xs
xsm
sm
md
lg

บวชแล้วรวย? ประณาม “แม่ชีแบรนด์เนม”?!!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


วงการศาสนามีเรื่องดราม่าอีกครั้ง หลังจากผู้ใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กกังขาพฤติกรรมของ “แม่ชี” วัดถ้ำขวัญเมือง อ.สวี จ.ชุมพร ว่าใช้ของแบรนด์เนมและขับรถสปอร์ต แถมยังทำหน้าที่ผู้จัดการกิจของพระสงฆ์อีก เลยเจอคนฉะลั่นเน็ตว่ารวยและใหญ่มาจากไหน ? ด้านวงการสงฆ์ชี้ หากแม่ชีถือศีล 8 ก็ถือว่าผิดศีล จะทำให้คนเสื่อมศรัทธา ไม่ควรให้ "ลาภสักการะครอบงำ"

กลายเป็นเรื่องโด่งดังขึ้นมาทันทีเมื่อมีผู้ใช้ชื่อว่า “สมาชิกหมายเลข 960410” ได้ตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ www.pantip.com จำนวน 2 หัวข้อ คือ “เชอรี่......เจ้าหญิงแห่งวัดถ้ำ” (http://pantip.com/topic/30889978 )และหัวข้อ “ไม่ทราบว่าแม่ชีที่มีพฤติกรรมเช่นนี้จะสามารถเอาผิดในทางพระธรรมวินัย และกฎหมายได้หรือไม่ อย่างไรครับ” (http://pantip.com/topic/30870363 ) โดยเนื้อหาระบุว่าแม่ชีเชอรี่ หรือชื่อจริงว่า “แม่ชีสุปริญญา ฮุนนางกุล” จากวัดถ้ำขวัญเมืองนี้มีพฤติกรรมแตกต่างจากแม่ชีทั่วไป เช่น นิยมใช้กระเป๋าสะพายยี่ห้อแบรนด์เนม มีรถยนต์สปอร์ตไว้ใช้ส่วนตัว และเป็นผู้กำหนดกติกาต่างๆ มากมายภายในวัด ทั้งที่หน้าที่ดังกล่าวควรเป็นกิจของพระสงฆ์มากกว่าแม่ชี รวมถึงยังเป็นผู้ตัดสินใจในการอนุญาต หรือไม่อนุญาตผู้ที่จะมาเข้าพิธีบวชพระภายในวัด และยังใช้เครื่องประดับแม้จะบวชเป็นแม่ชี ทำให้มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นในกระทู้นี้มากมาย เช่น

“ใครพอดูรู้...กระเป๋านั่นของจริงปลอมอย่างไร แล้วบวชเป็นชีมาหลายสิบมีแต่มีกะตังค์ไปซื้อของแบบนั้นใช้ อยากถามว่าเอารายได้มาจากไหน” สมาชิกหมายเลข 960410

“เรื่องอื่นไม่ทราบ แต่กระเป๋าสารพัดสีกับคนที่โกนหัวและน่าจะอยู่วัดนานแล้ว ถึงจะบอกว่าที่บ้านมีฐานะ ก็ไม่เหมาะสม ส่วนเจ้าของกระทู้ถ้าไม่สบายใจ ไปวัดอื่นเถอะค่ะ” Flavia

“เรื่องกามเราไม่ขอออกความเห็นเพราะเราไม่ทราบข้อเท็จจริง แต่จากที่เห็นวัตถุข้างกายแล้ว ไม่รู้อ่ะ เราว่าถึงขนาดบวชชี ทางใจน่าจะปลงสังขาร ละกิเลสทางโลกนะคะเรื่องเป็นคนรวยมาก่อนเราว่ามันไม่เกี่ยวนะคะ ขนาดพระพุทธเจ้า เป็นเจ้าชายมาก่อนยังปลง ละทางโลกเลย” เอื้อมมีน C จ๊าบ

“ส่วนตัวคิดว่าการบวชถึงขนาดโกนหัวนี้ก็แสดงว่าละแล้วซึ่งกิเลส แต่การที่คุณยังใช้ของแบรนด์เนมขับรถหรูๆ มันไม่น่าจะใช่นะค่ะถึงจะบอกว่าครอบครัวมีเงินถ้าอย่างงั้นเอาเงินที่มาซื้อของพวกนี้ไปบริจาคทานให้คนด้อยโอกาสไม่ดีกว่าหรือค่ะได้บุญด้วยถ้าคนที่บวชขนาดนี้แล้วน่าจะคิดได้นะคะ รู้สึกเดี๋ยวนี้สังคมมันเสื่อมลงทุกวัน” janklay

ในขณะที่เจ้าของกระทู้ก็ได้โพสต์ข้อความอธิบายว่าสาเหตุที่นำเรื่องราวนี้มาโพสต์ เพราะคิดว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม จึงอยากให้สังคมช่วยกันสะสาง

“การที่ผมนำข้อมูลเหล่านี้มาลงอาจจะทำให้บุคคลหลายคนไม่พอใจ หรืออาจจะไม่สบายใจจึงต้องขอโทษมาในที่นี้ด้วย และขอโทษบุคคลที่เข้ามาเกี่ยวข้องในภาพด้วยนะครับ แต่เรื่องราวที่ผมพูดนั้นเป็นเรื่องจริงมาจากแม่ผม และเพื่อนผมที่ได้เข้าไปถือศีลบวชชีที่วัดนั้นและอาศัยอยู่ที่นั่น ใครจะเชื่อหรือไม่ผมไม่ได้บังคับหรือขืนใจอะไรคับ ผมเพียงแค่นำมาเป็นประเด็นชี้ให้เห็นว่าเรื่องเหล่านี้มีอยู่ในสังคม ซึ่งคนทั้งอำเภอสวีเค้าจะรู้ว่าอะไรถูกผิด และในกรณีที่ผมนำลงก็ไม่ใช่เรื่องที่ร้ายแรงอะไร เพียงแต่เป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม แม้มันจะไม่ผิดกฎหมาย แต่มันขัดกับศีลธรรมและคนในสังคมน่าจะช่วยกันสะสางเท่านั้นเองครับ” เจ้าของกระทู้กล่าว

หิ้วแบรนด์เนม ผิดศีลหรือไม่?

ประเด็นที่หลายคนกังขาคือ พฤติกรรมของแม่ชีเชอรี่นี้ถือว่า “ผิดศีล” หรือทำตัว “เหมาะสม” หรือไม่ เรื่องนี้ “ท่านเจ้าคุณพระประสิทธิสุตคุณ” ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสุทัศนเทพวราราม หรือหัวหน้าพระวินยาธิการส่วนกลาง ได้ให้คำตอบกับทีมข่าว ASTV ผู้จัดการ Live ว่า

“เราต้องดูก่อนว่าแม่ชีรูปนี้ถือศีล 5 หรือถือศีล 8 ถ้าเขานับถือศีล 5 ก็ไม่ผิด แต่ถ้านับถือศีล 8 ก็ถือว่าผิดศีล เพราะศีล 8 มีหลักอยู่หนึ่งข้อคือ ข้อ 7 ห้ามใช้เครื่องหอม ห้ามตกแต่งรูปทรง ดังนั้นการใช้ของฟุ่มเฟือยหรือใช้เครื่องประดับ จึงนับว่าอยู่ในข้อนี้เหมือนกัน สังเกตเวลาคุณไปวัดและถือศีล 8 ก็จะไม่แต่งตัวตกแต่งอะไรสวยหรู มีแค่เรื่องผ้าพันกาย กันอุจาดตาเท่านั้นเอง แล้วการที่เป็นแม่ชีเนี่ย ก็ยิ่งควรตัดสิ่งนี้ออกไป ตามหลักจริงๆ ถ้าเขาจะเข้ามาใกล้ชิดพระพุทธเจ้า ก็ไม่ควรทำเช่นนี้ เพราะการที่คุณใช้ของฟุ่มเฟือย คนก็จะมองว่าไม่เหมาะสม”

ล่าสุดศูนย์ข่าว ASTV ผู้จัดการ ภาคใต้ ได้ลงข่าวในวันที่ 26 มิถุนายนว่า จากการสอบถามพบว่าแม่ชีเชอรี่อยู่ที่วัดถ้ำขวัญเมืองจริง โดยเข้ามาถือศีลและบวชเป็นชีมาประมาณ 10 ปีแล้ว ทั้งยังได้รับมอบอำนาจจากเจ้าอาวาสให้เป็นคนดูแลกฎระเบียบการปฏิบัติของวัดและผู้ที่จะเข้ามาปฏิบัติธรรม โดยภาพรถหรู และกระเป๋าแบรนด์เนมที่แม่ชีเชอรี่ใช้นั้นเป็นรถของลูกศิษย์ที่เข้ามาปฏิบัติธรรมและนำมาจอดให้ใช้เป็นช่วงๆ ส่วนกระเป๋าแบรนด์เนมที่วางอยู่ข้างหน้าตามรูปภาพนั้นเป็นกระเป๋าที่ลูกศิษย์ซื้อมาฝาก ส่วนรถก็ขับจริง แต่แม่ชีอ้างว่า ไม่ทราบว่าเป็นเรื่องผิดวินัย

ทั้งนี้ประเด็นที่แม่ชีอ้างว่าไม่ทราบว่าเป็นเรื่องผิดวินัยนั้น ท่านเจ้าคุณพระประสิทธิสุตคุณ กล่าวว่า

“แม้จะมีญาติโยมให้มา เขาก็ควรพิจารณาว่าจะรับหรือไม่รับ หรือรับมาแล้วจะใช้ไม่ใช้ ก็ต้องพิจารณาอีกที แต่การแสดงตัวว่าใช้ของฟุ่มเฟือยแบบนั้น ก็ทำให้สังคมยอมรับไม่ได้ กลายเป็นเรื่องราวตามมา

“อย่างเรื่องนี้พอแม่ชีใช้ของแพงๆ คนก็จะมองไม่ดี ดังนั้นเราจะไปใช้ทำไม แม่ชีมีเยอะแยะ แต่ก็ไม่เห็นเขาต้องใช้ คือ เราต้องมีพองาม อย่าไปหลงทำจนเสียภาพลักษณ์ของคนดีๆ แม่ชีดีๆ ถ้าหากเสียสละทางโลกแล้ว ก็ต้องอยู่แบบเรียบง่าย เพราะพอเราอยู่ในสายตาคน แล้วเราไปแสดงอะไรที่เกินคนอื่นเขา จะทำให้เสียส่วนรวม และการที่สังคมสะท้อนกลับมาแบบนี้ จะทำให้เขาเห็นว่าคุณทำเช่นนี้ เขารับไม่ได้นะ

“คุณควรจะมีความละอาย เพราะคุณยังต้องพึ่งผู้อื่น จะต้องมองว่าชีวิตเราไม่ใช่ว่าเราหามาด้วยตัวเอง แต่เราต้องอยู่ด้วยศรัทธาของคนอื่น แล้วการที่คุณไปทำแบบนั้น ซึ่งไม่ได้เป็นต้นแบบของความเสียสละ ไม่ได้ปล่อยวางให้คนอื่นเห็น กลายเป็นว่าตัวเองพอกพูนมากกว่าคนอื่น มากกว่าฆราวาส ดังนั้นการที่แม่ชีใช้ของแพงๆ เอง หรือขับรถเอง ก็คงดูไม่ค่อยดี ยังไงชาวพุทธเราก็มองว่าไม่เหมาะสมอยู่ดี”

บวชแล้วรวย?

ตอนนี้ภาพที่ติดตาของคนในโซเชียลเน็ตเวิร์กคงเป็นภาพแม่ชีเชอรี่หิ้วกระเป๋าแบรนด์เนม และขับรถสปอร์ตหรู แม้แม่ชีเชอรี่จะอ้างว่าเป็นของลูกศิษย์ลูกหาให้มา แต่เรื่องนี้ก็สร้างข้อกังขาให้แก่คนจำนวนมากว่า “บวชแล้วรวย ?” หรือ “หากินบนผ้าเหลือง?”

ล่าสุดนายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพรซึ่งเป็นพื้นที่ของวัดแม่ชีเชอรี่นั้นได้แสดงความคิดเห็นถึงเรื่องนี้ว่าการที่แม่ชีควบรถหรู-หิ้วกระเป๋าแบรนด์เนมนั้นอาจไม่ผิด แต่ก็ไม่เหมาะสม เพราะค้านสายตาชาวพุทธ ทั้งจะยังดำเนินการตรวจสอบเรื่องการบริหารจัดการของวัด รวมถึงเรื่องของเงินบริจาคว่ามีการหลอกลวงให้มีการบริจาคเงินหรือไม่ โดยได้สั่งการให้สำนักพระพุทธศาสนาเข้าตรวจสอบแล้ว

เชื่อว่าหลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการตรวจสอบแล้ว สังคมคงจะได้คำตอบที่กระจ่างชัด เพราะตราบใดที่ข้อเท็จจริงยังไม่ปรากฏ ก็คงทำให้คนอดตั้งข้อสังสัยไม่ได้ว่า ชีรวยมาจากไหน?

ทั้งนี้ท่านเจ้าคุณพระประสิทธิสุตคุณ ได้ชี้แจงว่าปกติการบริหารเงินของวัดโดยทั่วไปจะต้องมีขั้นตอนที่โปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ เพื่อป้องกันการทุจริต แต่ทั้งนี้ก็ยอมรับว่ายังมีช่องโหว่งอยู่บ้าง ทำให้บางวัดอาจจะมีบัญชีที่ไม่โปร่งใส

“แต่ละวัดจะมีนโยบายบริหารเงินไม่เหมือนกัน แต่กฎหมายของคณะสงฆ์มีว่า เดือนหนึ่งๆ วัดจะต้องมีบัญชีรายรับรายจ่ายแสดงว่าคุณมีรายรับเท่าไหร่ มีรายจ่ายเท่าไหร่ อย่างกรุงเทพฯ ตอนนี้ แต่ละวัดจะต้องทำบัญชีเสนอ โดยแสดงบัญชีที่มีการเบิกจ่าย ซึ่งอย่างน้อยต้องมีสามมือในการเซ็น คือ เจ้าอาวาส ,พระอีกรูปหนึ่ง และไวยาวัจกร หรือฆราวาสที่แต่งตั้งโดยถูกกฎหมาย ซึ่งปกติจะเป็นคนที่ได้รับการแต่งตั้งให้มาสังกัดวัดนั้นๆ โดยเจ้าอาวาสเป็นผู้แต่งตั้ง หรืออนุมัติมา ต้องบอกว่าบางครั้งเรื่องเงินยังมีช่องโหว่อยู่บ้าง และบางวัดก็ใช่ว่าจะโปร่งใสนัก บางทีอาตมาก็ต้องไปสอบสวนวัดที่มีโยมร้องเรียนมา 

“คือเรามีกฎระเบียบเรื่องเงินอยู่แล้ว แต่ส่วนเขาจะทำหรือไม่ทำ เราก็ไม่รู้ ทุกอย่างอยู่ที่ว่าต้องมีความละอายต่อบาป ถ้าเป็นเงินที่โยมถวายให้ ก็ถือเป็นเงินส่วนตัว แต่ถ้าโยมภาวนาว่าเอาเงินส่วนนี้ไปซ่อมตรงนี้ ก็ต้องเอาเงินมาเข้าบัญชีวัด ไม่ควรเอามาใช้จ่ายส่วนตัว”

นอกจากนั้น ท่านเจ้าคุณพระประสิทธิสุตคุณ ยังกล่าวว่าการที่ญาติโยมถวายของราคาแพงหรือของฟุ้งเฟ้อให้แก่แม่ชีหรือพระสงฆ์นั้น อาจเป็นสาเหตุทำให้เกิด “ลาภสักการะครอบงำ” ได้ ดังนั้นพุทธศาสนิกชนควรพิจารณาให้ดีก่อนว่าสิ่งไหนควรถวายหรือไม่ควรถวาย เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมา ทั้งยังระบุว่านักบวชที่ดีควรจะปล่อยวางและอยู่อย่างสมถะ

“แม่ชีหรือพระสงฆ์ยังไม่ได้สำเร็จพระโสดาบัน ดังนั้นเมื่อมีลาภสักการะมา ก็อาจทำให้บางคนหลงด้วยวัตถุ ลาภสักการะครอบงำ ซึ่งสิ่งเหล่านี้แหละที่ฆ่าพระดีๆ มาเยอะแล้ว รวมถึงแม่ชีด้วย ถ้าหากประพฤติตัวไม่เหมาะสม สักวันหนึ่งก็จะได้รับผลที่เขาทำ คือ คนจะเสื่อมศรัทธา ดังนั้นต้องคิดว่าเรามาถือเพศนักบวช ก็ควรรู้จักปล่อยวาง ต้องละความสวย ละความงาม ละความฟุ้งเฟ้อ อยู่แบบสมถะและสงบ

“เราต้องนึกถึงพระพุทธเจ้า พระองค์เคยเป็นกษัตริย์ที่อยู่อย่างสบาย แต่วันหนึ่งเมื่อมาเป็นนักบวช พระองค์ยังต้องมานอนกลางดิน กินกลางทราย จากที่เคยฉันอาหารอย่างดี ก็ต้องมาฉันอาหารที่วรรณะต่ำสุดทานกัน แต่พระองค์ยังสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างสบายๆ อยู่ยิ่งกว่าสามัญชน นี่คือพระพุทธเจ้า ดังนั้นเราในฐานะนักบวช ก็ต้องทำให้ได้เหมือนกัน” ท่านเจ้าคุณพระประสิทธิสุตคุณ กล่าว

มองต่างมุม คิดแง่บวก

ในขณะที่เสียงส่วนใหญ่มองเรื่องนี้ในแง่ลบนั้น “ท่านเจ้าคุณพระรัตนเมธี” เจ้าอาวาสวัดแก้วฟ้าจุฬามณี กลับมองว่าหากมองในแง่บวกแล้ว เรื่องนี้ก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องผิด โดยระบุว่าหากรู้จักคิดบวก ก็จะทำให้ทุกคนมีความสุข

“อาตมามองว่าเรื่องของแม่ชีเชอรี่เป็นเรื่องปัจเจกบุคคล พระพุทธเจ้าสอนให้มองตัวเอง อย่าไปมองคนอื่นมากนัก ถ้ามองก็มองเป็นแบบอย่าง ถ้าดีก็ทำตาม ถ้าไม่มีก็ไม่ต้องทำตาม เรื่องนี้คนทำอาจจะมีไม่กี่คน แต่ถ้ามาตั้งข้อสงสัยกับคนที่เหลือทั้งหมด ถามว่ามันจะเป็นธรรมกับคนที่เหลือไหม ก็คงไม่ใช่

“ของที่จะถวายพระ หรือถวายชีก็ตาม ถ้าเป็นของที่เขาใช้ได้ก็ควรถวาย ถ้าเขาใช้ไม่ได้ ก็ไม่ต้องถวาย มีเท่านี้แหละ ไม่อยากให้โฟกัสว่าต้องทำทุกอย่างเป็นขั้นตอน 1-2-3 หากคนซื้อเขามีศรัทธาถวาย มันจะกลายเป็นเรื่องฟุ้งเฟ้อตรงไหน เมื่อให้ก็ใช้ตามที่เขาให้ สนองศรัทธาเท่านั้นเองก็จบ คือ อาตมาอยากให้ทุกคนมองแง่ที่เป็นบวก แล้วเราจะมีความสุข แต่ถ้าเมื่อไหร่เรามองแง่ลบ ทุกคนจะมีความทุกข์หมด”

ส่วนประเด็นที่แม่ชีเชอรี่ถูกวิจารณ์ว่าเป็นผู้จัดการในกิจของสงฆ์หลายอย่าง เช่น เป็นผู้ตัดสินใจในการอนุญาต หรือไม่อนุญาตผู้ที่จะมาเข้าพิธีบวชพระ จนหลายคนมองว่าก้าวก่ายกิจของสงฆ์นั้น ท่านเจ้าคุณพระรัตนเมธีแสดงความเห็นว่า

“เรื่องสกรีนคนบวชหรือไม่บวช ความจริงเป็นหน้าที่ของพระอุปัชฌาย์ที่จะพิจารณาว่าใครควรบวชหรือไม่ควรบวช ไม่ใช่แม่ชี แต่การที่แม่ชีมาช่วย อาจมีข้อดีตรงที่พระอุปัชฌาย์อาจไม่รู้จักคนนั้น แต่แม่ชีรู้จัก ก็เลยช่วยกันสกรีน ถ้าหากช่วยกันอย่างนี้ อาตมาก็คิดว่าเป็นเรื่องที่ดี ดังนั้นเราอย่ามัวไปเพ่งเล็งเขาดีกว่า”


เรื่องโดย ASTV ผู้จัดการ Live

ขอบคุณภาพประกอบจากเว็บไซต์พันทิพด็อทคอม




ตามมา Follow Instagram และ Facebook Fanpage
"ASTV ผู้จัดการ Live" กันได้ที่นี่!!
**สามารถส่งข่าวสารและเรื่องราวร้องทุกข์ในสังคมมาได้: astvmanager.live.lite@gmail.com
หรือ โทร.0-2629-4488 ต่อ 1477, Fax 0-2629-4754


สังเกตว่าแม่ชีเชอรี่มักใช้กระเป๋าสะพายแบรนด์เนม






ชาวเน็ตตั้งข้อสงสัยว่าทำไมแม่ชีเชอรี่ได้สิทธินั่งในที่พิเศษมากกว่าพระสงฆ์หรือแม่ชีรูปอื่นๆ
ภาพที่แม่ชีเชอรี่ขับรถสปอร์ต จนกลายเป็นกระแสวิจารณ์ว่าไม่เหมาะสม


กำลังโหลดความคิดเห็น