับสิบๆ ครั้ง เขาเคยให้สัมภาษณ์ว่า “แค่ดูพฤติกรรมของสัตว์เราจะเห็นว่าสัตว์มันเครียดนะครับ มันอยู่ในที่มืด แออัด อากาศมันไม่ถ่ายเท สัตว์ไม่มีความสุขเลยครับ”

อย่างไรก็ตาม เอ็ดวิน คาดหวังว่ากอริลลาเพียงตัวเดียวที่หลงเหลืออยู่ในประเทศไทย จะได้อยู่ในสถานที่ที่กว้างกว่านี้ มีมาตรฐานมากกว่านี้

“ในความคิดของผมคุณภาพชีวิตของสัตว์ อย่างเช่น กอริลลา มันอยู่แบบไม่เหมาะสม กอริลลาต้องมีพื้นที่กว้างกว่านี้ มีของเล่นเยอะ และน่าจะมีเพื่อนเล่นด้วย ปกติกอริลลาอยู่เป็นฝูงนะครับ ไม่ใช่อยู่ตัวเดียว ไม่เหมือนเสือโคร่ง หรือหมีที่อยู่ตัวเดียว เค้าเป็นสัตว์ฝูงต้องอยู่กับฝูงครับ”

อย่างไรก็ตาม ความคืบหน้าล่าสุด ในการรณรงค์ 'หาบ้านหลังใหม่ให้บัวน้อย กอริลล่าบนสวนสัตว์ลอยฟ้า' ทางกรมอุทยานฯ ยังไม่เพิกถอนใบอนุญาตสวนสัตว์พาต้า แต่มีเงื่อนไขให้มีการย้ายสัตว์ป่าใหญ่ๆ ลงไปพื้นดินภายใน 6 เดือน นั่นหมายรวมถึง 'บัวน้อย' ด้วย

บ้านหลังใหม่ จะดีกว่าจริงหรือ?
สุดท้าย บัวน้อย จะได้ย้ายสู่บ้านหลังใหม่ที่กว้างขวางกว่าหรือไม่ สภาพจิตใจของมันคงไม่ต่างไปจากเดิมมากนัก โรเจอร์ โรหนันทน์ เลขาธิการสมาคมพิทักษ์สัตว์ไทย อธิบาย

“หลายคนอาจจะคิดว่า ย้ายกอริลลาไปอยู่สวนสัตว์อื่นแล้ว จะช่วยให้เขามีความสุขขึ้น แต่ผมไม่ได้มองอย่างนั้น คือสภาพความเป็นอยู่อาจจะดีขึ้นหน่อยหนึ่ง มีที่กว้างขึ้นให้เดินเล่น แต่ปัญหาของกอริลลาตัวนี้จริงๆ ที่สังคมมองว่าเขาถูกทารุณคือ เห็นว่าเขาอยู่ลำพัง ต้องบอกว่าปัญหาของเขาคือความเหงา

“ก่อนหน้านี้เขาเคยมีเพื่อน แต่เพื่อนเขาตายไปเป็นสิบๆ ปีแล้ว ก็เลยเหลือเขาอยู่ในสวนสัตว์พาต้าตัวเดียว จะนำเข้ากอริลลาตัวใหม่มาอยู่เป็นเพื่อนก็ทำไม่ได้แล้ว เพราะกฎหมายโลกห้ามเอาไว้ องค์กรอนุรักษ์กอริลลาสากล ซึ่งมีอิทธิพลในสหประชาชาติมาก กำหนดเอาไว้เลยว่าจะไม่ให้มีการค้าขายกอริลลาในประเทศไหนอีกต่อไป เพราะฉะนั้น ถึงจะย้ายเขาไปที่อื่น ไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหน เขาก็อยู่ลำพัง”

อย่างไรก็ตาม การแก้ปัญหาให้ตรงจุดควรปล่อยให้องค์กรระดับสากลเกี่ยวกับกอริลลาเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหานี้ คือเจ้าของกอริลลาต้องยอมปล่อยให้บัวน้อยคืนสู่คองโก เพื่อให้เขาได้มีเพื่อน และเพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกับกอริลลาตัวอื่นๆ ได้ เพราะทุกวันนี้ บัวน้อยไม่รู้ว่าตัวเองเป็นกอริลลา เนื่องจากโตมากับคนและอยู่กับพี่เลี้ยงมาทั้งชีวิต

“ต้องปล่อยให้กอริลลาเข้าโครงการปรับพฤติกรรมสัตว์ในระดับสากล ให้เขากลับมามองตัวเองเป็นกอริลลาเหมือนเพื่อนตัวอื่นๆ เพราะตอนนี้บัวน้อย ยังไปอยู่กับกอริลลาตัวอื่นไม่ได้ ถ้าเอาไปอยู่ เขาจะคลั่งเพราะคิดว่ากอริลลาตัวอื่นเป็นศัตรู เขาคิดว่าเขาเป็นคน เขาโตมาในพาต้า เห็นแต่หน้าคนเลี้ยง เห็นหน้าเพื่อนตัวเองที่เป็นกอริลลาเหมือนกันตัวหนึ่ง เขาก็แค่คิดว่าหน้าเราไม่เหมือนกัน คนเลี้ยงก็หน้าไม่เหมือนกัน แต่เรามีสองขาเหมือนกัน สองแขนเหมือนกัน เขาก็ยอมรับว่าฉันอาจจะขนยาวกว่าคนเลี้ยง”

การจะช่วยกอริลลาตัวนี้ให้มีสภาพจิตใจกลับมาเป็นสุขตามปกติ ต้องพูดคุยกันในระดับสากล “ไม่ใช่แค่ใครคนเดียวที่มีเงินซื้อได้ แล้วจะสามารถแก้ปัญหาได้ มันไม่จบง่ายๆ แบบนั้นครับ ยังต้องมีขั้นตอนอีกเยอะ อีกอย่าง กอริลลาตัวนี้เขาอยู่ห้องแอร์มาตลอด เขาเหมือนเด็กที่ไม่เคยเจอแดด เจอลม ถ้าจู่ๆ เอาไปเจอแดด เจอเกสรดอกไม้ เจอยุง อะไรต่างๆ เขาจะมีปัญหาเรื่องแพ้ฝุ่น แพ้สารพัดเลย"

จะสร้างที่อยู่เหมาะสมและปลอดภัยสำหรับกอริลลา มันเป็นโครงการระยะยาว ต้องวางแผนดีๆ ต้องมี “คอกปลอดโรค” ให้เขา แต่ถ้ายังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ อย่าเพิ่งเริ่มอะไรเลยดีกว่า ไม่งั้นมีปัญหาแน่ ผมไม่อยากเห็นสวนสัตว์ที่รับกอริลลาตัวนี้ต่อ แค่รับมาเฉยๆ แล้วมาสร้างคอกปูนให้อยู่ ถ้าเขาตายขึ้นมา คนที่ย้ายเขาออกต้องรับผิดชอบนะ

เรื่องที่น่าเป็นห่วงอีกอย่างสำหรับประเด็นนี้คือมาตรฐานสวนสัตว์ในประเทศไทย โดยเฉพาะสวนสัตว์พาต้า เลขาธิการสมาคมพิทักษ์สัตว์ไทย บอกเอาไว้เลยว่า “พาต้าไม่ได้มาตรฐาน ได้ก็แค่ใบอนุญาตให้เปิดต่อไป”

“ในกฎหมาย หมวดของสวนสัตว์ เขาเขียนไว้ในเรื่องตรวจสอบมาตรฐานแค่ว่า 'ให้เจ้าหน้าที่ใช้ดุลยพินิจ' คำว่าดุลยพินิจในประเทศไทยก็คือ คุณรวย คุณใหญ่ คุณโต คุณรู้จักเจ้านายผม ผมก็ต้องอนุญาตให้คุณได้เปิดสวนสัตว์ และการประกอบการสวนสัตว์ในประเทศไทย แทบจะทุกแห่งเกิดขึ้นมาจาก คุณสะสมสัตว์ เสร็จแล้วขออนุญาต เขาก็ให้อนุญาต แทนที่จะขออนุญาตก่อนแล้วค่อยไปขอใบอนุญาต ขั้นตอนในบ้านเรามันกลับด้านไปหมด

“ที่เมืองนอก นักข่าวก็เคยมาทำข่าวสวนสัตว์พาต้าเป็นเรื่องใหญ่เลย แต่สุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้ สื่อมวลชนก็ทำได้แค่วิจารณ์ กดดันหน่วยงานเอกชน แล้วเรื่องก็เงียบไป แต่ถ้าสื่อในบ้านเรา หันไปกดดันหน่วยงานภาครัฐ อันนี้จะเวิร์กกว่า เพราะกดดันภาคเอกชน เขาไม่แคร์หรอก ตราบใดที่ไม่มีกฎหมายอะไรเล่นงานเขาได้”

…......................................
เรื่องโดย ทีมข่าว Astv ผู้จัดการ Live
 
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เงียบๆ กับสวนสัตว์พาต้า หรือใกล้หมดเวลา 'คิงคอง' 
ปทส.บุกตรวจสวนสัตว์พาต้าหลังได้รับร้องเรียนสัตว์อยู่อย่างอนาถ
'สวนสัตว์พาต้า' ควรค่าแก่กาลอวสาน..หรือไม่?  
ไถ่กอริลลา พาต้าเตรียมปิดสวนสัตว์!?!  




ตามมา Follow Instagram และ Facebook Fanpage
"ASTV ผู้จัดการ Live" กันได้ที่นี่!!
**สามารถส่งข่าวสารและเรื่องราวร้องทุกข์ในสังคมมาได้: astvmanager.live.lite@gmail.com
หรือ โทร.0-2629-4488 ต่อ 1477, Fax 0-2629-4754











กำลังโหลดความคิดเห็น