xs
xsm
sm
md
lg

(ชมคลิป) วิน – วิน คสช. เคลียร์!!! ปัญหามอเตอร์ไซค์รับจ้าง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ขอปรบมือดังๆ กับความเอาจริงเอาจริงของ คสช. ที่ทำให้คนไทยเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีของปัญหาต่างๆ ที่คั่งค้างในสังคมมานาน หนึ่งปัญหาของคนเมือง 'วินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง' ขนส่งสาธารณะที่หลายคนเห็นพ้องในทำนองเดียวกันว่าน่าหวาดเสียวและเสี่ยงอันตรายที่สุด

แม้เป็นการปรับแก้ทีละเล็กทีละน้อย แต่ประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนก็ได้เห็นความเปลี่ยนแปลง อย่างเช่น ป้ายบอกราคาค่าโดยสารในแต่ละเส้นทาง ที่ทุกวินในย่านกรุงเทพฯ ให้ความร่วมมือกับทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ติดประกาศโดยทั่วกัน

อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าปัญหาของวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างนั้นคาราคาซังมานาน ทั้งในเรื่องระเบียบวินัยการขับขี่ ขับเร็ว ขับปาด ขับเบียด, การโกงค่าโดยสาร, มารยาทต่อผู้โดยสาร, ไม่มีหมวกกันน็อกสำหรับผู้โดยสาร ฯลฯ ล้วนเป็นประสบการณ์แย่ๆ ที่ประชาชนค่อนประเทศพบเจอในลักษณะไม่แตกต่างกันเท่าไหร่นัก จนสำนักข่าวต่างประเทศชื่อดัง CNN ประโคมข่าวในทำนองว่า การนั่งวินมอไซค์ในประเทศไทย เป็น1 ใน 50 กิจกรรมเสี่ยงตายของโลก

ฮีโร่! ปราบวินเถื่อน-นอกรีต
สำหรับการจัดระเบียบการจัดระเบียบจักรยานยนต์รับจ้าง ของทาง คสช. นั้น แบ่งเป็น 3 ระยะ ในระยะแรก จัดระเบียบในเรื่องอัตราค่าโดยสารที่เป็นธรรม ห้ามขับขี่และจอดกีดขวางทางเดินเท้า หรือพิจารณาให้จอดบนทางเท้าได้เฉพาะชั่วโมงเร่งด่วน จัดให้มีการอบรมให้ผู้ขับขี่ปฏิบัติหน้าที่อย่างถูกต้องตามกฎหมาย กวดขันในเรื่องวินัยจราจร บริการด้วยความสุภาพ และกำจัดผู้มีอิทธิพลที่จ้องแสวงหาประโยชน์

ส่วนระยะที่สอง จะแก้ไขปัญหาภายใต้กรอบกฎหมายโดยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงทะเบียนวินเพิ่มเติมเพื่อลดปัญหาวินเถื่อนซึ่งขณะนี้มีวินเถื่อนอยู่ประมาณ 500 วิน และ ระยะที่สาม จะเร่งแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน ทุกวินที่วิ่งรับจ้างจะต้องมีการจดทะเบียนให้ถูกต้องทั้งหมด ซึ่งจะเร่งดำเนินการให้เสร็จภายในเดือนสิงหาคม 2557

“ดีเหมือนกันนะคะ เพราะว่ารู้สึกว่าทุกวันนี้มันไม่ค่อยเป็นระเบียบ” ณัฏฐาภรณ์ จารภัทร์ พนักงานบริษัทเอกชน แสดงทัศนะต่อกรณีที่ คสช. เข้ามาจัดระเบียบมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ในฐานะผู้โดยสารมีประสบการณ์แย่ๆ กับผู้ขับขี่รถจำพวกนี้ไม่น้อย

“เยอะเลยนะ” เธอพูดขึ้นสั้นๆ ก่อนจะเล่าถึงเหตุการณ์แย่ๆ ที่พบเจอมา

“อย่างเราใช้มอเตอร์ไซค์รับจ้างทุกวัน นั่งมอเตอร์ไซค์มาทำงานทุกวัน ก็จะเจอหลายรูปแบบ ที่แย่สุดก็จะเจอ.. บางทีเมา เรานั่งซ้อนเขาเราก็จะได้กลิ่นเหล้า แล้วเขาก็ขับไม่โอเค ขับเร็ว ขับไม่มีสติ มีคันที่นั่งแล้วขับน่ากลัวปาดหน้ารถคันอื่นเหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าเขาต้องทำเวลาหรือเปล่านะ ซอกแซกไปเรื่อย”

ณัฏฐาภรณ์ เปิดเผยถึงสิ่งที่อยากให้บรรดาผู้ประกอบวิชาชีพมอเตอร์ไซค์รับจ้างปรับเปลี่ยน เรื่องแรกคือมารยาทในการขับขี่ เรื่องที่สองการแต่งกายความสะอาดของผู้ขับขี่ เรื่องที่สามอัตราค่าโดยสารที่ไม่เอารัดเอาเปรียบ และเรื่องสุดท้าย คือความสะอาดของหมวกกันน็อกที่จัดเตรียมไว้สำหรับผู้โดยสารเพื่อความปลอดภัยขณะเดินทาง ซึ่งในประเด็นนี้ เธอยอมรับว่าหลายๆ ครั้งเลี่ยงที่จะไม่ใส่หมวกกันน็อก หากไม่เจอตำรวจ หรือจำเป็นต้องโดยสารในระยะทางไกล เพราะหมวกกันน็อกนั้นสกปรกเอาเสียมากๆ

“บางทีเขาให้ เราก็ถือไว้ หมวกมันไม่ไหว บางทีคือแบบเรารับมาข้างในมันขึ้นรา ชื้นๆ เปียกๆ เราอกจากบ้านมาสระผมหอมๆ เราจะใส่ก็ยังไงอยู่ เราก็จะเลี่ยงไม่ใส่ แต่บางทีเจอตำรวจเขารู้ว่าเราไม่ใส่เขาก็จะบอกเรานะว่ามีตำรวจก็ต้องใส่ เราก็จะฟอร์มสวมๆ ”

อย่างไรก็ตาม เธอให้ข้อคิดว่าในการนั่งมอเตอร์ไซค์ทุกครั้งจะระมัดระวังตัวเองเสมอ ถึงบางครั้งไม่ได้สวมใส่หมวกกันน็อก แต่จะคอยมองดูเส้นทางหากเหตุไม่คาดฝันขึ้นจะได้เอาตัวรอดได้

ปัญหาของผู้โดยสารนั้นไม่ต่างกัน ปิยรัตน์ บัวลอย เจ้าของร้านกาแฟสด เล่าถึงประสบการณ์แย่ๆ ในเรื่องการถูกโกงราคาค่าโดยสาร

“การที่มีการจัดระเบียบมากขึ้นเกี่ยวกับอัตราค่าบริการ รู้สึกว่าดีมาก เพราะว่าปกติเวลาเรียกมอเตอร์ไซค์บางทีเราก็รู้เรตราคาว่าอย่างไร บางทีเขาก็ 100 บาท บางทีก็ 150 บาท ไม่รู้ว่าอย่างไร แต่มันเป็นช่วงเวลที่เร่งด่วนจริงๆ เราก็ต้องยอม ซึ่งตอนนี้มีการเข้ามาจัดระเบียบ เราเองในฐานะผู้โดยสารก็ได้รับผลประโยชน์ที่ดีขึ้น ยุติธรรมกับเรา”

ซึ่งสิ่งที่เธออยากให้มีการปรับเปลี่ยนอีกอย่างคือเรื่องความประพฤติของผู้ขับขี่ เพราะบางครั้งทั้งทียังมีกลิ่นเหล้าหึ่งแต่ก็มารับส่งผู้โดยสาร ซึ่งเป็นเรื่องที่อันตรายมาก

“บางคนมีกลิ่นเหล้า อยากให้ให้มีการตรวจสภาพคนขับว่าพร้อมมั้ย อยากให้เช็คสภาพตัวเองว่าพร้อบขับขี่ไหม เหมือนเราฝากชีวิตไว้กับเขา”

ถึงจะเป็นการโดยสารที่ค่อนข้างเสี่ยง แต่ชีวิตคนเมืองก็เลี่ยงไม่ได้ อย่างไรก็ตามเธอเลือกจะสวมใสหมวกกันน็อกทุกครั้งเพื่อความปลอดภัย

“มันก็เสี่ยงนะ เหมือนถ้ามันเร่งด่วนจริงๆ ดูการจราจรของไทยมันก็ต้องใช้ ต้องยอมเสี่ยง กล้าๆ กลัวๆ แต่มันก็ต้องใช้ ถ้าเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ ก็น่าจะลดอัตราเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุได้นะ”

กานต์ สุคนธพันธุ์ นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยบูรพา บอกว่าเป็นเรื่องที่ดีที่ คสช. เข้ามาจัดระเบียบ โดยเฉพาะการเข้ามากำกับดูแลในเรื่ออัตราค่าโดยสาร นั้นเป็นประโยชน์ต่อผู้โดยมากจะได้ไม่โดนหลอกกันง่ายๆ ซึ่งเขาเองก็มีประสบการณ์แย่ๆ ในเรื่องการโดนโกงราคาบ่อยครั้ง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ต้องยอมจ่ายเงินเพื่อให้จบๆ กันไป

เขายอมรับว่าการนั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างในบ้านเรานั้นค่อนข้างอันตราย โดยเฉพาะการขับขี่บนถนนใหญ่ จึงขอฝากถึงผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้างในเรื่องความรับผิดชอบต่อส่วนรวม และความไม่ประมาท

ฝรั่งเขาแซว.. พี่วินว่าไง?
ประสบการณ์ไม่สู้ดีที่มีต่อการใช้บริการมอเตอร์ไซค์รับจ้างในประเทศไทย ดูเหมือนจะถูกต่างชาตินำไปกล่าวขานในทำนองลบเช่นกัน ล่าสุด สำนักข่าวต่างประเทศชื่อดัง CNN จัดอันดับ 50 กิจกรรมเสี่ยงตายในโลกขึ้นมา โดยจัดทำโพลสำหรับกลุ่มคนที่ชอบความท้าทาย 50 กิจกรรมอันตรายเสี่ยง (50 ways to be a daredevil) โดยรวบรวมมาจากทั่วโลก เปิดเผยข้อมูลเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และการนั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างในประเทศไทย ก็ติด 1 ใน 50 กิจกรรมเสี่ยงตายกับเขาด้วย

CNN รายงานว่า "การนั่งมอเตอร์ไซค์วินในประเทศไทยเป็นกิจกรรมที่คนชอบความเสี่ยงต้องมาลองกัน เพราะมันไม่ใช่แต่การโดยสารรถธรรมดาๆ แต่การนั่งไปบนยานพาหนะ 2 ล้อในเมืองไทยคือการผจญภัยโดยแท้ อย่างในจังหวัดกระบี่ หรือ กรุงเทพฯ พาหนะสองล้อนี้จะนำเหล่านักท่องเที่ยวและผู้บรรดาผู้โดยสาร ซอกแซกลัดเลาะไปบนถนนด้วยความเร็วสูง โดยมีรถรารอบข้างอยู่ห่างจากคุณแค่ไม่กี่นิ้วเท่านั้นเอง"

ก็ไม่รู้ว่าการจัดอันดับกิจกรรมเสี่ยงอะไรเทือกนี้จะเป็นที่น่ายินดีปรีดาของคนไทยหรือเปล่า ทีมข่าว Astv ผู้จัดการ Live ลงพื้นที่ย่านฝั่งธนบุรี พูดคุยกับวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างในประเด็นการเข้ามาจัดการ พนม หมื่นตรา มอเตอร์ไซค์รับจ้างวินสายใต้ใหม่ ตลิ่งชัน แสดงทัศนะเรื่องการพฤติกรรมการขับขี่ของมอเตอร์ไซค์รับจ้างจำนวนหนึ่งที่สร้างความเดือดร้อนแก่ผู้โดย ต้องเข้าใจและยอมรับเป็นเรื่องของผู้ขับขี่รายบุคคล ไม่สามารถเหมาร่วมได้ทั้งหมดว่ามอเตอร์ไซค์รับจ้างในประเทศไทยเป็นอย่างนั้นไปเสียหมด

วินมอเตอร์ไซค์ สายใต้ใหม่ฯ ที่นี่มีการจัดการอย่างเป็นระบบระเบียบ มีป้ายบอกอัตราค่าโดยสารชัดเจนก่อนที่ทาง คสช. จะเข้ามาจัดการดูแลเสียด้วยซ้ำ พนม เล่าว่าตนขับขี่อย่างมีความรับผิดชอบ ทั้งกับผู้โดยสาร ผู้ร่วมใช้รถใช้ถนน และเพื่อนร่วมวิชาชีพ เป็นต้นว่า ขับขี่ถูกกฎจราจร ไม่ขับรถเร็วน่าหวาดเสียว หรือถ้าผู้โดยสารให้ไปส่งในระยะทางไกลจะตกลงเรื่องค่าโดยสารกันให้เรียบร้อย ที่สำคัญเรื่องความปลอดภัยทั้งตนเองและผู้โดยสารจะมีหมวกกันน็อกสำหรับสวมใสทุกครั้งแบงค์

สำหรับการเข้ามาดูแลของทาง คสช. เขาเปิดใจว่า เป็นเรื่องที่ดีเพราะจะได้จัดการให้เป็นระเบียบเรียบร้อย อยากให้จัดการเรื่องวินเถื่อนที่สวมสิทธิ์มาแย่งผู้โดยสารของวินที่ขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องให้หมดสิ้น

ในส่วนของการกำหนดอัตราค่าโดยสาร พนม บอกว่าเป็นตัวเลขที่ยุติธรรมทั้งกับผู้ขับขี่แลผู้โดยสาร

เช่นเดียวกับ มณเฑียร คงนุช มอเตอร์ไซค์รับจ้าง วินทางเข้าพาต้า ปิ่นเกล้า ที่เห็นด้วยว่าพฤติกรรมการขับขี่ของมอเตอร์ไซค์รับจ้างแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน อย่างตนเองขับวินฯ มา 30 ปี ไม่เคยเกิดอุบัติเหตุ หรือทำให้ผู้โดยสารบาดเจ็บเลย

“ไม่จริงๆ ครับ ไม่จริง ไม่อย่างนั้นพวกผมก็ตายหมดแล้วสิครับ” มณเฑียร ย้อนแย้งในประเด็นที่สื่อดังจัดอันดับให้การนั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้าง เป็น 1 ใน 50 กิจกรรมเสี่ยงตาย ซึ่งตรงนี้ต้องมองเป็นเรื่องพฤติกรรมการขับขี่ส่วนบุคคล

อย่างไรก็ตาม ปัญหาเรื่องวินเถื่อนนั้นเป็นปัญหาคาราคาซังที่ไม่เคยได้รับการปราบปรามอย่างจริงจัง การเข้ามาจัดระเบียบมอเตอร์ไซค์รับจ้างของทาง คสช. จึงถือเป็นข่าวดีสำหรับวินมอเตอร์ไซค์ที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย

“ดี อยากให้เขาจัดการเป็นระเบียบดี เพราะวินที่อื่นมาวิ่ง ทำให้เราเสียรายได้ด้วย ช่วงชุมนุมมีเยอะ แต่ช่วงนี้ไม่ค่อยมีแล้ว พวกวินเถื่อนบางทีสมมุติให้แบงก์ร้อย หรือแบงก์ห้าร้อยไป ก็ขับหนี ก็ไปเลย เขาไม่ทอนตังค์ แต่อย่างเราตรวจสอบได้”

…...........................
เรื่องโดย ทีมข่าว Astv ผู้จัดการ Live



ตามมา Follow Instagram และ Facebook Fanpage
"ASTV ผู้จัดการ Live" กันได้ที่นี่!!
**สามารถส่งข่าวสารและเรื่องราวร้องทุกข์ในสังคมมาได้: astvmanager.live.lite@gmail.com
หรือ โทร.0-2629-4488 ต่อ 1477, Fax 0-2629-4754


///////////////////////////////
พนม หมื่นตรา มอเตอร์ไซค์รับจ้างวินสายใต้ใหม่ ตลิ่งชัน
มณเฑียร คงนุช มอเตอร์ไซค์รับจ้าง วินทางเข้าพาต้า ปิ่นเกล้า




ใบขับขี่รถสาธารณะ

กำลังโหลดความคิดเห็น