xs
xsm
sm
md
lg

วิพากษ์หนัก กรณี 'ผีปอบ'..ความเชื่อที่ไร้มนุษยธรรม?!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เป็นอีกหนึ่งความเชื่อที่ถูกสังคมวิพากษ์หนัก กรณี 'ผีปอบ' พรากพ่อ พรากแม่ ปล่อยให้เด็กหญิงต้องใช้ชีวิตอย่างลำบากเพียงลำพังเป็นเวลานานเกือบ 10 ปี เหตุเพราะถูกร่างทรงกล่าวหาว่าพ่อแม่ของเธอเป็น 'ปอบ' และขอร้องให้ออกจากหมู่บ้าน ล่าสุดแม้ได้เจอพ่อแม่ และได้รับพระราชทานความช่วยเหลือจากในหลวง แต่มติชาวบ้านก็ยังไม่ยอมให้กลับหมู่บ้าน เพราะยังเชื่อว่าปอบมีจริง กลายเป็นประเด็นที่เกิดการถกเถียงในสังคมไทยถึงเรื่องราวความเชื่อ ความงมงายดังกล่าวนี้

ชาวเน็ตวิพากษ์ ความเชื่อเรื่อง 'ผีปอบ'

ปฏิเสธไม่ได้ว่า ความเชื่อเรื่องผีปอบ ยังอยู่คู่กับสังคมชนบท โดยเฉพาะในพื้นที่ทางภาคอีสาน ไม่แปลกที่จะเห็นข่าวผีปอบอาละวาดอยู่บ่อยๆ เช่น ไก่ เป็ดตายยกเล้า เป็นเพราะเชื่อว่าผีปอบมากิน หรือข่าวในทำนองที่ว่า คนชราถูกชาวบ้านรุมทำร้าย และขับไล่ออกจากหมู่บ้านเพราะถูกกล่าวหาว่าเป็นผีปอบจนต้องอยู่อย่างยากลำบาก

เช่นเดียวกับกรณีของครอบครัว 'น้องเขียว' วัย 12 ปี ที่พ่อแม่ของเธอถูกขับไล่ออกจากหมู่บ้านในตัว จ.อุบลราชธานี จนเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วประเทศ จุดประเด็นให้คนในสังคมไทยเกิดการถกเถียงเรื่องนี้กันครั้งใหญ่

เห็นได้จากปฏิกิริยาของคนในโลกออนไลน์ ทันทีที่ข่าวเผยแพร่ออกไป ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ซึ่งบางความเห็นก็ชวนกระตุกต่อมคิดได้มากทีเดียว โดยส่วนใหญ่ตั้งข้อสังเกตกันว่า ทำไม 'ผีปอบ' ถึงกระจุกอยู่ตามภาคอีสาน แถมยังเลือกเข้าสิงเฉพาะคนแก่ๆ ป้าแก่ๆ ฐานะยากจน ไร้การศึกษา หรือไม่ก็คนที่สติปัญญาไม่สมประกอบ

นี่คือความเห็นบางส่วนจากคนในโลกออนไลน์ที่ทีมข่าว ASTVผู้จัดการ Live ขออนุญาตหยิบยกมานำเสนอต่อ

"บางทีผมก็อยากสอบถามผี ปีศาจบ้างนะ ทำไมผีปอบ ผีกระสือ เเละอื่นๆ ทำไมต้องกระจุกอยู่ตามภาคอีสานหรือภาคเหนือกันเป็นส่วนใหญ่ ตามกรุงเทพฯ ตามสยามพารากอน ตามพัทยา ภูเก็ตทำไมไม่ไปกันบ้าง..." Ost Obey

"จากที่สังเกตเรื่องผีปอบ วิธีที่จะไม่โดนผีปอบสิง คือ ขอให้รวย มีเงิน มีฐานะ มีอาชีพดีๆ แต่งตัวดี เพราะผมไม่เคยเห็นคนรวย โดนกล่าวหาว่าเป็นปอบ เราจะไม่เคยได้ยินว่า ข้าราชการเป็นปอบ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเป็นปอบ เจ้าของร้านขายของเป็นปอบ

ปอบจะสิงใคร ต้องเลือกอาชีพด้วย และคนเป็นปอบ จะต้องมีลักษณะเดียวกันส่วนมากคือฐานะไม่ดี บ้านต้องอยู่ไกลจากคนอื่น ไม่มีอาชีพที่ชัดเจน เป็นคนที่ไม่ยุ่งเรื่องชาวบ้านสงสัยปอบจะจบจากโรงเรียนเดียวกันทั้งหมด เพราะนิสัยเหมือนกันหมด ปล.จากข้อสังเกตล้วนๆ" Jack Su

นอกจากนั้นยังมีความเห็นที่ต่อต้านความเชื่อ ความงมงายดังกล่าว แม้แต่คนอีสานเองก็ไม่เชื่อในเรื่องผีปอบ

"ผมคน จ.อุบลราชธานีครับ ไม่เชื่อเรื่องปอบ แถวบ้านถ้ามีคนตายบ่อยๆ มักจะโยนไปให้ปอบรับผิด ปอบบ้าอะไรอาทิตย์หนึ่งแดกไส้ 3 คน ถ้าปอบมันมีจริง มันคงจะบ่นว่า พวกเอ็งจะไม่ให้กระเพาะกูย่อยก่อนเหรอ" วิชัย อุณยนัต

ขณะที่ชาวเน็ตท่านอื่นๆ ก็แสดงความคิดเห็นในทิศทางเดียวกัน ซึ่งบางคนบอกว่า คนในหมู่บ้าน น่ากลัวยิ่งกว่าปอบเสียอีก

"หารู้ไม่ คนที่หน้ากลัวกว่าปอบ คือคนในหมู่บ้านนั้นเองที่ทำให้หนึ่งชีวิตต้องลำบากเพราะความเชื่อ!" Chart Kunchon

"จริงๆ แล้ว ความกลัวตาย กลัวสิ่งที่มองไม่เห็น กลัวจนขาดสติ กลัวจนไร้เหตุผลนี้แหละ น่ากลัวกว่าผี ปีศาจ" คุณชายฟรุ้งฟริ้ง เพริศแพร้วพริ้งพรายพรรณา ประกายแสงเจิดจรัสเฉิดฉาย

"ความงมงาย ไม่มีสติ เป็นทางสู่ความวิบัติ" Jiraya Jaja Chumkeaw

"ต้องให้ประชาชนทุกคนเรียนวิทยาศาสตร์เยอะๆ น่าจะให้กระทรวงศึกษาฯ จัดวิชาต่อต้านเรื่องงมงายเข้าไปในหลักสูตรการเรียนการสอน ท่าจะดีนะ" Orn Basic

ความงมงาย ปัญหาที่ไม่ควรมองข้าม

ทางด้าน เพจ FuckGhost ฟักโกสต์ : สมาคมต่อต้านสิ่งงมงาย เพจที่ทำขึ้นเพื่อให้ทุกคน "มีสติ คิดเป็นเหตุผล" มากกว่า "คำบอกเล่า" ซึ่งปัจจุบันมีคนเข้ามากดไลค์นับแสน ได้โพสต์แสดงความคิดเห็นต่อกรณีข่าวที่เกิดขึ้นว่า สังคมควรเร่งสร้างความเข้าใจก่อนที่ความงมงายจะสร้างปัญหาและความเดือดร้อนไปมากกว่านี้

"ผมโกรธข่าวนี้จนตัวสั่น!!! ความงมงายไม่ทำให้ใครเดือดร้อนก็ปล่อยเค้าไปสิ ถุย! เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยมากทางภาคอีสาน ประเภทผีปอบ ไม่สบายถูกเฆี่ยน ถูกตี สติไม่สมประกอบ ไก่ตาย ก็หาว่าผีปอบเข้าสิง เพราะความงมงายที่มีมากในสังคมไทย ปีที่ผ่านมามี ป้าแก่ๆโดนชาวบ้านรุมทำร้าย โดนขับออกจากหมู่บ้าน

ตอนนั้นก็มีสมาชิกเล่าให้ฟัง มีคนงานที่บ้านถูกหาว่าเป็นผีปอบ ชาวบ้านในหมู่บ้านไม่ขายของให้ ไม่มีใครคุยด้วย แถมถูกทำร้ายอีก ต้องไปแจ้งความกับตำรวจ แต่ก็ต้องอยู่ลำบาก โดยเฉพาะหญิงชราที่สติไม่สมประกอบก็มักจะโดนกล่าวหาว่าเป็นผีปอบและโดนชาวบ้านขับไล่ และโดนทำร้ายก็มี พบเห็นเรื่องราวแบบนี้บ่อยมาก ฝากสังคมปรับทัศนคติให้ความรู้เร่งปฏิรูปการศึกษาให้แก่ชาวบ้านภูมิภาคนี้ให้เข้าใจด้วย..."

อย่างไรก็ดี หลังจากมีข่าวชาวบ้านไม่ยอมให้พ่อแม่ของเด็กหญิงวัย 12 ปีกลับเข้ามาอยู่ในชุมชนเพราะยังเชื่อว่า 'ปอบ' มีจริง ทางเพจดังกล่าวก็ออกมาแสดงความเห็นเพิ่มเติมอีกว่า

"น้ำตาจะไหล สำหรับความงมงายของคนไทย เรื่องนี้ต้องโทษเรื่องระบบการศึกษา และความเชื่อของวัฒนธรรมสังคมพื้นฐานของคนแถวนั้น พวกลูกหลานที่มีการศึกษาหรือข้าราชการที่มีอำนาจสาธารณสุขผู้ใหญ่บ้าน ควรเร่งสร้างความเข้าใจให้กับชุมชน" ก่อนจะย้ำทิ้งท้ายว่า "เห็นหรือยังว่าความงมงายมันเป็นปัญหาที่คนมองข้าม"

ส่อง "ผีปอบ" ในมุมนักวิชาการ

เมื่อพูดถึงเรื่อง 'ผีปอบ' ก็ชวนให้นึกถึงงานเสวนา "หมู่บ้านผีปอบ ในมิติความเชื่อ สังคม และวัฒนธรรม" ณ ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) ตลิ่งชัน แม้จะจัดขึ้นมานานแล้ว แต่ในครั้งนั้น สมชาย นิลอาธิ อาจารย์ประจำคณะมนุษยศาสตร์ และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคามได้ให้ข้อมูลเชิงลึกไว้อย่างละเอียด

อ.สมชาย เล่าให้ฟังถึงความเชื่อเรื่อง 'ผีปอบ' ผ่านบทความ ผ่ามิติ "หมู่บ้านผีปอบ" ความเชื่อหรืองมงาย ว่า ภาคอีสานมีผีปอบอยู่หลายชนิด แต่จะมีผีปอบที่สำคัญ 2 ชนิด คือ ปอบเชื้อ และปอบมนต์ กล่าวสำหรับ 'ปอบเชื้อ' นั้น คือปอบที่สืบต่อเป็นทอดๆ ในหมู่ญาติพี่น้อง เช่น ถ้าแม่เป็นปอบเมื่อตัวแม่ตายเชื่อกันว่าปอบของคนตายจะไปสิงอยู่กับลูกสาวหรือญาติพี่น้องและส่วนมากเป็นในผู้หญิง

ส่วน 'ปอบมนต์' ก็จะเกิดกับคนที่เรียนวิชาอาคมของขลัง คงกระพันชาตรี และมนต์เสน่ห์ ซึ่งส่วนใหญ่เจ้าของวิชาไม่สามารถปฏิบัติตามที่ครูสอนหรือห้ามได้ เชื่อว่ามนต์วิชากลายเป็นผีปอบกินคน หรือกินตัวเองในที่สุด นอกจากนั้นยังมีคนที่ถูกสังคมลงความเห็นเชื่อว่าเป็นปอบจากสาเหตุอื่นๆ อีก เช่น คนที่บุกรุกที่ดิน หรือละเมิดสิ่งที่เป็นสาธารณะ คนที่โลภชอบทะเลาะเบาะแว้งกับคนในกลุ่มญาติพี่น้อง โดยเฉพาะเรื่องแย่งมรดก ผู้ที่ไม่มีน้ำใจ ไม่เสียสละ ซึ่งอาจเรียกรวมๆ ว่าปอบโลภ

ลึกลงไปถึงพฤติกรรมของคนเป็นปอบ หรือปอบเข้าร่าง ชาวบ้านในพื้นที่เล่าให้ อ.สมชายฟังว่า ปอบมีลักษณะตามที่ฝันเห็นเป็นร่างสัตว์บางชนิด เช่น ลิง สุกร แต่ไม่มีใครเคยเห็นตัว และเชื่อเหมือนๆ กันว่าปอบเป็นต้นเหตุให้คนตายติดๆ กันด้วยการกินตับไตไส้พุง เมื่อถูกหาว่าเป็นปอบ คนนั้นและครอบครัวจะน่าสงสารมากไม่มีใครคบหาสมาคม หรืออาจรุนแรงถึงขั้น ขับไล่ ขู่ฆ่า จนอยู่บ้านเดิมไม่ได้

สำหรับคนที่ถูกปอบเข้า จะมีกิริยาอาการผิดจากคนปกติทั่วไป เช่น ส่งเสียงร้องดังๆ ไม่เหมือนเสียงของคน พูดอะไรก็ฟังไม่รู้เรื่อง ซึ่งปอบจะสิงสู่ผู้ที่มีจิตใจอ่อนไหว อ่อนแอ ร่างกายไม่แข็งแรง เท่านั้น เมื่อมั่นใจว่าเกิดปอบขึ้นก็จะมีการทำพิธีการจับปอบหรือไล่ปอบโดยใช้หมอธรรมโดยการทำพิธี "เซียงข้อง" คล้ายพิธีเสี่ยงฟ้าฝนหรือเสี่ยงหาของหาย ซึ่งในการทำพิธีต้องใช้ "ไม้ค้อนตีข้าว" โดยให้ผู้ชาย 2 คน จับด้ามไม้ค้อนตีข้าว ถือกวัดแกว่งไปมาตามทุ่งนา คันนา ตามหาผีปอบ เพื่อจับผีปอบที่มองไม่เห็นตัว

จากนั้นจึงช่วยกันไล่ต้อนมาหาหมอ แล้วใช้ผ้าขาวลงมนต์รวบคลุมปอบไว้กับดินแล้วใช้มีดดาบแทงปักปอบที่ถูกผ้ารัดคลุมอยู่ เพื่อเอาปอบยัดใส่ลงไหแล้วช่วยกันปิดปากไหพร้อมนำไปเผาให้สิ้นซาก

ถึงวันนี้ แน่นอนว่าความเชื่อดังกล่าว ไม่ได้หายไปจากสังคมชนชท ยังมีคนบางกลุ่มเชื่อเรื่องผีปอบ ในขณะเดียวกันก็ยังมีคนอีกหลายกลุ่มไม่เชื่อในเรื่องนี้ โดยมองว่าเป็นเรื่องงมงาย สมควรได้รับการประณาม และโละความงมงายไร้สาระนี้ทิ้ง ทว่าในมิติความเชื่อ และวัฒนธรรม นี่คือสิ่งที่ อ.สมชายได้ให้ทัศนะเอาไว้

"ไม่ว่าปอบจะมีจริงหรือไม่ มันไม่สำคัญ คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการวิทยาศาสตร์ แต่ก็ต้องถามว่าจำเป็นหรือที่จะต้องพิสูจน์หากเพียงแต่ความเชื่อนั้น ไม่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนและเป็นการสร้างบรรทัดฐานทางสังคมก็สังคมนั้นให้คนอยู่ในศีลในธรรม ไม่ประพฤติตัวนอกรีตนอกจริยธรรมอันดีงาม อย่างความเชื่อเรื่องผีปู่ตา เคารพบรรพบุรุษก็เป็นสิ่งที่ดี

ส่วนเรื่องหมู่บ้านผีปอบ ถ้ามองในแง่ก็เป็นการเปิดโอกาสให้คนได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ และปอบยังคงเป็นความเชื่อที่อยู่คู่สังคมชนบทแยกออกจากกันไม่ได้ ดังนั้น ผู้ที่ไม่เชื่อไม่ควรลบหลู่หรือประณามว่างมงายปล่อยให้เป็นไปตามระบบที่มีอยู่ แต่ควรที่สังคมจะให้ความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องโดยไม่ก้าวก่ายในเรื่องของความเชื่อน่าจะเป็นสิ่งที่ดีกว่า"

เรื่องโดย ASTVผู้จัดการ Live



ตามมา Follow Instagram และ Facebook Fanpage
"ASTV ผู้จัดการ Live" กันได้ที่นี่!!
**สามารถส่งข่าวสารและเรื่องราวร้องทุกข์ในสังคมมาได้: astvmanager.live.lite@gmail.com
หรือ โทร.0-2629-4488 ต่อ 1477, Fax 0-2629-4754




กำลังโหลดความคิดเห็น