1 มิ.ย. ดีเดย์ใช้ระเบียบการสอบใบขับขี่แบบใหม่ ยากขึ้นกว่าเดิม!!!
พิสูจน์จากกระแสข่าวที่ผ่านมา ผู้ขับขี่หน้าใหม่รวมถึงหน้าเก่าต่างแห่ทำใบขับขี่ ก่อนที่กรมการขนส่งทางบกจะทำการเปลี่ยนระเบียบการสอบใหม่ โดยในการสอบภาคทฤษฎีจะเพิ่มข้อสอบจาก 30 ข้อ เป็น 50ข้อ และผู้สอบจะต้องทำคะแนนไม่ต่ำว่า 45 คะแนน ถึงจะสอบผ่านเกณฑ์
โดยได้รับการเปิดเผยว่า การเพิ่มความเข้มในส่วนเนื้อหานั้นจะช่วยสร้างสำนึกที่ดีในการขับขี่ ทั้งสร้างทักษะการขับขี่ รวมไปถึงลดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้
ทฤษฎีลดอุบัติเหตุบนถนน?
การปรับหลักสูตรการอบรมและทดสอบเพื่อขอรับใบอนุญาตขับรถ ทางกรมการขนส่งทางบก จะเพิ่มเนื้อหาเพิ่มทักษะการขับรถที่ปลอดภัยและเพิ่มเกณฑ์ผ่านการทดสอบ โดยอบรม 4 ชั่วโมงเหมือนเดิม แต่ในการสอบภาคทฤษฎีจะทำการเพิ่มจำนวนข้อสอบเป็น 50 ข้อ (จากเดิม 30 ข้อเท่านั้น และต้องทำได้ 23 ข้อ จึงผ่านเกณฑ์ฯ)
ในส่วนของข้อสอบแบบใหม่ที่นำมาใช้นั้นมีจำนวนทั้งสิ้น 1,000 ข้อ โดยจะทำการหมุนเวียนสอบในแต่ละรอบจำนวนครั้งละ 50 ข้อ (ต้องทำคะแนนได้ 45 ข้อ ถึงจะผ่านเกณฑ์ฯ)
ทั้งนี้ มีการเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ของกรมขนส่งทางบก ให้ประชาชนได้ศึกษาก่อนเข้ารับการสอบ โดยเนื้อหาของข้อสอบนั้นไม่ต่างไปจากเดิมมากนัก เช่น สัญญาณไฟจราจร, สัญลักษณ์จราจร, ระเบียบการขับขี่ ฯลฯ ซึ่งผู้สอบจะมีความกดดันในเรื่องการจดจำข้อมูลเพื่อทำการสอบ ตรงนี้เองจะให้ผู้ขับขี่ตระหนักถึงวินัยจราจรมากขึ้น
ข้อมูลจาก เว็บไซต์ Live Science ช่วงเดือน ก.พ. 57 เปิดเผยอันดับประเทศที่มีคนเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนมากที่สุดในโลก พบว่า ประเทศไทยครองอันดับ 2 ซึ่งสะท้อนถึงปัญหาอุบัติเหตุบนท้องถนนที่ควรแก้ไข
อัฌษไธค์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยผ่านสื่อมวลชนว่า จากสถิติการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนพบว่าสาเหตุสำคัญของอุบัติเหตุทางถนนยังคงเกิดจากการขาดวินัยและสำนึกที่ดีในการขับขี่ รวมถึงการขาดความระมัดระวังในการใช้รถใช้ถนนและความรอบรู้ในการขับรถอย่างปลอดภัยในสถานการณ์ต่างๆ ด้วยเหตุนี้เอง กรมการขนส่งทางบกจึงได้พัฒนาหลักสูตรการอบรมเพื่อขอรับใบอนุญาตขับรถยนต์ให้มีความรู้ความเข้าใจในการขับขี่ที่ปลอดภัยอย่างแท้จริง ปรับปรุงเนื้อหาหลักสูตรให้ครอบคลุมถึงการขับรถอย่างปลอดภัยในสถานการณ์ต่างๆ
เท่ากับว่า ผู้ที่กำลังจะไปสอบใบขับขี่รถยนต์ต้องผ่านการทดสอบานข้อสอบเขียนจากเดิม 75 เปอร์เซ็นต์ มาเป็น 90 เปอร์เซ็นต์ หรือมีโอกาสทำผิดได้เพียง 5 ข้อเท่านั้น
แหม..เสียดายจัง อีกนิดเดียว!
ทีมข่าว Astv ผู้จัดการ Live เดินทางไปยัง สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 2 กรมการขนส่งทางบก พบว่า วันแรกของการเปลี่ยนระเบียบการสอบใหม่ มีประชาชนมาเข้าคิวหนาแน่นไม่ต่างจากวันก่อนหน้าที่จะมีการปรับระเบียบการสอบ มีทั้งผู้ที่มาสอบใบขั้บขี่ใหม่ ต่ออายุใบขับขี่ และอีกจำนวนไม่น้อยที่มาทำการสอบซ้อมทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ
ยกตัวอย่างข้อสอบ
1.ขณะขับรถตรวจพบแอลกอฮอล์ในร่างกายเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดมีโทษอย่างไร
ก. จำคุกไม่เกิน 3 เดือนหรือปรับตั้งแต่ 1,000 ถึง 50,000 บาท
ข. จำคุกไม่เกิน 1 ปีหรือปรับตั้งแต่ 5,000 ถึง 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ค. ปรับไม่เกิน 5,000 บาท
ง. ปรับไม่เกิน 10,000 บาท
2. เมื่อผู้ขับขี่ขับรถเสียหลักบนถนนเปียกลื่น ควรปฏิบัติอย่างไร
ก. เหยียบเบรกทันที แล้วค่อยๆ ออกตัวเร่งความเร็วใหม่
ข. ถอนคันเร่ง เหยียบเบรกเพื่อใช้เกียร์ต่ำ
ค. ถอนคันเร่ง จับพวงมาลัยให้มั่นประคองรถต่อไป
ง. ตั้งสติให้มั่น จับพวงมาลัยให้ดี เร่งความเร็วหนีให้พ้นไป
ซึ่งการสอบภาคทฤษฎีสามารถสอบได้ 2 ครั้ง ภายใน 1 วัน คือถ้าสอบครั้งแรกคะแนนไม่ถึงเกณฑ์ สามารถสอบแก้ได้ตัวไดีอีก 1 ครั้ง แต่ถ้าสอบไม่ผ่านทั้ง 2 ครั้ง ทางเจ้าหน้าที่จะนัดมาสอบในวันถัดไป
“ยากครับ” เด็กหนุ่มตอบอย่างไม่ลังเล เมธี เกษปทุม นักศึกษา ระดับ ปวช. ปีที่ 3 บอกว่า วันนี้มาสอบใบขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ ซึ่งเจ้าหน้าที่นัดวันสอบในวันที่ 1 มิ.ย. ประจวบเหมาะเป็นดีเดย์เปลี่ยนระเบียบการสอบใหม่พอดี
เขาเล่าต่อว่า เบื้องต้นเตรียมตัวโดยการอ่านหนังสือที่ทางเจ้าหน้าที่บอก ทีมข่าวฯ ถามต่อว่า สอบผ่านไหม
“ไม่ผ่านครับ ต้องมาสอบใหม่วันพรุ่งนี้” เมธี กล่าวเสริมว่า สอบครั้งแรกได้ 41 คะแนน และครั้งที่สอง (แก้ตัว) ได้ 39 คะแนน
อย่างไรก็ตาม การสอบแก้ตัวในวันถัดไป เมธี ยอมรับรู้สึกไม่มั่นใจ เพราะข้อสอบก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ยกตัวอย่างข้อที่ตอบผิด คำถามเรื่องทางเอกทางโท ฯลฯ
ในประเด็น การเพิ่มจำนวนข้อสอบจะกระตุ้นวินัยปลูกจิตสำนึกในการขับขี่ได้หรือเปล่านั้น เด็กหนุ่มให้ความเห็นว่า “ไม่ได้หรอกครับ อยู่ที่คนขับมากกว่า ขับขี่ดีหรือเปล่า ถ้าขับขี่ดีก็ไม่เกินอุบัติเหตุ”
ธนวินท์ เหขุนทด อาชีพรับจ้างทั่วไป หนึ่งในผู้เข้าสอบใบขับขี่วันดีเดย์ เปิดเผยว่า วันนี้ตนมาสอบใบขับขี่เช่นกัน และรู้สึกเสียดายที่คะแนนไม่ผ่าน
“ไม่ผ่าน ขาด 2 ข้อ รอบแรกได้ 42 อีกรอบได้ 43”
อย่างไรก็ตาม เขาเปิดเผยว่ารู้สึกมั่นใจว่าทำข้อสอบได้ แต่สุดท้ายกลับขาดไปไม่กี่คะแนน แต่ก็ยอมรับในระเบียบใหม่เพราะเชื่อว่าจะเพิ่มคุณภาพผู้ขับขี่มือใหม่ได้ ดังที่ที่เจ้าหน้าที่ฯ แจ้งในขณะอบรมว่าการสอบจะสร้างคุณภาพของผู้ขับขี่ได้มากขึ้น และตนก็ได้รับความรู้มากขึ้นด้วย
“สอบยากๆ คนจะได้ใส่ใจกันมากขึ้น แต่ผมว่ามันก็ช่วยได้แต่ไม่มากหรอกครับ มันอยู่ที่จิตสำนึกของคนขับขี่”
ต่างจาก สรรเพชญ์ คลายมนต์ อาชีพค้าขาย เดินทางมาต่ออายุใบขับขี่ เปิดเผยว่าข้อสอบไม่ยากอย่างที่คิด
“ไม่ยากเท่าไหร่ครับ เพราะว่ามันให้ผิดน้อยลง เพิ่มข้อสอบขึ้นแต่ให้ผิดน้อยลง”
การสอบครั้งนี้เขาได้ 45 คะแนน ผ่านการสอบอย่างเฉียดฉิว และไม่ได้อ่านหรือเตรียมตัวมาก่อน อาศัยความตั้งใจฟังเจ้าหน้าที่ฯ บรรยายให้ข้อความความรู้ในการอบรมบวกกับทักษะที่ใช้รถใช้ถนนอยู่ประจำ
สร้างวินัยกระตุ้นสำนึกดีกว่า
รศ.ดร. วิโรจน์ ศรีสุรภานนท์ อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี อธิบายแนวคิดการเพิ่มจำนวนข้อสอบเป็น 50 ข้อ ในการสอบภาคทฤษฎีของการขอใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ เพื่อสร้างจิตสำนึกในการขับขี่หวังลดการเกิดอุบัติบนท้องถนน
“จริงๆ มันมีหลายส่วน มันไม่ใช่เฉพาะข้อสอบ ตัวข้อสอบจะรู้ในเรื่องของกติกาเท่านั้นเองว่าเป็นอย่างไร มันก็มีส่วนช่วยได้ แต่ผมไม่เชื่อว่ามันจะสามารถช่วยได้มาก”
รศ.ดร. วิโรจน์ มองว่า นอกจากการเน้นหนักในเรื่องการสอบผ่านภาคทฤษฎี 50 ข้อ ต้องได้คะแนนไม่ต่ำกว่า 45 ข้อ ในเรื่องการเรียนการสอนขับรถยังมีส่วนที่เกี่ยวเนื่องกับพฤติกรรมการขับขี่รถยนต์ด้วย ยกตัวอย่าง เรียนกับโรงเรียนสอนขับรถยนต์ทั่วไป ทักษะความรู้ก็อยู่ที่ครูผู้สอนว่าจะป้อนอะไรให้ บางทีสอนให้ขับได้แต่ไม่สามารถขับรถเป็นก็จะกลายเป็นปัญหาตามมา บางคนครอบครัวสอน บางคนจ้างแท๊กซี่สอนก็มี ตรงนี้แหละเมื่อเกิดการจดจำแล้วพฤติกรรมการขับขี่จะเริ่มต้นขึ้น
กรมการขนส่งฯ เข้มงวดในเรื่องคะแนนสอบผ่านที่ 45 คะแนน จากคะแนนเต็ม 50 คะแนน ทฤษฎีตรงนี้อาจได้รับการจดจำเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ไม่แน่ว่า นำผู้ขับขี่ที่สอบใบขับขี่ผ่านแล้วมาทดลองสอบก็อาจสอบตกได้
สิ่งที่ควรเน้นย้ำให้ผู้ขับขี่รถยนต์ตระหนักคือเรื่องระเบียบวินัยในการขับขี่ เน้นเรื่องปลูกฝังวินัย การเรียน และการอบรม อ้างอิงจากข้อมูลข้างต้น เว็บไซต์ Live Science เปิดเผยว่า ประเทศไทยครองอันดับ 2 ประเทศที่มีคนเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนมากที่สุดในโลก รศ.ดร. วิโรจน์ แสดงทัศนะว่า นั้นเป็นเพราะความไม่เอาจริงเอาจัง โดยเฉพาะฝ่ายรักษากฎหมายซึ่งเป็นปัญหาเรื้อรัง เช่น มีผู้ขับขี่กระทำผิด แต่สุดท้ายก็รอดเพราะเจ้าหน้าที่รับเงินใต้โต๊ะ หรืออย่าง ในที่ห้ามจอดก็มีผู้ฝ่าฝืนเพราะคิดว่าแปบเดียวไม่เป็นไร ก็ส่งผลให้รถติด ฯลฯ
การสอบในภาทฤษฎีเพียงอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอที่จะสร้างหรืพฤติกรรมการขับขี่ปลอดภัยได้ มันต้องใช้องค์ประกอบอย่างอื่นเข้ามาช่วยกัน รศ.ดร. วิโรจน์ แสดงทัศนะว่า ควรมีการตั้งโรงเรียนเปิดทำการเรียนการสอนขับขี่รถยนต์อย่างเป็นกิจจะลักษณะอย่างในต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น ฯลฯ น่าเป็นแนวคิดหนึ่งที่มีส่วนช่วยลดสถิตการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้
“อุบัติเหตุบนท้องถนนมันเป็นเรื่องใหญ่ของสังคมไทย ถ้าจะปรับเปลี่ยน ต้องเอาจริงฝ่ายรักษากฎหมายต้องเอาจริง ไม่งั้นมันเหมือนทำเล่นๆ กัน ไม่เป็นไรทำผิดแล้วไม่เป็นไร”
…............................
เรื่องโดย ทีมข่าว Astv ผู้จัดการ Live
//////////////////////////////
ตามมา Follow Instagram และ Facebook Fanpage ของ "ASTV ผู้จัดการ Live" กันได้ที่นี่!!